Your Wishlist

จักรพรรดิจำเป็น (พรรคโอสถสวรรค์ 1)

Author: torki

จากคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่กำลังสิ้นหวัง สู่องค์จักรพรรดิ์ที่แสนไร้ค่าแห่งแคว้นซู ต่อจากนี้ข้าจะเป็นจักรพรรดิ์ที่อยู่เหนือคนทั้งปวง!!!

จำนวนตอน : ตอนที่ 1 บทนำ

พรรคโอสถสวรรค์ 1

  • 25/01/2565

ณ ป่าลึก

มองเห็นได้ถึงกลุ่มคนไม่ไกลจากที่พักที่เฟยหงสร้างเอาไว้ ซึ่งนั่นก็คือศิษย์ทั้งสามของเฟยหง เด็กหนุ่มสองคนกำลังนั่งเอาเท้าเขี่ยพื้นดินไม่ไกลจากที่พักที่เฟยหงสร้างเอาไว้ ส่วนเด็กสาวตัวน้อยใช้กระบี่เขี่ยไปมาบนพื้นพร้อมกับจ้องมองไปบนท้องฟ้า

 

“ อาจารย์หายไปไหนอีกแล้วนะ ”

 

“ เฮ้อ แต่ปกติอาจารย์ก็ทำตัวลึกลับอยู่แล้ว ครั้งนี้ท่านอาจจะกลับไปหาลูกสาวที่ป่วยอยู่ก็เป็นไปได้ จำที่อาจารย์บอกไม่ได้หรือว่าบุตรสาวของท่านอาจารย์มีอาการป่วยตั้งแต่เด็กๆ ”

 

ทั้งเหวินอวี้และเหวินหลงต่างตั้งตารอการกลับมาของอาจารย์ ผิดกับฮุ่ยหรานที่กำลังกลัดกลุ้มจนต้องถอนหายใจออกมา

 

“ เฮ้อ ข้าไม่น่าหลงกลพวกเจ้าเลย หากอาจารย์กลับมาแล้วเห็นสิ่งที่ท่านสร้างกลายสภาพเป็นเช่นนี้ ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าท่านจะจัดการกับข้าเช่นไร ล้วนต้องโทษพวกเจ้าทั้งสองคนที่วางกลอุบายนี้ออกมา ”

 

“ จะกล่าวโทษพวกข้าฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าหลงเชื่อพวกข้าล่ะ ฮึ! ”

 

“ เจียเหวินอวี้!! ”

 

ขณะที่เด็กทั้งสามคนกำลังต่อล้อต่อเถียงกันนั้น ณ ชายป่าอีกฝั่งหนึ่งทั้งสามคนก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังมุ่งหน้ามาด้วยความเร็ว ทำให้เหวินหลง เหวินอวี้และฮุ่ยหรานต่างรีบใช้วิชาตัวเบาทะยานร่างขึ้นไปบนยอดไม้ด้วยฝีเท้าอันเบาบางไร้ร่องรอย แต่แฝงไปด้วยความฉับไว

 

ตู้มมม!!!

 

“ คุ้มครองท่านหัวหน้าพรรค ตั้งแนวป้องกันสัตว์อสูร!!! ”

 

“ ศิษย์รับทราบ!!! ”

 

เหล่าศิษย์ชายหญิงรุ่นเยาว์ต่างรีบสร้างค่ายกล เพื่อป้องกันการโจมตีของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ยักษ์ รูปร่างของมันดูประหลาดยิ่งนัก มองดูคล้ายกับงูยักษ์สีแดงที่มีใบหน้าคล้ายจิ้งจอก นอกจากขนาดและพลังที่ทำให้น่าตกใจแล้ว ตัวมันยังมีความพิเศษพิสดาร ด้วยการที่เกร็ดของมันนั้นมีลักษณะคล้ายขนของสัตว์มากกว่าเกร็ดงูทั่วไป ยามมันสะบัดเส้นขนออกมาล้วนกลายเป็นหนามแหลมพุ่งเข้าหาเป้าหมาย กลางลำตัวปรากฏแขนงอกออกมาสองข้าง อาวุธต่างๆไม่ว่าจะเป็นดาบหรือธนูก็ไม่สามารถเจาะเข้าไปในเนื้อหนังของมันได้

 

“ คุ้มกันท่านหัวหน้าพรรคหนีไปก่อน!! ”

 

“ ไม่ได้ ข้าเป็นถึงหัวหน้าพรรคจะให้ข้าทิ้งพวกเจ้าแล้วหนีเอาตัวรอดไปได้ยังไง หากจะต้องตายก็ตายไปพร้อมกันให้หมดนี่แหละ อีกอย่างข้าสังเกตดูแล้วอสูรตัวนี้เหมือนกับว่ามันกำลังตามหาบางอย่าง ข้าจะช่วยป้องกันด้วยอีกแรง ”

 

ชายชรากล่าวด้วยท่าเคร่งขรึม การปล่อยให้พรรคพวกเผชิญอันตรายตามลำพังย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเขาจะกระทำอย่างแน่นอน

 

“ ท่านผู้อาวุโสเตรียมตั้งค่ายกลแปดสังหาร!!! ”

 

หัวหน้าพรรคออกคำสั่งแก่เหล่าผู้อาวุโสให้ไปประจำทิศ แต่ทว่าดูเหมือนเวลาจะมีไม่มากพอ

 

“ ท่านหัวหน้าพรรค ศิษย์ของพวกเราตั้งรับเอาไว้ไม่อยู่แล้วค่ายกลกำลังจะแตกออก พลังทำลายของมันรุนแรงเป็นอย่างมาก หากปล่อยเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพวกเราคงไร้ซึ่งทางรอดแล้ว ”

 

ขณะที่สถานการณ์กำลังจะเข้าสู่ขั้นวิกฤต

 

เหล่าศิษย์ตัวน้อยของเฟยหงนั้นกลับเฝ้าดูสถานการณ์อยู่บนต้นไม้ พร้อมกับจดจ้องไปที่สัตว์อสูรตนนั้นด้วยสายตาเป็นประกายคล้ายกับเจอของเล่นชิ้นใหม่

 

“ นี่ ข้าว่าพวกเราได้ที่ทดสอบพลังใหม่แล้วล่ะ ดูท่าจะไม่มีทางทำให้อาจารย์ลงโทษได้ด้วย ”

 

“ เหวินอวี้ เจ้าว่าพวกเราเข้าไปยุ่งแบบนี้มันจะดีเหรอ กลุ่มคนข้างล่างไว้ใจได้หรือไม่ก็ไม่รู้ ”

 

เหวินหลงกล่าวด้วยท่าทีสองจิตสองใจ

 

“ เฮอะ!! เห็นคนเดือดร้อนก็ต้องช่วยสิ ใครไม่ไปข้าไปเองเอง แล้วเจ้างูน้อยนั่นต้องเป็นของข้า!! ”

 

ฮุ่ยหรานตัดสินใจทะยานร่างลงไปกลางวงล้อมของเหล่าศิษย์ซึ่งประจัญหน้ากับเจ้าอสูร

 

“ นี่ๆ ท่านลุง ให้พวกข้าจัดการเจ้างูยักษ์นั่นให้เอาไหม? ”

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตกตะลึงให้กับกลุ่มคนทั้งหมด แต่ยังไม่มีใครได้เอ่ยปากถามอะไรออกมาก็มีเสียงหนึ่งเปล่งขึ้นมาเสียก่อน
 

 

เจ้าสำนักสัมผัสได้ถึงพลังอีกสองสายที่กำลังพุ่งลงมาจากบนต้นไม้

 

“ ฮุ่ยหรานเจ้ามันบ้าบิ่นจริงๆเลย ยังไม่ทันได้วางแผนอะไรก็พุ่งลงมาเช่นนี้ หากเกินอะไรขึ้นมาจะทำเช่นไร ”

 

“ ใช่ๆ ทำให้ข้ากับเหวินอวี้ตกอกตกใจไปหมด ”

 

“ ข้าดูแลตัวเองได้ พวกเจ้านั่นแหละที่น่าห่วง ”

 

“ หนอยแน่!!! ”

 

ผู้เยาว์ทั้งสามคนต่างสะบัดหน้าไปคนละทางกัน

 

“ พวกเจ้าเป็นใคร รู้หรือไม่ว่าที่ตรงนี้มันอันตราย จงรีบหลบออกไป เด็กอย่างพวกเจ้าจะไปช่วยอะไรได้ รีบหนีไปซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่เล่นสำหรับพวกเจ้า!!! ”

 

ทั้งสามต่างมองหน้ากันพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปยังสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายงูขนาดยักษ์กำลังทะลายม่านพลังเข้ามา

 

“ นั่นต่างหากของเล่นชิ้นใหม่ของพวกข้า ”

 

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองหายไปจากการรับรู้ของเจ้าสำนักก่อนจะโผล่ไปยังด้านนอกม่านพลัง คล้ายกับการเคลื่อนย้ายทั่วไป แต่นี่เป็นการเคลื่อนย้ายที่แฝงไปด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา

 

“ ดัชนีย์ทะลวงสวรรค์!! ”

 

“ หมัดไร้เงา!! ”

 

ตู้มมมมมม!!!!!

 

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าศิษย์ ผู้อาวุโส ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าสำนัก สัตว์อสูรขนาดยักษ์ แล้วยิ่งเป็นสัตว์อสูรลมปราณขั้นสูงที่แม้แต่พวกเขาทั้งหมดยังสู้ไม่ไหว แต่นี่เพียงแค่การโจมตีกระบวนท่าครั้งเดียวกลับฉีกทุกกฎเกณฑ์ที่เคยมีมา!!!

 

“ ปะ..เป็นไปไม่ได้!!! ”

 

“ นี่มันเป็นเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน!! งูยักษ์ตนนั้นถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซาก เด็กสองคนนั้นเป็นใครกัน!! ”

 

เหวินหลงและเหวินอวี้ต่างหันมามองหน้ากัน พร้อมกับทำท่าทางราวกับเสียดายที่การต่อสู้จบไปง่ายดายเกินไป

 

“ พวกเราก็แค่จอมยุทธที่ผ่านทางมาเท่านั้น ”

 

สิ้นเสียงเหวินหลงก็โดนตีที่หัวเข้าไปหนึ่งครั้งด้วยฝ่ามือของฮุ่ยหราน แต่ในช่วงนั้นเองเหวินอวี้ก็อาศัยบาทาไร้เงาหลบขึ้นไปอยู่บนยอดไม้ได้ทันท่วงที

 

“ เพี๊ยะ!! ”

 

“ โอ้ย เจ้าตีหัวข้าทำไมเนี่ยฮุ่ยหราน!! แล้วเหตุใดไม่ตีเหวินอวี้บ้าง ”

 

“ ก็เหวินอวี้ใช้บาทาไร้เงาหนีขึ้นยอดไม้ไปเมื่อชั่วอึดใจ ก็มีแต่เจ้านั่นแหละที่ยืนโม้อยู่คนเดียว ”

 

เด็กทั้งสองคนต่างสนทนากันจมลืมไปว่าอยู่ในวงล้อมของกลุ่มคนพรรคหนึ่ง

 

“ มันเป็นไปได้ยังไงเด็กทั้งสามคนนี้เป็นใครกันแน่!! สามารถโค่นสัตวระดับสูงได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว!! ”

 

“ ทั้งหมดนี้อาจารย์เป็นคนสอนพวกเราเอง ที่อยู่บนยอดไม้นั้นชื่อเหวินอวี้ นี่ฮุ่ยหรานและข้าเหวินหลง อ้ะ พอพูดถึงอาจารย์ก็มาพอดีเลย ท่านอาจารย์!! ”

 

ฮุ่ยหร่านและเหวินหลงต่างวิ่งไปทิศทางเดียวก็คือ ทิศทางที่เฟยหงกำลังเดินตรงมานั่นเอง ส่วนเหวินอวี้ก็รีบลงมาจากยอดไม้ แต่ก็ไม่พ้นที่จะถูกฮุ่ยหรานฟาดเข้าหนึ่งที 

 

เฟยหงเมื่อมาถึงก็ถอนหายใจออกมา

 

“ เฮ้อ พวกเจ้าก่อเรื่องอะไรกันอีก ”




 

 

 

จบตอน
 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า