Your Wishlist

อวี้จื่อลู่ ณ หมู่บ้านม่านหมอก (ข่าวดี)

Author: Ning Feng

เพียงแค่เงินสามสี่ร้อยบาท ทำให้เธอต้องถึงแก่ความตาย แต่ทำไม๊ ทำไม ต้องมาอยู่ในร่างของเด็กไม่มีหัวคิดแบบนี้ “มีอย่างที่ไหนหนีหมีขึ้นต้นไม้ ใครสั่งใครสอนกัน”

จำนวนตอน : 55

ข่าวดี

  • 21/11/2566

เตรียมรับมือให้ดี ๆ นะพวกคนทรยศ อวี้จื่อลู่คนนี้มาแล้วมาล่าพวกเจ้าอย่างไรล่ะ การล่ามันเริ่มตั้งแต่ที่นางมาถึงแล้ว โดยเฉพาะบ้านกู้สายรอง จะจัดพิเศษชุดใหญ่ให้เชียวล่ะขอบอก ในขณะที่กำลังคิดวางแผนการเสียงของบิดาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“ลู่เอ๋อร์ เสี่ยวเยว่ เสี่ยวรุ่ย มาคารวะท่านปู่ ท่านลุงใหญ่ และท่านลุงรองก่อนเร็ว” จากนั้นกู้หลงซานก็แนะนำทุกคนให้รู้จักกัน อดีตผู้นำตระกูลกู้หรือท่านปู่นามว่ากู้เข่อซิง ส่วนลุงใหญ่ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันนามว่ากู้ซีซวน และลุงรองก็มีนามว่ากู้ซีห่าว

“เสี่ยวเยว่คารวะ ท่านปู่ ลุงใหญ่ ลุงรองขอรับ”

“เสี่ยวรุ่ยคารวะท่านปู่ ลุงใหญ่ ลุงรองขอรับ”

“ลู่เอ๋อร์คารวะท่านปู่ ลุงใหญ่ ลุงรองเจ้าค่ะ” สามพี่น้องค้อมศีรษะลงคารวะและเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ทั้งสามต่างอึ้งกับภาพลักษณ์ของผู้อาวุโสตรงหน้าที่มิได้ดูแก่ลงตามอายุอย่างที่ควร

โดยเฉพาะอวี้จื่อลู่ยามเงยหน้าขึ้นมองถึงกับเบิกตากว้าง โอ้โห!! แต่ละคนหล่อเหลาหน้าตาดีไปอี๊กกก! ทรงแด๊ดดี้ทั้งนั้น ท่านปู่ดูดีในแบบฉบับบุรุษวัยห้าสิบต้น ๆ ลุงรองนั้นรูปร่างหน้าตาจะไปทางพวกบัณฑิต ส่วนลุงใหญ่นั้น อื้อหือ! สูง ใหญ่ ไหล่กว้าง กล้ามล่ำบึก หน้าตาคมเข้มดุดัน ดูแล้วมันมีเสน่ห์ชวนมองและลุ่มหลง แต่สำหรับนางท่านพ่อนั้นหล่อเหลาสุดแล้วเจ้าค่ะ

แต่ว่านะ ทำไมดูภายนอกแล้วท่านปู่ ลุงใหญ่ ลุงรองคล้ายคนแข็งแรงแทบจะสุขภาพดีกันล่ะ หากนางไม่สังเกตเห็นว่าใต้ตาของทั้งสามนั้นมีร่องรอยดำคล้ำจาง ๆ อยู่ ไหนจะเล็บมือที่ซีดเหลืองตกสะเก็ดคล้ายคนโดนพิษบางอย่าง หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่นางคิดหรอกนะ ไม่อย่างนั้นนางคงได้ตีหนูตายยกรังเป็นแน่ คงต้องยืมมือลูกเผ็ดเสียแล้ว จึงส่งกระแสจิตพูดคุยเรื่องราวที่ต้องการให้ลูกเผ็ดไปทำ

“แฮ่ม” เสียงกระแอมไอของกู้หลงซาน ดึงอวี้จื่อลู่ออกจากห้วงภวังค์ทันที

“ชะอุ้ย! ขออภัยเจ้าค่ะ” ปัดเรื่องโดนพิษทิ้งไป ไม่วายแอบกระซิบกระซาบให้บิดาเข้าใจ ‘ไม่ต้องน้อยใจนะเจ้าคะท่านพ่อ แม้ว่าท่านปู่ ลุงใหญ่และลุงรองจะหล่อเหลาหน้าตาดีสักแค่ไหน สำหรับตัวข้านั้นท่านพ่อหล่อเหลาที่สุดแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างท่านแม่เองก็คงคิดเหมือนกันกับลูกเจ้าค่ะ’ เหมือนนางจะลืมไปว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธกันทั้งสิ้น มีหรือพวกเขาจะไม่ได้ยิน

จนเสียงหัวเราะแว่วลอยตามหลังมาเบา ๆ ถึงได้เอะใจว่า สิ่งที่นางพูดไปเมื่อครู่หาได้ยินเพียงแค่นางแหละบิดาไม่ ทว่าทุกคำพูดล้วนได้ยินกันถ้วนหน้า ใบหน้าเรียวสวยเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ น่าอับอาย น่าอายเหลือเกิน นี่นางลืมไปได้อย่างไรว่าผู้ฝึกยุทธล้วนหูดีกันทั้งนั้น พลาดแล้วจริง ๆ ทำได้แต่ส่งสายตาขออภัย

กู้เข่อซิงไม่คาดคิดเลยว่าบุตรชายตนเองหลังหายไปจากตระกูลในครานั้น จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับบุตรหญิงชายถึงสามคน ไหนจะแต่งภรรยาแล้วอีกทั้งยังเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเสียด้วย ทว่ายามที่เห็นบุตรชายยิ้มแย้มและหัวเราะนั้นทุกสิ่งล้วนออกมาจากใจจริง หาได้แสแสร้งแกล้งทำดั่งเช่นกาลก่อน ไม่ใช่คนเก่าที่ปากยิ้มก็จริงแต่ว่านัยน์ตานั้นกลับเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก เมื่อได้มาเห็นเช่นนี้แล้วคนเป็นพ่ออย่างเขาก็วางใจ เพราะอย่างไรคนที่ขึ้นชื่อลูกทุกคนล้วนยังคงเป็นลูกน้อยสำหรับบิดามารดาทั้งสิ้น

“พวกเจ้าก็หยุดขำขันนางได้แล้วเจ้าใหญ่ เจ้ารอง ดูสิหลานข้าแทบจะไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดแล้ว”

“ขอบคุณท่านปู่เจ้าค่ะ” อวี้จื่อลู่กล่าวขอบคุณท่านปู่ ก่อนหันไปถลึงตาใส่พี่ชายทั้งคู่ที่ยังคำแอบหัวเราะนางไม่หยุด พลางแอบเหลือบตามองท่านลุงทั้งสองอย่างระมัดระวัง

“ข้าว่าพอเถอะน้องรอง ดูนั่นตานางจะถลนออกมาจากเบ้าแล้ว” เสียงกลั้วหัวเราะของอวี้เหิงเยว่เอ่ยบอกน้องชาย ทั้งที่ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง

“จริงด้วย ตาเขียวปั๊ด!! เลยนะนั่น” อวี้เฉิงรุ่ยรีบปิดปากตนให้สนิททันที เขายังไม่อยากเป็นหนูลองยาของน้องสาวหรอกนะ

กู้เข่อซิงมองภาพสามพี่น้องที่หยอกเอินกันอย่างน่าเอ็นดู บุตรหญิงชายต่างรักใคร่กลมเกลียวคนแก่เช่นเขาเห็นแล้วรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจนัก ไม่เว้นแต่บุตรชายทั้งสามของเขาเองด้วยเช่นกัน

เกรงว่าการที่บุตรชายคนเล็กกลับมาครานี้ ในตระกูลคงจะสะอาดไม่น้อย พวกเหลือบไรเลี้ยงไม่เชื่องคงหายไปไม่มากก็น้อย ทว่าสิ่งหนึ่งที่กู้เข่อซิงคิดไม่ถึง คนที่จะมาล้างตระกูลให้สะอาดนั้นเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นทั้งยังเป็นหลานหมาด ๆ คนนี้อีกด้วย ทั้งนางยังไม่สนว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่นี่มานานเท่าใด เพียงแค่บิดาเอ่ยอนุญาตคำเดียว

“ไอหยา ไป เข้าไปด้านในก่อนมัวแต่ชวนคุยกันเสียนาน พวกเจ้ามากันเหนื่อย ๆ แยกย้ายพักผ่อนเสีย” นึกขึ้นได้ก็พากันชักชวนเดินเข้าเรือนหาที่นั่งคุยกัน ครอบครัวพร้อมหน้าการพูดคุยล้วนแต่เป็นการถามไถ่ความเป็นอยู่ อวี้จื่อลู่นั่งฟังไปบ้างตอบไปบ้างเมื่อผู้ใหญ่เอ่ยถาม จวบจนเวลาล่วงเลยไปหนึ่งชั่วยามเหมือนลุงใหญ่นึกขึ้นได้เอ่ยขัดบิดา ที่กำลังพูดคุยกับหลานชายทั้งสองอย่างออกรส

“ท่านพ่อ นี่ก็ปาเข้าไปหนึ่งชั่วยามแล้วขอรับ ข้าว่าให้อาซานพาครอบครัวไปพักก่อนดีหรือไม่?”

“นั่นสิ อาซานเจ้าก็พาลูกเมียไปพักผ่อนเถิด” กู้ซีห่าวเองก็เห็นด้วยกับพี่ใหญ่ แม้ใจจริงตัวเขาเองก็ชอบที่จะพูดคุยกับหลาน ๆ ทั้งสามเช่นกัน

“เพ้ย! เจ้าพวกหน้าเหม็นนี่นะ ชอบขัดใจข้าเสียจริงเชียวไม่เหมือนเสี่ยวเยว่ เสี่ยวรุ่ยของข้า อ้อ! ยังมีลู่เอ๋อร์ของปู่อีกคนด้วย” ชายชราหัวเราะถูกใจ การมีลูกหลานมาคอยเอาอกเอาใจมันดีอย่างนี้นี่เอง ไม่เหมือนบุตรชายตัวใหญ่พวกนี้ ดีหน่อยที่ลูกสะใภ้ยังพอจัดการบุตรชายคนเล็กของเขาได้อยู่หมัด จะเหลือก็เพียงเจ้าใหญ่กับเจ้ารองที่ไม่ยอมแต่งงานมีลูกมีเมียเสียที แต่ช่างเถิดเรื่องเหล่านี้เขาล้วนตามใจบุตรชายทั้งสิ้น

 

สองเดือนผ่านไป

อวี้จื่อลู่และครอบครัวได้อาศัยอยู่จวนตระกูลกู้ ทุกอย่างล้วนดีไปหมด ส่วนพวกหนูและคนทรยศนางและลูกเผ็ดได้กำจัดไปจนสิ้น บ่าวไพร่คนใดหลายนายก็จัดการส่งชิ้นส่วนไปให้เรียงคน โดยเฉพาะคนบ้านกู้สายรองช่างมีความสามารถในการนำคนแฝงเข้ามาจริง ๆ และเรื่องที่น่ายินดีอีกอย่างก็คือนางได้ทำการถอนพิษให้ท่านปู่ ลุงใหญ่ ลุงรองและได้มอบโอสถทะลวงปราณ โอสถฟื้นฟู โอสถพิษคร่าวิญญาณ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือโอสถสลายหมื่นพิษ หากมียาพิษก็ต้องมียาแก้พิษติดตัวใช่ไหมล่ะ

ส่วนผลผลึกม่วงกับผลจิตวิญญาณนางมอบให้คนละสองผลพร้อมกับแหวนมิติ และหยดวารีมรกตอีกคนละหนึ่งขวด สามสิ่งนี้ที่นางมอบให้ล้วนผ่านการตัดสินใจของบิดามารดา พี่ใหญ่ พี่รองแล้ว นางเองยังนึกขำท่าทางของท่านปู่กับท่านลุงทั้งสอง ตอนเห็นสิ่งที่นางเอาออกมามอบให้ถึงกับเป็นลมล้มพับไปด้วยความตกใจ ทั้งยังพูดจากลับไปกลับมา พูดผิดพูดถูกจนท่านพ่อระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ในตอนนั้นชุลมุนวุ่นวายสุด ๆ ภาพยังติดตาอยู่เลย ฮ่าฮ่าฮ่า...

‘สบายใจแล้วทีนี้ก็ไปหาท่านแม่ดีกว่า จริงสิเนี่ยนเจินบอกว่าที่จวนมีสวนดอกบ๊วยอยู่นี่นา ชวนท่านแม่ไปนั่งจิบชายามบ่ายที่นั่นดีกว่า’

 

ณ ศาลาเก๋งสวนดอกบ๊วย ตระกูลกู้

มีสตรีต่างวัยสองนาง นั่งจิบชาชมดอกบ๊วยด้วยความเบิกบานใจ เสียงหัวเราะขบขันลอยออกมาเป็นระยะ ใบหน้ายิ้มแย้มงดงามมตา ทำเอาบ่าวไพร่ใกล้เคียงหน้าแดงระเรื่อกันทั่ว พวกเขาคิดได้สิ่งเดียวนั่นคือ นายหญิงและคุณหนูนั้น งดงามราวเทพธิดาที่แปลงกายลงมาเยือนโลกมนุษย์ สองแม่ลูกหาได้รับรู้ความคิดของบ่าวไพร่ไม่ ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ชมดอกบ๊วยเกือบสองชั่วยาม

ทว่าลู่เยวี่ยนนั่งพูดคุยกับบุตรสาวไม่นานก็ขอตัวออกมาเพราะจู่ ๆ รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาซะดื้อ ๆ ทั้งมึนหัว ปวดศีรษะและคลื่นไส้อยากจะอาเจียนอย่างไรมิรู้

“ลู่เอ๋อร์ แม่กลับไปพักก่อนนะ” ลู่เยวี่ยนลุกขึ้นหมุนตัวจะเดินออกไม่ทันไร ก็หมดสติล้มลงไปโดยไม่รู้ตัว

“ท่านแม่!!” อวี้จื่อลู่รีบลุกขึ้นวิ่งไปรับร่างมารดาที่กำลังล้มลงอยู่ตรงหน้าด้วยความร้อนใจ เกิดอันใดขึ้นกันแน่เมื่อครู่มารดานางยังดี ๆ อยู่มิใช่หรือ เหตุใดถึงเป็นลมหมดสติเช่นนี้ ก่อนหน้าก็ยังปกตินั่งพูดคุยกันอยู่เลย แล้วทำไมถึงหน้าซีดเผือดไร้เลือดฝาดกันล่ะ

“เนี่ยนเจินไปตามหมอเร็วเข้า! ส่วนเจ้าอิงอิงไปแจ้งท่านพ่อด้วย” อวี้จื่อลู่สั่งการรวดเร็ว ไม่เกินหนึ่งก้านธูปนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายวิ่งมา

ส่วนกู้หลงซานและคนอื่น ๆ ได้ข่าวต่างรีบเร่งวิ่งมาโดยไม่รักษาภาพลักษณ์ใดทั้งสิ้น แม้แต่อดีตผู้นำตระกูลก็ไม่เว้น ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ เช่นกันเพราะว่าทุกคนไม่ต่างกันเลย กู้ซีซวนวิ่งมาทั้งที่ยังพู่กันไว้ในมือ กู้ซีห่าววิ่งมาทั้งที่ใส่รองเท้าแค่เพียงข้างเดียว ส่วนพี่ใหญ่และพี่รองนั้น

“ยินดีด้วยขอรับ เป็นชีพจรมงคล นายหญิงตั้งครรภ์ได้ห้าสัปดาห์แล้ว”

“ดีมาก อี้ซื่อส่งท่านหมอ”

“ขอรับ ท่านหมอเชิญทางนี้” อี้ซื่อรับคำสั่งแล้วเดินตามหลังท่านหมอออกไป

กู้เข่อซิงมาทันได้ยินท่านหมอหูกล่าวเรื่องลูกสะใภ้แก่บุตรชาย ถึงกับมือไม้สั่นไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดีด้วยความดีใจ ตายแล้ว นี่ข้าจะได้หลานเพิ่มมาอีกคนหรือนี่ อย่างนี้ต้องตกรางวัลทั้งจวนแล้ว

“อาหวง ไปแจ้งพ่อบ้านเตรียมของให้พร้อม วันนี้ข้าจะปิดจวนเลี้ยงต้อนรับหลานข้า” รอยยิ้มชายชราเบิกกว้าง ทั่วทั้งจวนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความยินดี

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า