Your Wishlist

เทพเซียนไร้ลักษณ์ (ตระกูลหลิว รุ่นที่ 3) (บทที่ 10 หารายได้)

Author: geesan

หลิวชุน ผู้มีหนึ่งร่างสองดวงวิญญาณ ชุน 1 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักปราชญ์ ชุน 2 ผู้มีดวงวิญญาณแห่งความเป็นนักบู๊ พวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมกันสร้างตระกูลหลิวให้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็น เทพเซียน

จำนวนตอน :

บทที่ 10 หารายได้

  • 05/02/2567

    วันนี้ชุน 1 ตื่นมาแต่เช้าตรู่ตามปรกติ เพียงแต่ว่าวันนี้เขามิได้ไปยังสำนักศึกษา เขากำลังรอแขกผู้มาเยือน ผู้จะนำเงินมาให้กับเขา 20 เหรียญเงิน

    ชุน 1 สวมชุดอยู่บ้านทั่วไป กำลังนั่งทบทวนบทเรียนวิชาการต่างๆ ของเขาในห้องหนังสือของบิดา

 

 

    "นี่เจ้าชุน 1 เจ้าคิดว่าถ้าหากเจ้าเดินกลหมากรุกกับท่านจ้าว เจ้าจะเอาชนะเขาได้หรือไม่" ชุน 2 สื่อจิตสอบถามชุน 1

 

    "ข้ามิได้เกรงกลัวท่านจ้าวในการเดินกลหมากรุก แต่ข้าก็จะมิประมาทฝีมือของเขาเช่นกัน" ชุน 1 สื่อจิตตอบชุน 2

 

    "อย่างนั้นก็ดีแล้ว เงินเก็บของเราทั้ง 2 คนที่ช่วยกันหามา มีอยู่แค่ไม่ถึง 50 เหรียญเงิน หากพ่ายแพ้หลายๆกระดาน เราคงหมอตัวกันแน่ๆ"

 

    "หากเหตุการณ์จะเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะยอมแพ้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ถึงกับหมดตัว" ชุน 1 ตอบกลับไป

 

    

 

 

 

      

 

    ที่ดาวหงหมิง ดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้ บ้านพักอาศัยจะนิยมสร้างเป็น 2 ชั้น ชั้นบนนอนหลับพักผ่อน ชั้นล่างทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงต้อนรับผู้มาเยือน

 

 

 

 

 

     

 

    แต่ก็ไม่เสมอไป เช่นห้องหนังสือของบิดาชุน 1 นี้อยู่บนชั้นที่ 2 เพื่อความเป็นส่วนตัวและความเงียบสงบ

 

 

 

    เมื่อวานนี้หลิวหยวน บิดาของหลิวชุนได้บอกเวลานัดหมายไว้แล้วว่า ท่านจ้าวจะมาสนทนากับชุน 1 เวลายาม 13 ของวันนี้ ( ยาม 13 = บ่ายโมง )

 

 

    ดังนั้นชุน 1 จึงทบทวนตำราอยู่อย่างเงียบๆ เพื่อรอเวลา จากนั้นชุน 1 ก็ไปกินข้าวกลางวัน

    เเล้วเขาก็เดินมายังอาคาร 3 ชั้นขนาดค่อนข้างใหญ่ ซึ่งเป็นอาคารบริหารกิจการของตระกูลหลิว เขาเข้าไปรอท่านจ้าว ยังห้องประชุมตระกูลของอาคารหลังนี้

 

 

 

    เมื่อถึงเวลา ท่านจ้าวก็เข้ามายังห้องประชุม พร้อมกับบิดาและท่านอาของเขา หลิวเทียนหมิง ซึ่งเป็นประมุขตระกูลรุ่นที่ 2

    หลังจากโอภาปราศัยแนะนำตัวกันเล็กน้อยแล้ว ประมุขตระกูลรุ่นที่ 2 และบิดาของเขา ก็ขอตัวออกจากห้องประชุมฯไป ปล่อยให้ท่านจ้าวและชุน 1 อยู่กันเพียง 2 คน

 

 

    ท่านจ้าวจึงเอ่ยขึ้นว่า "หลิวชุนข้าได้พูดคุยเบื้องต้นกับบิดาของเจ้ามาแล้ว ในวันนี้เจ้าคือชุน 1 สินะ"

    "ข้าจะขอเริ่มคำถามแรก เจ้าทั้งสองสลับสับเปลี่ยน ใช้ร่างกันอย่างไรหรือ"

 

 

 

    "ท่านจ้าวขอรับ ข้าและชุน 2 จะสลับกันใช้ร่างนี้กันคนละวัน"

 

 

    "อันหนึ่งร่างสองวิญญาณนี้ จากการที่ข้าได้สนทนาข้อมูลกับบรรดาท่านหมอที่มาพบข้าหลายๆท่าน"

 

    "เงื่อนไขการสลับกันใช้ร่าง ของผู้มีหนึ่งร่างสองวิญญาณ แต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป มิเหมือนกัน"

 

 

 

    "ส่วนของข้านั้นคือการสลับกันใช้ร่างคนละวัน ซึ่งก็เป็นมาตั้งแต่กำเนิด"

    "ตื่นมาวันนี้เป็นข้า ส่วนผู้ที่จะตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้คือชุน 2 ขอรับ"

 

 

 

    "ตัวข้านั้น ก็มิรู้สาเหตุเช่นเดียวกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ขอรับ"

 

 

 

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชุน 1 มิได้กล่าว ออกไป นั่นคือในหนึ่งวัน พวกเขาสามารถสลับสับเปลี่ยนเอาอีกจิตวิญญาณออกมาใช้ร่างได้ เป็นเวลา 2 ยาม ( 2 ยาม = 2 ชั่วโมง )

 

 

    หากเกิน 2 ยาม จิตวิญญาณที่ออกมาใช้ร่างแทนจะเหนื่อยล้ามาก จนแทบกลายเป็นจิตวิญญาณที่ไม่เหลือสตินึกคิดไปช่วงหนึ่ง เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของชุน 1 และชุน 2 มีแต่บิดาและมารดา ของเขาเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

 

 

    ท่านเจ้าสนทนาสอบถามรายละเอียดอีกมากมาย ในเรื่องหนึ่งร่างสองวิญญาณกับชุน 1 อย่างสนใจใคร่รู้ 

 

    จนถึงยาม 15 ท่านเจ้าจึงได้ขอตัวอย่างเลือดเล็กน้อยจากชุน 1 ซึ่งชุน 1 ก็มิได้คิดเป็นอันใด

 

    เพราะบรรดาหมอก็ขอตัวอย่างเลือดจากเขาไปเช่นกัน หมอบางท่านก็ขอตัดปลายผม ขอตัดปลายเล็บไปด้วย

 

 

 

    เขาเจาะเลือดจากปลายนี้ว เตรียมหยดใส่ขวดแก้วเล็กๆ ที่ท่านจ้าวเตรียมมา

 

    ยังมิทันหยดเลือดลงไป ชุน 1ก็ชะงักแล้วหันหลังเดินไปยังตู้ใบหนึ่ง

 

 

 

    ท่านจ้าว นึกฉงนสงสัยว่าชุน 1 กำลังจะทำอันใด แต่เขายังสงบท่าทีเอาไว้นิ่งๆ

 

    ชุน 1 เปิดตู้ออก แล้วหยิบกล่องขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กขึ้นมากล่องหนึ่ง เขาใช้ทั้งสองมือถือกล่องนั้นมาวางไว้บนโต๊ะระหว่างเก้าอี้นั่งของเขาและท่านจ้าว

 

 

 

    จากนั้นเขาก็เปิดกล่องออกแล้วนำสิ่งของในกล่องออกมา

 

    มันคือกระดานหมากรุกและตัวหมากรุก 1 ชุด

 

 

 

    ท่านจ้าวจึงเอ่ยขึ้นว่า "เจ้าเด็กน้อย เจ้าก็นิยมชมชอบในการเดินกลหมากรุกเช่นนั้นหรือ"

 

    ชุน 1 ตอบว่า "ใช่แล้วขอรับท่านจ้าว ข้านั้นมักจะเดินกลหมากรุก กับท่านอาจารย์จางอยู่บ่อยครั้ง ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาโดยตลอดขอรับ"

 

 

 

    ท่านจ้าวได้ยินดังนั้นก็กล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า

 

    "เป็นเจ้านี่เอง.. เป็นเจ้านี่เอง.. เมื่อวานนี้ ข้าได้มีโอกาศแข่งเดินกลหมากรุกกับท่านอาจารย์จาง ก็เกิดผลผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะเช่นเดียวกัน"

 

    "ท่านอาจารย์จางได้บอกกล่าวกับข้าว่า เขานั้นมีลูกศิษย์ที่มีฝีมือเดินกลหมากรุกพอๆกับเขาอยู่ผู้หนึ่ง ฮ่าๆๆ.."

 

 

 

    "มิคิดเลยว่า จะเป็นเด็กน้อยอายุเพียง 10 ปีเช่นเจ้า"

 

    "ท่านจ้าว ในเมื่อท่านก็นิยมชมชอบในการเดินกลหมากรุก ท่านจ้าวจะเดินกลหมากรุกกับข้าสัก 2 - 3 กระดานได้หรือไม่" ชุน 1 กล่าวถามออกไป

 

 

 

    ชุน 1 ย่อมรู้ข่าวมาก่อนแล้วว่าท่านอาจารย์จาง ได้ไปแข่งเดินกลหมากรุกกับท่านจ้าวเมื่อวานนี้ ผลคือเสมอกันกินกันไม่ลง

 

    ตัวของชุน 1 นั้น ชนะท่านอาจารย์จางมากกว่าแพ้ เขาจึงมีความมั่นใจในการแข่งเดินกลหมากรุกในครั้งนี้

 

 

 

    ท่านจ้าวกล่าวตอบชุน 1 ว่า "ย่อมได้..ย่อมได้.. อันการเดินกลหมากรุก จะวัดฝีมือกันจากอายุก็หาได้ไม่ จำต้องประลองแข่งขันให้รู้แน่ชัดกันไปเสียให้สิ้นสงสัย"

 

    ชุน 1 กล่าวขึ้นอีกว่า "ท่านจ้าวฟูหยาง อันเป็นนายใหญ่แห่งเรืออันโอ่อ่าใหญ่โต"

 

    "ท่านจะต้องจ่ายค่าสมัครแข่งให้แก่ข้า 20 เหรียญเงิน"

 

    "เพราะหากแข่งบนเรือของท่าน ข้าก็จะจ่ายค่าสมัครให้ท่านด้วยความเต็มใจ"

 

 

 

    "ส่วนครานี้แข่งที่เรือนของข้า ท่านก็ควรจ่ายค่าสมัครมาให้ข้า"

 

    "ท่านคิดว่าถูกต้องไหมขอรับ ท่านจ้าวฟูหยาง"

 

 

 

    "ฮ่าๆๆๆๆ.. ท่านจ้าวหัวเราะชอบใจอย่างเบิกบาน" แล้วกล่าวว่า

 

    "สติปัญญาฉลาดล้ำนักนะเจ้า ไม่ต้องมายกยอข้าหรอก ว่าเป็นเจ้าของเรืออันโอ่อ่าใหญ่โตกดดันทางอ้อม เพื่อให้ข้าจ่ายค่าสมัครให้แก่เจ้า ฮ่าๆๆๆ.."

 

    ชุน 1 อมยิ้มน้อยๆ มิได้กล่าวอะไรออกไป

 

 

 

    "ข้าตกลง เรามาเริ่มกระดานแรกกันเถิด ท่านจ้าวกล่าวอย่างอารมณ์ดี"

 

    แล้วการแข่งเดินกลหมากรุกก็เริ่มขึ้น กระดานแรกชุน 1 เป็นฝ่ายชนะ กระดานต่อมาท่านจ้าวเป็นฝ่ายชนะบ้าง ผลัดกันไปมาแบบนี้

 

 

 

    จนทางตระกูลหลิวต้องส่งข้าวปลาอาหาร มาให้ทั้งสองกินไปเดินกลหมากไป ในห้องประชุมฯ

 

    จนเมื่อยาม 18 สมควรแก่เวลา ท่านจ้าวก็ขอตัวบอกลาชุน 1 และบิดา เพื่อกลับไปยังเรือของเขาที่จอดอยู่ท่าเรือหลิวอันจง ซึ่งท่าเรือก็อยู่ติดกับบ้านตระกูลหลิวนั่นเอง

 

 

 

    โดยที่ชุน 1 ก็หยดเลือดลงขวดแก้วให้ท่านจ้าวก่อนกลับ ถือว่าหยดเลือดของชุน 1 คือตัวประกัน

 

    หากท่านจ้าวไม่แข่งเดินกลหมากรุกกับชุน 1 ท่านจ้าวก็จะมิได้หยดเลือดไป

 

 

 

    อนึ่งการเดินกลหมากรุกนั้น 1 กระดาน มิได้ใช้เวลายาวนานเหมือนหมากล้อม

 

    การเเข่งเดินกลหมากรุก คู่แข่งแต่ละฝ่ายมีเวลาที่จำกัดในการคิด เมื่อหมดเวลาต้องเดินตัวหมากในทันที ไม่เหมือนหมากล้อมที่ให้เวลาคิดอันยาวนาน

 

 

 

    ผลสรุปการแข่งคือ ชุน 1 ชนะ 7 กระดาน ท่านจ้าวชนะ 5 กระดาน

 

นั่นคือชุน 1 ชนะมากกว่าท่านจ้าว 2 กระดาน

 

 

 

    ดังนั้นวันนี้ชุน 1 จึงทำเงินจากค่าตัวการสนทนาเรื่องหนึ่งร่างสองวิญญาณ 20 เหรียญเงิน

 

    จากค่าสมัครแข่งหมากรุก 20 เหรียญเงิน

 

    และจากการแข่งหมากรุก 40 เหรียญเงิน

 

    ตามที่ข้อตกลงที่ท่านจ้าวแขวนป้ายประกาศไว้ข้างลำเรือว่า ผู้ใดชนะจะได้รับเงินพนันกระดานละ 20 เหรียญเงิน

 

 

 

    รวมเป็นเงิน 80 เหรียญเงิน

 

 

 

    เงิน 80 เหรียญเงินนี้ เท่ากับรายได้ของกรรมกรท่าเรือถึงเกือบ 1 ปี

 

 

 

    คืนนี้ทั้ง 2 ชุน จึงนอนหลับไปอย่างมีความสุขพร้อมกับเงินในกระเป๋า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป