ลมหนาวพัดโหมกระหน่ำถล่มเมือง A ท้องฟ้าอันสดใสในเวลานี้ถูกบดบังด้วยมวลเมฆสีเทาหนาทึบ ทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอึมครึม
หญิงสาวหน้าซีดเซียวใส่เครื่องช่วยหายใจเอาไว้ ทว่าอัตราการเต้นหัวใจของเธอนั้นแผ่วเบา รวยริน เธอค่อยๆ ฝืนเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งเอาไว้ ชีวิตที่ผ่านมาของเธอนั้นราวกับอดีตอันเลือนลาง
เธอไม่เคยมีความสุขเลยแม้แต่น้อย เธอถูกผู้คนควบคุมราวกับหุ่นเชิดมาทั้งชีวิต เป็นเด็กกําพร้าที่ตระกูลจางรับอุปการะมาตั้งแต่เด็ก และตั้งแต่นั้นมาเธอก็เหมือนกับนกน้อยถูกกักขังสูญเสียอิสรภาพและความสุขไป เธอถูกตระกูลจางหล่อหลอมให้เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร
จนกระทั่ง เธอได้พบกับเจียงจือเฉิง เธอจึงค่อยๆ ได้รับความรู้สึกบางอย่างของการมีชีวิตคืนกลับมา ทว่า...ในท้ายที่สุด มันกลับเป็นความปรารถนาของเธอเพียงฝ่ายเดียว ผู้ชายคนนั้นโหดร้ายแบบนี้ได้ยังไงกัน แม้กระทั่งลูก เขาก็ยังทำได้ลงคอ
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ น้ำตาแห่งความผิดหวังก็เอ่อคลอล้นเบ้าตา แล้วไหลรินลงบนดวงหน้าอันซูบเซียวของหญิงสาว
ประตูห้องคนไข้ถูกผลักเปิดออก คนที่ยืนอยู่ตรงประตูมีรูปร่างสูงเพรียว หญิงสาวหันไปมอง ให้ตายยังไงก็ไม่มีวันจำผิด เหยียนหนานเซิง!
หญิงสาวพูดไม่ออก ไม่อยากปรายตามองให้เสียลูกตา ผู้หญิงคนนี้นี่เองที่ทำให้คนอื่นดูแคลนเธอ แสร้งเป็นหวังดี ลับหลังกลับนำภาพถ่ายทั้งหมดออกสู่สาธารณชน
“สวี่ซินหรานหนอ สวี่ซินหราน เธอเองก็มีวันนี้กับเขาด้วยเหรอเนี่ย?” เหยียนหนานเซิงพูดพลางยิ้มเยาะ เล็บสีแดงของเธอค่อยๆไล้ไปบนกรอบหน้าของสวี่ซินหราน จากนั้นดึงผมของเธออย่างแรง
สวี่ซินหรานเจ็บจนพูดไม่ออก เธอไม่มีแรงแม้แต่จะดิ้นรนเลยด้วยซ้ำ หลายวันที่ผ่านมาเธอก็ไม่ต่างจากคนที่ใกล้ตายแล้ว
“ทั้งๆที่ฉันให้หมอเพิ่มปริมาณยาปฏิชีวนะชนิดฆ่าเชื้อแบคทีเรียรุนแรงให้แก แต่แกก็ยังฮึดสู้มีชีวิตอยู่ได้อย่างกับพวกวัชพืช ตายยากตายเย็นจริงๆเลยนะ”
สวี่ซินหรานเบิกสองตากว้างมองไปที่เหยียนหนานเซิง เธอฝืนแรงยกแขนอันซูบผอมขึ้น จับเหยียนหนานเซิงเอาไว้ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าลําคอของเธอนั้นเจ็บแสบเจ็บร้อน พยายามอ้าปากเท่าไรก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้สักคำ
เมื่อเหยียนหนานเซิงผลักสวี่ซินหราน เธอก็ล้มลงไปกองกับพื้น
เมื่อเห็นสภาพของหญิงสาวที่ล้มลงกับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ เหยียนหนานเซิงก็รู้สึกสะใจมาก “ไม่ผิดหรอก ฉันเองแหละที่ทําร้ายแก ยาปฏิชีวนะชนิดฆ่าเชื้อแบคทีเรียรุนแรงเป็นยารักษาชนิดหนึ่ง แต่ก็เป็นยาพิษเหมือนกัน มันสามารถทำลายการทํางานของไตแก จนไปถึงขั้นอ่อนเพลียได้”
วินาทีถัดมาดวงตาของเหยียนหนานเซิงก็เปลี่ยนเป็นสายตาชั่วร้าย “ที่ผิดน่ะเหรอ! ความผิดของแกก็คือแส่หาเรื่อง และที่ผิดยิ่งกว่านั้นก็คือแกดันอยากจะแย่งเจียงจื่อเฉิงกับฉัน”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เหยียนหนานเซิงก็พูดต่อว่า “ในเมื่อแกรนหาที่ตายขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะสนองให้แกเอง” ในระหว่างที่เหยียนหนานเซิงกำลังพูด สวี่ซินหรานก็พยุงตัวเองไปถึงริมหน้าต่างแล้ว ร่างกายผอมแห้งของเธอในเวลานี้ไม่ใช่คนที่จะสามารถต่อกรกับใครได้ อย่าว่าแต่ต่อกรเลย แม้แต่ปกป้องตัวเองยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เหยียนหนานเซิงเพียงผลักเบาๆ สวี่ซินหรานก็ตกลงไปราวกับใบไม้แห้งที่ปลิวจากต้น
เมื่อมองไปยังสีแดงสดบนพื้นเบื้องล่าง มันช่างดูงดงามราวกับดอกลิลลี่ที่กำลังบานสะพรั่ง ในเวลานี้เอง สื่อมวลชนพากันกรูเข้ามาในห้องผู้ป่วย เหยียนหนานเซิงซึ่งมีสีหน้าร้ายกาจในตอนแรกก็ได้เปลี่ยนไปอยู่ในสภาพร้องไห้คร่ำครวญ ขอบตาแดงก่ำ จากนั้นหันหน้ากลับไปมองนักข่าว “ฉัน... ฉันกำลังจะดึงซินหรานเอาไว้...แต่…แต่ว่า” พูดยังไม่ทันจบ ก็ร้องไห้สะอื้นตัวโยน
นักข่าวพากันทำสีหน้าของตนให้ดูเศร้าหมองไปตามๆ กัน จากนั้นก็เริ่มกล่าวคำแสดงความเสียใจต่อหน้ากล้อง กล้องจับไปที่เหยียนหนานเซิงที่อยู่ในสภาพร้องไห้สะอึกสะอื้น
ชายร่างสูงโปร่งยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ รูปลักษณ์ของเขาดูนิ่งสงบเยือกเย็น ใบหน้าอันคมคายนั้นหล่อเหลาไร้ที่เปรียบ ทว่าบนร่างกลับมีรัศมีอันสูงส่งที่ทำให้ผู้คนนั้นยากจะเข้าใกล้
“สวี่ซินหรานกระโดดตึกตายแล้ว” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของชายหนุ่ม ดวงตาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างลึกล้ำราวสระน้ำที่ไร้ก้นบ่อ ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างอดไม่อยู่ ใบหน้าสมบูรณ์แบบฉายมาดหล่อเหลาทรงพลัง ทว่าเครื่องหน้าที่ดูดีนั้นกลับเต็มไปด้วยความเฉยเมย ดูราวกับกำลังเขียนคำว่า “แปลกหน้าห้ามใกล้” สี่ตัวใหญ่ๆเอาไว้ คิ้วหนามีเอกลักษณ์ขมวดเข้าหากันแน่น
“ทำไม ยังไม่สบายใจอีกหรือ?” เสียงของผู้ชายคนนั้นยังคงกล่าวชี้นำประเด็นร้อนขึ้นอีก
ชายหนุ่มไม่ได้หันกลับไปมอง เขาค่อยๆดึงสายตากลับมาก็เท่านั้น “แล้วคุณล่ะ? ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ? แฟนตัวเองตายไปแล้ว ดูคุณไม่ทุกข์ร้อนแบบนี้จะทำให้คนอื่นเกิดความสงสัยเอานะ”
“แฟน? ผมเคยพูดไปตั้งนานแล้วว่าผมกับสวี่ซินหรานไม่ได้เป็นอะไรกัน และถ้าให้พูดตามจริงแล้ว คนที่ขึ้นชื่อว่าไร้จิตสำนึกและไร้คุณธรรมนั่นไม่ควรเป็นคุณหรอกหรือ? ภรรยาตัวเองตายแล้ว แต่คุณกลับนิ่งเฉย แม้แต่น้ำตาสักหยดก็ยังไม่มี ไม่ใช่รึไง?” น้ำเสียงประชดชัน ทำเอาคนพูดถึงกับต้องเบือนหน้าหนีเพราะความสะเทือนใจ
คนที่พูดประชดเมื่อครู่ก็คือกู้เฉิน เขาแต่งตัวเนี้ยบ สง่างาม พร้อมกับทรงผมที่ทันสมัย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก และสิ่งที่ทำให้ผู้คนหลงใหลก็คือดวงตาคู่นั้นของเขา ซึ่งพราวระยับราวกับดวงดาว ทำให้ยากที่จะละสายตาไปได้ มองเพียงแวบเดียวก็สามารถดึงดูดให้สาวๆอยากเข้าใกล้แล้ว
แต่รอยยิ้มมุมปากที่ดูร้ายกาจของเขาดูคล้ายกับหนุ่มน้อยนิสัยเสีย แต่ก็เป็นหนุ่มน้อยนิสัยเสียที่ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่อยากเข้าใกล้
“กู้เฉิน จู่ๆ คุณก็เกิดมีเวลาว่างขึ้นมา หรือว่าไม่อยากทำงานแล้ว?” นัยน์ตาสีหมึกของชายหนุ่มจ้องมองไปยังกู้เฉินที่ยืนแสยะยิ้มอยู่ ใครจะคิดล่ะว่าผู้ชายที่พูดจาซี้ซั้วหลังมีคนตายจะเป็นกู้เฉินดาราชายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้
“ครับๆๆ ประธานเจียงออกปากขนาดนี้แล้ว ผมยังจะกล้าทำตัวว่างได้อีกหรือ? ผมมาที่นี่เพื่อทวงความยุติธรรมให้สวี่ซินหรานก็เท่านั้น อีกอย่าง แม่บุญธรรมของเธอก็ไม่ต้องการให้คุณดูแลอีกต่อไปแล้ว ผมจะเป็นคนดูแลท่านเอง” กู้เฉินโบกมือไปมาเหมือนคนขี้เล่น แต่คําพูดที่อยู่เบื้องหลังนั้นกลับแสดงให้เห็นถึงความจริงจังอยู่เล็กน้อย
“ทวงความยุติธรรม? ฮึ ผู้หญิงคนนั้นสมควรได้รับมันด้วยหรือ?” ชายหนุ่มหัวเราะขำขัน ราวกับได้ยินเรื่องตลกขบขันที่สุด เสียงหัวเราะของเขาดังก้องไปทั่วห้อง ฟังแล้วเหมือนกับว่าแม้แต่ความตายก็ไม่สาสมสำหรับผู้หญิงที่เพิ่งจบชีวิตลาโลกไปเมื่อครู่
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้เฉินค่อยๆเลือนหายไป นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววเย็นชาออกมา “เจียงจือเฉิง สักวันหนึ่งคุณจะต้องเสียใจ” จบประโยค เขาก็หันหลังเดินจากไป
เจียงจือเฉิงไม่ได้พูดอะไร ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความดูแคลน ทั้งชีวิตนี้คนอย่างเจียงจือเฉิงไม่เคยเสียใจทีหลัง! แต่ความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมาในใจอย่างไร้สาเหตุ ‘ผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์จริงหรือ?’ แต่แล้วความคิดนั้นก็สลายหายไปในพริบตา
(ทดลองอ่านฟรี 10 ตอน)
E-book 2 เล่มจบ