จากคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่กำลังสิ้นหวัง สู่องค์จักรพรรดิ์ที่แสนไร้ค่าแห่งแคว้นซู ต่อจากนี้ข้าจะเป็นจักรพรรดิ์ที่อยู่เหนือคนทั้งปวง!!!
จากคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่กำลังสิ้นหวัง สู่องค์จักรพรรดิ์ที่แสนไร้ค่าแห่งแคว้นซู ต่อจากนี้ข้าจะเป็นจักรพรรดิ์ที่อยู่เหนือคนทั้งปวง!!!
ณ ป่าลึก
มองเห็นได้ถึงกลุ่มคนไม่ไกลจากที่พักที่เฟยหงสร้างเอาไว้ ซึ่งนั่นก็คือศิษย์ทั้งสามของเฟยหง เด็กหนุ่มสองคนกำลังนั่งเอาเท้าเขี่ยพื้นดินไม่ไกลจากที่พักที่เฟยหงสร้างเอาไว้ ส่วนเด็กสาวตัวน้อยใช้กระบี่เขี่ยไปมาบนพื้นพร้อมกับจ้องมองไปบนท้องฟ้า
“ อาจารย์หายไปไหนอีกแล้วนะ ”
“ เฮ้อ แต่ปกติอาจารย์ก็ทำตัวลึกลับอยู่แล้ว ครั้งนี้ท่านอาจจะกลับไปหาลูกสาวที่ป่วยอยู่ก็เป็นไปได้ จำที่อาจารย์บอกไม่ได้หรือว่าบุตรสาวของท่านอาจารย์มีอาการป่วยตั้งแต่เด็กๆ ”
ทั้งเหวินอวี้และเหวินหลงต่างตั้งตารอการกลับมาของอาจารย์ ผิดกับฮุ่ยหรานที่กำลังกลัดกลุ้มจนต้องถอนหายใจออกมา
“ เฮ้อ ข้าไม่น่าหลงกลพวกเจ้าเลย หากอาจารย์กลับมาแล้วเห็นสิ่งที่ท่านสร้างกลายสภาพเป็นเช่นนี้ ข้าไม่อยากจะคิดเลยว่าท่านจะจัดการกับข้าเช่นไร ล้วนต้องโทษพวกเจ้าทั้งสองคนที่วางกลอุบายนี้ออกมา ”
“ จะกล่าวโทษพวกข้าฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าหลงเชื่อพวกข้าล่ะ ฮึ! ”
“ เจียเหวินอวี้!! ”
ขณะที่เด็กทั้งสามคนกำลังต่อล้อต่อเถียงกันนั้น ณ ชายป่าอีกฝั่งหนึ่งทั้งสามคนก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังมุ่งหน้ามาด้วยความเร็ว ทำให้เหวินหลง เหวินอวี้และฮุ่ยหรานต่างรีบใช้วิชาตัวเบาทะยานร่างขึ้นไปบนยอดไม้ด้วยฝีเท้าอันเบาบางไร้ร่องรอย แต่แฝงไปด้วยความฉับไว
ตู้มมม!!!
“ คุ้มครองท่านหัวหน้าพรรค ตั้งแนวป้องกันสัตว์อสูร!!! ”
“ ศิษย์รับทราบ!!! ”
เหล่าศิษย์ชายหญิงรุ่นเยาว์ต่างรีบสร้างค่ายกล เพื่อป้องกันการโจมตีของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ยักษ์ รูปร่างของมันดูประหลาดยิ่งนัก มองดูคล้ายกับงูยักษ์สีแดงที่มีใบหน้าคล้ายจิ้งจอก นอกจากขนาดและพลังที่ทำให้น่าตกใจแล้ว ตัวมันยังมีความพิเศษพิสดาร ด้วยการที่เกร็ดของมันนั้นมีลักษณะคล้ายขนของสัตว์มากกว่าเกร็ดงูทั่วไป ยามมันสะบัดเส้นขนออกมาล้วนกลายเป็นหนามแหลมพุ่งเข้าหาเป้าหมาย กลางลำตัวปรากฏแขนงอกออกมาสองข้าง อาวุธต่างๆไม่ว่าจะเป็นดาบหรือธนูก็ไม่สามารถเจาะเข้าไปในเนื้อหนังของมันได้
“ คุ้มกันท่านหัวหน้าพรรคหนีไปก่อน!! ”
“ ไม่ได้ ข้าเป็นถึงหัวหน้าพรรคจะให้ข้าทิ้งพวกเจ้าแล้วหนีเอาตัวรอดไปได้ยังไง หากจะต้องตายก็ตายไปพร้อมกันให้หมดนี่แหละ อีกอย่างข้าสังเกตดูแล้วอสูรตัวนี้เหมือนกับว่ามันกำลังตามหาบางอย่าง ข้าจะช่วยป้องกันด้วยอีกแรง ”
ชายชรากล่าวด้วยท่าเคร่งขรึม การปล่อยให้พรรคพวกเผชิญอันตรายตามลำพังย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเขาจะกระทำอย่างแน่นอน
“ ท่านผู้อาวุโสเตรียมตั้งค่ายกลแปดสังหาร!!! ”
หัวหน้าพรรคออกคำสั่งแก่เหล่าผู้อาวุโสให้ไปประจำทิศ แต่ทว่าดูเหมือนเวลาจะมีไม่มากพอ
“ ท่านหัวหน้าพรรค ศิษย์ของพวกเราตั้งรับเอาไว้ไม่อยู่แล้วค่ายกลกำลังจะแตกออก พลังทำลายของมันรุนแรงเป็นอย่างมาก หากปล่อยเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพวกเราคงไร้ซึ่งทางรอดแล้ว ”
ขณะที่สถานการณ์กำลังจะเข้าสู่ขั้นวิกฤต
เหล่าศิษย์ตัวน้อยของเฟยหงนั้นกลับเฝ้าดูสถานการณ์อยู่บนต้นไม้ พร้อมกับจดจ้องไปที่สัตว์อสูรตนนั้นด้วยสายตาเป็นประกายคล้ายกับเจอของเล่นชิ้นใหม่
“ นี่ ข้าว่าพวกเราได้ที่ทดสอบพลังใหม่แล้วล่ะ ดูท่าจะไม่มีทางทำให้อาจารย์ลงโทษได้ด้วย ”
“ เหวินอวี้ เจ้าว่าพวกเราเข้าไปยุ่งแบบนี้มันจะดีเหรอ กลุ่มคนข้างล่างไว้ใจได้หรือไม่ก็ไม่รู้ ”
เหวินหลงกล่าวด้วยท่าทีสองจิตสองใจ
“ เฮอะ!! เห็นคนเดือดร้อนก็ต้องช่วยสิ ใครไม่ไปข้าไปเองเอง แล้วเจ้างูน้อยนั่นต้องเป็นของข้า!! ”
ฮุ่ยหรานตัดสินใจทะยานร่างลงไปกลางวงล้อมของเหล่าศิษย์ซึ่งประจัญหน้ากับเจ้าอสูร
“ นี่ๆ ท่านลุง ให้พวกข้าจัดการเจ้างูยักษ์นั่นให้เอาไหม? ”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตกตะลึงให้กับกลุ่มคนทั้งหมด แต่ยังไม่มีใครได้เอ่ยปากถามอะไรออกมาก็มีเสียงหนึ่งเปล่งขึ้นมาเสียก่อน
เจ้าสำนักสัมผัสได้ถึงพลังอีกสองสายที่กำลังพุ่งลงมาจากบนต้นไม้
“ ฮุ่ยหรานเจ้ามันบ้าบิ่นจริงๆเลย ยังไม่ทันได้วางแผนอะไรก็พุ่งลงมาเช่นนี้ หากเกินอะไรขึ้นมาจะทำเช่นไร ”
“ ใช่ๆ ทำให้ข้ากับเหวินอวี้ตกอกตกใจไปหมด ”
“ ข้าดูแลตัวเองได้ พวกเจ้านั่นแหละที่น่าห่วง ”
“ หนอยแน่!!! ”
ผู้เยาว์ทั้งสามคนต่างสะบัดหน้าไปคนละทางกัน
“ พวกเจ้าเป็นใคร รู้หรือไม่ว่าที่ตรงนี้มันอันตราย จงรีบหลบออกไป เด็กอย่างพวกเจ้าจะไปช่วยอะไรได้ รีบหนีไปซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่เล่นสำหรับพวกเจ้า!!! ”
ทั้งสามต่างมองหน้ากันพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปยังสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายงูขนาดยักษ์กำลังทะลายม่านพลังเข้ามา
“ นั่นต่างหากของเล่นชิ้นใหม่ของพวกข้า ”
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองหายไปจากการรับรู้ของเจ้าสำนักก่อนจะโผล่ไปยังด้านนอกม่านพลัง คล้ายกับการเคลื่อนย้ายทั่วไป แต่นี่เป็นการเคลื่อนย้ายที่แฝงไปด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา
“ ดัชนีย์ทะลวงสวรรค์!! ”
“ หมัดไร้เงา!! ”
ตู้มมมมมม!!!!!
ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าศิษย์ ผู้อาวุโส ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าสำนัก สัตว์อสูรขนาดยักษ์ แล้วยิ่งเป็นสัตว์อสูรลมปราณขั้นสูงที่แม้แต่พวกเขาทั้งหมดยังสู้ไม่ไหว แต่นี่เพียงแค่การโจมตีกระบวนท่าครั้งเดียวกลับฉีกทุกกฎเกณฑ์ที่เคยมีมา!!!
“ ปะ..เป็นไปไม่ได้!!! ”
“ นี่มันเป็นเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน!! งูยักษ์ตนนั้นถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซาก เด็กสองคนนั้นเป็นใครกัน!! ”
เหวินหลงและเหวินอวี้ต่างหันมามองหน้ากัน พร้อมกับทำท่าทางราวกับเสียดายที่การต่อสู้จบไปง่ายดายเกินไป
“ พวกเราก็แค่จอมยุทธที่ผ่านทางมาเท่านั้น ”
สิ้นเสียงเหวินหลงก็โดนตีที่หัวเข้าไปหนึ่งครั้งด้วยฝ่ามือของฮุ่ยหราน แต่ในช่วงนั้นเองเหวินอวี้ก็อาศัยบาทาไร้เงาหลบขึ้นไปอยู่บนยอดไม้ได้ทันท่วงที
“ เพี๊ยะ!! ”
“ โอ้ย เจ้าตีหัวข้าทำไมเนี่ยฮุ่ยหราน!! แล้วเหตุใดไม่ตีเหวินอวี้บ้าง ”
“ ก็เหวินอวี้ใช้บาทาไร้เงาหนีขึ้นยอดไม้ไปเมื่อชั่วอึดใจ ก็มีแต่เจ้านั่นแหละที่ยืนโม้อยู่คนเดียว ”
เด็กทั้งสองคนต่างสนทนากันจมลืมไปว่าอยู่ในวงล้อมของกลุ่มคนพรรคหนึ่ง
“ มันเป็นไปได้ยังไงเด็กทั้งสามคนนี้เป็นใครกันแน่!! สามารถโค่นสัตวระดับสูงได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว!! ”
“ ทั้งหมดนี้อาจารย์เป็นคนสอนพวกเราเอง ที่อยู่บนยอดไม้นั้นชื่อเหวินอวี้ นี่ฮุ่ยหรานและข้าเหวินหลง อ้ะ พอพูดถึงอาจารย์ก็มาพอดีเลย ท่านอาจารย์!! ”
ฮุ่ยหร่านและเหวินหลงต่างวิ่งไปทิศทางเดียวก็คือ ทิศทางที่เฟยหงกำลังเดินตรงมานั่นเอง ส่วนเหวินอวี้ก็รีบลงมาจากยอดไม้ แต่ก็ไม่พ้นที่จะถูกฮุ่ยหรานฟาดเข้าหนึ่งที
เฟยหงเมื่อมาถึงก็ถอนหายใจออกมา
“ เฮ้อ พวกเจ้าก่อเรื่องอะไรกันอีก ”
จบตอน