กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
ในโลกอาชูร่า ยักษากระหายเลือดได้กลืนเลือดแห่งความโกลาหลที่เจียงหลีขว้างใส่มันอย่างตะกละตะกลาม
ทันใดนั้นมันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างปรากฏขึ้นในใจ ก่อนที่ร่างกายของมันจะเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งแล้วก็บินซวนเซไปมา
ขณะนี้ปีก 2 ข้างของยักษากระพือพับราวกับเป็นตะคริว
ในความเป็นจริงมีดวงจิต 2 ดวงกำลังต่อสู้กันเพื่อควบคุมร่างกายนี้อยู่
ตามปกติแล้วการบินด้วยปีกเป็นการกระทำที่ต้องใช้การประสานกันของร่างกายสูงมาก ทว่าตอนนี้จิตคู่ขนานดวงที่ 3 เข้าไปก่อปัญหาให้กับเจ้าของร่าง ปีกของสัตว์ประหลาดจึงแกว่งไปแกว่งมา จนกระทั่งตัวของมันเซตกลงไปด้านข้าง
ขณะเดียวกันนั้น เจียงหลีให้จิตคู่ขนานดวงที่ 1 และ 2 นำเปลวไฟเย็นของปลาตะเกียงผีเข้าไปช่วยอีกแรง
เนื่องจากเผ่าพันธุ์ยักษากระหายเลือดนั้นฉลาดกว่าสัตว์ประหลาดตัวอื่น ๆ จิตวิญญาณของมันจึงแข็งแกร่งกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม มันยากเกินไปสำหรับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งความโกลาหลที่จะฝึกจิตใจและจิตวิญญาณของพวกมันให้แข็งแกร่ง
ด้วยพลังของจิตคู่ขนานของเจียงหลี ยักษาจึงถูกปราบปรามอย่างง่ายดาย บัดนี้จิตคู่ขนานดวงที่ 3 กัดกินพลางดูดกลืนเศษเสี้ยววิญญาณที่ยักษาทิ้งไว้ แล้วเติบโตอย่างรวดเร็วในรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย
แต่ในขณะนี้ ทหารอสูร 3 ตนที่มีรอยเย็บตามตัวได้กำจัดกลุ่มสัตว์ประหลาดออกไปเพื่อเข้าสู่โลกอาชูร่าที่นองเลือดผ่านรอยแยกมิติ
ถ้ารั้งรอนานกว่านี้มันจะสายเกินไปหากต้องรอจนกว่าจิตคู่ขนานดวงที่ 3 เติบโตจนถึงจุดที่สามารถควบคุมร่างกายของยักษาได้ทั้งหมด
ขณะนี้ร่างแยกพฤกษาอเวจีนพเก้าล่าถอยออกมาก่อน ส่วนร่างแยกนักพรตกระบี่เข้าควบคุมร่างของยักษากระหายเลือดเป็นการชั่วคราว
ทางด้านหลังห่างออกไปเพียงไม่กี่ฉื่อก็คือสระโลหิต ตอนที่เหล่าดวงจิตกำลังแย่งชิงกันควบคุมร่างกาย ยักษาตนนี้เกือบจะตกลงไปในสระโลหิตแล้ว
ในสระโลหิตมีเลือดสีแดงสดที่มีกลิ่นเหม็นเดือดพล่านอยู่ภายในซึ่งมันมีขนาดเท่าทะเลสาบ
ส่วนหุ่นเชิดผีดิบที่อยู่ในขอบเขตฝึกแก่นพลังกำเนิดจิตวิญญาณขั้นก่อสร้างจิตวิญญาณทั้ง 3 เองก็กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หากน้ำเต้าที่มีของเหลววิญญาณระดับสูงหลั่งไหลเข้ามา ร่างแยกยักษาจะถูกทำลายก่อนที่จิตคู่ขนานจะทันได้ครอบครองมันสำเร็จแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ จิตคู่ขนานดวงแรกจึงตัดสินใจควบคุมร่างแยกยักษาให้หันหลังวิ่งหนีออกห่างจากสระโลหิตโดยไม่ลังเลใด ๆ
เนื่องจากเขาไม่รู้วิธีใช้พลังแห่งความโกลาหลหรือบินด้วยปีกที่อยู่บนหลัง สิ่งที่เขาทำได้คือควบคุมร่างกายนี้ให้วิ่งออกไปด้วยขาเท่านั้นจริง ๆ
สถานที่ที่ร่างแยกอยู่ในขณะนี้คืออาคารหินที่คล้ายกับวิหาร แต่สัดส่วนของอาคารนี้มีขนาดใหญ่มาก เพียงแค่กระเบื้องแผ่นเดียวก็ทำให้เขาต้องใช้เวลาวิ่งมากกว่า 10 ก้าว
วิหารขนาดมหึมาเช่นนี้ได้รับการจัดเตรียมไว้สำหรับจ้าวอสูรซึ่งมีร่างกายใหญ่โตจนหากใครที่สายตาไม่ดี พวกเขาจะมองไม่เห็นศีรษะของอีกฝ่าย
เมื่อร่างแยกยักษามองสำรวจจ้าวอสูรขนาดใหญ่ แม้แต่เจียงหลีที่มองเห็นผ่านร่างแยกก็ยังรู้สึกหวาดกลัว สหายคนนี้น่าจะมีพลังใกล้เคียงกับเทพที่แท้จริง
โชคดีที่โลกอาชูร่าก็โกลาหลเหมือนกับชื่อพลังของมัน เพราะไม่มีใครสังเกตเห็นยักษาประหลาดตัวนี้ที่กำลังวิ่ง 2 ขา
ปัจจุบันร่างแยกยักษาวิ่งหนีจากสระโลหิตด้วยพลังทั้งหมดที่มี
จากนั้นเสียงโครมครามก็ดังขึ้นข้างหลัง
ตูม!!
พร้อมกันนั้นคลื่นกระแทกที่ห่อหุ้มด้วยเลือดพุ่งกระแทกเข้าใส่ด้านหลังของยักษากระหายเลือดอย่างแรง
สภาพของมันที่กระเด็นออกมาจากวิหารคือกระดูกหักกว่า 10 ท่อน
ปรากฏว่าของเหลววิญญาณระดับสูงที่หนาแน่นผสมกับเลือดแห่งความโกลาหล ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงจนสั่นสะเทือนไปทั้งโลก
แล้วร่างแยกยักษาก็หมดสติไปตรงจุดนั้นทันทีเช่นกัน
ภายใต้เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของจ้าวอสูร รอยแยกมิติที่เชื่อมต่อกับโลกเซียน 9 ทวีปนั้นค่อย ๆ ได้รับการซ่อมแซม
แผนการทำลายสระโลหิตนั้นง่ายและราบรื่นกว่าที่เหล่านักพรตจินตนาการไว้มาก
อาจเป็นเพราะสัตว์ประหลาดแห่งโลกอาชูร่าส่วนใหญ่ไม่มีสติปัญญา
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพวกมันถูกดึงดูดโดยออร่าที่อยู่อีกด้านหนึ่งของรอยแยก แม้แต่แม่ทัพอสูรทั้ง 3 ที่เปลี่ยนจากนักพรตขอบเขตฝึกแก่นพลังกำเนิดจิตวิญญาณก็คิดเพียงว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโสของสำนักที่รอดมาได้เพราะโชคช่วย
ในขณะที่คนกลุ่มนี้ได้รับความแข็งแกร่งมากขึ้น พวกเขาก็ถูกอารมณ์ที่วุ่นวายซึ่งทำให้สติปัญญาของตนบดบังโดยไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้นักพรตขอบเขตฝึกแก่นพลังกำเนิดจิตวิญญาณขั้นก่อสร้างจิตวิญญาณทั้ง 3 คนควบคุมซากศพและเดินผ่านสัตว์ประหลาดจำนวนมากไปอย่างเปิดเผยโดยไม่ทำให้เกิดความสงสัยใด ๆ
ต้องบอกว่าแผนการที่ชาญฉลาดของเจียงหลีได้ผลดีมากจนน่าประหลาดใจ
ในตอนที่พวกเขาไปถึงโลกอาชูร่า ผู้อาวุโสทั้ง 3 โยนน้ำเต้าที่สลักอักขระย้อนเวลาลงไปด้วย จนกระทั่งพวกเขาบินกลับไปที่รอยแยกมิติ สระโลหิตด้านล่างก็จะระเบิดทันที ส่งผลให้สระโลหิตแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ
ก่อนที่รอยแยกมิติจะปิดลง แก่นแท้จิตวิญญาณของนักพรตระดับสูงทั้ง 3 ก็ดึงจิตวิญญาณออกจากศพอย่างสงบและกลับไปที่ร่างกายของตนเอง
เนื่องจากร่างที่พวกเขาเข้าสิงล้วนเป็นแม่ทัพอสูรที่แปลงร่างมาจากผู้อาวุโสของสำนักไป่เหลียนซาน ลักษณะภายนอกของพวกเขาจึงแตกต่างจากสัตว์ประหลาดในโลกอาชูร่าอย่างชัดเจน
เมื่อจ้าวอสูรไม่พบร่างแยกยักษาหลังจากที่เขาวิ่งหนีไป มันจึงจ้องเขม็งไปที่แม่ทัพอสูรที่เปลี่ยมมาจากมนุษย์อย่างโกรธเกรี้ยว
แม่ทัพอสูรทั้ง 3 ประกอบไปด้วยซือถูเฟิ่งจู่ เจ้าสำนักสำนักไป่เหลียนซาน, หม่าไจ้เหนียน ผู้อาวุโสหลักของสำนักไป่เหลียนซาน และปีศาจเฒ่า ผู้อาวุโสที่หลงเหลืออยู่ของสำนักเทพเฮยเหลียน
พวกเขา 3 คนเพิ่งสละความเป็นมนุษย์ใน 9 ทวีปและมาถึงโลกใหม่อย่างเช่นโลกอาชูร่า
เดิมทีด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่งได้รับ พวกเขาสามารถอยู่ในระดับสูงไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใด
แต่ ณ ตอนนี้ เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่โกรธแค้นของจ้าวอสูร พวกเขาที่เพิ่งมาถึงสถานที่ใหม่ได้ทำให้ผู้เป็นนายไม่พอใจเสียแล้ว ต่อจากนี้ไปอนาคตของคนพวกนี้คงจะไม่สดใสนัก
…
ปัจจุบันรอยแยกมิติกำลังปิดลงอย่างช้า ๆ ในเวลาเดียวกัน เมฆทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าที่เคยบดบังแสงแดดอันอบอุ่นก็สลายไป ทำให้แสงนั้นส่องลงมายังนักพรตทั้งหมดของสำนักใหญ่ทั้ง 3
ท่าทางที่เหนื่อยล้าของทุกคนผ่อนคลายลงเมื่อพวกเขาได้รับพรในระดับที่แตกต่างกันตามผลบุญกุศล
ในที่สุดการต่อสู้ที่ยากลำบากนี้ก็สิ้นสุดลงสักที!
แต่ชัยชนะไม่ได้มีเพียงแค่ความสงบสุขเท่านั้น แต่ยังมีความโศกเศร้าด้วย
นั่นเป็นเพราะในสงครามครั้งนี้ 3 สำนักหลักต้องสูญเสียอะไรไปมากมาย
ทั้งเรื่องที่ผู้อาวุโสและศิษย์ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นจินตันได้สูญหายไปเกือบ 4 ส่วน
อีกทั้งมีนักพรตขอบเขตฝึกแก่นพลังกำเนิดจิตวิญญาณขั้นเริ่มต้นที่สง่างาม 11 คนเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้
ท้ายที่สุดแล้ว คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือสำนักไป่เหลียนซานซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็น 1 ใน 4 สำนักหลักและสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนจากโลกอาชูร่า
การที่พวกเขาสามารถทำลายสำนักไป่เหลียนซานได้โดยมีการสูญเสียเพียงแค่นี้ก็ถือว่าเป็นผลดีแล้ว
แม้ว่าจะโชคดีที่นักพรตระดับแนวหน้าทั้ง 12 คนยังสามารถต่อสู้ภายใต้สภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยได้บ้าง แต่พวกเขาทั้งหมดก็ได้รับบาดเจ็บพอสมควร
นอกจากนี้ผู้อาวุโสทั้ง 3 ที่ครอบครองศพด้วยแก่นแท้จิตวิญญาณยังคงถูกรุกรานด้วยอารมณ์ด้านลบมากมาย พวกเขาจึงต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกนาน
อย่างไรก็ตาม นับว่าโชคดีแล้วที่ไม่มีใครเสียชีวิต
เมื่อสงครามครั้งใหญ่สิ้นสุดลง กองทัพพันธมิตรของทั้ง 3 สำนักไม่ได้เดินทางออกไปทันที
พวกเขาตัดสินใจมาประจำการในสำนักไป่เหลียนซานแล้วพักผ่อนอยู่ที่นี่เป็นเวลา 7 วันเต็ม
หลังจากการต่อสู้จบลง ผู้บาดเจ็บจำนวนมากจำเป็นต้องพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บและความเหนื่อยล้า
บางคนต้องเก็บกวาดสนามรบขนาดใหญ่แห่งนี้
แล้วสัตว์ประหลาดบางตัวที่รอดตายจำเป็นต้องถูกฆ่า
ส่วนอุปกรณ์วิญญาณของนักพรตในสำนักที่เสียชีวิตจะต้องถูกเรียกคืนและส่งกลับไปให้แต่ละสำนักหลัก
รวมถึงพวกเขาต้องรวบรวมและนับของที่ริบมาจากสงครามของสำนักไป่เหลียนซาน ก่อนที่จะแจกจ่ายตามผลงานของแต่ละคน
นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมากบนร่างของสัตว์ประหลาดจากโลกอาชูร่าและวิญญาณหรือสัตว์อสูรที่เสียชีวิตในการต่อสู้
แล้วไหนจะยังมีพลังโกลาหลที่ไหลซึมออกมาจากโลกอาชูร่าอีก พร้อมทั้งซากศพของสัตว์ประหลาดที่ตายได้ทำให้พื้นที่ขนาดใหญ่ท่ามกลางสมรภูมิสกปรก
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสงครามถึงจุดสูงสุด เหล่านักพรตของสำนักใหญ่ทั้ง 3 ก็ล่าถอยจากการต่อสู้ของกลุ่มนักพรตระดับสูง แต่นักพรตระดับกลางและระดับต่ำของสำนักไป่เหลียนซานไม่มีที่ให้หลบหนี พวกเขาเลยทำได้แค่ซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ไฟใต้พื้นโลกภายในสำนักไป่เหลียนซานเท่านั้น
หลังจากที่การต่อสู้สงบลง นักพรตของ 3 สำนักหลักพบว่านักพรตระดับต่ำจำนวนมากล้วนถูกปนเปื้อนด้วยพลังโกลาหล พวกเขาทั้งหมดจึงกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าขยะแขยงเหล่านั้น
ดังนั้นคนเหล่านี้จำเป็นต้องถูกผนึกและกำจัดออกไปตามสถานการณ์
ในขณะที่พื้นที่รอบ ๆ มีสิ่งมีชีวิต พืช หรือแม้แต่ดินและน้ำที่เป็นมลพิษ ทั้งหมดนี้จะต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม
นี่ถือว่าเป็นความเสียหายในวงกว้างที่ต้องได้รับการแก้ไข
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักพรตของกองทัพพันธมิตรทั้ง 3 สำนัก พวกเขาทุกคนได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ใช้พลังปราณจิตวิญญาณไปจนหมด
เพราะฉะนั้นคนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้จึงมีไม่มากนัก
ในขณะนี้ เจียงหลีผู้ซึ่งขอให้ศิษย์พี่ฉีหยูพันผ้าพันแผลให้เขาเดิมทีอยากจะแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บเพื่อเพิ่มชื่อเสียงของตัวเองทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
ก่อนหน้านี้เขาได้ปลดปล่อยปีศาจพฤกษาออกมาจำนวนมากและฝังศพของศัตรูไว้ใต้สำนักไป่เหลียนซาน ในขณะเดียวกันเขาก็รวบรวมของที่ริบมาจากสงคราม
ในสายตาของคนขี้งกอย่างเจียงหลี งานหนักแบบนี้ถือว่าเป็นงานใหญ่
ด้วยการที่เด็กหนุ่มมีโลงศพหยินไว้ในครอบครอง ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะเอาอะไรไปกี่อย่าง
ในระหว่างกระบวนการนี้ เจียงหลีและคนอื่น ๆ ยังพบสถานที่ที่สำนักไป่เหลียนซานเคยใช้ฝึกกองทัพมนุษย์พิษด้วย
ภายในมียาและอุปกรณ์ทุกชนิด ตอนที่เข้ามาพบห้องนี้พวกเขาตกใจมาก จะมีใครรู้ไหมว่าเหล่าศิษย์ของสำนักไป่เหลียนซานที่ได้รับเลือกนั้นถูกนำมาดัดแปลงเป็นอาวุธทำลายล้างเช่นนี้?
สุดท้ายแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ถูกผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่อู่ซิงเผาจนวอดวาย
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้คือร่างแยกนักพรตกระบี่นามถังเหยียนผู้ซึ่งทำผลงานได้ดีในสงครามครั้งนี้
ก่อนที่พวกมันจะถูกทำลาย เจียงหลีได้นำของบางส่วนออกมาเก็บไว้ในโลงศพหยินแล้ว
ปัจจุบันนักพรตส่วนใหญ่ใช้เวลา 7 วันในการรักษาอาการบาดเจ็บ
หลังจากเก็บกวาดสนามรบเรียบร้อยแล้ว สำนักไป่เหลียนซานก็ถูกผนึกด้วยค่ายกลขนาดมหึมา
เห็นได้ชัดว่าการปล่อยให้นักพรตเหล่านี้รับผิดชอบในการทำความสะอาดหลังการต่อสู้นั้นมันหนักหนามาก
ในอนาคต พวกเขาจำเป็นต้องส่งนักพรตคนอื่น ๆ ที่มีพลังเต็มเปี่ยมมาทำงานนี้ เพราะมันใช้เวลานานในการฟื้นฟูสถานที่สกปรกแห่งนี้ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
ตามปกติแล้ว ตราบใดที่ข่าวถูกปล่อยออกมา นักพรตไร้สำนักและนักพรตสำนักระดับต่ำจำนวนมากยินดีที่จะมายังสนามรบเพื่อเสี่ยงโชค
ตราบเท่าที่ส่งงานที่เหลือให้พวกเขาจัดการต่อ สำนักใหญ่ทั้ง 3 ไม่จำเป็นต้องเสียแม้แต่หินวิญญาณก้อนเดียว มิหนำซ้ำทางสำนักถึงขั้นสามารถเก็บค่าเข้าชมสถานที่ได้ด้วย
เวลาต่อมา กองทัพพันธมิตรต่างก็ทิ้งคนของตนไว้ส่วนหนึ่งเพื่อปกป้องสถานที่นี้เอาไว้ ส่วนคนอื่น ๆ ก็นั่งเรือเหาะที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งกลับไป
บทที่ 347: สงครามสิ้นสุดลง
-------------------------------------------
อากิระ talk: ก่อนอื่นเราขอแจ้งว่าเรื่องน้องหลีเราจะแปลถึงแค่ตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย ต้องขอโทษด้วยนะคะ เนื่องจากตอนนี้เราได้เซ็นสัญญาเป็นนักแปลของสำนักพิมพ์เซียนอ่าน เราจึงต้องทุ่มเวลาให้กับผลงานใหม่ ซึ่งขอรับรองว่าผลงานใหม่นี้ถูกลิขสิทธิ์และเราจะแปลจนจบแน่นอน ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่คอยติดตามเรามาตลอดนะคะ