พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
บทที่ 6 หนึ่งปีสู่ความสมบูรณ์ของขั้นหลอมเลือด!
เจียงฮ่าวเริ่มฝึกหมัดพยัคฆ์อย่างจริงจัง เขาฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่าสิบรอบ แม้ว่าท่วงท่าจะถูกต้องตามแบบ แต่พลังที่ออกมานั้นเทียบไม่ได้กับพลังหมัดของอาจารย์จ้าวเฮยถ่าเลยแม้แต่น้อย
เจียงฮ่าวจึงอดไม่ได้ที่จะถาม "ท่านอาจารย์ ทำไมข้าถึงปล่อยพลังออกมาเหมือนท่านอาจารย์ไม่ได้หรือขอรับ?"
จ้าวเฮยถ่าได้ยินคำถามนี้จึงยิ้มออกมา
"ฮ่าๆๆ พลังที่แตกต่างกันนั้นยากที่จะอธิบายเพราะมันเป็นเรื่องของระดับพลัง"
"ถ้าอยากให้พลังออกมามีเสียงดังเหมือนกับข้า เจ้าจะต้องฝึกจนให้เกิดพลังภายใน นั่นหมายความว่าเจ้าต้องทะลวงไปถึงขั้นพลังภายในก่อนถึงจะทำแบบนั้นได้"
"พลังภายในงั้นหรือ?"
เจียงฮ่าวครุ่นคิด เขาในตอนนี้อยู่ในขั้นหลอมเลือดและจะต้องทะลวงผ่านขั้นนี้ไปก่อนจึงจะไปถึงขั้นพลังภายในได้
"แต่ว่าหมัดพยัคฆ์นั้นมีบางอย่างพิเศษอยู่ ถ้าเจ้าฝึกหมัดพยัคฆ์จนไปถึงขั้นสมบูรณ์และเข้าใจแก่นแท้ของมันเพื่อใช้ท่าไม้ตายออกมา ก็จะได้พลังที่คล้ายกับพลังภายในเช่นกัน"
"ท่าไม้ตายหรือขอรับ?"
"วิทยายุทธนั้นแบ่งตามความชำนาญซึ่งเริ่มจากขั้นเริ่มต้น ขั้นเชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญเล็กน้อย เชี่ยวชาญขั้นสูงและสมบูรณ์แบบ วิทยายุทธบางอย่างที่มีความซับซ้อนมักจะมีท่าไม้ตายซ่อนอยู่ แต่จะต้องฝึกจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบถึงจะเข้าใจและใช้ท่าไม้ตายนั้นได้"
"ท่าไม้ตายนั้นทรงพลังมาก ถ้าหากใช้เป็นมันอาจจะสามารถเอาชนะคนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าได้ แต่การฝึกวิทยายุทธให้ไปถึงขั้นสมบูรณ์แบบนั้นยากมากและต้องฝึกฝนเป็นเวลานานหลายปีเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง จึงจะทำได้"
"แม้แต่ข้าที่ฝึกหมัดพยัคฆ์มาห้าสิบปีแล้วก็ยังไปไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบเลยด้วยซ้ำ"
เจียงฮ่าวรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก วิทยายุทธที่สมบูรณ์แบบนั้นยากขนาดนั้นเลยหรือถึงได้ฝึกมาห้าสิบปีแล้วยังไปไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้?
เจียงฮ่าวรู้อาจารย์นั้นเก่งมาก นอกจากนี้วิชาหมัดพยัคฆ์ก็น่าจะเป็นวิทยายุทธขั้นพื้นฐานและไม่น่าจะยากอะไร เพราะคนที่อยู่ในขั้นหลอมเลือดก็ยังฝึกได้
แต่ถึงจะเป็นวิทยายุทธพื้นฐานที่ไม่ยาก แต่อาจารย์จ้าวเฮยถ่าที่ฝึกมาหลายสิบปีก็ยังทำให้มันไปถึงขั้นสมบูรณ์แบบไม่ได้..
"เจ้าคงคิดว่าวิชาหมัดพยัคฆ์นี้ง่ายสินะ? เจ้าลองฝึกดูเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง ขั้นเริ่มต้นจนไปถึงขั้นเชี่ยวชาญนั้นค่อนข้างง่ายแต่ว่าเจ้าคงต้องใช้เวลาสักหน่อยถึงจะไปถึงขั้นเชี่ยวชาญได้"
"แต่ยิ่งฝึกไปมันก็ยิ่งยากขึ้น โดยเฉพาะขั้นเชี่ยวชาญขั้นกลางจนถึงเชี่ยวชาญขั้นสูง"
"ถ้าหากความเข้าใจของเจ้าไม่มากพอ เจ้าอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อฝึกไปจนถึงเชี่ยวชาญขั้นสูงเลยก็เป็นได้"
จริงๆแล้ว จ้าวเฮยถ่ายังมีอีกประโยคที่ไม่ได้พูด ความเข้าใจนั้นถือว่าเป็นพรสวรรค์ ซึ่งการที่จะเข้าสู่ขั้นหลอมเลือดนั้นอาจจะใช้ทรัพยากรหรือใช้ยาดีๆเพื่อช่วยให้ทะลวงถึงได้
แต่การฝึกวิทยายุทธนั้นต้องอาศัยความเข้าใจ ดังนั้นต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้ถ้าความเข้าใจไม่มากพอ
ในสำนักหวงเทียน มีแต่คนที่ฝึกวิทยายุทธจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบและใช้ท่าไม้ตายได้เท่านั้นถึงจะเรียกว่าอัจฉริยะ
ซึ่งพรสวรรค์นั้น จ้าวเฮยถ่ารู้ว่าเจียงฮ่าวเองก็มี แต่ความเข้าใจนั้นจ้าวเฮยถ่ายังไม่รู้และต้องใช้เวลานานถึงจะมองออก
"เจียงฮ่าว แม้ว่าเจ้าจะต้องฝึกวิชาหมัดพยัคฆ์ แต่วิชาเสริมพลังปราณเจ้าก็ต้องฝึกด้วยเช่นกัน"
"ต่อไปเจ้าอาจจะได้ฝึกวิทยายุทธมากกว่าหนึ่งอย่าง ทั้งวิชาตัวเบา หรือวิชาใช้อาวุธต่างๆ เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะต้องใช้พลังงานมากและต้องรู้จักจัดสรรหรือเลือกที่จะเน้นไปที่ด้านใดด้านหนึ่งซึ่งต้องคิดให้ดี"
"พลังของคนเรานั้นมีจำกัด คนส่วนใหญ่จะเน้นการฝึกวิทยายุทธอย่างใดอย่างหนึ่งหรือสองอย่างไม่ใช่ฝึกฝนทุกอย่างไปทั่ว"
จ้าวเฮยถ่ากล่าวเตือนสติ
เจียงฮ่าวพยักหน้า เพราะขาก็เข้าใจเรื่องนี้ดี
แม้ว่าพลังจะเป็นสิ่งพื้นฐานแต่วิทยายุทธก็ขาดไม่ได้เช่นกัน!
บางที นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้อัจฉริยะกับคนธรรมดาแตกต่างกัน
ในเวลาและพลังที่เท่ากัน อัจฉริยะที่แท้จริงสามารถเรียนรู้วิทยายุทธได้หลายอย่างหรือทำได้แม้กระทั่งฝึกจนถึงขั้นสมบูรณ์ ในขณะที่พลังในร่างกายก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนคนธรรมดาที่ทุ่มเททั้งชีวิตฝึกฝนวิทยายุทธเพียงแขนงเดียว ก็อาจจะยังไปไม่ถึงขั้นสมบูรณ์เลยด้วยซ้ำ
หลังจากที่เจียงฮ่าวได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ เขาจึงเริ่มฝึกฝนวิชาหมัดพยัคฆ์และวิชาเสริมพลังปราณอย่างตั้งใจ
หลังจากนั้น หนึ่งวันได้ผ่านไป
เจียงฮ่าวกลับมาถึงบ้าน
สิ่งแรกที่เขาทำคือตรวจสอบพรสวรรค์ของตัวเอง
พลังยุทธ์ : ขั้นหลอมเลือดชั้นที่ 1
กระดูก : 6.8
ความเข้าใจ : 2.5
จิตวิญญาณ : 1.7
วิชาหมัดพยัคฆ์ : ขั้นเริ่มต้น
วิชาหมัดพยัคฆ์ของเขาเข้าสู่ขั้นเริ่มต้นแล้วจริงๆ
แต่ว่า วิทยายุทธเองก็เหมือนกัน ยิ่งฝึกไปมันก็ยิ่งยาก
ขั้นเริ่มต้นและเชี่ยวชาญนั้นค่อนข้างง่าย
แต่ถ้าอยากไปถึงขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อยก็จะเริ่มยากแล้ว
"ถ้าอยากให้วิชาหมัดพยัคฆ์ไปถึงขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อย ข้าต้องเข้าใจ 'รูปลักษณ์พยัคฆ์' ให้เป็นรูปร่างแล้วจึงเข้าใจ 'จิตวิญญาณ' ของมัน"
เจียงฮ่าวครุ่นคิด
วิชาหมัดพยัคฆ์นั้นดุดันและน่าเกรงขาม
แต่ในขั้นเริ่มต้นและขั้นเชี่ยวชาญ มันยังแสดงลักษณะเฉพาะของวิชาหมัดพยัคฆ์ออกมาไม่ได้
ดังนั้นจึงต้องเข้าใจ "รูปลักษณ์พยัคฆ์" ก่อน วิชาหมัดพยัคฆ์ถึงจะทรงพลังขึ้น
"การเข้าใจ 'รูปลักษณ์พยัคฆ์' ต้องอาศัยความเข้าใจ ซึ่งตอนนี้ความเข้าใจของข้ามีแค่ 2.5 ที่เหนือกว่าคนทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้น ดังนั้นคงยากที่จะเข้าใจ 'รูปลักษณ์พยัคฆ์' ได้ในเวลาอันสั้น"
"แต่ว่า ข้าสามารถทำสมาธิไปเพ่งมองจันทราสีเลือด เพื่อเพิ่มความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้กระดูกของข้าแข็งแกร่งมากแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องทุ่มเทไปกับการเพ่งมองพระอาทิตย์และต้องแบ่งเวลามาเพ่งมองจันทราสีเลือดให้มากขึ้น"
เจียงฮ่าวคิด
ตอนนี้กระดูกของเขาแข็งแกร่งมากแล้ว ต่อไปนี้เขาจะต้องเพ่งมองจันทราสีเลือดเพื่อเพิ่มความเข้าใจแทน
ดังนั้น หลังจากที่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เจียงฮ่าวขึงตัดสินใจเพ่งมองจันทราสีเลือดต่อเนื่องเป็นเวลาสิบเดือน ส่วนอีกสองเดือนนั้นคือการเพ่งมองพระอาทิตย์
ถ้าทำแบบนี้ ความเข้าใจของเขาจะเพิ่มขึ้น 1 ทุกปี และกระดูกจะเพิ่มขึ้น 0.2
เจียงฮ่าววางแผนเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว
จากนั้น เจียงฮ่าวก็เริ่มทำสมาธิตามแผน
ตั้งแต่เจียงฮ่าวเข้าสำนักวิทยายุทธเฮยถ่า เขาก็ไม่ได้แต่งกลอนอีกเลย
เมื่อเวลาผ่านไป "ชื่อเสียงอัจฉริยะ" ของเขาก็ค่อยๆเลือนหายไป
บางคนถึงกับบอกว่าเขาเป็นเด็กที่ไร้พรสวรรค์ไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้น เจียงฮ่าวก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้
ตอนแรกที่เขาสร้างชื่อเสียง "เด็กอัจฉริยะ" ก็เพื่อทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงและหวังว่าจะดึงดูดนักศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาเป็นอาจารย์
ตอนนี้เขาได้ฝึกฝนวิทยายุทธแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงโด่งดังอีกต่อไป
แม้ว่าเจียงฮ่าวจะไม่มีชื่อเสียงแล้ว แต่ชื่อเสียงของเขาในสำนักเฮยถ่ากลับยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่ในวงการนักศิลปะการต่อสู้ของเมืองชางทั้งหมดเขาก็เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเช่นกัน
เจียงฮ่าวเข้าสู่ขั้นหลอมเลือดได้ในเวลาเพียงหนึ่งวัน ขึ้นขั้นหลอมเลือดชั้น 2 ได้ในเวลาหนึ่งเดือน และไปถึงขั้นหลอมเลือดชั้น 9 ได้ในเวลาเพียงหนึ่งปี!
ความเร็วในการฝึกฝนนี้มันอะไรกัน?
วงการนักศิลปะการต่อสู้ในเมืองชางทั้งหมดรู้ว่าสำนักเฮยถ่ามีอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมปรากฏตัวขึ้น
ซึ่งนั่นทำให้สำนักวิทยายุทธหลายแห่งต่างรู้สึกเสียดาย
ตอนที่เจียงต้าไห่ออกตามหาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงให้เจียงฮ่าว มีสำนักวิทยายุทธหลายแห่งที่ปฏิเสธเพราะใครจะไปคิดว่าเจียงฮ่าวเองก็เป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนวิทยายุทธแบบนี้ด้วย?
แต่ตอนนี้เจียงฮ่าวเองก็มีเรื่องกลุ้มใจ
แม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งปีจนตอนนี้เจียงฮ่าวมีอายุเจ็ดขวบกว่าแล้ว
พลังยุทธ์ : ขั้นหลอมเลือดชั้น 9 (สมบูรณ์)
กระดูก : 7
ความเข้าใจ : 3.5
จิตวิญญาณ : 1.7
วิชาหมัดพยัคฆ์: เชี่ยวชาญ
หลังจากที่ฝึกฝนวิทยายุทธมาหนึ่งปี เจียงฮ่าวก็มีความก้าวหน้าที่รวดเร็ว
ค่ากระดูกของเขามาถึง 7 แล้ว
ส่วนความเข้าใจก็เกินกว่า 3
พลังยุทธ์ของเขาก็ไปถึงขั้นหลอมเลือดชั้น 9 อย่างสมบูรณ์แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกระดูก ความเข้าใจ หรือพลังยุทธ์ เจียงฮ่าวรู้สึกพอใจกับพลังของเขามาก
มีเพียงแค่หมัดพยัคฆ์เท่านั้นที่ทำให้เจียงฮ่าวรู้สึกไม่พอใจ
จริงๆแล้วเมื่อครึ่งปีก่อน วิชาหมัดพยัคฆ์ของเจียงฮ่าวก็ไปถึงขั้นเชี่ยวชาญแล้วเช่นกัน
แต่นับตั้งแต่ตอนนั้น วิชาหมัดพยัคฆ์ก็ยังคงค้างอยู่ที่ขั้นเชี่ยวชาญ
เจียงฮ่าวถึงกับรู้สึกว่าวิชาหมัดพยัคฆ์ไม่มีทางพัฒนาไปได้อีกแล้ว
แม้ว่าความเข้าใจของเขาจะไปถึง 3.5 ก็คงเหมือนเดิม
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงฮ่าวรู้สึกได้ถึง "ความล้มเหลว" ตั้งแต่การฝึกฝนวิทยายุทธ
และเขาก็เข้าใจว่านี่คือการได้เจอทางตัน
นักศิลปะการต่อสู้ทุกคนล้วนต้องเจอกับทางตัน
บางคนอาจจะติดอยู่สามถึงห้าปี บางคนอาจจะติดอยู่ทั้งชีวิต
เจียงฮ่าวไม่คิดเลยว่าความเข้าใจของเขาก็ไม่ได้ต่ำแต่กลับต้องมาเจอทางตันกับของวิชาหมัดพยัคฆ์ที่ไม่สามารถไปถึงขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อยได้และยังไม่มีวี่แววใดๆเลย
วันหนึ่ง เจียงฮ่าวได้เข้าไปหาอาจารย์จ้าวเฮยถ่า
"ท่านอาจารย์ ศิษย์เจอทางตันกับวิชาหมัดพยัคฆ์จนไม่สามารถไปถึงเชี่ยวชาญเล็กน้อยได้ขอรับ"
เจียงฮ่าวกล่าวกับอาจารย์อย่างถ่อมตน
จ้าวเฮยถ่ายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "วิชาหมัดพยัคฆ์ของเจ้านั้นก้าวหน้าได้เร็วมาก เพียงแต่ครึ่งปีก็มาถึงขั้นเชี่ยวชาญแล้ว เจ้าเพิ่งจะเจอทางตันมาแค่ครึ่งปี ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไป"
"แค่รอให้โอกาสมาถึง ทางตันนั้นก็จะถูกทำลายลงเอง"
"ถ้าหากฝึกวิทยายุทธจนเจอทางตัน เจ้าก็แค่ปล่อยไปตามธรรมชาติ พลังยุทธ์ต่างหากที่เป็นพื้นฐาน นอกจากนี้พลังยุทธ์ของเจ้าก็ไปถึงขั้นหลอมเลือดชั้น 9 อย่างสมบูรณ์แล้วใช่ไหม?"
เจียงฮ่าวพยักหน้า "ศิษย์ไปถึงขั้นหลอมเลือดชั้น 9 แล้วขอรับ"
"อืม ดีมาก เพียงแค่หนึ่งปีก็ไปถึงขั้นหลอมเลือดชั้น 9 ได้แล้ว นี่เกินกว่าที่ข้าคาดไว้มากทีเดียว"
"เมื่อไปถึงขั้นหลอมเลือดชั้น 9 แล้ว ปกติก็ต้องฝึกวิทยายุทธขั้นพลังภายในเพื่อให้เกิดพลัง แต่พลังแบบนี้มีข้อจำกัดเพราะจะได้รับอิทธิพลจากเคล็ดวิชาที่ใช้ทะลวง เช่น ถ้าหากเจ้าใช้เคล็ดวิชาเพลิงทะลวง พลังที่เกิดขึ้นก็จะมีลักษณะร้อนแรงเหมือนกับไฟ ดังนั้นถ้าหากเจ้าอยากฝึกวิทยายุทธที่มีพลังอ่อนโยน มันก็จะยากมาก"
"ยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นคือการทำให้เลือดปราณของเจ้าบริสุทธิ์ขึ้น เมื่อทำให้เลือดปราณบริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ พอถึงวันหนึ่งเลือดปราณก็จะเกิดพลังขึ้นเอง ซึ่งพลังแบบนี้มีความหลากหลายและสามารถฝึกวิทยายุทธอะไรก็ได้โดยไม่มีผลกระทบอะไรตามมาภายหลัง"
"แต่การสร้างพลังภายในด้วยวิธีการแรกนั้น ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าแค่ต้องฝึกเคล็ดวิชาพลังภายในเท่านั้น หลังจากนั้นไม่กี่วันเจ้าก็คงสร้างพลังภายในได้แล้วก็จะทะลวงไปเป็นนักศิลปะการต่อสู้ขั้นพลังภายในได้ ส่วนวิธีที่สองเจ้าจะต้องใช้เวลานานกว่า อาจจะหลายเดือน หนึ่งปี หรือมากกว่านั้น แต่เจ้าก็จะไปถึงการสร้างพลังภายในได้เช่นกัน"
"เจ้าอยากใช้วิธีไหนในการทะลวงล่ะ?"
เจียงฮ่าวได้ยินเช่นนี้จึงชั่งใจในใจ
วิธีแรกนั้นแน่นอนว่ามันมีความแน่นอนที่มากกว่า
นอกจากนี้สามารถทะลวงขั้นได้เร็ว
แต่ข้อจำกัดของมันก็ทำให้เจียงฮ่าวกังวล
วิธีที่สองในการทำให้ปราณบริสุทธิ์ก็ต้องใช้เวลามาก
แต่การทำแบบนั้นจะทำให้พื้นฐานมั่นคงและมีทางเลือกในการฝึกมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้เส้นทางวิทยายุทธไปได้ไกลกว่า
"ศิษย์เลือกวิธีที่สองในการทำให้ปราณบริสุทธิ์ขอรับ"
เจียงฮ่าวไม่ต้องคิดนานและเลือกวิธีที่สองทันที
เนื่องจากค่ากระดูกของเขาตอนนี้ทะลุไปถึง 7 แล้ว ต่อไปก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีก
ดังนั้น ถึงจะต้องใช้เวลาในการทำให้ปราณบริสุทธิ์มันก็คงจะไม่เสียเวลาไม่มากนัก!