Your Wishlist

ใครย้ายภูเขาของฉัน (บทที่ 5 : ภัยพิบัติ)

Author: mulan

หยุนหรงโกรธจริงๆ คนชั่วคนไหนกล้าย้ายภูเขาของฉัน! เธอตัดสินใจปรากฎตัวต่อผู้รับผิดชอบเพื่อแก้ไขสถานการณ์ หยุนหรง :“ใครอนุญาตให้คุณย้ายภูเขาของฉัน?” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนา “ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทของเรา” หยุนหรง :“บังอาจ! พาฉันไปพบเขา!” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาพูดอย่างเหยียดหยามว่า “คุณคิดว่าแค่คุณต้องการพบผู้จัดการทั่วไปของเราคุณจะได้พบเขาเลยอย่างนั้นเหรอ?” หยุนหรงถามอย่างสุภาพว่า “แล้วฉันจะพบเขาได้อย่างไร?” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนา “ขั้นต่ำคุณต้องมีมูลค่า 100 ล้าน!” นอกจากการให้พรชาวบ้านให้โชคดี เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผลอุดมสมบูรณ์แล้ว อย่างอื่นเธอทำไม่เป็นเลย จะเอา 100 ล้านจากไหน ?

จำนวนตอน :

บทที่ 5 : ภัยพิบัติ

  • 13/06/2565

“ผีผู้หญิง?” ลู่เหอเหนียนพูดซ้ำ ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องไร้สาระ “ผมจำได้ว่าเราคัดเลือกฉิ่นเหวินเทาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองหลวง ถูกต้องไหม?”

 

“ถูกต้องครับ เราจ้างเขาเมื่อสี่ปีก่อน” เลขาพยักหน้า หดตัวลงโดยไม่รู้ตัว เขาเริ่มเสียใจที่ถ่ายทอดคำพูดที่ไร้สมองแบบนี้ในนามของฉิ่นเหวินเทา

 

ยังจะมาพูดถึงผีผู้หญิงทำไม? คุณขึ้นไปบนภูเขาเพื่อดำเนินการก่อสร้าง ทำไมไม่บอกว่าคุณเจอเทพแห่งภูเขาแทน!

 

“ดูแลหน่วยพิทักษ์วัฒนธรรมก่อน” ลู่เหอเหนียนเงยหน้าขึ้นและกล่าวสรุปประเด็นต่างๆ ด้วยใบหน้าที่เย็นชา จากนั้นเขาก็โบกมือให้เลขาของเขาออกไป

 

เลขานุการบันทึกความข้อกำหนดของผู้อำนวยการอย่างพิถีพิถัน ลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อมและรีบออกจากห้องผู้อำนวยการ เมื่อในที่สุดเขาก็กลับมาที่สำนักงานของเขา เขาจึงผ่อนคลายและปล่อยลมหายใจได้ เขาอยู่เคียงข้างหัวหน้าลู่มาห้าปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับรัศมีอันทรงพลังของหัวหน้าได้

 

เขาไม่ควรฟังเรื่องไร้สาระของฉิ่นเหวินเทา

 

หลังจากที่เลขานุการจากไป ลู่เหอเหนียนก็ดูอีเมลของหน่วยคุ้มครองวัฒนธรรมอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขารู้สึกกระวนกระวายโดยไม่มีเหตุผล เขาใช้ความพยายามและเงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้ภูเขาต่านซิ่ว อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาสนใจสถานที่นี้มาก

 

มีอีกเหตุผลหนึ่ง แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เขาเห็นภูเขาต่านซิ่วครั้งแรกเมื่ออายุ 5 ขวบ และมีความรู้สึกคุ้นเคยลึกๆในใจ ราวกับว่าเขาเคยอยู่ที่นั่น

 

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาต้องการพัฒนาภูเขาต่านซิ่ว

 

ตอนนี้ เพราะฉิ่นเหวินเทาไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง ผู้คนในหน่วยพิทักษ์วัฒนธรรมจึงมีโอกาสได้สำรวจดูรอบๆ ภูเขา เขาไม่รู้ว่าการก่อสร้างจะล่าช้าไปนานแค่ไหนจากเหตุนี้

 

คิ้วของลู่เหอเหนียนยับย่น เขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่เมื่อโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานดังขึ้น

 

เขาหยิบมันขึ้นมาและเห็นชื่อแม่ของเขา หมายเลขของเจียงซูฮวาบนหน้าจอ ลู่เหอเหนียนชะงัก แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงกดรับโทรศัพท์

 

“แม่ ผมบอกแล้ว ผมจะไม่ไปนัดบอดที่ครอบครัวเจียงจัดขึ้น ถ้าแม่ชอบเจียงซือซือจริงๆ บอกให้เจียงเหยียน ไป” เมื่อกดรับสายลู่เหอเหนียนก็พูดทันที

 

“นี่ไอ้เด็กนิสัยเสีย ฉันชอบเจียงซือซือ!” คุณนายเจียงซูฮวาน้ำเสียงไม่พอใจดังจากปลายสายอีกด้าน “เจียงเหยียนไม่เหมือนแก เขาเป็นที่นิยมในโรงเรียน แกในฐานะพี่น้องไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการหาแฟนของเขาหรอก”

 

ลู่เหอเหนียน : “…….”

 

เมื่อเห็นว่าลูกชายของเธอไม่พูด เจียงซูฮวาจึงกลับมาที่หัวข้อ “ฉันไม่ได้โทรหาแกเพราะเรื่องนัดบอด”

 

“แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องอะไร?”

 

“จริงๆ แล้ว มันยังคงเกี่ยวข้องกับเจียงซือซือ” เจียงซูฮวาถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “ฉันเพิ่งได้รับข้อมูลว่าเมื่อเช้านี้เจียงซือซือตกลงมาจากชั้นสองและขาของเธอหัก”

 

ลู่เหอเหนียนไม่โต้ตอบ เกี่ยวข้องอะไรระหว่างเจียงซือซือล้มหักขากับเขา? จากนั้นเขาก็ได้ยินแม่ของเขาพูดต่อว่า “เดิมทีฉันคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร คุณจางนับชื่อของเธอแล้ว แล้วบอกว่าเยี่ยมมาก เธอมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี ทำไมหลังจากนัดบอดกับแกแล้วถึงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น?”

 

เจียงซูฮวารู้สึกผิดหวัง ไม่ใช่เพราะเธอชอบเจียงซือซือ แต่เพียงเพราะว่าหลังจากผ่านไปหลายปี มันเป็นความยากลำบากมากกว่าที่เธอได้พบคนที่มีตัวเลขเหมาะกับลูกชายของเธอ ยังคงคิดมีความหวังว่าเธออจจะได้หลานชาย  เธอคาดไม่ถึงว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อนที่จะได้นัดบอด

 

ใบหน้าของลู่เหอเหนียนทรุดลงทันทีและเปล่งเสียงของเขา: “อย่าจัดการเรื่องแบบนี้ในอนาคต”

 

“ฉันจะไม่จัดการได้ยังไง ปีหน้าแกจะอายุ 30 แล้ว…..” เจียงซูฮวาบ่น ในที่สุด กลัวจะทำร้ายลูกชายคนสุดท้องของเธอ เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงถามว่า: “พ่อของแกบอกให้ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูเขาต่านซิ่ว?”

 

“ไม่มีอะไร ข่าวเขียนไปไม่มีมูล” เมื่อเจียงวูฮวาถามเกี่ยวกับภูเขาต่านซิ่ว ลู่เหอเหนียนอดนึกถึงสิ่งที่เลขาของเขาเพิ่งพูดไปไม่ได้ มีผีผู้หญิงอยู่ในภูเขาต่านซิ่ว เดิมทีเขาไม่เชื่อ

 

แต่ในเวลานี้…..

 

เขามีพลังมืดอยู่ภายในตัวเขาและในชีวิตนี้ บุคคลที่อาจเป็นภรรยาของเขายังไม่ปรากฏตัวขึ้น ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก? เดิมทีเขาไม่เชื่อในสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หลังจากหลายปีและที่บ้านทำการนัดบอดหลายครั้งให้กับเขา บรรดาคุ่นัดบอดมักจะประสบอุบัติเหตุหลังจากนั้นเสมอ คราวนี้ เรื่องของเจียงซือซือยิ่งเกินจริง  ยังไม่ได้พบกันเลย เธอก็ตกลงชั้นสองขาหักซะแล้ว

 

มุมปากของลู่เหอเหนียนเผยให้เห็นเสียงหัวเราะที่ขมขื่น บอกตามตรง เขาอดไม่ได้ที่จะเชื่อ

 

เขาหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวและพูดอย่างไม่กระตือรือร้นว่า “จองตั๋วไปกลับไห่ซื่อให้ผมด้วย ตอบโจวกัวตงด้วย พรุ่งนี้ผมจะไปพบเขาที่ไห่ซื่อ”

  ~~~~~~~~~~~~~

 

แม้ว่าหยุนหรงจะตัดสินใจลงภูเขาไป แต่เธอก็ยังกังวลว่าทีมก่อสร้างจะตัดสินใจกลับมา เธอจึงสร้างเวทย์มนตร์ที่เชิงเขาต่านซิ่ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอหลับไปสองสามพันปี พลังของเธอก็ไม่เหมือนที่เคยเป็น มันค่อนข้างยากที่จะสร้างคำสาปอันยิ่งใหญ่นี้

 

ขณะที่เธอยังคงกังวล วันรุ่งขึ้น ผู้คนกลุ่มใหม่มาเยี่ยมสถานที่ก่อสร้าง เมื่อวานคงยังกลัวไม่พอ วันนี้ยังกล้ามาอีกหรือ? หยุนหรงใช้พลังวิญญาณของเธอในการดูและพบว่าไม่ใช่คนกลุ่มเดิม

 

ท่าจะพูดให้ถูก มันเป็นคนแก่ผมสีขาวไม่กี่คน

 

ผู้คนเมื่อวานยังเด็กและแข็งแรง และเธอไม่กังวลเมื่อทำให้พวกเขากลัว แต่คนในวันนี้แขนขากระดูกกระเดี้ยวแก่ อย่าพูดถึงการทำให้พวกเขากลัวเลย เธอกลัวว่าเพียงแค่ขยับนิ้วของเธอ วิญญาณของพวกเขาก็จะกลับสู่โลกใต้พิภพแล้ว

 

หยุนหรงเป็นทุกข์ชั่วขณะ

 

“เฒ่าติงอา หยกสองสามชิ้นนี้ เมื่อคุณมองดูพวกมัน พวกมันคล้ายกับงานฝีมือของสมัยโจวตะวันตก”

 

“เฒ่าหลิน ฉันเห็นแหวนหยกสองสามวงนี้คล้ายหยกหมูมังกร อย่างไรก็ตาม การตกแต่งในข้อต่อดูเหมือนจะละเอียดกว่า”

**มังกรหมู”

 

บทที่ 5 : ภัยพิบัติ 2

 

“ผมมีความรู้สึกว่าสิ่งประดิษฐ์หยกเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ เมื่อผมกำลังสำรวจบริเวณโดยรอบเมื่อครู่นี้ ผมพบกระดูกสัตว์สองสามตัว ขึ้นอยู่กับเหล่านี้  ผมเดาว่าที่นี่เป็นสุสานจากราชวงศ์โจวที่1 ”

 

“ผมจะบอกว่านี่ไม่ใช่หลุมสุสาน ความลึกจากพื้นผิวดูเหมือนจะไม่ตรงกับความลึกของหลุมฝังศพ ไม่ว่าที่นี่จะเป็นสุสานหรือไม่ก็ตาม ในเมื่อเราได้พบสิ่งประดิษฐ์หยกเหล่านี้แล้ว ผมมีความรู้สึกว่าการค้นพบนี้จะทำให้โลกตกตะลึง ดังนั้น พวกเขาจะต้องไม่ดำเนินการก่อสร้างใด ๆ ที่นี่!”

 

“ถูกต้อง ไม่ควรก่อสร้างอะไรที่นี่อย่างแน่นอน!”

 

หยุนหรงฟังมาครึ่งวันแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าผู้เฒ่าสองสามคนเหล่านี้คิดอย่างไรกับสิ่งประดิษฐ์หยกที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้น สิ่งประดิษฐ์จากหยกเหล่านี้ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ถูกฝังอยู่ใต้ดิน เป็นของจากเมื่อ 3,000 ปีก่อน เมื่อมนุษย์มาที่นี่และอธิษฐานขอให้อากาศดี มีสันติภาพและเจริญรุ่งเรือง      

 

อันที่จริง เธอไม่ใช้ประโยชน์อะไรกับสิ่งประดิษฐ์หยกเหล่านี้เลย เธอเองก็ไม่รู้ว่าหยกเหล่านี้กระจัดกระจายอยู่ในภูเขาต่านซิ่วจำนวนเท่าใด มนุษย์ส่งสิ่งเหล่านี้มาและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นั่นเป็นความรู้สึกที่จริงใจของมนุษย์ และเธอไม่ได้ปฏิเสธพวกเขา

 

อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจ หยุนหรงจับได้เพียงเท่านั้น จะต้องไม่ต้องดำเนินการก่อสร้าง ประโยคนี้ หากชายชราเหล่านี้สามารถกีดกันคนกลุ่มเมื่อวานเรื่องดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้ เธอไม่รังเกียจที่จะมอบสิ่งประดิษฐ์หยกเหล่านี้ให้พวกเขา

 

หยุนหรงรู้สึกใจกว้างจริงๆ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ชอบสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว

 

เมื่อคิดเช่นนี้ หยุนหรงแทบรอไม่ไหวที่จะลงจากภูเขาโดยเร็วที่สุดและสังเกตการเติบโตและการพัฒนาของมนุษย์เหล่านี้ การใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ไม่มีงานทำ เธอต้องการหาเงินจากมนุษย์อย่างรวดเร็วและซื้อภูเขาต่านซิ่ว 

 

ในไม่ช้าหยุนหรงก็มาถึงไห่ซื่อ สถานที่ที่ใกล้ที่สุดจากภูเขาต่านซื่อ เธอเดินไปพร้อมกับมองไปรอบๆ ตัว เธอรู้สึกอยากรู้อยากเห็นอย่างมากกับสิ่งแปลกใหม่ เธอไม่ได้คาดหวังว่าโลกมนุษย์จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้หลังจากผ่านไป 3,000 ปี ย้อนกลับไปในสมัยนั้น มีมนุษย์เพียงไม่กี่พันคน แต่ในปัจจุบัน ถนนเต็มไปด้วยมนุษย์ ในทางกลับกัน ไม่มีร่องรอยของปีศาจและผี

 

แม้จะรู้สึกเพลิดเพลินอย่างยิ่งกับสิ่งแปลกใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ หยุนหรงก็ไม่ลืมเรื่องการหาเงิน เธอเดินช้าๆและมาถึงใจกลางเมืองเพื่อดูสิ่งที่คนอื่นเตรียมไว้เพื่อหารายได้ก่อนจะวางแผนของเธอ

 

ในเขตทางเท้าข้างย่านการค้าของไห่ซื่อ หลีฉิ่วจื่อกางผ้าสีเหลืองใต้ร่มเงาของต้นไม้ เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีผู้คนเดินตามเขตทางเท้ามากขึ้น เขามาเร็วเป็นพิเศษเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ดี เขารู้ว่าสองวันนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ เงินที่ได้รับจะเท่ากับรายได้ของทั้งสัปดาห์

 

เขาจัดวางเหรียญทองแดง เข็มทิศ และยันต์สีเหลืองทีละชิ้น แล้วลูบเคราแพะที่เรียบร้อยเป็นระเบียบแต่ปลอมซึ่งได้ติดที่คางมาก่อน และเขาก็พร้อมที่จะทำธุรกิจ 

 

 หยุนหรงกำลังเดินไปตามเขตทางเท้าและสามารถมองเห็นสิ่งที่ หลีฉิ่วจื่อกำลังทำอยู่จากระยะไกล หลังจากที่เขาจัดของเสร็จแล้ว หญิงสาวคนหนึ่งก็หยุดตรงหลีฉิ่วจื่อพูดเพียงไม่กี่คำและผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นก็หยิบธนบัตรสีเขียวออกมาแล้วยื่นให้เขา คว้ายันต์สีเหลืองไว้ในมืออย่างมีความสุขก่อนจะเดินจากไป

 

หยุนหรงรู้ นั่นคือ 50 หยวนเหรินหมินปี้ เธอจำได้จากความทรงจำของอู่ซ่งหยา

 

หยุนหรงรู้สึกแปลกๆ เมื่อสักครู่นี้ เธอได้ยินชายผู้นี้พูดสองสามคำ

 

“สาวน้อย ฉันเห็นจากใบหน้าของคุณว่าจะมีความสัมพันธ์ที่โรแมนติกในชีวิตของคุณ คุณกำลังจะสารภาพรักกับเพื่อนร่วมชั้นเหรอ?”

 

“ฉันเห็นว่ามันจะไม่ราบรื่นนัก เพื่อนร่วมชั้นคนนี้ก็ชอบคุณเหมือนกัน แต่มีอีกคนหนึ่งที่คอยรบกวนอยู่ ทำไมไม่ซื้อเครื่องรางความรักนี้เก็บไว้ซักพักล่ะ เครื่องรางความรักที่นี่มีประสิทธิภาพมาก คนมีความรักที่ซื้อมันไปได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากนะ”

 

แค่นั้นและเขาได้รับ 50 หยวน ดูเหมือนว่าการหาเงินไม่ใช่เรื่องยาก

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บุคคลนี้พูดก่อนหน้านี้นั้นผิดทั้งหมด เขากล่าวว่าใบหน้าของสาวน้อยมีสีของฤดูใบไม้ผลิซึ่งคล้ายกับความสัมพันธ์ที่โรแมนติก แต่ลมหายใจของเธอไม่เป็นระเบียบ มันจึงไม่ใช่ความสัมพันธ์จริงจังที่นำไปสู่การแต่งงานโดยโชคชะตา มันเหมือนถูกลิขิตให้มาเจอกันมากกว่า แต่ไม่ได้ถูกลิขิตให้อยู่ด้วยกัน

 

การแต่งงานถูกกำหนดโดยโชคชะตาผูกมัดโดยสวรรค์ทั้งสิ้น ยันต์แห่งความรักที่ไม่ชัดเจนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ทุกอย่างจะไม่อยู่ในความสับสนวุ่นวายเหรอ?

 

หยุนหรงส่ายหัว  นานแค่ไหนแล้วที่ปากของมนุษย์ไม่พูดความจริง ไม่เหมือนเมื่อก่อน

 

เธอค่อยๆเดินไปที่หลีฉิ่วจื่อ หลีฉิ่วจื่อที่ก้มหัวอยู่ รู้สึกถึงการปรากฏตัวและเงยหน้าขึ้นเห็นหญิงสาวสวยงามมากคนหนึ่ง สวมเสื้อผ้าเก่าๆและสกปรกยืนอยู่หน้าบูธของเขา ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะยังไม่โตเต็มที่ นัยน์ตาคู่ของเธอนั้นช่างสดใส ดูเรียบง่ายและบริสุทธิ์

 

ข้างใน เขามีความสุข หญิงสาวประเภทนี้โกงง่ายที่สุด แค่พูดไม่กี่คำเธอก็สมัครใจควักเงินจ่ายแล้ว

 

คิดแบบนั้น หลีฉิ่วจื่อก็ลูบเคราแพะของเขาอย่างลึกลับ ขณะที่มองดูหยุนหรง เขากล่าวว่า “สาวน้อย ฉันเห็นว่ามีพลังงานมืดจาง ๆ ในหยินถางของคุณ ฉันเกรงว่าในสองวันนี้คุณจะพบกับภัยพิบัติ อา!”

 

“ภัยพิบัติ?” หยุนหรงขมวดคิ้วและมองไปที่หลิฉิ่วจื่อ "คุณเห็นจริง ๆ เหรอว่าฉันจะพบกับหายนะ?" ในใจเธอรู้สึกตลกมาก คนๆนี้ยังคงพยายามที่จะโกงเธอ 

 

“ใช่ อา สาวน้อยวันนี้ฉันเตือนคุณด้วยความตั้งใจดี ฉันทำอะไรไม่ได้ถ้าคุณไม่เชื่อฟังฉัน อย่างไรก็ตาม ฉันเป็นครึ่งอมตะหลี่ ไม่เคยพูดอะไรที่ไม่จริง ไม่เกิน 3 วัน เจ้าจะประสบภัยนองเลือด!” หลีฉิ่วจื่อเห็นปฏิกิริยาของหยุนหรง และคิดว่าคำทำนายของเขาทำให้เธอกังวล เขาพอใจกับตัวเองมาก

 

เขาอดไม่ได้ที่จะพูดอะไรที่รุนแรงกว่านี้ หญิงสาวประเภทนี้เมื่อตกใจด้วยคำพูดไม่กี่คำ พวกเธอจะเชื่อทุกสิ่ง

 

“นี่คงเป็นครั้งแรกที่คุณมาที่นี่ ใครไม่รู้จักชื่อฉันในเขตทางเท้านี้ ทำไมไม่ให้ฉันช่วยคำนวณให้ล่ะ คุณยังเด็ก เส้นทางชีวิตยังอีกยาวไกล หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น คุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

 

หลีฉิ่วจื่อพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น

 

หยุนหรงกระพริบตาและตอบอย่างไม่คาดคิดว่า “ในเมื่อเจ้ามีความสามารถขนาดนี้ ทำไมเจ้าไม่ลองคำนวณชีวิตของเจ้าดูบ้าง ฉันเห็นว่ามีเปลวไฟมืดดำและรุนแรงบนไหล่ของเจ้า ด้ายแดงที่บ่งชี้ว่าเลือดมาถึงจุดสูงสุดของคิ้วอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ภัยพิบัตินองเลือดจะเกิดขึ้นกับเจ้า หากเจ้าสามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัตินี้ได้ เกรงว่าอนาคตของเจ้าจะถูกจำคุก” 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป