หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
ตอนที่ 40 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ซูต้าเจียงไม่อยากยุ่งกับความดื้อรั้นของลูกชาย “พ่อไม่ต้องการคำขอโทษจากลูก แต่ขอเตือนว่าผู้หญิงคนนั้นแค่อยากได้งานทำ ไม่ใช่ลูก พ่อคิดว่าถ้าลูกแต่งงานกันจริง ๆ ชีวิตคู่ก็คงอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้นถ้าไม่ได้แต่งงานกับเธอก็ไม่เป็นไรหรอก”
ใช่เลย!
ซูฮั่นหยวนพยักหน้าหลายครั้ง คิดในใจว่าที่บ้านนี้ยังมีคนที่เข้าใจสถานการณ์อยู่บ้าง
ในนิยายต้นฉบับ หลินจื่อชิวสุดท้ายก็ลงเอยกับโจวหนิงไค่ ทั้งคู่เปิดโรงแรมและหาเงินได้มากมายจนไต่ระดับไปยังจุดสูงสุดของชีวิต
ซูจิ่งรุ่ยก็เป็นได้แค่ตัวละครประกอบ!
น่าเสียดายที่ตัวละครประกอบคนนี้ยังคงดื้อรั้นและอยากแต่งงานกับนางเอก
“พ่อครับ พ่อยังไม่เคยเจอชิวเอ๋อร์เลย ทำไมถึงตัดสินเธอไปแล้ว? เธอเป็นคนดีและจิตใจดีมาก เพียงแค่ครอบครัวเธอมีปัญหาบางอย่าง เธอถึงอยากได้งาน ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เธอคงไม่ขออะไรเลย” ซูจิ่งรุ่ยที่หลงรักหลินจื่อชิวจนหน้ามืดตามัวเห็นแต่ข้อดีของเธอเท่านั้น
“พ่อไม่ต้องเจอก็รู้ได้ สิ่งที่พ่อรู้คือความรักที่แท้จริงไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขมากมายขนาดนี้ ในโลกนี้ยังมีผู้หญิงดี ๆ อีกเยอะ ลูกควรลืมผู้หญิงคนนั้นแล้วหาคนอื่นเถอะ” ซูต้าเจียงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการแต่งงานของลูกชายคนที่สาม
“พ่อ!” ซูจิ่งรุ่ยทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าพ่อไม่สนับสนุนเขา เขาเดินวนไปวนมาในห้องด้วยความกระวนกระวายเหมือนมดบนกระทะร้อน “นี่มันอคติชัด ๆ ชิวเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่หายากมาก ผมจะแต่งงานกับเธอเท่านั้น!”
เฮ้อ!
ซูฮั่นหยวนรู้สึกสงสารซูจิ่งรุ่ยจริง ๆ
ตัวละครประกอบคนนี้ยังคงดำเนินตามบทของเขาอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ความฉลาดของเขาดูเหมือนจะมีขีดจำกัดแค่เพียงเล่ห์เหลี่ยมเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น “ดูสิว่าลูกจะกระวนกระวายขนาดไหน…” เว่ยกุ้ยฉินรู้สึกสงสารลูกชายคนที่สาม เขาจะอยู่เป็นโสดไปได้อย่างไร? เธอยังเฝ้าหวังที่จะได้อุ้มหลานอยู่เลย!
เว่ยกุ้ยฉินกำลังจะเกลี้ยกล่อมลูกชาย แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงใส ๆ หวาน ๆ ดังมาจากลานบ้าน
“จิ่งรุ่ย! จิ่งรุ่ยอยู่บ้านไหม?” เมื่อซูจิ่งรุ่ยได้ยินเสียงนี้ เขาราวกับถูกสิง รีบยกม่านประตูแล้ววิ่งออกไปที่ลานบ้านทันที
เขาเห็นหลินจื่อชิว ที่ปกติไม่เคยมาหาเขาที่บ้าน หล่อนยืนอยู่ในลานพร้อมกับถุงตาข่ายในมือ
ข้างในถุงมีขนมมอลโตสอยู่สองกล่อง “ชิวเอ๋อร์ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”
เขาดีใจจนแทบจะตัวลอย หลินจื่อชิวยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขาและตอบว่า “ฉันได้ยินมาว่าลุงซูหายดีจากการผ่าตัดแล้ว ฉันเลยมาที่นี่เพื่อเยี่ยมลุงซูและพูดคุยเรื่องของเราด้วย”
ซูจิ่งรุ่ยตัวเกร็งขึ้นทันทีและถามด้วยความกังวล “เธอมาที่นี่เพื่อบอกเลิกกับฉันหรือเปล่า”
หลินจื่อชิวหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับยกมือปิดปากเขา “ดูเธอสิ ตกใจอะไรขนาดนั้น ไม่ใช่หรอกน่า”
“แล้วเธอ…”
“เดี๋ยวก็รู้เอง” หลินจื่อชิวยิ้มอย่างเรียบง่าย
“เธอจะไม่พาฉันเข้าบ้านไปแนะนำตัวหน่อยหรือ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของหล่อน ซูจิ่งรุ่ยก็เหมือนถูกมนต์สะกด รีบพาหล่อนเข้าบ้านด้วยความตื่นเต้น
“พ่อ แม่ ชิวเอ๋อร์มาบ้านเรา” เมื่อได้ยินว่านางเอกมาแล้ว ซูฮั่นหยวนก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นทันที
ในเวลานี้ หลินจื่อชิวยังเป็นเหมือนดอกไม้ขาวที่น่าสงสาร และกำลังอยู่ในช่วงที่ลำบากที่สุดในชีวิต
หล่อนรวบผมไว้ด้านหลังและสวมเสื้อโค้ทสีฟ้าเรียบง่าย มีรอยยิ้มเขินอายบนใบหน้า และลักษณท่าทางเหมือนดอกลิลลี่ที่เบ่งบานในหุบเขามืด ท้ายที่สุด หล่อนก็คือนางเอกของนิยายเรื่องนี้ ที่ผู้เขียนมอบความเอ็นดูให้มากมาย
ตอน ที่ 41 คิดเห็นอย่างไร
“ไอ๊หยา ชิวเอ๋อร์มาแล้วเหรอ! กินข้าวมาหรือยัง? มานั่งกินด้วยกันเถอะ” เมื่อเว่ยกุ้ยฉินเห็นว่าที่สะใภ้คนที่สามมาเยี่ยมถึงบ้าน หล่อนก็ลุกขึ้นมาต้อนรับอย่างอบอุ่น
“ป้ากุ้ยคะ หนูกินมาแล้วค่ะ ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ หนูได้ยินว่าลุงซูผ่าตัดเลยแวะมาเยี่ยมดูอาการค่ะ” หลินจื่อชิวพูดพร้อมกับยื่นถุงตาข่ายในมือให้
“ดูสิ ลูกเอ้ย แค่มาเยี่ยมก็ดีแล้ว ทำไมต้องซื้ออะไรติดมือมาด้วย ไอ๊หยา ขนมมอลโตสนี้แพงมาก! หนูก็ลำบากอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องเสียเงินซื้อของแบบนี้ด้วย” เว่ยกุ้ยฉินบ่น แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หล่อนยื่นมือไปรับขนมมอลโตส “อย่าทำแบบนี้อีกนะ ถ้าทำอีก ป้าจะโกรธจริง ๆ แล้วนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ” หลินจื่อชิวยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับมองไปที่ซูต้าเจียง “ลุงซูคะ อาการฟื้นตัวเป็นยังไงบ้างคะ”
ซูต้าเจียงสังเกตเด็กสาวคนนี้โดยไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้เห็น รูปลักษณ์ของเด็กคนนี้ไม่เลว หล่อนแต่งตัวเรียบง่าย พูดจาและทำสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ดูแล้วก็เหมาะสมกับลูกชายของเขา
แต่เรื่องงาน… เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“อาการดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ขอบใจหนูมากนะ เสี่ยวหลิน ขอบคุณสำหรับของขวัญด้วย” ซูต้าเจียงกล่าวขอบคุณ
“มาเถอะ ๆ อย่ายืนคุยกันอยู่เลย ในเมื่อมาถึงแล้วก็นั่งลงก่อนสิ” เว่ยกุ้ยฉินขยับเก้าอี้เพื่อให้มีที่ว่างมากขึ้น
ซูจิ่งรุ่ยรู้สึกสังเกตการณ์อยู่ตลอด เขารีบยกเก้าอี้มาอีกตัวแล้ววางไว้ข้างโต๊ะ “ชิวเอ๋อร์ นั่งสิ”
“ค่ะ” หลินจื่อชิวนั่งลงอย่างเขินอาย
เว่ยกุ้ยฉินเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดี จึงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมาเพื่อจะดูว่าหลินจื่อชิวคิดอย่างไรกับเรื่องที่เพิ่งคุยกันไป
“ชิวเอ๋อร์ พวกเราเพิ่งคุยเรื่องของหนูกับจิ่งรุ่ยกันอยู่พอดี ในเมื่อหนูมาวันนี้ ป้าขอถามอะไรหน่อยนะ หนูคิดยังไงกับเรื่องที่จิ่งรุ่ยอยากแต่งงานกับหนู” ทันทีที่พูดจบ ทุกคนที่โต๊ะต่างก็มองไปที่หลินจื่อชิว
หลินจื่อชิวกัดริมฝีปากล่าง ดูเหมือนว่ากำลังลำบากใจ
หัวใจของซูจิ่งรุ่ยพุ่งขึ้นไปที่อก มือของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเพราะกลัวว่าหลินจื่อชิวจะปฏิเสธการแต่งงานนี้ตรง ๆ
“ชิวเอ๋อร์ เรากำลังพยายามหาทางเรื่องงานให้เธออยู่ เธอจะรอฉันได้ไหม” เขาพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซูต้าเจียงไม่ชอบท่าทางน่าอายของลูกชาย เขาไอเบา ๆ สองครั้งแล้วถามหลินจื่อชิวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ลุงได้ยินจากจิ่งรุ่ยว่าหนูไม่ต้องการสินสอด หนูแค่อยากได้งานทำใช่ไหม”
“ค่ะ ลุงซู หนูคิดแบบนั้นจริง ๆ” หลินจื่อชิวพยักหน้า
“ถ้าหางานไม่ได้ หนูก็จะไม่แต่งงานกับจิ่งรุ่ยใช่ไหม” ซูต้าเจียงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ชิวเอ๋อร์ หนูไม่ได้รักจิ่งรุ่ย หนูแค่ต้องการหา...” แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลินจื่อชิวก็ขัดจังหวะขึ้นมา
“ลุงซู” หลินจื่อชิวมองเขาด้วยท่าทางรู้สึกผิด “หนูรู้ว่าการขัดจังหวะผู้ใหญ่นั้นเสียมารยาท แต่หนูจำเป็นต้องอธิบายค่ะ ที่หนูมาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้จริง ๆ”
“งั้นก็บอกลุงมา ลุงอยากฟังความคิดของหนู” ซูต้าเจียงจ้องมองเธอ
“เหตุผลที่หนูอยากได้งานก็เพราะหนูคิดว่าผู้หญิงถึงแม้จะแต่งงานแล้วก็ไม่ควรอยู่เฉย ๆ และพึ่งพาสามีอย่างเดียว ยิ่งกว่านั้นทุกคนก็รู้ดีถึงสภาพครอบครัวของหนู แม่ของหนูไม่มีความสามารถในการทำงานและต้องพึ่งหนูเพื่อเลี้ยงดู ถ้าหนูแต่งงานกับจิ่งรุ่ยและไม่มีงานทำ จิ่งรุ่ยจะต้องเลี้ยงดูทั้งหนูและแม่ของหนูด้วย มันจะเป็นภาระหนักสำหรับเขา...”
ตอนที่ 42: คำขอเล็กๆ
"ต้าเจียง ดูสิ ไม่น่าเชื่อว่าชิวเอ๋อร์จะคิดแบบนี้" เว่ยกุ้ยฉินอยากให้ลูกชายคนที่สามแต่งงานเร็วๆ อยู่แล้ว จึงรีบพูดสนับสนุนหลินจื่อชิว
"งั้นหรือ?" เหตุผลนี้ยังไม่สามารถทำให้ซูต้าเจียงเชื่อได้
"ที่จริง...ไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะ" หลินจื่อชิวก้มหน้าลงอย่างเขินอาย "ที่จริงหนูก็มีเหตุผลส่วนตัวของหนู ทุกคนในแถวนี้รู้ดีว่าซูจิ่งรุ่ยมีเพื่อนที่คบกันแค่ฉาบฉวยและเขาก็ขี้เกียจ หนูกลัวว่าเขาจะหาเงินไม่ได้หลังแต่งงาน แล้วเราจะไม่อดตายหรือคะ? เพราะอย่างนี้หนูถึงอยากได้งานทำ แต่พูดตามตรงนะคะ ซูจิ่งรุ่ยดีกับหนูมาก หนูเห็นแล้วล่ะ"
"ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะอยากได้งานไปทำไมอีก?" อู๋เจียวเจียวแทรกขึ้นมา "ถ้าเธอชอบน้องสามจริงๆ ก็ไม่ควรจะต้องการอะไรทั้งนั้น"
"พี่สะใภ้! เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับพี่ด้วย? ทำไมต้องมาแทรกอีกล่ะ!" ซูจิ่งรุ่ยไม่พอใจอู๋เจียวเจียวมาก ทีผ่านมาเขามักจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้หลินจื่อชิวรู้สึกดีกับเขา เพราะกลัวว่าการแต่งงานนี้จะล้มเหลว
อู๋เจียวเป็นคนเจียวไม่คิดอะไรมาก พูดออกมาโดยไม่ไตร่ตรอง ถ้าเธอทำให้หลินจื่อชิวโกรธไป การแต่งงานที่ดีอย่างนี้จะหาได้จากที่ไหนอีก?
"จิ่งรุ่ย" หลินจื่อชิวห้ามปรามซูจิ่งรุ่ยและหันไปพูดกับอู๋เจียวเจียว "พี่สะใภ้พูดถูกค่ะ หนูคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ที่จริงหนูแค่อยากบอกว่า...หนูไม่อยากได้งานทำแล้ว ไม่ต้องการสินสอดด้วย หนูยินดีที่จะแต่งงานกับซูจิ่งรุ่ยค่ะ"
ซูจิ่งรุ่ยอึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
เขาอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตั้งสติได้ "เธอ...พูดจริงเหรอ? ชิวเอ๋อร์"
"ใช่ค่ะ มันเป็นความจริง หนูไม่ได้โกหก" หลินจื่อชิวพูดด้วยความมั่นใจ
"ไอ๊หยา!" เว่ยกุ้ยฉินดีใจจนตะลึง ตบต้นขาของตัวเองแล้วพูดเสียงดังกับซูต้าจียงว่า "ฟังสิ ต้าเจียง ฟังให้ชัดเลยนะ ชิวเอ๋อร์เป็นเด็กดีขนาดนี้ หายากจริงๆ ลูกสามของเรานี่โชคดีจริง ๆ! ครอบครัวซูของเราโชคดีจริง ๆ!"
ซูต้าเจียงไม่คาดคิดว่าหลินจื่อชิวจะไม่ต้องการอะไรเลย ทำให้เขาเริ่มมองหลินจื่อชิวในมุมใหม่ เริ่มเชื่อในสิ่งที่หล่อนพูดก่อนหน้านี้
"หนูคิดดีแล้วใช่ไหม?" เขาถาม
"ใช่ค่ะ หนูไม่ต้องการอะไรเลย! ขอแค่ซูจิ่งรุ่ยดีกับหนู หนูก็จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต!" หลินจื่อชิวพูดอย่างหนักแน่น
"พ่อครับ แม่ครับ! ได้ยินไหม? ได้ยินไหม?" ความดีใจของซูจิ่งรุ่ยอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ใบหน้าของเขาดูมีความสุขราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
ซูฮั่นหยวนรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
หลินจื่อชิวไม่ต้องการงานทำอีกแล้วเหรอ?
ในบทต้นฉบับมันบอกไว้ชัดเจนว่าเธอไม่ชอบซูจิ่งรุ่ยและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแต่งงานกับเขา แล้วทำไมตอนนี้เนื้อเรื่องถึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง?
มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ไม่อย่างนั้นหลินจื่อชิวคงไม่ตัดสินใจแบบนี้หรอกใช่ไหม?
แม้ว่าเธอจะเข้ามาและเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง มันก็ควรจะเป็นเพราะหลินจื่อชิวไม่ได้งานที่หล่อนต้องการและตัดสินใจที่จะไม่แต่งงานกับซูจิ่งรุ่ย
หล่อนไม่ควรจะเป็นฝ่ายออกมาพูดเองว่าไม่ต้องการสินสอดหรืองานเพื่อแต่งงานกับซูจิ่งรุ่ย
"แม่ได้ยินแล้ว ได้ยินแล้ว" เว่ยกุ้ยฉินที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาทแต่กลับได้ลูกสะใภ้มาแบบฟรีๆ หล่อนดีใจยิ่งกว่าใคร "ชิวเอ๋อร์ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงหนูไม่ต้องการ ป้าก็จะไม่ทำให้หนูผิดหวังแน่นอน ถ้าจิ่งรุ่ยไม่ทำตัวดีกับหนูหลังแต่งงาน ป้าจะสั่งสอนเขาเอง"
"ค่ะ" หลินจื่อชิวตอบพร้อมรอยยิ้ม "แต่ว่าหนูมีเรื่องเล็ก ๆ อยากจะขอร้อง หวังว่าคุณป้าจะพิจารณา"