หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
ขั้นการใช้พลังปราณ เพื่อฝึกวรยุทธ์และปราณฤทธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์บนดาวเคราะห์สีแดงหงหมิง มีดังนี้
1.นักยุทธ์ขั้นผสานกายา เป็นการดูดซับพลังปราณเพื่อนำพลังปราณผสานเข้ากับร่างกาย ให้ร่างกายเเข็งแกร่งเหนือคนธรรมดาทั่วไปและสามารถเริ่มฝึกวรยุทธ์ได้ แบ่งเป็นระดับ 1 ถึง 9
2.นักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณ เป็นการดูดซับพลังปราณเข้าไปรวบรวมเอาไว้ที่ร่างกาย ขั้นนี้จะสามารถเริ่มใช้พลังปราณโจมตีออกจากร่างกายได้ แบ่งเป็นระดับ 1 ถึง 9
3.นักยุทธ์ขั้นปราณวารี ขั้นนี้จะสามารถเปิดจุดตันเถียนได้ และเริ่มกลั่นพลังปราณในจุดตันเถียนให้กลายเป็นหยดของเหลว แบ่งเป็นระดับ 1 ถึง 9
4.นักยุทธ์ขั้นปราณปฐพี เป็นการควบแน่นหยดน้ำพลังปราณในจุดตันเถียน ให้กลายเป็นผลึกแข็ง แบ่งเป็นระดับ 1 ถึง 9
5.นักยุทธ์ขั้นปราณนภา เป็นการส่งพลังปราณจากผลึกปราณในจุดตันเถียน ไปทะลวงจุดลมปราณต่างๆ ในร่างกายทั้ง 108 จุด แบ่งเป็นระดับ 1 ถึง 9
ระดับที่ 1 ถึง 3 คือขั้นต้น
ระดับที่ 4 ถึง 6 คือขั้นกลาง
ระดับที่ 7 ถึง 9 คือขั้นสูง
ส่วนระดับขั้นที่สูงกว่านักยุทธ์ขั้นปราณนภาก็คือขั้นเซียน
อนึ่ง ยศตำแหน่งทางทหารของกองทัพแห่งอาณาจักรต้าเหมิง นั้นมีดังนี้
1.พลทหาร : นักสู้ทั่วไปและนักยุทธ์ขั้นผสานกายา ระดับที่ 1 ถึง 9 สวมชุดเกราะรบสีดำ
2.หัวหมู่ : นักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นต้น ระดับที่ 1 ถึง 3 สวมชุดเกราะรบสีดำขลิบเขียว
4.นายกอง : นักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นกลาง ระดับที่ 4 ถึง 6 สวมชุดเกราะรบสีเขียวเข้ม
5.ขุนศึก : นักยุทธ์ขั้นผสานลมปราณขั้นสูง ระดับที่ 7 ถึง 9 สวมชุดเกราะรบสีน้ำตาลเข้ม
6.ขุนพล : นักยุทธ์ขั้นปราณวารีขั้นต้น ระดับที่ 1 ถึง 3 สวมชุดเกราะรบสีน้ำเงินเข้ม
7.แม่ทัพ : นักยุทธ์ขั้นปราณวารีขั้นกลาง ระดับที่ 4 ถึง 6. สวมชุดเกราะรบสีแดงเข้ม
8.แม่ทัพใหญ่ : นักยุทธ์ขั้นปราณวารีขั้นสูง ระดับที่ 7 ถึง 9 สวมชุดเกราะรบสีม่วงเข้ม
9.จอมพล : นักยุทธ์ขั้นปราณปฐพี ขึ้นไป สวมชุดเกราะรบสีเงินขลิบทอง
และยังมีตำแหน่งสนับสนุนอีกหลายตำแหน่งเช่น เสนาธิการทหาร นักกลยุทธ์การทหาร พลาธิการทหาร หมอทหาร ทหารหน่วยพยาบาล ทหารหน่วยขนส่ง ทหารสื่อสาร ทหารเกะรอย ฯลฯ
สำหรับนักยุทธ์ขั้นปราณนภา ทุกอาณาจักรได้ทำข้อตกลงกันเอาไว้ว่า จะมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการสู้รบของกองทัพ
เพราะนักยุทธ์ขั้นปราณนภานั้น สามารถทำลายกองทัพทหารนับหมื่นนาย ลงได้อย่างง่ายดาย
จึงมิให้ขั้นปราณนภา เข้าร่วมในการรบของกองทัพ แต่สามารถเป็นผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิของอาณาจักรได้
ในตอนนี้ หลิวชุน ยังมีเวลาเหลืออีก 2 เดือน ก่อนที่กองพลทหารแห่งเมืองอันซุย จะเปิดรับสมัครนักเรียนฝึกทหาร ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ท่านอาจารย์จ้าวฟูหยาง ได้ทำการชำระประวัติให้กับหลิวชุน ทำให้ในเอกสารใบเกิดของหลิวชุน ในตอนนี้ หลิวชุนมีอายุ 18 ปีเต็มแล้ว ทั้งๆที่ความจริงแล้ว หลิวชุนมีอายุ 17 ปี กับอีก 1 เดือนเพียงเท่านั้น
ที่ท่านอาจารย์จ้าวฟูหยางต้องทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะ ท่านอาจารย์จ้าว ต้องการให้หลิวชุนรีบเข้าไปเป็นนักเรียนฝึกทหาร ซึ่งต้องใช้เวลาในการฝึก ถึง 2 ปี
หลังจากนั้น หลิวชุน จะสามารถบรรจุเข้าเป็นพลทหาร และขยับขยายเป็นนักกลยุทธ์ทางการทหาร ที่หลิวชุนผ่านการสอบกับทางราชสำนักต้าเหมิงมาแล้ว ได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อเตรียมการรับมือกับการก่อกบฏลวงตาขององค์ชายรัชทายาทต่อไป
หลังจากแยกกับท่านอาจารย์จ้าว และศิษย์พี่เตียแล้ว หลิวชุนก็กลับไปยังอำเภออันจง
ช่วงเวลา 2 เดือนนี้เขาอยากใช้ชีวิตกับครอบครัวของเขาให้เต็มที่
หลิวชุนบอกกับทางตระกูลว่า ท่านอาจารย์จ้าว ได้ช่วยชำระเอกสารใบเกิดให้กับเขา จนเขาสามารถเป็นนักเรียนฝึกทหารได้เร็วขึ้น 1 ปี
แต่หลิวชุน ก็มิได้บอกถึงเรื่องการก่อกบฏ อันเป็นความลับสุดยอดในระดับอาณาจักร
ใน 2 เดือนนี้ หลิวชุนเน้นการฝึกฝนทางด้านร่างกาย เพราะในการเป็นนักเรียนฝึกทหาร ทางครูฝึกจะเน้นในการเสริมสร้างร่างกายให้เเข็งแกร่ง
เพราะนักเรียนฝึกทหารเเม้จะมิได้เป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ ขั้นผสานกายาก็สามารถมาสมัครได้ เพราะผู้ฝึกวรยุทธ์นั้นก็หายากพอสมควร มิใช่ว่าชาวบ้านธรรมดาทั่วไป จะสามารถฝึกวรยุทธ์ได้กันทุกคน
ดังนั้นการมาสมัครเป็นนักเรียนฝึกทหาร ก็คือการเริ่มต้นฝึกวรยุทธ์ของคนธรรมดาทั่วไปหลายๆคน
เช้านี้หลิวชุน จึงไปขอใช้เครื่องวัดกำลังกายที่สำนักฝึกยุทธ์หมัดทลายฟ้า สำนักเดิมของเขา โดยมิได้ใช้พลังปราณเข้าช่วย
ผลปรากฏว่า หลิวชุน มีพลังหมัดอยู่ที่ 100 กีลา
พลังเตะอยู่ที่ 200 กีลา
และยกน้ำหนักได้ 250 กีลา
ซึ่งถือว่าสูงมากแล้ว เมื่อเทียบกับคนทั่วไป
( 1 กีลา = 1 กิโลกรัม )
ต้องมิลืมว่าดาวเคราะห์หงหมิงสีแดงดวงนี้ มีพลังปราณที่หนาแน่น เเทรกอยู่ในทุกอณูของดวงดาว
ผู้คนและสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ บนดาวดวงนี้ จึงมีร่างกายที่แข็งแรงมาตั้งแต่เกิด แม้จะมิได้ฝึกวรยุทธ์ก็ตาม