หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
ตอนที่ 80: บ้าไปแล้ว
"หัวหน้าคนไหน" เฉียวซาซ่าร้องไห้และปฏิเสธที่จะไป "ฉันจะไปหาป้า ฉันจะถามเธอว่าควรทำยังไง!"
ในตอนนี้เฉียวซาซ่ากำลังตกใจมากจนไม่อยากซ่อนความสัมพันธ์กับเฉียวชุนฮว่าอีกแล้ว หล่อนเพียงแค่อยากหาคนมาช่วยแก้สถานการณ์ที่ตัวเองตกอยู่
ขณะที่พูดอยู่ รองประธานเฉียวแห่งสหภาพแรงงานก็เดินเข้ามา หล่อนกำลังรอเฉียวซาซ่ามาที่สำนักงานเพื่อเอากุญแจ แต่ก็ไม่เห็นหลานสาวมาสักทีจึงออกตามมา บังเอิญเห็นซูฮั่นหยวนจับตัวเฉียวซาซ่าไว้ไม่ปล่อย
“นี่ พวกเธอกำลังทำอะไรกัน” รองประธานเฉียวทำหน้าดุร้าย เหมือนจะกลืนซูฮั่นหยวนทั้งตัว "ซูฮั่นหยวน ทำไมเธอถึงทำอย่างนี้กับซาซ่าแห่งสหภาพแรงงานของเราแบบนี้ทุกครั้งเลยนะ"
ซูฮั่นหยวนปล่อยเฉียวซาซ่าและผลักหล่อนไปข้างหน้ารองประธานเฉียว "ไปบอกผู้นำซะสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
เฉียวซาซ่ากลัวจนสติแตก เมื่อเห็นเฉียวชุนฮว่าหล่อนก็เริ่มร้องไห้ "ป้าคะ หนูฉีกเอกสารรายงานของโรงงาน"
เฉียวชุนฮว่าตกใจมากจนต้องถอยหลังสองสามก้าว "เกิดอะไรขึ้นกันแน่"
หลังจากที่เฉียวซาซ่าพูดจบ เฉียวชุนฮว่าก็โกรธมาก หล่อนยกมือขึ้นและตบหน้าเฉียวซาซ่าอย่างแรงถึงสองครั้ง "เธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากทำลายทุกอย่าง เรื่องนี้...ฉันเองช่วยเธอไม่ได้แล้ว!"
"แล้วเราจะทำยังไงดี" เฉียวซาซ่าตกใจกลัว
"โทษหนักอาจถึงถูกไล่ออกได้เชียวนะ" เฉียวชุนฮว่ากล่าวด้วยความโกรธ "ฉันบอกให้เธอมาที่นี่เพื่อเอากุญแจ แต่นี่เธอกลับก่อปัญหาแบบนี้! มันเป็นความผิดของฉันเองที่ประมาท ไม่น่าเลยจริงๆ"
“รองประธานเฉียว คุณคิดว่าเราควรทำอย่างไรดีครับ” เจียงกัวมองอีกฝ่ายอย่างลำบากใจ
"พวกเธอลองดูว่าพอแก้ไขอะไรได้บ้างไหม ฉันจะติดต่อกับผู้จัดการโรงงานเอง" เฉียวชุนฮว่าไม่กล้าเสี่ยงกับเหตุการณ์สำคัญของโรงงาน จึงต้องไปปรึกษากับผู้จัดการโรงงานก่อน
“ตอนนี้ก็คงทำได้เท่านี้” เจียงกัวเห็นด้วย
เฉียวชุนฮว่าดึงเฉียวซาซ่าออกไป พลางด่าทอหลานสาวขณะเดินไปด้วย "ร้องไห้ทำไม กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้เรื่องหรือไง หุบปากแล้วกลั้นน้ำตาไว้ซะ!"
ทางเดินเงียบสงัด เหลือเพียงซูฮั่นหยวนและเจียงกัวที่นั่งยองๆ เก็บต้นฉบับที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆ
"ซูฮั่นหยวน ฉันว่าต้นฉบับนี้คงกู้คืนไม่ได้แล้วล่ะ เธอว่าไงดี? ทำไมไม่ไปคุยกับหัวหน้าหนิ่ว... ยังไงก็ไม่มีเวลาไปโรงพิมพ์แล้ว เสียเวลาเปล่า" เจียงกัวกล่าว
ซูฮั่นหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง “ตกลง ฉันจะไปคุยกับหัวหน้าหนิ่วเอง นายก็อย่าเพิ่งไปไหนนะ ฉันพูดเรื่องนี้คนเดียวคงไม่ได้ เราไปแจ้งพร้อมกันเถอะ”
“ก็ได้”
เมื่อหนิ่วหงเซี่ยได้รับโทรศัพท์ เธอก็โกรธจนแทบระเบิดออกมา เธอตะโกนด่าเจียงกัวและซูฮั่นหยวนไปพร้อมกับสาปแช่งเฉียวซาซ่าไปด้วย
สุดท้ายเธอก็กล่าวว่า “ลองประสานงานกับโรงพิมพ์อีกทีว่าทำได้ไหม! ถ้าประสานงานไม่ได้ ฉันจะหาทางแก้ทีหลัง แต่ยังไงก็ต้องทำรายงานของโรงงานให้เสร็จ! เหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันจะทำงานชดเชยพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ ยังไงก็เลื่อนไม่ได้เด็ดขาด!”
หลังจากวางสายแล้ว เจียงกัวมองต้นฉบับที่สกปรกและยุ่งเหยิงด้วยความปวดหัว และพูดกับซูฮั่นหยวนว่า “วันนี้คงไม่พอ พรุ่งนี้เราค่อยเริ่มกันใหม่ ฉันคิดว่าหัวหน้าหนิ่วคงหมายถึงให้เริ่มพรุ่งนี้...”
“อืม” ซูฮั่นหยวนจ้องต้นฉบับและคิดหาทางแก้ไข “ฉันไม่อยากทิ้งต้นฉบับพวกนี้เลย น่าจะเก็บไว้ใช้ได้”
“เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี พวกนั้นใช้ไม่ได้แล้ว” เจียงกัวขมวดคิ้วและพูดว่า “เราต้องเขียนใหม่หมด มันจะต้องตีพิมพ์มะรืนนี้ ฉันคิดว่าเราคงต้องอดนอนทำงานกันทั้งคืนพรุ่งนี้ เหนื่อยแน่ ๆ”
“นายกังวลหรือ งั้นวันนี้เอาแค่นี้ก่อน ฉันจะดูว่าคืนนี้ฉันจะแก้ไขต้นฉบับได้บ้างไหม” ซูฮั่นหยวนพูด
ตอนที่ 81: ผลของการฟื้นฟู
“งั้นก็ขอโทษทีนะ ฉันต้องกลับบ้านแล้ว บ้านฉันอยู่ไกลจากโรงงาน ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อยจะเรียกรถยากแล้ว” เจียงกัวกล่าว
“ได้ นายไปเถอะ”
ซูฮั่นหยวนดูเวลาแล้วพบว่าเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าระหว่างทางผ่านบ้านของผู้จัดการโรงงานจะได้แวะทักทายก่อนแล้วค่อยไปส่งต้นฉบับที่โรงพิมพ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็น เธอสามารถตรงไปสอนพิเศษได้เลย
เธอเดินไปหาถังขยะที่อยู่ตรงมุมเพื่อโยนกองต้นฉบับที่เละไปแล้ว ขณะเดินไปเธอคิดในใจว่า ถ้าต้นฉบับสามารถซ่อมแซมเองได้ก็คงจะดี
ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงพลังวิเศษที่เธอมี มันน่าเสียดายที่พลังนี้ใช้ได้แค่การรักษาเท่านั้น ถ้ามันสามารถซ่อมแซมสิ่งของได้ก็คงจะดี
ขณะที่เธอคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ก็พบว่ามีแสงสีแดงจาง ๆ ปรากฏขึ้นระหว่างฝ่ามือของเธอ ซูฮั่นหยวนตกใจมาก เธอจ้องมองแสงสีแดงนั้นที่ดูเหมือนจะค่อย ๆ เข้มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานแสงก็ห่อหุ้มสิ่งที่อยู่ในมือของเธออย่างแน่นหนา
ซูฮั่นหยวนเห็นสิ่งที่เหมือนกับ "ปาฏิหาริย์" กระดาษที่ฉีกขาดกลับถูกประกอบเข้าด้วยกันอย่างน่ามหัศจรรย์ ความเสียหายของกระดาษค่อย ๆ ฟื้นฟูจนกระดาษกลับมาดูเหมือนใหม่
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ซูฮั่นหยวนได้เห็นกระบวนการที่กองขยะกลายเป็นของใหม่เอี่ยม เธอไม่สามารถกลั้นความดีใจไว้ได้ นี่มันเหนือธรรมชาติจริง ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า มันช่างน่าทึ่ง!
ซูฮั่นหยวนตรวจดูต้นฉบับอยู่หลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร เธอจึงพับต้นฉบับเก็บลงในกระเป๋า จากนั้นเธอก็หันมาสำรวจฝ่ามือของตัวเองอย่างละเอียด
ซูฮั่นหยวนยิ่งมองก็ยิ่งดีใจ ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ! ดังนั้นเธอจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “มหัศจรรย์จริง ๆ ซูฮั่นหยวน สวรรค์ช่างเมตตาฉันเหลือเกิน!”
สวรรค์ได้ให้โอกาสเธอเข้ามาอยู่ในร่างของตัวประกอบหญิง และยังมอบพลังพิเศษที่น่าทึ่งนี้ให้กับเธออีกด้วย!
พลังนี้สามารถเรียกว่า "ฟื้นฟู" ได้เลย!
ฮ่าฮ่าฮ่า!
“เอ่อ... คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เสียงผู้ชายดังขึ้นจากหน้าประตู
ซูฮั่นหยวนหันไปมอง และพบว่าเป็นโจวหนิงไค่ เขามองเธอด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อและอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ออก
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันสบายดี” ซูฮั่นหยวนตอบ
“ผมเพิ่งไปกินข้าวมา” โจวหนิงไค่พูดอย่างเห็นอกเห็นใจ “เจอเจียงกัวระหว่างทาง ก็เลยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น คุณไม่เป็นไรนะ ให้ผมช่วยเขียนร่างให้ใหม่ไหม พอดีว่าผมต้องทำงานล่วงเวลาออกแบบแปลนคืนนี้พอดี”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจัดการเองได้” ซูฮั่นหยวนหัวเราะคิกคัก “ไม่ต้องลำบากคุณหรอก ฉันมีเรื่องต้องทำอีก ลาก่อนค่ะ”
โจวหนิงไค่เฝ้ามองซูฮั่นหยวนเดินจากไป แต่เขาไม่กล้าจะหยุดเธอไว้
คนธรรมดาน่าจะร้องไห้เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้สิ แต่ทำไมเธอกลับยังยิ้มอยู่ แถมยังยิ้มน่ากลัวแบบนั้นอีก
ซูฮั่นหยวนเห็นรถบัสกำลังขับมาเมื่อเธอออกจากโรงงาน เธอรีบตามชายคนหนึ่งแล้วกระโดดขึ้นรถตามไป โชคดีที่มีที่นั่งสองที่เหลืออยู่ด้านหลังวันนี้ โชคดีที่ช่วงเวลานี้มีแค่สองคนที่ขึ้นรถบัสที่ป้ายนี้ คนหนึ่งคือเธอ และอีกคนก็คือชายที่อยู่ข้างหน้าเธอ
แต่ทำไมด้านหลังของผู้ชายคนนี้ถึงดูคุ้นเคยนัก เขาดูคล้ายหมอจินนิดหน่อย
เพียงแค่ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในใจ ชายคนนั้นก็นั่งลง และแน่นอน เขาคือจินเฉิน
เขาดูแตกต่างจากครั้งก่อนชัดเจน วันนี้เขาดูวิตกกังวลและกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
"จิน...คุณหมอจิน บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะคะ" ซูฮั่นหยวนเห็นเขามองมาที่เธอ และเธอก็ยิ้มทักทายเขา
“ใช่” จินเฉินพยักหน้า "จริง ๆ แล้วก็ไม่ค่อยบังเอิญหรอก" ครั้งนี้เขาพูดมากกว่าที่เคย
ตอนที่ 82: หมดอายุ
เมื่อซูฮั่นหยวนได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นสองครั้งทันที เธอนึกขึ้นได้ถึงวันที่เธอเหยียบรองเท้าของเขา "คุณ... อย่าบอกนะว่าคุณจะมาเรียกร้องค่าเสียหายเพราะฉันเหยียบรองเท้าคุณวันนั้น"
จินเฉินรู้สึกหูอื้อและปวดหัวมากจนเหมือนศีรษะจะแตกออก เมื่อได้ยินคำพูดของซูฮั่นหยวน เขาก็อดขำไม่ได้และหัวเราะออกมา “คุณคิดว่าไงล่ะ”
ซูฮั่นหยวนเหลือบมองรองเท้าของเขาใต้แสงไฟจากเสาไฟข้างถนนที่ส่องผ่านหน้าต่างรถ
จริง ๆ แล้วเธอไม่แน่ใจว่ารองเท้าคู่นี้เป็นคู่เดิมหรือเปล่า แต่ดูจากรองเท้าที่สะอาดหมดจด เธอก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ฉันว่าไม่หรอกค่ะ” ซูฮั่นหยวนยิ้ม "ถึงแม้ว่าจะเป็นคู่เดิม ฉันก็ไม่สามารถชดเชยให้คุณได้หรอกค่ะ"
"หืม?" จินเฉินเลิกคิ้วขึ้น
“มันมีคำพูดว่า 'หมดอายุแล้วไม่ต้องรอ' ถ้ารองเท้าคุณพังในวันถัดมา ฉันยอมรับผิดได้ แต่ตอนนี้มันผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ใครจะยังยอมรับล่ะ แล้วถ้ารองเท้าคุณพังจากเหตุผลอื่น แล้วคุณมาเรียกให้ฉันชดใช้ ฉันจะทำยังไงล่ะ จริงไหมคะ"
ซูฮั่นหยวนกะพริบตาแล้วพูดออกมา
"ก็มีเหตุผลนะ" ริมฝีปากของจินเฉินยกขึ้นเล็กน้อย
“งั้นคุณก็ไม่ต้องให้ฉันชดใช้แล้วใช่ไหมคะ” ซูฮั่นหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เธอค่อนข้างขัดสนและคงไม่สามารถชดใช้ค่ารองเท้าหนังของจินเฉินได้
นอกจากนี้ เธอคิดว่าแค่เหยียบรองเท้าคงไม่ทำให้รองเท้าพังได้หรอก
"อืม" จินเฉินพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันไปมองเธอ บังเอิญแสงจากเสาไฟถนนส่องลงมาที่ใบหน้าของเธอ ทำให้เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าของซูฮั่นหยวน ซึ่งแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อยในความอ่อนโยน
เมื่อจินเฉินมองเธออยู่ ซูฮั่นหยวนก็ยิ้มกว้างขึ้น เธอยิ้มให้เขาและพูดว่า "คุณหมอจิน ช่วงนี้คุณยุ่งหรือเปล่าคะ นี่เป็นครั้งที่สองที่เราเจอกันบนรถประจำทางเลยนะ"
"นี่เป็นทางเดียวที่ผมต้องใช้กลับบ้าน" จินเฉินตอบ
"อ๋อ" ซูฮั่นหยวนพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นไม่แปลกใจ"
"แล้วคุณล่ะ นี่เป็นทางเดียวที่คุณต้องใช้กลับบ้านด้วยหรือเปล่า" จินเฉินถามแบบไม่จริงจังนัก
"ไม่ค่ะ ฉันพักอยู่ที่หอพักในโรงงานน่ะค่ะ"
"โสด?" จินเฉินหรี่ตาเล็กน้อยแล้วหันมามองที่ใบหน้าของซูฮั่นหยวนอย่างงุนงง
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ" ซูฮั่นหยวนพูดพร้อมกับยิ้มไม่หุบ บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอเพิ่งค้นพบพลังพิเศษใหม่จึงพอเจออะไรก็อารมณ์ดีไปเสียทุกอย่าง "ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ฉันคิดว่าฉันออกจะสวยธรรมชาติขนาดนี้ แต่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาจีบฉันเลย"
จินเฉินมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
ซูฮั่นหยวนรู้สึกได้ถึงมันได้และยิ้มอย่างเก้อเขิน "ดูไม่มีมารยาทไปหน่อยใช่ไหมคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก" จินเฉินไม่ซักไซ้ในประเด็นนี้ต่อ แต่ถามกลับว่า "คุณขึ้นรถสายนี้ทุกวันเลยหรือ แล้วกำลังจะไปไหนล่ะ"
"ไปสอนพิเศษน่ะค่ะ" ซูฮั่นหยวนมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าจวนจะถึงป้ายถัดไปแล้ว "ฉันไปสอนภาษาอังกฤษให้เด็กมัธยมปลายน่ะค่ะ"
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน พนักงานเก็บตั๋วก็เตือนว่าถึงป้ายแล้ว ซูฮั่นหยวนรีบลุกขึ้นยืนและขอให้จอดรถ จากนั้นเธอก็รีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไป
จินเฉินลดสายตาลงมองขาของตัวเองที่ไขว้กันอยู่ ก่อนจะยกมันขึ้นเบา ๆ
จังหวะนั้นพอดี ซูฮั่นหยวนกำลังจะก้าวลงจากรถแต่ก็ถูกขาของเขาขวางไว้
ขาของเธอสะดุดและเธอเซไปข้างหน้า
เธออุทานด้วยความตกใจ คิดว่าคราวนี้คงล้มแน่แล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าในวินาทีนั้น มือใหญ่จะจับแขนของเธอไว้แน่น และแขนอีกแขนก็โอบรอบเอวของเธอช่วยให้เธอยืนได้มั่นคง