Your Wishlist

อวี้จื่อลู่ ณ หมู่บ้านม่านหมอก (สตรีน่าตายนางนี้)

Author: Ning Feng

เพียงแค่เงินสามสี่ร้อยบาท ทำให้เธอต้องถึงแก่ความตาย แต่ทำไม๊ ทำไม ต้องมาอยู่ในร่างของเด็กไม่มีหัวคิดแบบนี้ “มีอย่างที่ไหนหนีหมีขึ้นต้นไม้ ใครสั่งใครสอนกัน”

จำนวนตอน : 55

สตรีน่าตายนางนี้

  • 21/11/2566

แย่แน่ ๆ ตายแน่นายท่านนนน!!

อี้ซื่อทิ้งทุกอย่างแล้วเร่งฝีเท้ามุ่งไปยังที่หลบซ่อนตัวก่อนหน้า ในใจรู้สึกกระวนกระวายเกรงว่าคุณหนูจะเข้าใจนายท่านผิด คิดว่านายท่านจะหามารดาอีกคนให้ตนเอง ครั้งนี้อี้ซื่อรู้สึกว่าระดับพลังเขาช่างอ่อนด้อยยิ่งนัก ไม่รู้ทำไมยิ่งเขารีบเร่งเท่าไหร่ กลายเป็นว่าทุกย่างก้าวกลับยิ่งช้าลงเรื่อย ๆ ทว่าทุกฝีก้าวนั้นมิได้ช้าลงแต่อย่างใด แต่เป็นจิตใจของเขาต่างหากที่หายไปอยู่ตรงหน้าถ้ำนั่นแล้ว

เมื่อไปถึงก็ช้าไปเสียแล้วแรงกดดันมากมายที่คุณหนูปล่อยออกมา ทำเอาเขาแทบทรงตัวไม่อยู่ ทำได้เพียงขออภัยนายท่านในใจแล้วปล่อยให้คุณหนูเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง ส่วนเขาขอตัวหลีกหนีไปจากอันตรายนี้ก่อนนะขอรับ อีกสักพักข้าจะตามเข้าไป ขอให้นายท่านรักษาสุขภาพด้วย

 

ส่วนอวี้จื่อลู่มาถึงหน้าถ้ำก็พรวดพราดเข้าไป เจอภาพสตรีนางหนึ่งกำลังประคับประคองร่างบิดาของตน ให้นั่งพิงพนังถ้ำ มือเรียวพยายามถอดเสื้ออีกฝ่ายออก อวี้จื่อลู่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่ได้การละท่านพ่อต้องมีท่านแม่นางคนดียวเท่านั้น สตรีอื่นหรืออย่าได้คิดฝันเป็นอื่นเชียว จนเผลอปล่อยแรกกดดันออกมา

“ทำอะไรกัน!!” น้ำเสียงเย็นเฉียบราวน้ำแข็งคล้ายมีความไม่พอใจเจืออยู่หลายส่วนดังขึ้นตรงหน้าถ้ำ

ไป๋ถิงที่กำลังตั้งใจถอดเสื้อกู้หลงซานออก ก็พลันได้สติเด้งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว

“ว้ายย!!”

พอเห็นใบหน้าตระหนกตกใจของอีกฝ่ายอวี้จื่อลู่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “แสแสร้ง! น่ารำคาญ!!”

“ลู่เอ๋อร์มานี่มา” กู้หลงซานเอ่ยยิ้ม ๆ เรียกนางให้เข้ามาหาตน เมื่อเห็นว่านางเริ่มหงุดหงิด โดยมิสนใจอดีตคนรักเลยสักนิด แม้สติจะไม่เต็มร้อยเนื่องโดนพิษไข้เล่นงาน แต่เขาก็จดจำเสียงบุตรสาวตัวเองได้เป็นอย่างดี

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ บาดเจ็บตรงไหนบ้าง มาให้ข้าตรวจดูหน่อยนะเจ้าคะ” ยิ่งได้เสียงไอของบิดดาดังออกมาเรื่อย ๆ ก็ยิ่งไม่วางใจ ตัวร้อนรุมทั้งยังมีไข้สูง ริมฝีปากขาวซีดแห้งแตกเป็นขุย

แค่ก แค่ก แค่ก!!

"ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อย่าได้ร้อนใจไป” เสียงทุ้มต่ำแหบแห้งบ่งบอกถึงความอ่อนล้า ทว่าน้ำเสียงยังคงแฝงไปด้วยความอ่อนโยนยามเอ่ยกับบุตรสาว

อวี้จื่อลู่ไม่พูดมาก เดินเข้าไปนั่งลงข้างบิดาแล้วตรวจจับชีพร ใบหน้าหวานขมวดคิ้วมีสีหน้ายุ่งยากใจ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ วางมือบิดากลับคืนดังเดิมแล้วครุ่นคิด บาดแผลภายนอกดูเหมือนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตาเห็น อวัยวะภายในบางส่วนบอบช้ำ พละกำลังถดถอยเสียหายหลายส่วน เกรงว่าครานี้บิดานางคงจะได้นอนติดเตียงรักษาตัวไปอีกนาน ไหนจะหลบซ่อนอยู่ในถ้ำเป็นเวลาหลายวัน ต้องเจอกับความชื้นจึงไม่แปลกใจเลย

แต่ว่านะ…

สตรีที่อยู่กับบิดาของนางเป็นใครกัน? ดูภาพลักษณ์ภายนอกอ่อนหวาน เรียบร้อยดั่งสตรีในห้องหอ แต่ลางสังหรณ์บางอย่างในตัวนางมันบอกว่าไม่ใช่อย่างที่ตาเห็น สตรีนางนี้อันตรายคงต้องให้หยางชุ่นไปสืบดูอย่างละเอียด ความรู้สึกแปลก ๆ ราวกับคนที่แสแสร้งแกล้งทำแอบซ่อนอยู่ภายในภาพลักษณ์อันอ่อนโยน มีน้ำใจและใจบุญ น่ากลัวจริง ๆ

หึ!! คิดว่าอวี้จื่อลู่คนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือไง ว่าเจ้ากำลังตรวจสอบพลังข้าอยู่เงียบ ๆ แต่เอาเถิดข้าผู้นี้จะปล่อยให้เจ้าได้ทำตามใจไปก่อน หางโผล่ออกมาเมื่อไหร่ ถึงเวลานั้นรับรองข้าจะเล่นเป็นเพื่อนนางจนต้องร้องขอความตายเชียวล่ะ เอ๊ะ! ไม่ได้สิข้าออกจะเป็นคนดี ไม่ทำเช่นนั้นหรอก หึหึหึ รอยยิ้มหวานเคลือบพิษ นัยน์ตาดำขลับล้ำลึกยากหยั่งถึงเช่นนี้ ถ้าใครสังเกตเห็นสักนิดคงได้เห็นปีศาจในคราบมนุษย์ที่เผยออกมา

เป๊าะ!!

โอ้ย!

“เจ็บนะ ดีดมาเสียเต็มแรงเชียว ข้าจะฟ้องนางว่าท่านรังแกข้า หึ!” อวี้จื่อลู่สะบัดหน้าหนีบิดา หน้าตาง่ำงอ คิ้วขมวด เม้มปากแน่นพลางกลอกตาไปมา

“คิดไปถึงไหน แล้วทำหน้าอะไรของเจ้ากันลู่เอ๋อร์ ไม่น่ามองเลยสักนิด” บุตรสาวข้าประเดี๋ยวใครเห็นเข้าคงได้วิ่งหนีกันป่าราบพอดี

“ข้าออกจะสง่างาม ว่าแต่ท่านลุกไหวหรือไม่” อวี้จื่อลู่จงใจเมินสตรีอีกคน

“พะ…”

กู้หลงซานไม่ทันได้เอ่ย เสีนงสตรีด้านหลังดังขึ้นมาเสียก่อน พร้อมแทรกตัวเข้ามาช่วยพยุงอีกฝ่ายหน้าตาเฉย

“ท่านพี่กู้ มาเถอะถิงเอ๋อร์จะช่วยท่านเอง”

“…”

ตอนนี้กู้หลงซานรู้สึกอึดอัดและกระอักกระอ่วนเป็นที่สุด ยังไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธ บุตรสาวก็เอ่ยขึ้นเสียงเย็นเสียก่อนทั้งแผ่แรงกดดันออกมา รับรู้ได้ว่านางเริ่มไม่สบอารมณ์และหายนะกำลังจะเกิดขึ้นหากปล่อยไว้ จึงทำได้แค่เงียบปากอย่างสงบเสงี่ยม

“ใคร?” น้ำเสียงเย็นเหยียบเอ่ยถาม จ้องมองไปยังสตรีด้านหน้าด้วยความไม่ชอบใจ

“เอ๋!” ไป๋ถิงเอียงคอมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยหน้าตาใสซื่อไร้พิษสง ทว่ามีความเย่อหยิ่งเล็กน้อย

“ใครขอให้ท่านช่วย” สีหน้าปลาตายไร้ความรู้สึกบวกกับน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นชาของอวี้จื่อลู่ ทำเอาอีกฝ่ายลืมตัวเผยนิสัยแท้จริงออกมา เพราะไม่เคยมีใครขัดใจหรือทำกับนางเช่นนี้มาก่อน

“เจ้าว่าข้าหรือ?” น้ำเสียงแหลมบาดหูตวาดอย่างเกรี้ยวกราด

“หากไม่ใช่ท่านแล้วจะเป็นใคร” คิดว่านางไม่เห็นหรือไง รอยยิ้มเมื่อครู่ เหอะ! อย่ามาหลอกเสียให้ยาก

“ข้านะหรือ ข้าก็เป็นคนรักของท่านพี่กู้อย่างไรเล่า แล้วเจ้าล่ะเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับคนรักของข้า” น้ำเสียงเปล่งออกมาเจือความไม่พอใจอย่างมาก ทั้งยังแสดงความหึงหวงออกนอกหน้า เด็กสาวคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเขากัน

อวี้จื่อลู่ทำเสียงจิ๊ปาก “ไม่เอาสิเจ้าคะ ทำเช่นนี้ประเดี๋ยวหน้ากากที่ใส่ไว้มานานก็หลุดออกกันพอดี” น้ำเสียงใสกังวานกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“จะ…เจ้า” ไป๋ถิงเม้มปากแน่น พลางเหลือบตามองกู้หลงซานอย่างหวาดหวั่น ให้ตายสิเผลอโดนเด็กคราวลูกยั่วยุเสียได้

อวี้จื่อลู่ไม่สนใจท่าทางและคำพูดไร้สาระของนาง แต่กลับตวัดตามองบิดาอย่างเอาเรื่อง “เป็นเช่นนั้นจริงหรือเจ้าคะ” แล้วแสยะยิ้ม

กูหลงซานเห็นรอยยิ้มบุตรสาวก็รู้สึกขนลุกชัน สันหลังเย็นวาบ ลางไม่ดีแล้ว ดูท่านางจะโกธรจริง ๆ สังเกตจากคำพูดไม่เอ่ยเรียกบิดา “นางหาใช่คนรักของข้าไม่”

ไป๋ถิงหน้าเสียทันที หลังจากกู้หลงซานเอ่ยปฏิเสธและหักหน้านางต่อหน้าเด็กสาวผู้นี้ มือเรียวกำแน่นเล็บยาวจิกฝ่ามือเข้าเนื้อจนเลือดซิบ แต่นางกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความโกธร ยามได้สตินึกขึ้นได้ว่าตอนนี้อยู่ต่อเขาจึงปรับอารมณ์ให้เย็นลงและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อ้อ! อย่างนี้นี่เอง” ว่าแล้วหันไปสั่งคนด้านหลังเสียงดัง “พยุงเขาไปหานาง” อวี้จื่อลู่รับรู้มาตลอดทางว่าเลี่ยงหลิ่งคนสนิทนางนั่นได้ตามติดมาตลอด จึงไม่แปลกหากอีกฝ่ายโผล่ออกมาอย่างไร้สุ่มเสียงและไม่มีผู้ใดรู้ คนของนางฝึกมาเองกับมืือทำไมจะไม่รู้ล่ะ

“ขอรับ”

ก่อนที่บิดาจะเดินผ่านไปอวี้จื่อลู่เอี้ยวตัวไปใกล้ ๆ พร้อมกระซิบเสียงเบา “หาคำอธิบายดี ๆ ไว้ล่ะท่านพ่อ ถ้าไม่อยากให้ท่านแม่…มีโทสะ” นางกระตุกยิ้มบาง ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยแววหยอกเย้า

คล้อยหลังบิดาอวี้จื่อลู่ขยับเท้าหาไป๋ถิง พลางยื่นหน้าไปใกล้หูอีกฝ่ายอย่างจงใจ

“ทีนี้ก็รู้แล้วสินะว่าใครสำคัญ…กว่า” มุมปากเหยียดยิ้มน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มเยาะ ปรายตามองแล้วเดินไปหามารดาทันที ปล่อยให้สตรีนางนั้นยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ลำพัง

ไป๋ถิงจ้องมองเด็กสาวที่เดินจากไปอย่างอาฆาต ดวงตาที่หรี่ต่ำลงกลับมีเปลวไฟสังหารพวยพุ่งออกมา นางอยากจะฆ่าเจ้าเด็กปากดีนั่นทิ้งเสียจริง เพียงแต่ว่านางยังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของท่านพี่กู้กับนางเด็กนั่นว่าเป็นลักษณะแบบไหน ใจร้อนไปมีแต่จะทำให้ทุกอย่างพังเสียเปล่า กำจัดวันหน้าก็ยังไม่สาย เป็นแค่เด็กน้อยหรือจะมาเทียบเคียงข้าผู้นี้ ช่างน่าขัน ไป๋ถิงปรับเปลี่ยนสีหน้ากลับตามเดิมและจัดการอารมณ์ที่ครุกกรุ่นเรียบร้อย แล้วเดินตามพวกเขาไป

 

ย้อนกลับไปทางด้านสามแม่ลูก

รุ่งเช้า

อวี้เหิงเยว่เดินไปหาน้องสาว ตั้งใจจะบอกกล่าวเกี่ยวกับข่าวคราวของบิดาที่อี้ซื่อเป็นคนส่งมา ทว่าเขาส่งเสียงเรียกนางอยู่นาน ผ่านหนึ่งเค่อก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ด้านในเงียบสนิทจึงถือวิสาสะเปิดกระโจมน้องสาวเข้าไป พบว่าทุกอย่างว่างเปล่าข้าวของของใช้ส่วนตัวไม่มีสักชิ้นเดียว บ่งบอกรู้ว่านางไม่อยู่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว จึงได้เอาเรื่องนี้ไปปรึกษามารดาและน้องชาย

“ช่างเถอะ อย่างไรนางก็โตแล้วอีกอย่างนางก็หาได้ไปตัวคนเดียวไม่ ยังมีเลี่ยงหลิ่งอยู่ด้วยแม่ค่อยวางใจหน่อย” ลู่เยวี่ยนรู้ดีถึงห้ามไปบุตรสาวนางก็หาของอ้างปลีกตัวไปก่อนอยู่ดี

“แล้วลู่เอ๋อร์จะไม่เป็นอะไรหรือขอรับท่านแม่” ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจและเป็นห่วง

“ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่เกินสามวันนางคงไปถึงจุดหมายแล้วละอารุ่ย” ลู่เยวี่ยนเอ่ยปลอบบุตรชายเสียงอ่อน

“ถ้าอย่างนั้น พวกเรารีบออกเดินทางกันเถิดท่านแม่ น้องรอง”

“ไปเถอะ หากไปถึงเร็วเราจะได้กางกระโจมที่พักรอนาง”

อี้ถังรับหน้าที่ดูเส้นทาง เพื่อที่จะใช้เดินทางได้อย่างรวดเร็ว เส้นทางลัดตรงที่ใดพอจะผ่านไปได้พวกเขาก็ไม่เกี่ยง จึงเร่งรุดฝีเท้าไล่ตามอวี้จื่อลู่โดยไม่หยุดหากไม่จำเป็น ทำให้ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่นัดแนะกันไว้ทันที พวกเขาแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองเพื่อรออวี้จื่อลู่กลับมา และใช่นางไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เมื่อเลี่ยงหลิ่งแแบกกู้หลงซานไว้บนหลังเดินเข้ามา หลังได้ยินเสียงเรียกของเจ้านาย เลี่ยงหลิ่งจึงค่อย ๆ ปล่อยนายท่านลงจนให้ยืนทรงตัวด้วยตนเอง ส่วนตัวเขาก็หลบเลี่ยงออกไปให้นายท่านอยู่กับครอบครัว

“ท่านพ่อ”

“ท่านพี่”

“น้องหญิง ข้าคิดถึงเจ้าที่สุด” กู้หลงซานผละตัวออกจากเลี่ยงหลิ่ง โผเข้ากอดภรรยาอย่างรักใคร่ลึกซึ้ง ลืมสิ้นถึงความเจ็บป่วย

“ข้าก็คิดถึงท่านเจ้าค่ะ” ลู่เยวี่ยนยิ้มทั้งน้ำตา กอดตอบสามีแนบแน่นไม่ยอมปล่อย

“แฮ่ม!! พวกลูกก็อยู่ด้วยนะขอรับท่านพ่อ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเย้าบิดา ในขณะที่สีหน้ายังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยน

“นั่นสิพี่ใหญ่ ท่านพ่อคงลืมพวกเราไปแล้ว”

กู้หลงซานยังคงทำเป็นไม่สนใจ จนลู่เยวี่ยนหมั่นไส้บิดเอวไปทีหนึ่งชอบหลั่นแกล้งลูก ๆ ดีนัก “ปล่อยบิดาเจ้าไปเถอะ” นางเอ่ยบอกบุตรชาย แล้วหันไปคุยกับสามี

“น้องว่าท่านพี่เข้าไปอนพักผ่อนก่อนดีกว่า”

“จ้ะ ที่รัก” กู้หลงซานไม่ลืมที่จะหยอดคำหวานใส่ภรรยาด้วยความเบิกบาน ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกไป ก็มีมารผจญเข้ามา

“ท่านพี่กู้ พวกเขาเป็นใครกันเจ้าคะ” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถามดังขึ้นทางด้านหลัง นัยน์ตาหญิงสาวฉ่ำคลอหยาดน้ำใสไหลอาบแก้ม มองกู้หลงซานด้วยความผิดหวัง ท่างทางอ่อนแอ บอบบาง เหมือนดั่งแก้วที่สามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อ

เมื่อรู้ว่าเป็นผู้ใดอวี้จื่อลู่เอ่ยขึ้นเสียงดัง อย่างไม่รักษากิริยาต่อหน้ามารดา

“หน้าด้าน!!”

เฮ้อ!! หมดกันจะอ้อนเมียเสียหน่อย

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า