หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน
เมื่อชุน 1 สลับออกมาคุมร่างแทนชุน 2 แล้ว เขาก็รีบสอบถามเหล่าทหารของอาณาจักรต้าเหมิงทั้ง 7 คนว่าเหตุการณ์ที่ถูกอสูรวานรสีน้ำเงินไล่ล่ามานี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร
หัวหมู่ทหาร ซึ่งเป็นหัวหน้าของทหารหน่วยนี้จึงกล่าวตอบชุน 1 ว่า
หน่วยของเขาได้รับภารกิจออกตามหาทหารหน่วยหนึ่งที่หายตัวไปในป่านี้ มิสามารถติดต่อทางเครื่องกลไกสื่อสารทางการทหารได้
ทหารหน่วยที่หายตัวไปมีทั้งสิ้น 10 นาย พวกเขามีภารกิจเข้ามาค้นหาหญ้าวิญญาณสีเลือด ซึ่งเป็นสมุนไพรขั้นกลาง เพิ่อที่จะนำไปปรุงเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บของท่านขุนพล แห่งค่ายกองพลทหารของเมืองจิวไห่
เนื่องจากท่านขุนพลได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับกลุ่มสายลับของอาณาจักรต้าซิว ที่ลอบเข้ามาทำการโจมตีคลังอาวุธของค่ายกองพลทหาร
ได้ยินดังนั้นชุน 1 จึงกล่าวถามหัวหมู่ผู้นั้นไปว่า
"แล้วท่านหัวหมู่จะทำเช่นไรต่อไปหรือขอรับ"
"พวกข้าก็จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ทั้งค้นหาหน่วยทหารที่หายไป และถ้าโชคดีพวกข้าอาจจะได้พบเจอกับหญ้าวิญญาณสีเลือด"
"พวกข้าต้องของขอบคุณท่านนักยุทธ์ทั้ง 4 ท่าน ที่ได้ช่วยพวกข้าเอาไว้ โดยเฉพาะท่านนักยุทธ์ผู้ที่ทำการสังหารอสูรวานรสีน้ำเงินลงได้ขอรับ" หัวหมู่ทหารกล่าว
แล้วเขาก็ยืนตัวตรง ยกกำปั้นข้างขวา ทุบเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายเบาๆ 1 ครั้ง อันเป็นการทำความเคารพแบบทหารของอาณาจักรต้าเหมิง พลทหารที่เหลืออีก 6 นายก็ทำความเคารพมายังกลุ่มของหลิวชุน ตามอย่างหัวหมู่ของพวกเขา
"พวกท่านคงมาด้วยกันหลายกลุ่มใช่หรือไม่ แล้วพวกท่านตั้งค่ายอยู่ที่ใด หากพวกข้าพบเจอคนของท่าน หรือหญ้าวิญญาณสีเลือด ข้าจะได้นำไปส่งให้ท่านได้ขอรับ" ชุน 1 กล่าวออกไป
"ต้องขอขอบใจพวกท่านมากที่มีน้ำใจอันดี พวกข้ามาด้วยกัน 1 กองร้อย จำนวน 100 นาย มีท่านนายกองเป็นผู้นำมา โดยแบ่งเป็น 10 หน่วยย่อย หน่วยละ 10 คน"
"พวกเรามิได้ตั้งค่ายอยู่เป็นหลักแหล่ง พวกเราย้ายค่ายไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะค้นหาทั้งคนและหญ้าวิญญาณ"
"ในพวกท่าน ผู้ใดมีเครื่องกลไกสื่อสารส่วนตัวหรือไม่ ข้าจะได้ทำการแลกเปลี่ยนระหัสการติดต่อเอาไว้ ถ้าเกิดว่าพวกท่านพบอะไร ก็จะได้ติดต่อกัน ทางกองทหารของเราจะรีบไปพบกับพวกท่านให้เร็วที่สุด" หัวหมู่ทหารผู้นั้นกล่าวออกมา
และแน่นอนเครื่องกลไกสื่อสารส่วนตัวนั้น ทั้ง 2 ชุนย่อมมิมีติดตัว เนื่องจากมันมีราคาที่ค่อนข้างแพงมาก
แต่ผู้พิทักษ์ทั้ง 2 คนนั้นย่อมมีไว้ใช้อยู่แล้ว ผู้พิทักษ์คนหนึ่งจึงแลกเปลี่ยนระหัสการติดต่อกับหัวหมู่ทหารเอาไว้
พวกเขาพูดคุยกันอีกเล็กน้อย แล้วจึงแยกย้ายกันไปทำภารกิจของใครของมันต่อไป
ก่อนที่จะออกจากพื้นที่ ชุน 1 ก็สลับให้ชุน 2 กลับมาคุมร่างตามเดิม ครานี้ชุน 1 ใช้เวลาสลับมาคุมร่างเพื่อพูดคุยกับพวกทหารเพียงแค่ 15 นากี
( 15 นากี = 15 นาที )
ทำให้ในวันนี้ชุน 1 ยังสามารถสลับออกมาคุมร่างได้อีกเป็นเวลา 1 ยาม กับอีก 45 นากี
พวกเขาพากันตรวจสอบศพของอสูรวานรสีน้ำเงินที่ร่างแหลกเละไปหมด หาชิ้นส่วนที่จะนำไปขายแทบไม่ได้เลย แต่ก็ยังดีที่แกนอสูรที่อยู่ตรงใต้ฐานสมองของอสูรวานรยังคงสภาพที่สมบูรณ์ ผู้พิทักษ์ที่เป็นผู้สังหารอสูรวานร จึงเก็บเอาไว้เอง
เพราะแกนอสูรสามารถใช้ทั้งนำมาปรุงยาและนำมาใช้ดูดซับพลังปราณแบบหินพลังปราณได้ แถมยังมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าหินพลังปราณทั่วๆไปเสียอีก
ตอนนี้ทั้ง 2 ชุน ยังไม่สามารถดูดซับพลังปราณจากหินพลังปราณหรือจากแกนอสูรได้ เพราะทั้ง 2 ชุนยังอยู่ในขั้นผสานกายาร่างกายยังไม่พร้อม ต้องอยู่ในขั้นผสานลมปราณแล้วเท่านั้นถึงจะดูดซับได้
แล้วพวกเขาก็เริ่มเดินทางลึกเข้าไปในป่าอีกครั้ง ครั้งนี้นายพรานเตือนให้ทั้งชุน 2 และผู้พิทักษ์ เพิ่มความระมัดระวังตัวจากพวกสัตว์อสูรให้มากยิ่งขึ้น
เพราะการที่ทหาร 1 กองร้อยเข้ามากระจายตัวกันไปในเขตป่าจันทราดำแห่งนี้ จะทำให้บรรดาสัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่ง ออกมาจากส่วนลึกของป่า เพื่อไล่ล่านักยุทธ์ ที่เป็นทหารเช่นเดียวกัน
อนึ่งมิใช่มีแต่มนุษย์ที่ไล่ล่าสัตว์อสูรเพื่อเอาอวัยวะและแกนอสูร สัตว์อสูรก็ไล่ล่านักยุทธ์ ที่มีจุดตันเถียนแล้วเช่นเดียวกัน เพราะจุดตันเถียนของนักยุทธ์ ขั้นผสานลมปราณขึ้นไปนั้น ก็เป็นอาหารบำรุงที่มีคุณค่าสำหรับสัตว์อสูร ทำให้พวกมันยกระดับขึ้นได้เช่นเดียวกัน
ธรรมชาติย่อมยุติธรรมเสมอ