Your Wishlist

อวี้จื่อลู่ ณ หมู่บ้านม่านหมอก (เดินทางสู่แผ่นดินใหญ่)

Author: Ning Feng

เพียงแค่เงินสามสี่ร้อยบาท ทำให้เธอต้องถึงแก่ความตาย แต่ทำไม๊ ทำไม ต้องมาอยู่ในร่างของเด็กไม่มีหัวคิดแบบนี้ “มีอย่างที่ไหนหนีหมีขึ้นต้นไม้ ใครสั่งใครสอนกัน”

จำนวนตอน : 55

เดินทางสู่แผ่นดินใหญ่

  • 21/11/2566

การเดินทางในช่วงสิบกว่าวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น ไม่มีเรื่องให้รบกวนจิตใจ ในการเดินวันแรกลี่เหยาแอบกังวลเล็กน้อยว่าจะมีนักฆ่าดักซุ่มรออยู่ แต่นี่ก็วันมาแล้ววันที่สิบสองวัน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีนักฆ่าตามมา ก็รู้สึกโล่งใจหรือเปล่านะ แต่ถ้ามีมาก็ดีนางจะได้ยืดเส้นยืดสายบ้าง ตอนนี้รู้สึกเหมือนคนว่างงานอย่างไรมิรู้ เฮ้อ...

      น่าเบื่อเป็นบ้าแหะ หรือว่านางจะเข้ามิติหาอะไรทำแก้ขัดไปก่อน ลี่เหยาจึงเปิดม่านหน้าต่างรถม้าก่อนชะโงกหน้าออกมา ก็เจอเข้ากับพี่ชายตนเองที่ขี่ม้าอยู่ข้าง ๆ “พี่ใหญ่”

       “มีอะไรอย่างนั้นหรือน้องเล็ก หรือว่ารู้สึกไม่สบายตรงที่ใด”

      “ข้ามิได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ แค่จะบอกว่าตอนนี้ตัวข้านั้นรู้สึกเบื่อเอามาก ๆ เลยคิดว่าจะเข้าไปหาอะไรทำอยู่ในมิติสักระยะ”

      “นี่เพิ่งจะเดินทางมาได้แค่สามวันเจ้าก็รู้สึกเบื่อเสียแล้วหรือ”

      “ก็มันไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นโผล่มาสักทีนี่เจ้าค่ะ” หึ่ย! คิดแล้วคนสวยรมณ์เสีย

      อ้อ!! ที่แท้น้องสาวเขาก็เบื่อเพราะไม่มีคนมาให้นางเล่นด้วยนี่เอง “เอาเถิดน่า เจ้าก็ใจเย็น ๆ หน่อยประเดี๋ยวพอถึงเวลามันก็มาเองแหละ” อวี้เหิงเยว่ได้แต่นึกขำกับท่าทีของนางตอนนี้ยิ่งนัก

      “พี่ใหญ่ คิดเยี่ยงนี้ก็ได้หรือเจ้าคะ”

      “ได้สิ” สองพี่น้องมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

      “เอาจริงหรือพี่ใหญ่”

      “จริงสิ พี่จะโกหกเจ้าไปทำไม” พลางยื่นขนมถั่วกวนให้อวี้จื่อลู่ทาน

      นางมองขนมในมือพี่ชายถึงกับตาลุกวาว หืม...พี่ใหญ่ช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก กำลังหิวอยู่พอดีเลย “ขอบคุณเจ้าค่ะ” อวี้จื่อลู่กัดไปคำนึงถึงกับตาโต เมื่อได้สัมผัสกับรสชาติของขนม อืม...อร่อยมากกกกก “อร่อยมากเลยเจ้าค่ะพี่ใหญ่”

      “หากน้องเล็กชอบก็ดีแล้ว ไว้พี่เจอขนมอร่อย ๆ จะซื้อมาให้เจ้าอีกก็แล้วกัน”

      “งื้ออออ พี่ใหญ่ดีที่สุด” ช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้ โฮะ โฮะ โฮะ!

 

      ‘ลู่เอ๋อร์ ขอส่วนของข้าด้วย ข้าอยากลองทานบ้าง’ ลูกเผ็ดได้ยินสองพี่น้องเอ่ยถึงเรื่องขนม มีหรือที่นางจะพลาดของอร่อย

      ‘ได้ ๆ เดี๋ยวข้าเอาเข้าไปให้’

      ‘ขอบใจ งั้นข้านอนรอก็แล้วกัน’

      ‘เหอะ!’ อะไรคือไปนอนรอ มันน่าแบ่งให้กินดีไหมเนี่ย อวี้จื่อลู่ได้แต่ส่ายหัวไปมาให้กับลูกเผ็ด

 

      “เป็นอะไรไปน้องเล็ก” พูดคุยกันอยู่ดี ๆ จู่ ๆ นางก็เงียบเอาเสียดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น

      “ก็ลูกเผ็ดนะสิเจ้าคะ มาแย่งขนมข้าอีกแล้ว” อวี้จื่อลู่ทำท่าเบะปากจะร้องไห้

      “แต่เจ้าก็แบ่งนางตลอดไม่ใช่หรือ?” ก็เห็นบ่นอยู่ทุกครั้ง แต่ก็เอาไปฝากทุกรอบ แล้วจะบ่นให้เมื่อยปากไปทำไม เขาไม่เข้าใจสตรีเลยจริง ๆ

      “พี่ใหญ่” นางเม้มปากแน่นเงยหน้ามองอวี้เหิงเยว่ เอ่ยเรียกพี่ชายน้ำเสียงสั่นเครือ นัยน์ตาแดงระเรื่อ ก่อนหยาดน้ำใสไหลลงอาบแก้ม ร่างบางสั่นเทาจนดูน่าสงสาร ทว่า...

      “เก็บน้ำตาของเจ้ากลับไปเถิด พี่ไม่หลงกลเจ้าหรอก” เขาหัวเราะในคอจนลูกกระเดือกขยับไปตามจังหวะ

      “พี่ใหญ่นะพี่ใหญ่” แกล้งทำเป็นไม่รู้ทันข้าสักวันไม่ได้หรืออย่างไร

      “หึหึหึ แล้วนี่จะไม่ไปแล้วใช่ไหม” อวี้เหิงเยว่อดที่จะเย้าแหย่นางไม่ได้จริง ๆ

      “ข้าไปก็ได้ เชอะ! อย่ามาบ่นคิดถึงข้าทีหลังก็แล้วกัน” ก่อนสะบัดหน้าใส่พี่ชายแล้วหายเข้าเข้ามิติ ไม่วายตะโกนส่งท้ายออกมาเสียงดัง “เช่นนี้ข้าไปละนะพี่ใหญ่ ฝากบอกท่านแม่กับพี่รองด้วย แล้วก็นี่ของฝากจากข้า”

      อวี้เหิงเยว่ก้มมองแหวนมิติในมือทันทีที่น้องสาวเขาส่งมา “อืม ไปเถอะ แล้วก็ขอบใจเจ้ามาก” ยามไร้ร่างน้องสาวตรงหน้า จากสีหน้าอ่อนโยนอบอุ่นกลับกลายเป็นนิ่งขรึมเย็นชาทันที

 

      ลู่เยวี่ยนที่นั่งรถม้าอยู่ด้านหน้าบุตรสาว ได้ฟังสองพี่น้องคุยกันเจี๊ยวจ๊าว ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา คนหนึ่งส่ง อีกคนก็พร้อมรับ จับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง ช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน ตัวนางเองก็ไม่คาดฝันว่าจะมีวันนี้ วันที่ได้แต่งงานใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยากับคนที่เคยแอบรักมาหลายสิบปี ทั้งยังมีบุตรสาวบุตรชายพร้อม ชีวิตที่ผ่านมาเปรียบเสมือนฝันที่ไม่อาจเป็นจริง ทว่าทุกสิ่งตรงหน้าล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ความรู้สึกเหล่านั้นมันช่างหวานล้ำในใจ

      แต่พอคิดถึงสามีตน นัยน์ตาดอกท้อฉายแววหม่นหมอง สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มและกระวนกระวายใจ ป่านนี้ท่านพี่จะเป็นเยี่ยงไรบ้างก็มิอาจรู้ได้ วันเวลาก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว หากไม่เป็นเพราะนางพลาดได้รับพิษในวันนั้น ท่านพี่ก็คงไม่ต้องต้องเป็นเช่นนี้ เพื่อที่จะให้นางหนีรอดกลับมาหาลูก ๆ เขาถึงกับยอมเอาตัวเองรับคมดาบแทนนาง หลอกล่อศัตรูไปอีกทางแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บและมีแผลฉกรรณ์ เลือดอาบย้อมอาภรณ์จนชุ่ม เขาก็หาได้ใส่ใจไม่

      ทำเอานางใจเสียไม่น้อย ทว่าใครจะไปคาดคิดว่าเด็กสาวที่นางและสามีเก็บมาเลี้ยงเมื่อตอนนั้น ถึงกับกล้าวางยาพิษนางให้ตายตก เพียงเพราะต้องการครอบครองกู้หลงซาน ถึงขนาดยอมร่วมมือกับกู้เยี่ยนลั่วที่มาจากบ้านสายรอง ผลประโยชน์ที่ได้รับคงจะหอมหวานน่าดู

      นี่มันเป็นเวรกรรมอันใดของนางกัน คราก่อนก็เป็นเสี่ยวมี่สาวใช้คนสนิท มาครั้งนี้ก็เป็นดรุณีน้อยวัยสิบเจ็ดปีที่ตนเคยรับมาดูแลอีก คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาฉายแววกังวล เผยสีหน้ายุ่งยากใจ

      “มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือขอรับ ถึงทำให้ท่านแม่มีสีหน้าหนักอกหนักใจเช่นนี้”

      “ไม่มีอะไรหรอก แม่แค่เป็นห่วงและกังวลเกี่ยวกับบิดาเจ้าเท่านั้น”

      “ข้าเชื่อว่าท่านพ่อต้องเอาตัวรอดได้ ท่านแม่อย่าได้กังวลมากไป ประเดี๋ยวจะป่วยไข้เอาได้”

      “แม่รู้แล้ว ล้วนเชื่อฟังเจ้าทั้งนั่น”

      “ดีมากขอรับท่านแม่”

      อวี้เฉิงรุ่ยควบม้าขึ้นมาตีคู่กับพี่ชาย ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่ด้านหน้า

      “พี่ใหญ่ แล้วน้องเล็กเล่าข้ายังไม่เจอนางเลย”

      “เจ้าไม่ต้องหาหรอก นางไม่อยู่ที่นี่”

      “หรือว่า...” อวี้เฉิงรุ่ยลากเสียงยาว ตาเป็นประกายเมื่อรู้ว่านางไปที่ใด ก่อนตวัดตามองพี่ชาย

      อวี้เหิงเยว่พยักหน้าให้น้องชายเป็นอันรู้กัน “อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ”

      “คงจะเบื่อกระมัง” น้ำเสียงขบขันของลู่เยวี่ยนเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน บุตรสาวนางคนนี้มีหรือที่จะอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ ได้นาน คงอึดอัดใจไม่น้อยที่อุดอู้อยู่ในรถม้า

      “ดั่งที่ท่านแม่กล่าวมาขอรับ” มุมปากหนายกยิ้มทุกครายามเอ่ยถึงน้องสาว

      “เอ๋ แล้วท่านแม่เล่า เป็นอย่างไรบ้างขอรับ รู้สึกเหนื่อยหรือไม่ หิวหรือเปล่า” อวี้เฉิงรุ่ยยื่นหน้าไปถามมารดาเสียยาวยืด จนลู่เยวี่ยนถึงกับหลุดขำในความช่างห่วงของบุตรชายคนรอง

      “แม่สบายดี ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดเดียว” ลู่เยวี่ยนตอบยิ้ม ๆ ก่อนถามกลับด้วยน้ำเสียงห่วงใย “แล้วพวกเจ้าสองพี่น้องเล่า ได้พักกันบ้างหรือไม่ อย่าหักโหมจนเกินไปรู้ไหม อย่าลืมสิยังมีอี้ถังและคนคุ้มกันคนอื่น ๆ อยู่ด้วย”

      “ขอรับ ลูกทราบแล้ว” สองพี่น้องเอ่ยตอบมารดาก่อนแยกย้ายกันไปจัดการพูดคุยกับคนคุ้มกันในขบวนเรื่องการเดินทางและจุดพักระหว่างทาง เพื่อให้มีความปลอดภัยมากที่สุด

 

      เดินมาได้ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยปากถามพี่ชายทันที “นี่ ๆ พี่ใหญ่”

      “ว่า...” อวี้เหิงเยว่เลิกคิ้วตอบอย่างสงสัย

      “ท่านว่าที่แผ่นดินใหญ่จะเป็นเช่นไรบ้าง การใช้ชีวิตของผู้คนหรือความเป็นอยู่พวกนั้น จะเหมือนกับพวกเราไหม”

      “หากอยากรู้ไยไม่ถามท่านแม่ตั้งแต่แรกเล่าน้องรอง” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความอ่อนใจ

      “จริงด้วย” อวี้เฉิงรุ่ยเกาหัวแกรก ๆ พลางยิ้มแห้ง “เช่นนั้นข้าไปหาท่านแม่ดีกว่า คุยกับท่านไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เสียเวลาจริงเชียว” มุมปากเหยียดยิ้มน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มเยาะ ก่อนรีบปลีกตัวออกมาอย่างรวดเร็ว หากมัวชักช้าเกรงว่าจะโดนโทสะของพี่ใหญ่เอาได้

      “นี่เจ้า!!  น้องรอง” อวี้เหิงเยว่รู้สึกเท้ากระตุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ หึ! เห็นเขาเป็นตัวไร้ประโยชน์หรือไรกันเจ้าน้องบ้า ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะราวกับผู้ชนะของอีกฝ่ายแล้ว ยิ่งอยากจะประเคนฝ่าเท้าให้สักครั้งสองครั้งเสียจริง

 

      จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกสองวัน

      จู่ ๆ การเดินทางเป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อมีชายชุดดำกว่าสามสิบชีวิตกระโจนเข้ามาล้อมขบวนเดินทางของพวกเขา พร้อมกับอาวุธครบมือ แล้วตะโกนสั่งให้ลงมือฆ่าอย่างเหี้ยมโหด

      “ฆ่าให้หมด!!”

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า