หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เมื่อหลิวชุนได้รับ โล่เกราะปลายแขนมาจากโรงสรรพาวุธแล้ว เขาจึงไปขอเข้าพบท่านขุนพล
ท่านขุนพลผู้นี้ มีนามว่า อี้จาง เขามีรูปร่างที่สูงใหญ่ ขาข้างหนึ่งของเขาเป็นขาเทียม แต่มันก็มิได้ทำให้ความแข็งแกร่ง ในขั้นปราณวารีขั้นต้น ระดับที่ 1 ของเขาลดลงแต่อย่างไร
ท่านขุนพลอยู่ในชุดเกราะรบ สีน้ำเงิน อันเป็นสีชุดเกราะรบประจำตำแหน่งขุนพล
ชุดเกราะของพลทหาร และหัวหมู่ มีสีดำ
ชุดเกราะของนายกอง มีสีเขียวเข้ม
ชุดเกราะของขุนศึก มีสีน้ำตาล
ชุดเกราะของขุนพล มีสีน้ำเงิน
ชุดเกราะของแม่ทัพ มีสีแดง
ชุดเกราะของแม่ทัพใหญ่ มีสีม่วง
ชุดเกราะของจอมทัพ และท่านอ๋อง มีสีเงินขลิบทอง
ชุดเกราะขององค์จักรพรรดิ์ มีสีทอง
กลับมาที่ห้องทำงานของท่านขุนพลอี้ หลังจากต่างฝ่ายต่างทำการคารวะกันแล้ว
"ท่านขุนพลอี้ ข้าหลิวชุน ต้องขอขอบคุณท่านมาก ที่ท่านได้ให้โรงสรรพาวุธ ทำการสร้างโล่เกราะปลายแขนให้แก่ข้าขอนับ" ชุน 1 กล่าวออกมา
"เชิญท่านผู้ตรวจราชการหลิว นั่งก่อนเถิดขอรับ"
กองทหารมีระดับดังนี้
1.หน่วยทหารย่อย 1 หน่วยจะมีทหารอยู่ 10 นาย มีหัวหมู่ เป็นหัวหน้าหน่วย 10 หน่วยย่อย จะรวมเป็น 1 กองร้อย
2.กองร้อยทหาร 1 หน่วยจะมีทหารอยู่ 100 นาย มีนายกอง เป็นหัวหน้ากองร้อย 10 กองร้อย จะรวมเป็น 1 กองพัน
3.กองพันทหาร 1 กองพันจะมีทหารอยู่ 1,000 นาย มีขุนศึก เป็นผู้กำกับการกองพัน 10 กองพัน จะรวมกันเป็น 1 กองพล
4.กองพลทหาร 1 กองพลจะมีทหารอยู่ 10,000 นาย มีขุนพลเป็นผู้บังคับการกองพล
กองพลทหาร จะเป็นกองทหารที่อยู่ประจำเมืองต่างๆ ของราชอาณาจักรต้าเหมิง
ส่วนในระดับอำเภอ จะไม่มีกองทหารประจำการอยู่ แต่หากมีเรื่องทางทหารเกิดขึ้น กองพลทหารประจำเมือง ก็จะส่งทหารเข้าปฏิบัติการยังอำเภอต่างๆในทันที
ชุน 1 ในฐานะผู้ตรวจราชการเเห่งมณฑลภาคเหนือ ได้พูดคุยเรื่องกิจการทางการทหารกับท่านขุนพลอี้ เกี่ยวกับเรื่องต่างๆของกองพลทหารประจำเมืองอันซุย
ซึ่งในปัจจุบัณนี้กิจการการดำเนินงานของกองพลทหาร ก็ยังมิมีปัญหาใดๆ เมื่อพูดคุยกันแล้วเสร็จแล้ว ชุน 1 ก็ขอตัวกลับไปยังอำเภออันจง
โดยท่านขุนพลอี้ ได้ให้เรือลาดตระเวณขนาดกลางของกองพลทหาร มาส่งชุน1 ถึงยังอำเภออันจง ซึ่งถือว่าเป็นการให้เรือลาดตระเวณไปปฏิบัติภารกิจ ลาดตระเวณตรวจตราทางลำน้ำไปด้วยในตัว
ซึ่งชุน 1 ก็มิได้ปฏิเสธแต่อย่างไร การเดินทางกลับในครั้งนี้ ใช้เวลา 2 วัน จากความเร็วสูงสุดที่เรือลาดตระเวณทำได้ในเวลาเพียงครึ่งวัน เนื่องจากเรือลาดตระเวณมิได้ใช้ความเร็วเต็มที่ ยังคงปฏิบัติภารกิจตรวจตราตามสถานที่ต่างๆ ไปในตัวด้วย
เมื่อกลับมาถึงยังบ้านตระกูลหลิว หลิวชุนก็เริ่มรู้สึกได้ว่า ชีวิตของเขาเริ่มลงตัวแล้ว
หลังจากที่ออกเดินทางกับท่านอาจารย์จ้าวฟูหยาง 5 ปี แล้วกลับมาพบเรื่องต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อโจรปล้นแร่เหล็กสีชาด เรื่องสัญญาเช่าโกดังสินค้า เรื่องลัทธิมารโลหิต ตลอดจนถึงเรื่องการล้มล้างตระกูลลั่วและตระกูลเย่
เขาคงต้องเริ่มพัฒนาและขยายตระกูลหลิว ให้เป็นตระกูลอันดับ 1 ในอำเภออันจง อย่างจริงจังเสียที
ในส่วนของสัญญาเช่าโกดังสินค้า เมื่อพ่อค้าซูเข่อเห็นพวกหลิวชุนทำลายล้างตระกูลลั่วและตระกูลเย่ลง
เขาก็คุกเข่าอ้อนวอน ขอเป็นผู้ยกเลิกสัญญาเช่าโกดังสินค้า ด้วยตัวเองกับท่านพี่กวน ซึ่งก็จบไปได้ด้วยดี
หลิวชุนเมื่อยามอยู่ในอำเภออันจง เขาก็มิได้สวมโล่เกราะปลายแขน และหิ้วแขวนหน้าไม้ เหยี่ยวเวหา 30 เวลาที่ออกไปไหนมาไหนนอกบ้าน
เขาแขวนเพียงกระบี่ไว้ที่เอวข้างซ้ายเพียงเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติของผู้ฝึกวรยุทธ์ทั่วๆไป ที่จะพกอาวุธเช่น กระบี่ ดาบ มีด หรือหอก ติดตัวไว้ตลอดเวลา
เวลาส่วนใหญ่ของหลิวชุน นอกจากฝึกยุทธ์ และศึกษาตำราพิชัยสงครามแล้ว หลิวชุนเริ่มเรียนรู้กิจการของตระกูลหลิวอย่างจริงจัง
ทั้งการบริหารจัดการท่าเรือ โกดังสินค้าให้เช่า เหมืองแร่ และกิจการใหม่ คือกิจการบ่อนการพนันทั้ง 3 แห่ง และตลาดสด
ส่วนในช่วงเวลาเย็น หลิวชุนก็ทำการสอนวิชาภูมิศาสตร์แผนที่ วิชากฏหมายทั่วไป และกฏหมายทางธุรกิจ
ตลอดจนฝึกฝนวิชายุทธ์ ให้กับคนของตระกูลหลิวในรุ่นที่ 3 รุ่นที่ 4 รวมถึงรุ่นที่ 2 ที่มีความสนใจที่จะเข้ามาร่ำเรียน
เพื่อเตรียมความพร้อมของคนในตระกูลหลิว เมื่อมีการขยายตระกูลในอนาคตอันไม่ไกลนี้
โดยสลับกันสอนคนละวัน วันแรกสอนวิชาการ วันที่สองก็สอนวรยุทธ์ สลับกันไป
ถึงแม้ชุน 2 จะไม่สามารถถ่ายทอดเคล็ดวิชาดูดซับพลังปราณ และวิชายุทธ์ของท่านอาจารย์จ้าวฟูหยาง ให้กับคนของตระกูลหลิวได้
แต่เขาก็สามารถเป็นคู่ฝึกและให้คำแนะนำด้านวรยุทธ์พื้นฐาน กับคนของตระกูลหลิวได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะการใช้โล่ ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านอารอง
ชุน 2 มองว่าหากจะสังหารศัตรู โดยที่ตัวเองยังเสี่ยงที่จะตายได้นั้น เป็นการกระทำที่โง่เขลา ดังนั้นเขาจึงเน้นสอนการใช้โล่ ให้กับคนตระกูลหลิวทุกๆคน