หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
“คุณคือ...”
“ลืมไปแล้วหรือ?” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง “ผมเห็นคุณต่อสู้กับยัยนั่นจากสหภาพเมื่อวานนี้”
ซูฮั่นหยวนจำได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่เชียร์และผิวปากตอนนั้น
คนคนนี้ถึงขนาดถามชื่อเธอและหาเจอภายในวันเดียว
“คุณนี่เหลือเกินจริงเชียว” เธอพ่นลมทางจมูกกับคำพูดหยาบของเขา “เรียกฉันมีอะไร”
“มีเรื่องที่อยากคุยกับคุณหน่อย” เขายิ้มกว้าง
“คุยเรื่องอะไร”
“เรื่องเรียน”
เธอประหลาดใจ “คุณกับฉัน... จะมาคุยเรื่องเรียนกัน?”
“ใช่แล้ว!” เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเธอ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อเส้าฟง ผมเป็นคนงานที่ไม่มีการศึกษา แต่น้องสาวของผมไม่ใช่! เธอจบมัธยมปลายและตั้งใจจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ผมได้ยินว่าปีหน้าในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะมีวิชาภาษาอังกฤษ ผมก็เลยหวังว่าคุณจะช่วยสอนเธอหน่อย เธอเป็นคนขี้อาย ก็เลยให้ผมมาหาคุณแทน”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันรู้ภาษาอังกฤษ?” ซูฮั่นหยวนประหลาดใจ เธอเพิ่งจะบอกจู้หลินเรื่องนี้เท่านั้นเอง เพื่อนร่วมห้องของเธอช่างเป็นคนปากเบา ในชั่วพริบตาเรื่องนี้ก็แพร่กระจายออกไปแล้ว
“ฮิฮิ!” เส้าฟงรู้ว่าเธอเดาถูก “จริง ๆ แล้วน้องสาวของผม เส้าหยู รู้จักกับเพื่อนร่วมห้องของคุณ เธอเคยไปเรียนภาษาอังกฤษกับเฉียวซาซ่าที่สหภาพ แต่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน... ยัยนั่นเลยไม่ยอมสอนเธอ”
ซูฮั่นหยวนหัวเราะออกมา “ก็เพราะคุณไปเยาะเย้ยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ!”
“ใช่เลย!” เขาเกาหัวอย่างเขินอาย “น้องสาวของผมร้องไห้ใส่ผมทั้งคืน ผมเลย... ไม่รู้จะทำยังไง พอดีเจอจู้หลิน เธอบอกว่าภาษาอังกฤษของคุณเก่งมาก ผมเลยอยากขอให้คุณช่วยสอนน้องสาวของผมหน่อย ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะจ่ายเงินให้คุณ ผมไม่อยากให้คุณสอนฟรี ๆ”
เธอตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล “ไม่เป็นไรเลย ฉันไม่อยากได้เงินหรอก ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของเพื่อนร่วมห้องฉัน เราก็มาเรียนด้วยกันได้ ยังไงก็เป็นแค่การเรียนอยู่ดี แม้จะมีคนเพิ่มขึ้นอีกคนก็ไม่เป็นไร บางทียิ่งมีคนเยอะบรรยากาศก็ยิ่งดี”
"จริงหรือ" ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าเธอจะตอบตกลงง่ายขนาดนี้ “เยี่ยมเลย! เอาแบบนี้ พรุ่งนี้กับมะรืนนี้พวกเรามีวันหยุด ผมจะให้เธอไปเรียนกับคุณ”
“พรุ่งนี้ไม่ได้ ฉันต้องกลับบ้าน วันมะรืนได้อยู่” เธอตอบ
“ตกลง วันมะรืนนี้แล้วกัน!” เส้าฟงดีใจมาก เขาไม่คาดคิดว่าหญิงสาวคนนี้จะใจดีขนาดนี้ “ขอบคุณนะ ซูฮั่นหยวน!”
“คุณเกรงใจไปแล้ว” เธอโบกมือ “ฉันไม่มีเวลาคุยกับคุณแล้ว ยังมีงานต้องทำอีก ให้เธอมาหาฉันเองแล้วกัน”
“แน่นอน ๆ”
ซูฮั่นหยวนเดินสำรวจรอบ ๆ โรงงาน หาข้อมูลและวัสดุจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงงาน เมื่อคำนวณคร่าว ๆ ว่ามีข้อมูลเพียงพอสำหรับรายงานบนบอร์ดแล้ว เธอก็กลับไปที่ห้องทำงานของแผนกประชาสัมพันธ์
รายงานบนบอร์ดจะออกสัปดาห์หน้า ดังนั้นเธอจึงไม่รีบร้อน เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น เธอเก็บของและรีบกลับไปที่หอพัก
เมื่อจู้หลินเห็นว่าเธอกลับมาแล้ว เธอก็รีบเล่าเรื่องเส้าฟงและน้องสาวของเขาให้ฟัง เพราะอยากจะขอความคิดเห็นจากซูฮั่นหยวนว่าควรจะพาคนเพิ่มมาเรียนได้ไหม
“ผู้ชายคนนั้นมาหาฉันแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เราสามารถเรียนด้วยกันได้แม้ว่าจะมีคนเพิ่มขึ้นมา บรรยากาศอาจจะดีกว่าเดิมก็ได้”
“ขอบคุณนะ ฉันกลัวว่าเธอจะไม่อยากรับ”
ซูฮั่นหยวนหัวเราะ “ทำไมฉันจะไม่อยากรับล่ะ ใครจะรู้ ถ้ากลุ่มนี้ใหญ่ขึ้น ฉันอาจจะเปิดศูนย์กวดวิชาก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะคิดเงินคนที่มาเรียน”
เมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว ใช่แล้ว ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ศูนย์กวดวิชาเริ่มปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก
อย่างเช่น Crazy English ของหลี่หยางหรือ New Oriental English... ศูนย์กวดวิชาเหล่านี้ค่อย ๆ กลายเป็นโรงเรียนที่ทำเงินได้มากมาย
อืม... บางทีเธออาจจะพิจารณาเรื่องนี้ มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเธอก็ได้!