สวัสดีทุกคนขอแนะนำตัวก่อนนะ ฉันชื่อ แช่มช้อย ใช่แล้วได้ยินกันไม่ผิดหรอก ชื่อนี้เป็นชื่อที่คุณยายตั้งให้น่ะ รับรู้ได้ถึงความโบราณและเก่าคร่ำครึกันเลยทีเดียวแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรนัก เพราะสิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ "ฉัน"เด็กน้อยบ้านนาจากดินแดนไทยแลนด์โอนลี่คนนี้ ได้ไปแลกเปลี่ยนที่ดินแดนเสรี ประเทศอเมริกา!!!
ณ สนามบิน
7.43 a.m.
"โอ๊ยยยยยย ยัยช้อย" เด็กผู้หญิงผมยาวตัวสูงโปร่ง ผิวขาวเหลืองตะโกนเรียนชื่อฉันอย่างเสียงดัง มันดังจนคนรอบๆ หันมองด้วยความสงสัย และเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือเพื่อนฉันเอง แก้ว
"นี่! ไม่ต้องเรียกดังขนาดนั้นก็ได้นิ" ฉันพูดด้วยเสียงที่กระซิบกระซากกับแก้วเพราะเกรงใจคนที่อยู่รอบๆ
"แล้วทำไมถึงมาสายล่ะ สรุปแกหรือฉันกันแน่ที่จะไปแลกเปลี่ยน คนมาส่งมาถึงสนามบินเร็วกว่าคนที่จะไปอีก แล้วถ้าตกเครื่องจะทำยังไงห้ะ...บลา บลาๆๆๆๆ" แก้วเทศนาฉันแบบไม่เว้นวรรคให้ฉันได้อธิบายอะไรเลย ให้ตายเถอะนี่เธอเป็นเพื่อนหรือแม่กันแน่ และตอนนี้หูของฉันก็ไม่สามารถที่จะทนฟังปากของยัยแก้วบ่นได้แล้ว
"เดี๋ยวๆๆ พอก่อนพักก่อนค่ะเพื่อนสาว อย่าพึ่งบ่นฉันเลยน้าาาา ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้วไง" ฉันพูดขัดขณะที่แก้วยังบ่นอยู่และทำเสียงออดอ้อนเพื่อให้แก้วหยุดบ่นฉันสักที
"ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้เลยนะ เธอทำแล้วมันไม่ได้น่ารักเหมือนเด็กน้อยทำหรอก" แก้วพูดเสียงแข็ง แต่กลับมีท่าทีที่เคอะเขิน หึหึ ฉันรู้ดีน่ะว่าเธอแพ้การทำเสียงแบบนี้ ปากไม่ตรงกับใจเลยนะยัยแก้ว
"แล้วเอากระเป๋าไปโหลด ไปเช็คอิน ทำธุระเสร็จยัง" แก้วพูดต่อ
"เรียบร้อยหมดแล้ว พี่พาไปจัดการเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว"
"อย่างงั้นหรอ แล้วพี่เขาไปไหนแล้วล่ะ"
"กลับไปแล้วน่ะ พอเสร็จธุระจากฉันก็ยื่นร่ำลากัน 2 นาที แล้วรีบขี่รถออกไปเลย ขี่ออกไปเร็วยิ่งกว่าfast8 เห็นว่ามีงานด่วน" ฉันพูดอธิบายให้แก้วฟัง และระหว่างที่เราคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงประกาศจากสนามบิน
"ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ สายการบินเพื่อไทยไปไกลสุดโลก เที่ยวบินที่214 พร้อมที่จะเดินทางไปท่าอากาศ....ขอเรียนเชิญผู้โดยสารทุกท่านที่จะไป...."
"เห้ย! ยัยแก้วฉันไปก่อนนะ" ฉันพูดบอกลาเพื่อนสุดที่รัก
"โชคดีนะ เดินทางดีๆ ไปถึงนู่นก็รีบเปลี่ยนซิมโทรศัพท์แล้วติดต่อมานะ" แก้วพูดย้ำเตือนในสิ่งที่ฉันต้องทำ
"โอเค ไปก่อนนะ" ฉันพูดบอกลาแก้วเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะไปขึ้นเครื่อง
และมันเป็นอะไรที่โชคดีมากสำหรับประสบการณ์การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของฉันเพราะฉันได้นั่งติดหน้าต่างยังไงล่ะ ระหว่างที่เครื่องบินโลดแล่นอยู่บนฟ้าฉันกลับ...แอวะ! ใช่ ฉันเมาเครื่องบิน สิ่งที่ยัดลงกระเพาะไปก่อนหน้านี้มันสำรอกออกมาจนเกลี้ยงไม่เหลือสักอย่าง และท่าทางของฉันมันคงน่าเวทนามาก จนคุณตาที่นั่งข้างๆ ต้องเอามือมาช่วยรูปหลังให้ และเรียกแอร์โฮสเตสมาช่วยดูอาการ โชคดีที่พี่สาวแอร์โฮสเตสเป็นคนไทย เธอช่วยปฐมพยาบาลฉันพร้อมกับให้ดมยาตราปราบเซียนมาดม เหมือนกับรู้ว่าฉันต้องการมันอย่างมาก และปล่อยให้ฉันได้นั่งพัก
"Are you feeling any better? (คุณดีขึ้นหรือยัง)" คุณตาที่นั่งข้างๆ ถามฉัน หลังจากที่ฉันได้นั่นพักและอาการเริ่มดูดีขึ้น
"Yes,I'm okay.I'm fine." ฉันตอบคำกลับด้วยความรู้ด้านภาษาที่มีแค่หางอึ่ง พร้อมกลับยิ้มให้คุณตาเพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันโอเค ถึงมันเป็นการยิ้มที่แห้งไปสักหน่อยก็เถอะ แต่เหมือนคุณตาจะรับรู้ได้ถึงความสบายดีที่ฉันแผ่รังสีออกไป
ณ สนามบินที่รัฐโอไฮโอ
6.12 a.m.
หลังจากที่ฉันเดินทางข้ามวัน ข้ามคืน ข้ามน้ำ ข้ามทะเล ข้ามทวีปและข้ามทุกๆ อย่างที่จะข้ามได้ ในที่สุดเท้าของฉันก็ได้สัมผัสกับพื้นดินสักที ฉันรีบมองหาคนที่คิดว่าน่าจะเป็นโฮสต์ของฉัน แต่...ไร้วี่แววไม่มีแม้แต่เงา ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ยยยยยย และระหว่างที่ฉันเริ่มลุกลน เสียงของยัยแก้วก็ดังขึ้นมาในหัว "ไปถึงนู่นก็รีบเปลี่ยนซิมโทรศัพท์แล้วติดต่อมานะ" ใช่แล้ว ต้องเปลี่ยนซิมก่อนสินะ จะได้ติดต่อกับโฮสต์ได้
เมื่อเปลี่ยนซิมโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยข้อความอันเก่าต่างๆ ก็ถาโถมเข้ามานับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบหาข้อความของโฮสต์ก่อน
"เจอสักที" ฉันพูดออกมาด้วยความโล่งใจที่เจอข้อความของโฮสต์
"ถึงคุณ แช่มช้อย พวกเรารอคุณอยู่ที่ประตูทางออกที่ 2 และใส่เสื้อสีส้ม ถือป้าย Welcome Exchange student. มีฉันกับโรสยืนรออยู่ รีบมาล่ะ"
"ประตูทางออก เสื้อสีส้ม ป้าย...."
"เอ๊ะ! นั้นไง everyone"
ฉันรีบวิ่งด้วยความเร็วสี่คูณร้อยไปหาสองสาวที่ยืนอยู่แล้วมีลักษณะเหมือนในเมล
"สวัสดีค่ะ พวกคุณคือโฮสต์ของหนูใช่มั้ย"ฉันพูดไปหอบไปเพราะเหนื่อยจากการใช้แรงขาที่มีทั้งหมดวิ่งมาหาพวกเธอ
"ใช่จะ หนูใช่แชมช้อย แซมซอย...แชม เรียกอยากจัง งั้นเราเรียกหนูว่าลินดาได้มั้ย"
“ได้ค่ะ หนูชอบชื่อนี้จัง”
“ดีใจที่หนูชอบนะ ต่อไปก็ใช้ชื่อนี้ตอนอยู่ที่นี่แล้วกัน โอเคไหม”
“โอเคค่ะ”
“ส่วนนี่โรสนะ” โฮสต์มัมพูดพร้อมกับเอามือไปแตะไหล่กับพี่สาวผมสีบลอนด์ แม่เจ้า! พี่สาวสวยมาก สวยเหมือนนางฟ้าเลยนะเนี่ย
“ส...สวัสดีค่ะ” ฉันกล่าวทักทายด้วยอาการเคอะเขิน
“ดีจ้า พี่ชื่อโรสนะ เอ๊ะ! ทำไมหน้าถึงแดงอย่างนั้นล่ะ ไม่สบายหรอ”
“ป่าวค่ะ แค่ร้อนนิดหน่อย เสื้อกันหนาวมันหนาน่ะ” หนูเขินความสวยของพี่ต่างหาก ><
“เรารีบไปกันเถอะ ชาลีรอเราอยู่ที่รถ” โอสต์มัมพูดจบก็เดินนำทางไป
"มานี่ลินดา เดี๋ยวพี่ช่วยถือกระเป๋า"
"อ้อขอบคุณค่ะ"
พวกเราเดินออกมาจากสนามบินและมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถ มีสายลมเย็นๆ ยามเช้ามากระทบผิว...หนาวแบบไม่มีอะไรมากั้นเลยค่ะแม่ เด็กสาวที่มาจากเมืองร้อนอย่างฉันปรับตัวไม่ทันหรอกนะหรอกนะT^T
ที่ลานจอดรถ
ผู้ชายร่างสูงวัยกลางคนยืนพิงท้ายรถอีโคคาร์สีแดง หันมามองพวกเราที่กำลังวิ่งเข้าไปใกล้รถของเขาด้วยท่าทีตกใจ
"ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบวิ่งกันก็ได้" ชายคนนั้นพูดขึ้นทันทีที่พวกเราถึงรถ
"ก็อากาศหวานขนาดนี้ เดี๋ยวลินดาก็ป่วยพอดี" โฮสต์มัมตอบกลับ
"พ่อคะ! กระเป๋าค่ะ" โรสที่วิ่งตามมาทีหลังพูดขึ้นพร้อมกับส่งกระเป๋า
"อ้อๆ" เขาพูดสั้นๆ พร้อมกับรับกระเป๋าไป
ส่วนฉันนั้น ยังไม่ทันที่จะขอบคุณที่เขาเก็บกระเป๋าให้ โฮสต์มัมก็เรียกขึ้นรถซะก่อน
ตอนนี้พวกเราทุกคนนั่งอยู่ในรถที่ช่างแสนจะสบายเพราะอากาศข้างในอุ่นกว่าข้างนอกมากโข โดยที่ฉันนั่งเบาะหลังกับโรส โฮสต์มัมนั่นข้างคนขับ และผู้ชายคนนั้นที่น่าจะเป็นโฮสต์แด๊ดเป็นคนขับ
รถออกตัววิ่งไปตามถนนได้สักระยะ โฮสต์มัมก็พูดขึ้น
"จริงสิ ลืมแนะนำเลย ลินดานี่ชาลีนะ ชาลีนี่ลินดา เด็กในโครงการที่เรารับมาดูแล"
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อลินดามาจากไทยค่ะ"
"ฉันชาลีนะ เรียกว่าแด๊ดเลยก็ได้ไม่ต้องเรียกโฮสต์แด๊ด"
"โอเคค่ะ...แด๊ด"
"ขอโทษนะที่ฉันอยู่ทำหน้าที่โฮสต์ให้ไม่ได้"
"ทำไมล่ะคะ"
"ก็ชาลีได้ย้ายงานไปต่างเมืองน่ะสิ ต้องเดินทางเย็นนี้แล้ว" โฮสต์มัมช่วยตอบ
"น่าเสียดายจังเลยนะคะ"
"ไว้ฉันจะมาเยี่ยมบ่อยๆแล้วกันนะ อยู่กับแอนเดียร์ก็ทำตัวดีๆล่ะ " ชาลีพูด
"ค่ะ หนูจะไม่ดื้อค่ะ" ฉันรับปากชาลีด้วยน้ำเสียงเด็กน้อยตาใส และก็ได้รู้ว่าแอนเดียร์คือชื่อของมัม หญิงวัยกลางคนผมสีน้ำตาล ตาสีเฮเซล ชื่อของมัมช่างไพเราะอะไรอย่างนี้เนี่ย
"แต่ต่อไปเราจะอยู่กันแค่สามคนนะมีฉัน หนู แล้วก็แอเรส" โฮสต์มัมพูดขึ้น และส่งสายตามาที่ฉัน
"ทำไมล่ะคะ แล้วพี่โรสล่ะ"
"ก็พี่เข้ามหาลัยแล้ว แล้วคืนนี้ก็ต้องย้ายไปหอ" โรสที่นั่งข้างๆ ฉันตอบเสียงเรียบ
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวเหงาหรอก ยังมีแอเรสกับมัมอยู่เป็นเพื่อนนะ" โรสพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เห็นฉันทำหน้าเป็นลูกหมาน้อยน่าสงสาร
"โอเคค่ะ" ฉันตอบรับเสียงอ่อยๆ
เอาล่ะทุกท่านสรุปก็คือ ฉันมาแลกเปลี่ยนที่อเมริกาครั้งนี้ มันพอดีกับช่วงจังหวะที่คนพ่อย้ายเมือง คนพี่ต้องย้ายไปหอที่มหาลัย ที่เหลืออยู่คือมีแค่มัม แอเรสลูกชายคนเล็กของบ้านหลังนี้ที่ฉันยังไม่เคยเจอหน้าคร่าตา และฉัน...ที่เป็นคนนอก ฉันยอมรับตรงนี้เลยว่า ฉันแอบคิดว่าเป็นตัวที่ทำให้ครอบครัวเขาไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แต่มันก็คงจะไม่ใช่หรอก มันแค่เป็นจังหวะที่ไม่ดีเฉยๆ
บทสนทนาบนรถก็ยังมีเรื่อยๆ แต่ฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะตื่นตาตื่นใจกับวิวข้างทางที่ไม่เคยเห็นที่ไทย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา หญ้าข้างทาง หรือแม้กระทั้งเสาไฟ มันดูแปลกตาไปหมดและทุกๆอย่างก็ค่อยๆมืดลง...
ไม่ต้องตกใจมันไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ฉันได้มาเหยีบยอเมริกาหรอกนะ ฉันแค่มีอาการ jet lag แล้วมันง่วงมากๆ จนไม่อาจต้านทานเปลือกตาบางๆ ให้มันไม่ปิดตาของฉันได้