Your Wishlist

ทะลุมิติมายุค 1980 ช่างหัวพวกมันสิ! (ตอนที่ 46 - 48: สมควร!, ไม่ง่ายขนาดนั้น, พึงพอใจ)

Author: Carefree Leaf-Talk/ BuaElla แปล

หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’

จำนวนตอน :

ตอนที่ 46 - 48: สมควร!, ไม่ง่ายขนาดนั้น, พึงพอใจ

  • 25/08/2567

ตอนที่ 46: สมควร!

 

ความรู้สึกแน่นอกและขาดอากาศหายใจจู่ ๆ ก็พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง ซูจิ่งเหิงซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดเห็นน้องสาวถูกบีบคอจึงรีบลุกขึ้นและดึงซูจิ่งรุ่ยกลับ "แกบ้าหรือเปล่า? จะบีบคอหยวนหยวนให้ตายหรือไง?"

 

"อย่ายุ่งกับฉัน! ถ้าพี่ไม่อยากโดนฉันต่อยก็อยู่ห่าง ๆ ไป!" ซูจิ่งรุ่ยตะโกนอย่างโมโห

 

"ฉันเป็นพี่ชายแกนะ..." ซูจิ่งเหิงไม่สามารถปล่อยให้น้องชายและน้องสาวของเขาต่อยตีกันต่อหน้าพ่อได้ เขาต้องเข้ามาห้าม นั่นเป็นความรับผิดชอบของเขาในฐานะพี่ชาย แต่ยังพูดไม่ทันจบ อู่เจียวเจียวก็ดึงเสื้อของเขาและส่งสัญญาณบางอย่าง ซูจิ่งเหิงไม่เข้าใจว่าภรรยาของเขาจะสื่ออะไร แต่เขาก็ยอมปล่อยมือและกลับไปนั่งที่เดิมอย่างเชื่อฟัง จากนั้นกระซิบถามหล่อนว่า "มีอะไร"

 

"คุณไม่เห็นหรือว่าแม่คุณยังไม่ว่าอะไรเลย แล้วคุณจะเข้าไปยุ่งทำไม” อู๋เจียวเจียวจ้องเขาเขม็ง

 

"ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ..."

 

"ถ้าเกิดมีใครตาย....." ซูจิ่งเหิงถามต่อ อู๋เจียวเจียวเบะปาก

 

“ปล่อยให้พวกเขาทะเลาะกันไปเถอะ ยิ่งพวกเขาทะเลาะกันเท่าไร คุณก็ยิ่งดูเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น มันยังแสดงให้พ่อแม่เห็นด้วยว่าใครในครอบครัวนี้ที่พึ่งพาได้!"

 

 ซูจิ่งเหิงจึงเงียบไป ซูฮั่นหยวนคิดว่าพี่ชายคนโตจะเข้ามาช่วย แต่เมื่อเห็นว่าซูจิ่งเหิงถูกอู๋เจียวเจียวดึงกลับไป เธอก็โกรธจนหน้าแดงและรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ

 

"ปล่อยฉัน! ปล่อย!"

 

"ไม่! ซูฮั่นหยวน ถ้าแกไม่ยอมตกลง แกจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่วันนี้!" ซูจิ่งรุ่ยบีบคอเธอแน่นขึ้น จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะบีบคอเธอให้ตาย แค่อยากขู่เธอให้ยอมเท่านั้น

 

"งั้นอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน" ซูฮั่นหยวนยกเข่าขึ้นและกระแทกเข้าที่ท้องของเขาหนึ่งที สองที...

 

"อ๊าก!" ซูจิ่งรุ่ยโดนเตะเข้าที่จุดสำคัญ รีบปล่อยมือและกุมเป้าของตัวเองทันที

 

"ซูฮั่นหยวน แกมันโหดร้าย! คิดจะทำให้ฉันไม่มีลูกไม่มีหลานหรือไง!"

 

 “แหวะ! สมควรแล้ว!” ซูฮั่นหยวนหอบหนัก ครอบครัวซูเห็นว่าภายในบ้านเกิดความวุ่นวายขึ้น ซูต้าจียงตะโกนด่าซูจิ่งรุ่ย ขณะที่หลินจื่อชิวร้องไห้และรีบเข้าไปช่วยซูจิ่งรุ่ย ซูจิ่งเหิงและภรรยากลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย จึงรีบพาลูกสาวของพวกเขา ซูถง ซึ่งกลัวจนทำอะไรไม่ถูก รีบหาข้ออ้างแล้วลุกออกจากโต๊ะอาหารไปอย่างรวดเร็ว เว่ยกุ้ยฉินเห็นว่าลูกชายคนที่สามของตนเจ็บจนหน้าเขียว  หล่อนก็หยิบไม้ขนไก่มาแล้วไล่ตีซูฮั่นหยวน “เตะพี่ชายตัวเองแบบนี้ แกต้องการให้ตระกูลซูไม่มีทายาทใช่ไหม!”

 

ซูต้าเจียงอยากจะเข้าไปห้าม แต่ร่างกายของเขาไม่เอื้ออำนวย “หยวนหยวน วิ่งเร็ว!” เขาตะโกนบอกซูฮั่นหยวนเสียงดัง “รีบวิ่งไปเร็ว!” ซูฮั่นหยวนรีบวิ่งหนีออกไปในลานบ้านเพื่อหลบไม้ขนไก่ของเว่ยกุ้ยฉิน ขณะที่เธอวิ่งหนีไปก็ร้องตะโกนเสียงดัง “หยุดตีหนู! หยุดตีหนู! ป้าหลิน ลุงหยวน ช่วยหนูด้วย! แม่หนูจะตีหนู! แม่จะตีหนูให้ตาย!”

 

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และเป็นเวลามื้อกลางวัน พอทุกครอบครัวได้ยินเสียงดังในลานบ้านครอบครัวซู พวกเขาก็รีบออกมาพร้อมกับถ้วยข้าวในมือ เมื่อเห็นเว่ยกุ้ยฉินกำลังไล่ตีซูฮั่นหยวนด้วยไม้ขนไก่ ทุกคนก็รีบวางถ้วยข้าวลงที่พื้นหน้าประตูแล้วรีบเข้าไปดึงเว่ยกุ้ยฉินกลับมา

 

“เป็นอะไร! ลูกเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ทำไมต้องตีลูกทันทีที่เห็นหน้ากันด้วย?”

 

“เว่ยกุ้ยฉิน เธอกำลังทำอะไรอยู่? จะตีลูกตัวเองให้ตายเลยเรอะ”

 

ซูฮั่นหยวนสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพูดเสียงดัง “ชีวิตหนูทำไมมันขมขื่นขนาดนี้! ก่อนหน้านี้ไม่นานก็โดนแม่ไล่ออกจากบ้าน  ตอนนี้พี่ชายคนที่สามกำลังจะแต่งงาน หนูก็ต้องยกห้องของตัวเองให้แม่ภรรยาของเขา! หนูไม่มีบ้านอยู่แล้ว!”

 

ตอนที่ 47: ไม่ง่ายขนาดนั้น

 

เว่ยกุ้ยฉินเป็นคนที่เห็นแก่หน้าตัวเองมาก พอเห็นซูฮั่นหยวนเปิดเผยข้อเสียของตนต่อหน้าคนอื่นและทำให้ชื่อเสียงของตนพังทลาย ความโกรธก็พุ่งขึ้นมาทันที หล่อนสะบัดแขนออกจากการจับกุมของเพื่อนบ้าน แล้วยกไม้ขนไก่ขึ้นสูงเตรียมจะฟาดซูฮั่นหยวน “ดูท่าแล้วคงคันหนังหัวมากสินะ พูดจาไร้สาระทั้งวัน! เขาว่ากันว่าความลับในครอบครัวไม่ควรเปิดเผย แต่แกกลับเอาทุกอย่างมาป่าวประกาศ!”

 

ซูฮั่นหยวนไม่คิดว่าเว่ยกุ้ยฉินจะตีเธอ ถ้าไม้ขนไก่นั้นฟาดลงมา ผิวหนังเธอคงเป็นรอยช้ำแน่ ๆ ไม่รอช้า เธอรีบหมอบลงกับพื้นทันที

 

เว่ยกุ้ยฉินคิดว่าตนอยู่ใกล้กับซูฮั่นหยวนมากขนาดนี้ ต้องฟาดโดนแน่ ๆ จึงใช้แรงทั้งหมด แต่ไม่คาดคิดว่าซูฮั่นหยวนจะหมอบลงอย่างรวดเร็ว ไม้ขนไก่ฟาดผิดจุด ทำให้เอวของหล่อนบิดผิดท่า ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วเอวจนต้องปล่อยไม้ขนไก่และใช้มือจับเอวแทน แรงที่เท้าก็เปลี่ยนไปด้วย เพื่อไม่ให้ล้ม เวยกุ้ยฉินจึงรีบขยับเท้า แต่ดันเหยียบเข้ากับน้ำแข็งบนพื้น สุดท้ายจึงล้มก้นจ้ำบ้ำ

 

“โอ๊ย!” เว่ยกุ้ยฉินร้องออกมาอย่างเจ็บปวด นอนนิ่งอยู่บนพื้น ไม่สามารถลุกขึ้นได้ “เอวฉัน... เอวฉันบิด... ช่วยพยุงฉันขึ้นที เอวฉันบิดแล้ว!”

 

“บาปกรรมนี่มัน!”

 

“ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนี้”

 

“มาเถอะ ช่วยพยุงกุ้ยฉินขึ้นมา!”

 

ชั่วครู่หนึ่ง เพื่อนบ้านในลานก็กรูกันเข้ามาช่วยพยุงเว่ยกุ้ยฉินขึ้น

 

“สมควรแล้ว!” ซูฮั่นหยวนพึมพำเบา ๆ “นี่มันกรรมตามสนองชัด ๆ!”

 

สมาชิกครอบครัวซูที่อยู่ในบ้านก็ทนไม่ไหวกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาจึงออกมาช่วยพยุงเว่ยกุ้ยฉินขึ้นด้วย

 

ซูจิ่งรุ่ยรู้ว่าแม่ต้องเจ็บเอวเพราะต้องการจะตีซูฮั่นหยวน เขาจึงกัดฟันและเตรียมจะโวยวายใส่ซูฮั่นหยวนอีกครั้ง ทว่าไม่ทันผู้เป็นน้องสาว “ยังจะมาเก่งกับฉันอีก! ดูสิว่าแม่ล้มเจ็บหนักขนาดนี้ ฉันว่าพี่ควรไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการเถอะ”

 

คำพูดของซูฮั่นหยวนทำให้เพื่อนบ้านที่กำลังช่วยเหลือเธอเริ่มคิดตาม เมื่อทุกคนเห็นว่าเว่ยกุ้ยฉินเจ็บปวดจนหน้าบิดเบี้ยวและเหงื่อแตกพลั่ก พวกเขาก็พูดกับพี่น้องตระกูลซูว่า “รีบพาแม่ของพวกเธอไปตรวจเถอะ!”

 

“ถ้าเอวได้รับบาดเจ็บ ไม่เพียงแต่จะทำงานไม่ได้ในอนาคต ยังจะต้องเจ็บปวดทรมานอีกด้วย”

 

“นั่นสิ นั่นสิ!”

 

ซูจิ่งรุ่ยไม่ทันได้โกรธซูฮั่นหยวนอีก เขาจึงรีบไปยืมสามล้อของลุงหยวนและเรียกซูจิ่งเหิงให้ช่วยพาแม่ไปโรงพยาบาล ก่อนออกไป เขายังขู่ซูฮั่นหยวนไว้ว่า “รออยู่นี่ล่ะ ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับแกแน่!”

 

สองพี่น้องกำลังจะพาเว่ยกุ้ยฉินออกไป หลินจื่อชิวจึงรีบตามไปด้วย “ฉันไปด้วย เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ดูแลพวกคุณสะดวกขึ้น”

 

“ได้สิ ขอบใจมากนะ ชิวเอ๋อร์” ซูจิ่งรุ่ยรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างมีน้ำใจเหมือนนางฟ้า และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

 

เมื่อหลินจื่อชิวเดินผ่านซูฮั่นหยวน เธอหยุดแล้วพูดว่า “ฉันขอโทษนะฮั่นหยวน ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายขนาดนี้”

 

ซูฮั่นหยวนยิ้มมุมปากและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเธอรู้สึกผิดจริง ๆ ก็ถอนคำขอของเธอซะสิ แบบนี้เธอก็ไม่ต้องมาขอโทษฉันอีก”

 

หลินจื่อชิวอึ้งไปเล็กน้อย หล่อนอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่รีบเร่งฝีเท้าตามสองพี่น้องตระกูลซูไป

 

ซูฮั่นหยวนมองแผ่นหลังของหลินจื่อชิวและคิดในใจ...นางเอกของนิยายต้นฉบับนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ หล่อนคำนวณทุกอย่างได้อย่างไร้ที่ติ

 

ดูท่าทีนี้แล้ว เธอคงต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้นในอนาคต

 

ตอนที่ 48: พึงพอใจ
 

สงครามสิ้นสุดลงแล้ว ซูฮั่นหยวนขอบคุณเพื่อนบ้าน “ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้พวกลุงกับป้าช่วย หนูคงโดนตีหนักแน่ๆ วันนี้”

 

“ไม่เป็นไรหรอก แม่ของหนูก็เป็นแบบนี้ล่ะ อย่าถือสาแม่เลยนะ”

 

“น่าสงสารจริงๆ ทำไมกุ้ยฉินไม่รักลูกสาวที่ดีขนาดนี้นะ ทำไมต้องทะเลาะกันทุกวันด้วย?”

 

“อาหยวน ไม่ต้องกลัวนะ ถ้ามีอะไรก็เรียกพวกเราได้เลย”

 

“เขาว่ากันว่า ญาติที่อยู่ไกลยังสู้เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ไม่ได้ คำนี้ไม่ผิดเลย หนูจะจำความดีของลุงกับป้าไว้ทุกคน ขอบคุณมากๆ นะคะ”

 

“ไม่ต้องพูดแบบนั้นหรอก ยังไงก็อยู่ในชุมชนเดียวกัน ช่วยเหลือกันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”

 

เมื่อเพื่อนบ้านแยกย้ายกลับไป ซูฮั่นหยวนก็กลับเข้าบ้านและเห็นซูต้าเจียงนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าขมวดคิ้ว ดูเหมือนเขาจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง

 

“พ่อคะ เจ็บแผลหรือคะ?” เธอรีบเข้าไปตรวจดู

 

“ไม่เป็นไร พักสักครู่ก็หายแล้ว”

 

ซูต้าเจียงมองลูกสาวคนเล็กด้วยความรู้สึกผิด “แม่ของหนูมีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่ยังสาวแล้ว ลำบากลูกแล้วจริงๆ วันนี้พ่อห้ามแม่ไม่ได้เลยทำให้ลูกต้องเป็นทุกข์”

 

“พ่อคะ หนูไม่เป็นไร” ซูฮั่นหยวนยิ้มและพูดว่า “หนูรู้ว่าพ่อรักหนู แค่รู้ว่ายังมีคนที่รักหนูในโลกนี้ หนูก็พอใจแล้วค่ะ”

 

“ไม่ต้องกังวลเรื่องบ้านนะ พ่อจะไปคุยกับแม่และพี่ชายของลูก พ่อจะไม่ยอมให้คนนอกเข้ามาอยู่ในบ้านนี้เด็ดขาด!”

 

“พ่อคะ...แล้วถ้าแม่ทะเลาะกับพ่อขึ้นมา พ่อจะรับมือไหวหรือคะ” ซูฮั่นหยวนถาม

 

“ทำไมพ่อจะรับมือไม่ไหวล่ะ?”

 

ซูต้าเจียงหัวเราะ “ลูกกลัวว่าแม่ของลูกจะดื่มยาอีกเหมือนที่เคยทำใช่ไหม ไม่หรอก แม่ของลูกยังรอให้พี่สามของลูกแต่งงานและมีหลานอยู่ แม่คงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ”

 

“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ” ซูฮั่นหยวนยิ้ม เธอรู้ว่าเว่ยกุ้ยฉินไม่คิดจะทำร้ายตัวเองจริงๆ สิ่งที่แม่ทำไปก็เพื่อบังคับพ่อให้ยอม นั่นเป็นวิธีของแม่

 

“หยวนหยวน พ่อหวังว่าลูกจะกลับมาอยู่ที่บ้านนะ นี่คือบ้านของลูก ไม่มีใครไล่ลูกออกไปได้ ลูกอยู่คนเดียวที่หอพักโรงงาน ไม่มีใครดูแล พ่อเป็นห่วง”

 

“พ่อคะ หลังจากที่หนูไปอยู่ที่นั่น หนูพบว่าหอพักที่โรงงานค่อนข้างเงียบสงบและเหมาะกับการอ่านหนังสือ หนูตั้งใจจะสมัครเรียนมหาวิทยาลัยทางไกลค่ะ พ่อคิดว่าหนูจะเรียนหนังสือในสภาพแวดล้อมที่บ้านได้หรือคะ” ซูฮั่นหยวนรู้ว่าพ่อของเธอไม่อยากให้เธอไป เธอจึงปลอบโยนพ่อว่า “ช่วงปีใหม่โรงงานจะปิด หนูจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อนะคะ ตกลงไหม”

 

แม้ว่าซูต้าเจียงจะไม่อยากให้ลูกสาวจากไป แต่เขาก็รู้ว่าลูกพูดความจริง เพราะลูกสาวอยากพัฒนาตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องดี วุฒิการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนรุ่นนี้ พลังของความรู้นั้นไม่มีที่สิ้นสุด เขาจึงสนับสนุนให้ลูกสาวสมัครเรียนมหาวิทยาลัยทางไกล

 

“ตกลง พ่อก็จะไปเยี่ยมลูกบ้างเมื่อพ่อมีเวลา”

 

“ค่ะ” ซูฮั่นหยวนยิ้มหวาน “แม้ว่าหนูจะไม่อยู่ใกล้พ่อ พ่อต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”

 

หลังจากทานข้าวไปสองสามคำ ซูฮั่นหยวนก็ออกจากบ้าน เมื่อเดินไปถึงประตู เธอได้ยินเสียงอ่อนโยนของหลานสาว ‘ซูถง’ พูดขึ้นว่า “อาคะ อาจะกลับมาอีกไหมคะ”

 

“กลับมาสิ รอถึงปีใหม่ก่อนนะ” ซูฮั่นหยวนก้มลงลูบหัวซูถง เด็กคนนี้น่ารักและน่าสงสาร บางทีอาจเป็นเพราะเธอกับซูถงอยู่ในสภาพคล้ายกัน แม่ของซูถงไม่ชอบเธอ เด็กน้อยจึงติดซูฮั่นหยวนมากเป็นพิเศษ

 

“อ๋อ” ซูถงหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋าแล้ววางไว้ในมือของซูฮั่นหยวน “อาคะ หนูเอามาจากบ้านคุณตา มันหวานมากเลย! หนูเอามาสองเม็ด เก็บไว้ให้อาหนึ่งเม็ดค่ะ”

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป