ปี 2021ที่เมืองฉงซิ่งแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ถือได้ว่าเป็นปีทองของใครหลายๆคนแต่ก็ไม่ใช่กับทุกคน และในค่ำคืนอันแสนยาวนานในห้องเช่าเล็กๆนั้นมีหญิงสาวที่ได้พักอาศัยอยู่ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนโต๊ะมีขวดเหล้าตั้งอยู่สองสามขวด ในมือของเธอจับขวดเหล้ายกขึ้นดื่ม พอเริ่มเมาได้ที่ ก็ได้เวลาคร่ำครวญตัดพ้อต่อชะตาชีวิต
“ทำไมสวรรค์ต้องแกล้งฉันด้วย ฮือๆ ฉันทำอะไรผิดหนักหนากันพวกท่านถึงได้กลั้นแกล้งกันถึงเพียงนี้ สวรรค์ตอบฉันมาทำไม..ทำไม... ถึงได้ใจร้ายกับฉันฮือๆ ถ้าสวรรค์ยังมีความสงสารก็ช่วยให้ฉันได้กลับไปแก้ไขอดีต ได้หรือเปล่าขอร้องละสวรรค์ฮือ..ฮื..อ.ได้ยินใหม่สวรรค์ ขอร้องละ ขอร้องช่วยฉัน.....”
“ ฮือ....ถ้าโลกนี้มีไทม์แมชชีนของโดเรม่อนก็คงจะดีนะ”
ซุนเหมี่ยวสาวผู้อาภัพในวัยสามสิบสี่ปีนิดๆที่โชคดีไม่เคยเข้าข้างเธอเลยสักครั้ง จะมีก็แต่โชคร้ายที่เป็นเพื่อนสนิทที่สลัดยังไงก็ไม่หลุดคอยติดตามเธอไปทุกที่ เอาเป็นว่าเห็นซุนเหมี่ยวที่ไหนที่ตรงนั้นก็จะมีโชคร้ายที่ให้กำลังใจอยู่ข้างๆนั้นเอง ตกหนักสุดก็คงไม่พ้นปีนี้เพราะว่าโชคร้ายนั้นรวมกันมาอยู่กับเธอแบบว่ากลัวเหงานะ โรงแรมที่เธอทำงานอยู่ก็ได้ยื่นซองขาวให้กับเธอด้วยเหตุผลว่าผลกระทบจากโควิท 19
ที่ทำให้ในหลายๆประเทศทั่วโลกประสบปัญหาอยู่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเรื่องของเศรษฐกิจ นิคมอุตสาหกรรม หรือการท่องเที่ยว ล้วนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง
ไม่เพียงแต่ถูกเลิกจ้างงานเท่านั้นด้วยว่าความโชคร้ายไม่ได้หยุดอยู่ที่เลิกจ้างงาน แฟนที่คบมาสิบปีบอกเลิกอย่างไม่มีเหตุผล
ยังๆไม่หมดแค่นั้น แม่ของเธอก็มาเสียชีวิตลงกระทันหัน หลายๆเรื่องที่ถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ ก็ทำให้ซุนเหมี่ยวของเราเซไม่เป็นท่าเลย
“ เอิ้ก”
“ แม่.. แม่จ้าลูกอกตัญญูนักที่ไม่ได้ดูแลท่านให้สุขสบาย ก็มาจากฉันไปแบบนี้ได้ไงฮือๆ แม่ท่านจะทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้นะแม่..แม่ได้ยินฉันใหมฮือๆ จะมาทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้นะ ทำไม ทำไมเรื่องบ้าๆพวกนี้ถึงไม่ไปไกลๆจากฉัน”
“ อวิ๋นฉี ไอ้คนเลว ไอ้ชั่ว แกทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงไอ้สารเลว มาหลอกให้รักทำไมฮือๆ แกรู้ใหมว่าฉันนะเสียเวลามากแค่ไหน ตั้งสิบปี สิบปี สิบปีที่ฉันซื่อสัตย์ไม่เคยคิดนอกใจเลยสักครั้งก็ไม่มี จะบอกเลิกกันทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ในวันที่ฉันยังสาว จะได้มีเวลาหาคนใหม่ฮือๆ”
เอือก เอือก
“ ถ้าหากฉันย้อนเวลาไปได้นะ. ฉันซุนเหมี่ยวจะขอแก้ตัวใหม่ เอือกกก”
อึกกกอึกกก
บ่นไปก็ยกขวดเหล้าไป ในตอนนี้บรรยากาศของนอกมีแสงของฟ้าแลบ ตามมาด้วยเสียงของฟ้าร้อง ไม่นานฝนก็กระหน่ำเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเหมือนโกรธที่โดนพาดพิงถึงยังงั้นแหละ
ซุนเหมี่ยวในตอนนี้ก็สลบเหมือดด้วยฤทธิ์เหล้าแบบหมดสภาพกันเลยทีเดียว
รุ่งเช้าของวันใหม่ ในขณะที่ซุนเหมี่ยวยังคงนอนหลับอยู่บนที่นอน ก็ต้องงัวเงียตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของจากใครบางคน
“เหมี่ยวเอ๋อร์ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายนะลูก”
หือ! เสียงแม่นี้ ไม่ใช่มั่งสงสัยหูคงแว่วไปเอง
“เหมี่ยวเอ๋อร์ลูกตื่นได้แล้ว เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย”
ก๊อก ก๊อก
นี้มัน เสียงของแม่นี้ แม่ยังไม่ตายเลยหรือว่าฝันไป ยังไม่ทันได้หายสงสัยก็ต้องสะดุ้งรีบลุกขึ้นอย่างว่องไวเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกอย่างดังอยู่ที่หน้าห้องของเธอ
“ตื่น. ได้. แล้ว “
“ จ้าๆ แม่ตื่นแล้วๆ”
ก่อนที่จะลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปอาบน้ำ แต่พอเดินผ่านกระจก เธอถึงกับชะงักไปก่อนจะเดินกลับมายืนอยู่หน้ากระจก
“โอ๊ะ นี้เราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม “
ซุงเหมี่ยวยังคงยืนมองตัวเองในกระจกเธอในตอนนี้เป็นสาวแรกรุ่นในวัยสิบเจ็ดปีอีกครั้ง ใช่แล้วเธอได้ย้อนกลับมาใช้ชีวิตของเด็กสาวในวัยสิบเจ็ดปีสมปรารถนาสวรรค์ในที่สุดก็เข้าข้างกันสักที จากนี้ไปฉันจะเอาประสบการณ์ชีวิตก่อนหน้านี้มาเป็นบทเรียนจะนำมาแก้ไขซึ่งข้อผิดพลาด จะทำให้ชีวิตในครั้งนี้มีแต่ความสุข และฉันจะไม่ขอพบเจอผู้ชายที่ใจร้ายคนนั้นอีกแล้ว
เธอได้ส่งยิ้มให้กับคนที่ยืนอยู่ในกระจก “ ซุนเหมี่ยวเธอจะเป็นคนใหม่ จะต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดสู้สู้นะฉันคนนี้จะเป็นกำลังใจให้เธอเอง” จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไป
“คุณนายซุนเหมี่ยว เสร็จแล้วยังลงมากินข้าวได้แล้ว จริงๆเลยเด็กนะคนนี้”. นางซุนเอ้อเหนียงแม่ของซุนเหมี่ยวถึงกับสายหัวให้กับลูกสาวคนเดียวของเธอที่โตขนาดเป็นสาวแล้วยังต้องให้แม่ปลุกทุกวี่ทุกวัน
“ หือหอมจังเลยค่ะแม่ น่ากินทั้งนั้นเลย”
“ แม่ทำของโปรดลูกทั้งนั้นแหละ มากินข้าว”
เช้านี้ซุนเอ้อเหนียงนั้นได้เลือกทำอาหารที่ลูกสาวของเธอชอบก็จะมีซุปเนื้อ ผัดผัก ไก่สับตบท้ายด้วยข้าวผัดไข่ วันนี้ซุนเหมี่ยวนั้นมีความสุขมากที่สุดในชีวิตของเธอหลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆที่ซัดสาดเข้ามาไม่หยุด
“อิ่มแล้วเหรอ”
“ ค่ะแม่ เดี๋ยวจะไปสายเดี๋ยวจะไม่ทันเข้าเรียน “
ที่โรงเรียนบาซู
“ซุนเหมี่ยว ซุนเหมี่ยว ทางนี้ทำไมวันนี้มาสายได้”เพื่อนสนิทของเธอได้ร้องเรียกและยืนรอซุนเหมี่ยวเพื่อที่จะเดินเข้าห้องเรียนไปพร้อมกัน บรรยากาศในห้องเรียนช่างเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุด เสียงเพื่อนๆที่พูดคุย เสียงเพื่อนๆที่วิ่งไล่กัน ทำไมเมื่อก่อนนั้นเธอถึงไม่ชอบเสียงพวกนี้นะมันช่างน่ารำคาญ. แต่ตอนนี้ เธอกลับรู้สึกมันเป็นเสียงที่มีชีวิตชีวา
จากนี้ไปเธอจะขอแก้ตัวใหม่ในชีวิตก่อนหน้านี้นั้นเธอได้แอบชอบรุ่นพี่อยู่คนหนึ่ง(เชื่อว่าใครๆหลายคนจะต้องมีโมเม้นที่แอบชอบรุ่นพี่หรือไม่ก็รุ่นน้อง)แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรไปมากกว่าการแอบชอบอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ในเมื่อสวรรค์ท่านเห็นใจให้เธอได้ย้อนกลับมาเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ดอีกครั้งเธอก็จะขอใช้ชีวิตในครั้งนี้ให้คุ้ม
“ เมื่อคืนนอนดึกนะก็เลยตื่นสายนะ “
“ อืม ไปกันเถอะ “
ซุนเหมี่ยวได้ยื่นมือไปจับมือของจินม่ายเพื่อนสนิทในขณะที่ซุนเหมี่ยวและเพื่อนสาวคนสนิทมีชื่อว่า จินม่ายเป็นเด็กสาวที่หน้าตาดีและยังเป็นเด็กเรียนเก่งประจำชั้นเรียนและยังเป็นที่ใฝ่ปองของหนุ่มๆที่ต่อแถวมาขายขนมจีบให้กับเธอ ซึ่งต่างจากซุนเหมี่ยวของเราโดยเธอนั้นจัดอยู่ในระดับปานกลางไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือว่าผลการเรียนไม่มีอะไรโดดเด่น
กำลังเดินไปที่ชั้นเรียน พลันสายตาของซุนเหมี่ยวก็ได้เหลือบไปเห็นรุ่นพี่ ม.6 ที่เธอนั้นแอบชอบเดินมากับกลุ่มเพื่อนของเขาเพื่อที่จะไปยังชั้นเรียนเหมือนกัน หัวใจของซุนเหมี่ยวเธอก็สั่นไหวให้กับรอยยิ้มของรุ่นพี่ ราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกยังไงยังงั้นแหละ
ตึ๊ก ตึ๊ก ตึ๊กๆ
ซุนเหมี่ยวใช้มืออีกข้างมาวางตรงบริเวณหัวใจของเธอ รู้สึกถึงพลังงานที่หลั่งใหลเข้ามาในตัวเองมันทำให้เธอกระชุ่มกระชวยราวกับว่าได้กินยาวิเศษมายังงั้นแหละ ด้วยรอยยิ้มของรุ่นพี่ที่เหมือนจะส่งยิ้มมาให้กับเธอทำไมถึงคิดเข้าข้างตัวเองได้ขนาดนี้นะเราเธอจะต้องบ้าๆๆ
“ ซุนเหมี่ยว เหมียวเหมี่ยว เป็นอะไรยืนเหม่อเซียว “
“เออ เปล่าไม่ได้เป็นอะไร “
“ แน่นะว่าไม่มีอะไร “
“ อือ…”
ในห้องเรียนเพื่อนๆก็ต่างพากันมานั่งประจำที่ของตัวเอง บ้างก็เล่นปากระดาษกัน บ้างก็ทำความสะอาดกระดาษดำ
ซุนเหมี่ยวก็ได้หยิบอุปกรณ์สำหรับเรียนวิชาศิลปะออกมาจากกระเป๋า
“ เหมียวเหมี่ยว นี้เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าคาบแรกเป็นวิชาคณิตศาสตร์ไม่ใช่ศิลปะ “
“ใช่เหรอแต่ฉันเช็คที่ตารางเรียนคาบแรกของวันนี้เป็นวิชาศิลปะ “ ซุนเหมี่ยวที่หันไปมองดูตารางเรียนอีกที โดนเด็กเรียนทักมาแบบนี้ก็ชักจะไม่มั่นใจขอดูให้ชัวร์อีกหน่อยแล้วกัน
“ ใช่ตารางเรียนบอกว่าเป็นวิชาศิลปะ ก็ใครใช้ให้คุณครูศิลปะเป็นคนใจดีละ มักถูกคุณครูคณิตศาสตร์ขอเปลี่ยนชั่วโมงสอนละ” ซุนเหมี่ยวเมื่อได้ยินแบบนั้นก็แอบทำหน้าเซ็ง ก็จะไม่ให้เซ็งได้ยังไงละก็เพราะว่าเธอความจำไม่ค่อยดีนะสิ นอกจากศิลปะก็มีวิชาพละเท่านั้นแหละที่เธอพอจะทำมันออกมาได้ดี
ตึก ตึก ตึกๆ
“ เงียบๆกันหน่อย” เสียงของคุณครูสอนคณิตศาสตร์ ที่เดินเข้ามาในห้องเรียนพูดขึ้นจากนั้นเด็กต่างก็พากันแยกย้ายไปนั่งที่ของตัวเอง
“ สวัสดีค่ะ/คับคุณครู “
“ สวัสดีนักเรียนทุกคน เป็นไงกันบ้างตื่นกันบ้างแล้วยัง ยังไงก็ขอให้พวกเธอทุกคนตั้งใจเรียน ปีนี้พวกเธอก็อยู่ม .5 กันแล้วยังเหลือเวลาอีกปีหนึ่งก่อนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยกัน
โอเคมาทุกคนเปิดหนังสือไปที่หน้าสี่สิยห้า มาดูการหาค่าความจริงของเลขยกกำลัง “
คุณครูสาวที่สอนวิชาคณิตศาสตร์ที่ยืนอยู่หลังโต๊ะนั้นได้เปิดหนังสือและหันหลังไปเขียนอธิบายบนกระดานดำเรื่อยๆ
กริ๊งงงงงงง
“ เอาละวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน อย่าลืมทำการบ้านมาส่งครู จินม่ายเดี๋ยวเธอรวบรวมมาส่งให้กับครู “
เมื่อคุณครูสาวเดินออกไปจากชั้นเรียน ซุนเหมี่ยวเธอก็ได้หมอบไปกับโต๊ะอย่างหมดแรง เธอรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้เธอไม่ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ อะไรที่ต้องใช้สมองในการจำในชีวิตก่อนหน้านี้เธอจำได้ไม่ลืมเลยว่าคะแนนสอบเธอได้ที่เท่าไหร่ คิดแบบง่ายๆถ้ามีจำนวนคนสอบที่หกร้อยคนตัวเธอก็จะได้ลำดับที่สองร้อยกว่า ซึ่งผิดจากรุ่นพี่ที่เธอแอบชอบเขาสอบได้ที่หนึ่งทุกปีพอมาคิดๆดูแล้วช่างน่าปวดหัวจริงๆ ถ้ามียาบรรเทาอาการปวดหัวก็คงจะดีไม่น้อย
“ เห้อ “@_@
“ เป็นอะไรไป“
“ ฉันแค่กำลังคิดว่าหัวสมองฉันต้องมีแต่น้ำแน่ๆเลย ที่คุณครูสอนฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด•_• “
“ สวรรค์ ไม่จริงนะสักนิดก็ไม่ได้เลยเหรอ “ จินม่ายถึงกับงงใจในเพื่อนสาว
“ จินม่ายเธอช่วยติวให้ฉันหน่อยนะ ได้ใหม “ ในเมื่อสวรรค์เห็นใจเธอได้ส่งให้เธอกลับมาแก้ตัวใหม่อีกครั้งเธอก็จะต้องต่อสู้แก้ไขเรื่องที่แย่ๆในอดีตจะตั้งใจทำให้ดีเพื่อที่เธอจะได้ไม่มาเสียใจในภายหลังเหมือนอย่างเมื่อครั้งก่อน
“ อ่าาาา “ จินม่ายที่ได้ฟังเพื่อนสาวขอร้องเธอถึงกับอึ้งไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากติวให้เพื่อนของเธอนะแต่เธอนั้นสอนไม่เป็นไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรที่จะให้เพื่อนของเธอเข้าใจนั้นเอง ขนาดคุณครูว่าอธิบายง่ายๆแล้วเธอยังบอกว่าฟังไม่เข้าใจเลย
“ อืม เอางี้ใหมเดี๋ยวฉันจะขอให้พี่ชายลูกพี่ลูกน้องฉันติวให้เธอ “ ซุนเหมี่ยวเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมากนั้นก็เพราะรุ่นพี่ที่เธอแอบชอบนั่นเป็นญาติกับจินม่ายนั่นเองแต่
“ จะดีเหรอม่ายม่าย รุ่นพี่ปีนี้จะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยนะจะไม่รบกวนหรอกหรือ เธอนั้นแหละติวให้ฉันดีกว่า “
“ ไม่หรอก เดี๋ยวฉันจัดการให้ “ ซุนเหมี่ยวแม้ว่าจะมีสีหน้าที่กังวล แต่ในใจเธอนั้นกลับดีใจอยู่ลึกๆ แม้ว่าจะไม่ได้หวังว่าเขาจะช่วยเธอติวหนังสือเพราะว่าเขาเองก็ต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเช่นกัน
ที่ร้านขายน้ำหน้าโรงเรียนมีโต๊ะตั้งอยู่สองสามตัวไว้ให้สำหรับนักเรียนมานั่ง หนึ่งในนั้นก็มีหลี่เซียนนั่งกินขนมอยู่กับเพื่อนอยู่คนหนึ่ง
“นี้วันอาทิตย์นี้นายว่างเปล่า “
“ ว่าง ทำไม “ หลี่เซียนที่กำลังดื่มน้ำอยู่ได้วางแก้วน้ำลงแล้วตอบคำถามพร้อมกับหันไปจ้องหน้าของเพื่อนด้วยความสงสัยและรอคำตอบของอีกฝ่าย
“ ก็ไม่มีอะไรก็แค่อยากให้เจ้าชวนจินม่ายไปเที่ยวสวนสนุกนะ “ เพื่อนของหลี่เซียนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ประถมเขาที่ชื่อว่าหวังเฉิงชุน หวังเฉิงชุนมีท่าทีเขินอายที่บอกจุดประสงค์ของเขา โดยใช้มือไปแตะที่ศีรษะแก้เขินเขาได้แอบชอบน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนมานานแล้วแต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกสักเท่าไหร่เพราะเขากลัวว่าถ้าเขาสารภาพรักกับเธอแล้วถ้าเกิดเธอไม่ชอบเขาแล้วตีตัวออกห่างเขานั้นเอง
หลี่เซียนก็รู้ว่าเพื่อนของเขานั้นแอบชอบน้องสาวของเขา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใดนั้นเพราะเขาคิดว่าเรื่องของหัวใจขึ้นอยู่กับคนสองคนมีใจตรงกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ขัดขวางแต่เขาก็ไม่ได้สนับสนุน ตัวเขาเพียงคิดว่าถ้าเพื่อนของเขามีใจรักที่น้องสาวของเขาจะต้องพยายามฝ่าฟันไปให้ได้
“ อือ จะลองชวนให้แล้วกันแต่ก็ไม่ได้รับปากนะว่าจะสำเร็จใหม่”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ซุนเหมี่ยวและจินม่ายที่เป็นหัวข้อสนทนาก็เดินออกมาจากโรงเรียนพอดี จินม่ายที่หันไปเห็นหลี่เซียงที่นั่งอยู่หน้าร้านขายน้ำก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับซุนเหมี่ยวที่เดินตามหลัง จินม่ายด้วยหัวใจที่เต้นแรง ซุนเหมี่ยวนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทกับจินม่ายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลี่เซียนแต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้กับเขาเลยสักครั้ง
จินม่ายเดินมาที่ร้านน้ำก็เลือกซื้อน้ำและขนมสองสามอย่าง “ พี่สาวทั้งหมดเท่าไหร่ค่ะ “
“ ยี่สิบหยวน “ จินม่ายเมื่อจ่ายเงินแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะกับหลี่เซียน พอวางถุงขนมและน้ำไว้บนโต๊ะยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เพื่อนของหลี่เซียนก็หยิบขวดน้ำที่เธอซื้อขึ้นมาเปิดฝาแล้วยกดื่มทันที
“ อ่าาาาชื่นใจจริงๆ “
“ นาย!นายนี้มันน้ำของฉันนะ ไปซื้อมาคืนเดี๋ยวนี้เลย ไปซื้อมาเดี๋ยวนี้ ของตัวเองก็มียังจะมาแย่งกันอีก ไม่มีมารยาทฮึ “ จินม่ายที่แสดงออกว่าไม่พอใจที่ถูกเพื่อนของพี่ชายแย่งกินน้ำของเธออย่างหน้าตาเฉย ตั้งแต่เล็กจนโตเธอมักจะถูกเขารังแกมาโดยตลอด ซึ่งจินม่ายก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงชอบแกล้งเธอ แต่ที่แน่ๆเลยเธอไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่ พี่หลี่เซียนนี้ก็ยังจะคบเป็นเพื่อนอีก
“ ก็แค่น้ำขวดเดียวทำเป็นหวง ฉันซื้อคืนให้ก็ได้ “
เพื่อนของหลี่เซียนที่แกล้งกินน้ำของจินม่ายก็เดินไปซื้อน้ำมาคืน ทั้งที่เขานั้นชอบจินม่ายมากแต่ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นหน้าและอยู่ใกล้กันก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งเธอ ไม่ใช่ว่าเขากำลังเรียกร้องสนใจหรอกใช่ไหม
จินม่ายตอนนี้ทำหน้ามุ่ยใส่ก็ถูกหลี่เซียนขัดจังหวะก่อนที่ศึกในครั้งนี้จะลุกลามไปใหญ่โต
“ มาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า “ จินม่ายก็นึกขึ้นมาได้
“ อ๋อเกือบลืมเลย ฉันจะถามพี่ว่าวันเสาร์อาทิตย์นี้ว่างใหม คือว่า….” จากนั้นก็หันไปทางซุนเหมี่ยวที่ยืนเงียบอยู่คนเดียวแล้วก็หันกลับมามองหน้าของพี่ชายแล้วส่งสายตาอ้อนวอน
“ คือว่าจะขอให้พี่ช่วยติวให้เหมี่ยวเหมี่ยวได้ใหม ขอร้องละ “ แล้วก็เอามือมาประกบกันส่งสายตาออดอ้อนอย่างขอให้เห็นใจ
ซุนเหมี่ยวที่นั่งอยู่นั้นก็ภาวนาขอให้เขาตอบตกลงทีเถอะที่จะติวให้เธอในวันหยุดนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าปีนี้เป็นปีที่หลี่เซียนนั้นต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะเข้าสอบมหาวิทยาลัยแล้วก็ตามแต่เธอก็ไม่ได้หวังมากนักหรอกกลัวว่าจะผิดหวังจะทำให้เธอนั้นรู้สึกแย่ไปอีก
“ เอ้อ ถ้ารุ่นพี่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะค่ะ “ หลี่เซียนหันไปมองสาวน้อยซุนเหมี่ยวที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลนั้นก็ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูเหมือนน้องสาวก่อนที่จะส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบตกลง ที่จะติวหนังสือให้กับเธอ
“ ได้ งั้นวันเสาร์มาเจอกันที่ร้านไออุ่น ตอนเก้าโมงเช้า “ หลี่เซียนมองไปที่ซุนเหมี่ยวด้วยใบหน้าที่อมยิ้มนิดๆ หวังเฉิงชุนหันไปมองหน้าหลี่เซียนด้วยความหมั่นไส้ทีกับเพื่อนทำเป็นอิดออดแต่ทีกับสาวละตอบแบบไม่คิดเลยนะ “ อ่ะได้ไงนี้นายลืมแล้วเหรอว่าวันอาทิตย์นี้มีนัดกับฉันไง “
“ก็ไม่ได้ลืมแต่ว่าของนายนะไปวันไหนก็ได้จริงใหม “
“ ใช่ค่ะพี่เซียน “จินม่ายที่นั่งอยู่ด้วยนั้นเห็นด้วยกับพี่ชายก่อนจะหันไปแลบลิ้นให้กับหวังเฉิงชุน
ทางด้านซุนเหมี่ยวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับหลี่เซียนนั้นก็รู้สึกดีใจมากแต่ก็แสร้งทำเป็นนิ่ง ไม่อยากจะบอกเลยว่าหัวใจของเธอในตอนนี้มันสั่นระริกระรี้มากขนาดไหน โอ้ยเขินจังเลย ซุนเหมี่ยวที่เก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ ก็ได้แต่นั่งอมยิ้มโดยทำทีเป็นมองเพื่อนสาว
“ กลับมาแล้วเหรอ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้มาทานข้าวกันวันนี้แม่ทำของชอบลูกด้วยนะ “ ซุนเอ้อร์เหนียงที่กำลังจัดโต๊ะทานข้าวอยู่นั้นก็หันมามองซุนเหมี่ยวที่พึ่งจะกลับมาถึงบ้านด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
ซุนเหมี่ยวมองดูแม่ของเธอกำลังง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะทานข้าวก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เธอค่อยๆก้าวตรงไปหาซุนเอ้อร์เหนียงโดยยืนอยู่ข้างหลังของแม่เธอจากนั้นเธอก็ค่อยๆยื่นมือไปโอบกอดแม่ทางด้านหลัง ใบหน้าของซุนเหมี่ยวแนบกับแผ่นหลังของซุนเอ้อร์เหนียง ชีวิตก่อนหน้านี้เธอไม่เคยได้กอดแม่ ไม่ค่อยได้อยู่ดูแลแม่และไม่ค่อยได้ใส่ใจแม่เท่าที่ควร ในตอนนี้เธอจะใช้เวลาทุกนาทีที่อยู่กับแม่ให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อที่เธอจะได้ไม่เสียใจในภายหลังเหมือนกับชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ
“ เป็นอะไรหะเราวันนี้อยู่ๆทำไมถึงกอดแม่ล่ะ” ซุนเอ้อร์เหนียงเองก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่วันนี้บุตรสาวของเธอเดินเข้ามากอดนานมากแล้วที่เราสองแม่ลูกไม่ได้กอดกัน ที่พอจะจำได้กอดกันครั้งสุดท้ายก็คือวันที่เราสองแม่ลูกไร้ซึ่งผู้นำเธอที่เป็นแม่ก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวและส่งเสียบุตรสาวคนเดียวของเธอให้ได้ร่ำเรียนสูงๆจึงไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูกสาวสุดที่รักของเธอมากนักนานวันเข้าก็ยิ่งทำให้พวกเขาเริ่มห่างเหิน
ซุนเอ้อร์เหนียงใช้หลังมือค่อยๆเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาด้วยความตื้นตันใจ รู้สึกถึงความรักความห่วงใยที่ส่งผ่านอ้อมกอดของบุตรสาวมายังตัวของเธอเอง
“ แม่ หนูรักแม่นะรักมากที่สุดเลยนะค่ะ “