เธอทำงานหนักมามากกว่ายี่สิบปีกว่าจะมีบ้านมีรถเพื่ออวดคนอื่นได้บ้าง
ทว่าตอนนี้เธอได้ย้อนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้งจึงรู้สึกไม่ยินดีเอามากๆ ถึงขั้นต่อต้านด้วยซ้ำ
ยังดีหน่อยที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน และเธอก็ไม่มีญาติหรือเพื่อนสนิทที่จะเสียใจไปกับการตายของเธอ
เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ไม่มีอะไรให้ต้องโหยหานอกจากทำใจยอมรับ อันที่จริงเธอก็ไม่ได้พึงพอใจเท่าไหร่นักกับการเป็นพนักงานกินเงินเดือนที่ต้องสะสมความเครียดทุกวัน
เฉียวเหม่ยนึกถึงอีกชีวิตหนึ่งของเธอและก้มศีรษะลงเพื่อดูหน้าอกที่ใหญ่โตของเธอ นี่คือหน้าอกแบบที่เธอใฝ่ฝันที่จะมี แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เธอไม่มีดวงจริงๆ แค่นั่งบนเตียงก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกแล้ว
แม้แต่ท้องก็เริ่มส่งเสียงคำราม เธอมองผ่านหน้าต่าง เห็นผักไม่กี่ต้นที่ปลูกไว้ประปรายในลานบ้าน
เธอกลืนน้ำลายและคิดที่จะกินมันดิบๆ
สวรรค์!
เธอเคยเป็นสาวงามประจำเมือง ทว่าตอนนี้เธอได้ทะลุมิติมายังหมู่บ้านบนภูเขา มาถึงจุดที่เธอไม่สนใจอะไรเลยและถึงกับคิดอยากจะกินผักดิบๆ !
“ไม่ ฉันจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง!”
แววตาของเฉียวเหม่ยมีความมุ่งมั่น พยายามอย่างเต็มที่ที่จะยืดตัวออกและรู้สึกถึงหน้าอกอันใหญ่โตมโหฬาร มือก็กำหมัดแน่นและให้กำลังใจตัวเองด้วยการพูดว่า “ฉันต้องลดน้ำหนักให้สำเร็จ!”
อย่าว่าแต่คนอื่นที่รับไม่ได้กับรูปร่างหน้าตาของเธอ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังยอมรับร่างอ้วนๆ นี้ไม่ได้เช่นกัน
เมื่อคิดถึงการลดน้ำหนัก เฉียวเหม่ยก็นึกถึงประสบการณ์ตอนที่ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย
ในเวลานั้น เธอเคยผ่านช่วงการกินและดื่มมากเกินไปหน่อยเพราะถูกแฟนนอกใจ สุดท้ายตัวเองน้ำหนักขึ้นมากกว่าสามสิบปอนด์ เธอตกใจมากเมื่อเห็นตัวเองในกระจกและต้องรวบรวมความมุ่งมั่นอย่างหนักเพื่อที่จะลดน้ำหนัก
กินให้น้อยลงและออกกำลังกายให้มากขึ้นนี่คือคำขวัญของผู้ลดน้ำหนัก
“ฉันทำได้แน่นอน!” เฉียวเหม่ยรีบกระโดดลงจากเตียงและให้กำลังใจตัวเองเสียงดังก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากบ้านไป
บ้านตระกูลเฉียวเป็นบ้านดินที่มีห้องเล็กๆ สามห้อง ห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ในห้องโถงกลาง ในขณะที่อีกสองห้องถูกครอบครองโดยปู่และตัวเธอเอง
บ้านดินอยู่ในสภาพโกโรโกโสและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถต้านทานลมแรงได้เลย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเฉียวเฉียงเป็นทหารที่เกษียณแล้วและพอใจกับสวัสดิการของหมู่บ้าน พวกเขาจะส่งคนไปซ่อมแซมบ้านให้ทุกปีเพื่อที่อย่างน้อยมันจะไม่พังทลายลงมา
ในบ้านมีเครื่องเรือนเพียงไม่กี่ชิ้น ชำรุดทรุดโทรมและใช้งานแทบไม่ได้
บ้านทั้งหลังรวมทั้งพื้นและโต๊ะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น ทำให้ดูรกรุงรังและสกปรก ฟืนในครัวถูกสุมไว้ที่มุมห้องอย่างลวกๆ และผนังก็ถูกทาด้วยกาวเหนียวเป็นชั้นๆ
อี๋ สกปรกที่สุด!
นี่ไม่ต่างอะไรจากคอกหมูเลย!
เฉียวเหม่ยขมวดคิ้วและตรวจสอบความทรงจำในอดีต เจ้าของร่างเดิมนั้นอ้วนมากและยังเซื่องซึมหงอยเหงา ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เธอจะสามารถทำความสะอาดบ้านได้ เฉียวเฉียงแก่แล้วและขาของเขาก็ไม่ค่อยดี ดังนั้นเขาจึงทำอะไรไม่ได้มากเช่นกัน
มิน่าล่ะ….
เธอส่ายหน้าและเดินออกจากบ้าน ทันทีที่ก้าวขาออกไปข้างนอกก็เห็นลานกว้างพร้อมทิวทัศน์ที่เปิดโล่ง บริเวณรอบๆ เป็นทุ่งขนาดใหญ่ที่มีรั้วทำจากฟาง
ดินสีเข้มดูอุดมสมบูรณ์มาก
น่าเสียดายที่เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิและไม่มีพืชผลในทุ่ง มีเพียงต้นผักเล็กๆ น้อยๆ กระจายอยู่ตามพื้น
ในลานบ้านมีเนินดินเล็กๆ สองสามแห่งที่มีต้นไม้เขียวขจี
เฉียวเหม่ยมองไปที่ลานบ้านและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
อย่างน้อยเธอก็มีที่ดินเป็นของตัวเอง!
แม้ว่าในชีวิตอื่นเธอจะอาศัยอยู่ในเมือง แต่เธอก็รักต้นไม้และโหยหาชีวิตในชนบท เธอชอบปลูกต้นไม้ใบหญ้ามาก
ตอนที่เธอซื้อบ้าน เธอเพิ่มเงินอีกสองสามแสนหยวนเพื่อซื้อยูนิตชั้นล่างพร้อมสนามหญ้าเพื่อเติมเต็มความฝันในการทำสวนของตัวเอง เมื่อใดก็ตามที่มีเวลา เธอจะพรวนดินและปลูกผัก เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะหาได้จากเมืองใหญ่
หลังการทุมิติ ตอนนี้เธอมีลานขนาดใหญ่ที่สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิด
ในที่สุดความปรารถนาของเธอก็เป็นจริง!
"อา!" รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเฉียวเหม่ย เธออ้าแขนออกและหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตะโกนว่า “ทำงานกันเถอะ!”
ในฐานะคนเมือง เธอรักความสะอาดจนติดเป็นนิสัยและไม่สามารถทนต่อความสกปรกและความรกรุงรังระเกะระกะในบ้านได้
เนื่องจากตอนนี้เธอมีเวลา จึงเริ่มต้นจากทำความสะอาดก่อน
ตอนที่อยู่ในบ้านไม่ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ เมื่อมองย้อนเข้าไปในบ้านจึงรู้ว่าบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นของเชื้อราผสมกับฝุ่น
คนดีๆ ที่ไหนเข้าอยู่ในที่แบบนี้กัน?