หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
“ก็ได้!” จู้หลินกัดฟันพูด “ลองดูสักตั้ง!”
“เยี่ยมมาก” ซูฮั่นหยวนยิ้ม เธอหาข้อมูลไว้แล้ว หากต้องการเข้ามหาวิทยาลัยเย่หรือวิทยาลัยเพื่อการสื่อสาร พวกเธอจะต้องทำงานแบบเต็มเวลา มีประกาศนียบัตรมัธยมปลาย และต้องทำงานมามากกว่าห้าปี
เมื่อถึงการสอบปีหน้า เธอก็จะทำงานที่โรงงานนี้ครบห้าปีพอดี
ดังนั้นงานนี้จึงยังคงสำคัญสำหรับเธอและเป็นสาเหตุที่เธอไม่ยอมยกให้ใครไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
“ไว้ไปลงทะเบียนด้วยกันเมื่อถึงเวลา” จู้หลินพูดอย่างตื่นเต้น
“ได้!” ซูฮั่นหยวนเห็นด้วย หากต้องการสมัครเรียนก็ต้องรอจนถึงปีหน้า ช่วงนี้ก็อ่านหนังสือเตรียมสอบไปก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูฮั่นหยวนไปที่แผนกประชาสัมพันธ์และกรอกแบบฟอร์มเข้าพักของโรงงาน
หลังจากกรอกแบบฟอร์มแล้ว เธอก็นำไปที่แผนกโลจิสติกส์
เมื่อเธอกลับมาก็เห็นว่าหัวหน้าหนิ่วหงเซี่ยกำลังประชุมกับพนักงานสองคนจากแผนกประชาสัมพันธ์ ทั้งสามคนนั่งกันอยู่รอบ ๆ เตาถ่านหินในห้องและกำลังหารือเกี่ยวกับคำสั่งซื้อใหม่
เมื่อหัวหน้าเห็นเธอก็โบกมือให้เดินมาหา “ฮั่นหยวน รีบนำสมุดบันทึกของเธอมานี่เร็วเช้า มีงานใหม่เข้ามา ฉันจะมอบหมายงานให้ทำ”
“ค่ะ” เธอรีบเดินเข้าไปและหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาแล้วดึงเก้าอี้มานั่ง
ข้างนอกหิมะตกแต่ข้างในกลับอบอุ่น เตาถ่านก้อนลุกเป็นไฟและมีหม้อน้ำร้อนตั้งอยู่
ขณะที่ซูฮั่นหยวนฟังหัวหน้า มือที่เย็นของเธอก็วนเวียนอยู่รอบเตาเพื่ออบอุ่นร่างกาย
“ใกล้ปีใหม่แล้ว หัวหน้าโรงงานบอกกำไรปีนี้ค่อนข้างดีเลยอยากจัดงานเลี้ยงเพิ่มขวัญกำลังใจคนงานของเราเป็นการต้อนรับปีใหม่ งานนี้แผนกเราเป็นคนจัดเตรียมงาน ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนในการเตรียมตัว ฉันหวังว่าพวกเธอจะตั้งใจทำงานนี้ให้ออกมาดีที่สุด ช่วงนี้มีงานอะไรก็ทำไป เวลาที่เหลือก็เตรียมงานเลี้ยงไปด้วย”
“หัวหน้าไม่ต้องกังวล พวกเราสัญญาว่าจะทำงานให้สำเร็จ!” หลินชิงอี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้และยืนตัวตรง ประกาศเสียงดังพร้อมกับใช้มือทุบอก
เสียงของเธอดังมากทำเอาซูฮั่นหยวนถึงกับสะดุ้งตกใจ
“ดี! ดีมาก!” หนิ่วหงเซี่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็มองไปที่ซูฮั่นหยวนและผู้ชายที่ชื่อเจียงกัว “แล้วพวกเธอล่ะ?”
“
ผมมั่นใจว่าจะทำงานออกมาให้ดีที่สุดครับ!" เขาลุกขึ้นทันทีและแสดงออกถึงความมั่นอกมั่นใจ
“หัวหน้าคะ ฉันมีคำถามค่ะ” แทนที่จะแสดงออกถึงความมั่นใจ ซูฮั่นหยวนกลับกังวลกับสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยมากกว่า “แผนกของเรามีคนเพียงห้าคนเท่านั้น พี่จางก็กำลังจะลาคลอด ตอนนี่พี่ฉีก็ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ฉันไม่คิดว่าเรามีกำลังคนพอนะคะ”
“เราสามารถยืมกำลังคนจากสหภาพได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“อีกเรื่องหนึ่ง” เธอพูดต่อ “เราจะยังรายงานกระดานดำต่อไปไหมคะ?”
“แน่นอน! เราต้องให้ความสำคัญกับงานนี้อย่างจริงจัง แต่เราไม่สามารถละเลยหน้าที่ที่ทำปัจจุบันของเราได้!”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากที่หนิ่วหงเซี่ยพูดจบ เธอก็ปิดสมุดบันทึกและยัดปากกาหมึกซึมลงในกระเป๋าหน้าอกเสื้อ จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ตั้งใจทำงานให้ดี จบงานเลี้ยงแล้วโรงงานจะให้รางวัลแก่แผนกของเรา เราจะได้รับโบนัสสิ้นปีด้วยนะ”
“ค่ะ/ครับหัวหน้า!” ทุกคนโห่ร้องพร้อมกัน
“เอาล่ะ กลับไปทำงานได้!”
เมื่อหัวหน้าจากไปแล้ว หลินชิงอี้ก็หันไปสนทนากับเจียงกัว พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันเป็นเวลานานเกี่ยวกับงานที่ต้องทำต่าง ๆ
หลังจากพูดคุยกันแล้วทั้งสองก็หยิบสมุดบันทึกแล้วออกไป