Your Wishlist

Amnesiac Queen (Chapter 5: ประจำวัน — คุณทานข้าวรึยัง?)

Author: Chestnut (ฺBuaElla แปล)

เป็นอีกครั้งที่เย่เจินเจินสูญเสียความทรงจำของเธอไป เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอคือ 1. คุณตาที่ถูกฆาตกรรม 2. มรดกมหาศาล 3. คู่หมั้นที่มีความรักอย่างลึกซึ้ง 4. ลุงผู้เอาแต่ใจและภรรยาของเขา 5. คนรับใช้ที่ว่านอนสอนง่าย 6. หมอที่ห่างเหินและเย็นชา 7. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตกที่นั่งลำบาก เย่เจินเจินจ้องมองพวกเขาทั้งหมดอย่างสงสัย ใครคือฆาตกร? ใช่เธอหรือเปล่า? หรือว่า…? มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นฆาตกรตัวจริง แต่มีผู้ร้ายมากกว่าหนึ่งคน

จำนวนตอน : 67 Chapters

Chapter 5: ประจำวัน — คุณทานข้าวรึยัง?

  • 25/05/2564

 

ก่อนที่เย่เจินเจินจะสูญเสียความทรงจำ เธออาจเคยเป็นคุณหนูที่ใช้เงินเป็นเบี้ย ขับรถสปอร์ตไปเรียนทุกวัน หากชอบอะไรเธอก็จะ ซื้อ ซื้อ ซื้อ ถ้ามีใครมาหาเรื่องเธอ เธอก็จะไปหาเย่หงเฉิงและทำหน้าน่ารักออดอ้อนตาของเธอ “มีคนหาเรื่องหนูค่ะ คุณตา”

 

นี่เป็นจินตนาการของเย่เจินเจินเกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ และเธอก็รู้สึกว่าสมมติฐานของเธอค่อนข้างมีเหตุผล เมื่อมรดกกว่าพันล้านหยวนลอยอยู่ตรงหน้าเธอ กระนั้นเธอก็ไม่สามารถนับได้ว่ามีศูนย์กี่ตัวในหนึ่งพันล้าน!

 

ความรู้สึกนี้คล้ายกับขนมปังเนื้อที่ตกลงมาจากท้องฟ้า แต่เนื้อขนมปังนั้นใหญ่เกินไป ถ้าใครไม่ระวังก็จะถูกทับตาย

                                                                    

เย่เจินเจินรู้สึกตื่นตระหนก

 

เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะพูดว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ซุนเฉียนควรจะบอกเธอตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ตั้งแต่ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ซุนเฉียนไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำเดียวเกี่ยวกับมรดกนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอขอให้พยาบาลส่งหนังสือพิมพ์ประจำวันนี้ เธอก็คงไม่รู้ว่าเธอเป็นหญิงสาวร่ำรวยที่มีเงินกว่าพันล้านหยวน

 

เอ๊ะ บางทีหนึ่งพันล้านหยวนหรือมากกว่านั้นไม่มีค่าในสายตาของคนอื่นก็ได้?

 

เย่เจินเจินหันไปด้านข้าง คิ้วของเธอย่น

 

เย่หงเฉิงมีลูกชายสองคน แต่เขาได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับหลานสาวของเขา เป็นไปไม่ได้ที่ลุงสองคนของเธอจะไม่มีความคิดใดๆ แม้ว่าหนึ่งพันล้านหยวนหรือมากกว่านั้นไม่ได้ถือว่ามาก แต่ก็เพียงพอที่จะดึงดูดชายหนุ่มให้เป็นเด็กผู้ชายได้

 

ถ้ามองในมุมนี้อาจเป็นไปได้ว่ามรดกนั้นเกี่ยวข้องกับการตายของตาของเธอ บางทีฆาตกรอาจขู่คุณตาให้เปลี่ยนเจตจำนงของเขา แต่ตาของเธอปฏิเสธ ทำให้ทั้งสองคนทะเลาะ ฆาตกรฆ่าเขาในขณะที่โกรธรึเปล่า?

 

เย่เจินเจินรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้สูงมาก เธอขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งแล้วหันไปอีกด้าน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ ครอบครัวของลุงคนโตย้ายไปต่างประเทศ แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นในตระกูลเย่ พวกเขาก็ยังไม่กลับมา แม้ว่าเธอจะไม่รู้เหตุผลแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ใช่ฆาตกร ทั้งหมดที่เหลืออยู่คือซุนเฉียนและสามีของเธอ

 

พวกเขาฆ่าคุณตารึเปล่า? เมื่อคำนึงถึงความจริงที่ว่าซุนเฉียนจงใจปกปิดเรื่องมรดกกับเธอ เธอจึงรู้สึกสงสัยเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้สึกเสมอว่าความเอาใจใส่อย่างขยันขันแข็งของคุณป้าคนนี้โอเวอร์ไปหน่อย

 

เธอพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืนจนรุ่งเช้าโดยเห็นได้จากรอยคล้ำใต้ดวงตาคู่โต

 

สายตาของจื่อเจ๋อหยวนเริ่มเย็นชาเมื่อเขาเห็นหนังสือพิมพ์ที่พับไว้ข้างเตียงของเธอ "ใครเป็นคนเอาหนังสือพิมพ์เข้ามาในห้องคนไข้?"

 

พยาบาลสาวที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เธอก้มหน้าราวกับว่าเธอเป็นเด็กประถมที่ทำอะไรผิดพลาด "ฉันเองค่ะ..."

 

หมอจื่อเหลือบตามองพยาบาลสาว “นี่คือวิธีดูแลผู้ป่วยของคุณงั้นหรือ?”

 

พยาบาลสาวส่ายหน้าอย่างรวดเร็วเม้มปากสนิท เย่เจินเจินหัวเราะและพูดกับจื่อเจ๋อหยวนว่า “คุณหมอจื่อ อย่าโทษเธอเลยค่ะ ฉันคงไม่หยุดกวนเธอจนกว่าเธอจะเอาหนังสือพิมพ์มาให้ฉันค่ะ”

 

ในที่สุดสายตาของจื่อเจ๋อหยวนก็เบนมาที่เย่เจินเจิน การแสดงออกของเขาคล้ายกับครูประจำชั้น “ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าร่างกายของคุณยังอ่อนแอ จำเป็นต้องพักผ่อนให้มาก คุณไม่ได้ฟังเลยเหรอ?”

 

“ไม่! ฉันฟังค่ะ! ฉันขอโทษค่ะหมอจื่อ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแบบบนี้อีก” เย่เจินเจินพยายามแก้ตัวด้วยความวิตก ถ้าหากมีร่องรอยความไม่พอใจฉายอยู่ในดวงตาของเขาเพราะความผิดของเธอ หัวใจของเธอคงเต้นเร็วรัวเพราะความกลัว

 

จื่อเจ๋อหยวนไม่พูดอะไร เขาเพียงยืนอยู่ข้างเตียงนิ่งๆ ก้มหน้ามองเธอ เย่เจินเจินใจสั่นราวกับกำลังรอการพิพากษาสำคัญ

 

“อรุณสวัสดิ์ เจินเจิน! เมื่อคืนหลับสบายดีไหม? ฝันถึงผมรึเปล่า?” เสียงของฉินกงดังที่ประตู

 

จื่อเจ่อหยวนถอนสายตาและหันไปมองฉินคงที่อยู่ข้างหลังเขา “สุขภาพของคนไข้ยังไม่พร้อมที่ต้อนรับใคร คุณกลับบ้านไปดีกว่าคุณฉิน”

 

ฉินกงย่นคิ้ว ในตอนนี้เองที่เย่เจินเจินเห็นว่าข้างหลังเขามีช่อดอกกุหลาบ “สุขภาพของเจินเจินไม่ดี? ถ้าอย่างนั้นผมยิ่งไปไม่ได้”

 

เขารีบเดินไปที่เตียง ตรวจดูเย่เจินเจินอย่างละเอียด “พวกเขาหาที่นี่เจอเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”

 

เย่เจินเจิน "..."

 

เขานั่งลงบนเก้าอี้แล้วจับมือเธอขณะที่พูดว่า "เจินเจินไม่ต้องกลัวนะ โรงพยาบาลศูนย์ตั้งอยู่ใจกลางเมือง A เพราะว่าตั้งอยู่ตรงกลาง การเจาะเข้ามานั้นไม่ง่าย”

เย่เจินเจิน "..."

 

เธอดึงมือออกแล้วส่งหนังสือพิมพ์ข้างเตียงให้เขา "อันที่จริง ฉันอ่านแค่อ่านหนังสือพิมพ์เอง”

 

ฉินกงก้มหน้าอ่านหน้าหนังสือพิมพ์ คำว่า ‘เย่หงเฉิง’ สะดุดตาเขา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยที่เขาเห็นรูปในข่าว

 

ดวงตาของเย่เจินเจินเป็นประกายเมื่อเธอเห็นเขานิ่งเงียบ

 

“คุณฉิน กรุณาให้ความร่วมมือด้วยครับ” จื่อเจ๋อหยวนยืนอยู่ด้านหลังฉิงกง สีหน้าและท่าทางของเขาไม่อาจทำให้คนอื่นโต้เถียงได้

 

ฉินกงเม้มปากและลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ "เจินเจินพักผ่อนให้ดีนะ ชายชุดดำไว้เป็นหน้าที่ผมเอง”

 

เย่เจินเจินกลั้นยิ้ม “งั้น…ขอบคุณมากนะคะ”

 

“ด้วยความยินดีครับ!” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินกง ตอนแรกเขาตั้งใจจะก้มศีรษะไปจูบเธอ แต่การจ้องมองของหมอจื่อเหมือนเข็มทิ่มหลังเขาอยู่

 

หลังจากฉินกงจากไป ซุนเฉียนก็เดินถือซุปไก่เข้ามา หมอจื่อให้คำอธิบายเดียวกับที่เขาให้กับฉินกงและขอให้เธอออกไป ซุนเฉียนวางซุปไก่และเดินไปที่ประตูสามก้าว ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปมองเย่เจินเจินทำราวกับว่าเธอถูกส่งไปยังที่ห่างไกลมากๆ

 

เย่เจินเจินกลืนยาและภายใต้การดูแลของจื่อเจ๋อหยวน เธอดึงผ้าคลุมขึ้นและเข้านอน เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของยาหรือการจ้องมองของเขาที่มองเธออย่างทะลุปรุโปร่ง คราวนี้เย่เจินเจินหลับไปอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อจื่อเจ๋อหยวนเห็นเธอหลับไปแล้ว เขาก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาและยื่นให้พยาบาลแล้วสั่งว่า “อย่าปลุกเธอ รอจนกว่าเธอจะตื่นขึ้นมาเอง และอีกอย่างเก็บของพวกนี้ที่เกี่ยวข้องกับคดีให้ไกลจากเธอเท่าที่จะเป็นไปได้”

 

“เข้าใจแล้วค่ะหมอจื่อ” พยาบาลพยักหน้าเห็นด้วยกับคำสั่งของเขาอย่างรู้สึกผิด จื่อเจ๋อหยวนไม่ได้พูดอะไรอีกและออกจากห้องไป พยาบาลห่มผ้าห่มอีกผืนให้เย่เจินเจินก่อนที่เธอจะเดินจากไปเช่นกัน

 

ครั้งนี้เย่เจินเจินหลับสนิท เธอตื่นเร็วขึ้นเล็กน้อยพอดีกับที่พยาบาลกำลังจะเอาอาหารกลางวันมาให้เธอ หลังจากที่เย่เจินเจินทานอาหารเสร็จแล้ว เธอก็อยากออกไปรับแสงแดดอีกครั้ง

 

รถเข็นที่เธอใช้ก่อนหน้านี้ยังคงอยู่ในห้องของเธอ เย่เจินเจินเหลือบมองไปที่นางพยาบาลขณะที่เธอจัดชามและตะเกียบแล้วถามว่า "คุณพยาบาลหลิว ฉันขอรบกวนคุณเข็นฉันออกไปข้างนอกเพื่อรับแสงแดดได้ไหมคะ?"

 

“ได้สิคะ คุณเย่กรุณารอสักครู่นะคะ” พยาบาลยิ้มให้เธอก่อนจะถือถาดอาหารบนโต๊ะออกไป เย่เจินเจินเอนหลังพิงหมอนนุ่มของเธอหลับตาลงอย่างสบายๆ

 

ไม่นานหลังจากนั้นเสียงฝีเท้าดังขึ้น เย่เจินเจินเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าใครเข้ามา สีหน้าของเธอแข็งกระด้าง “หมอ หมอจื่อ?”

 

เธอพบว่าออร่าของหมอจื่อนั้นน่ากลัวเป็นพิเศษเหมือนกับครูประจำชั้นในโรงเรียนประถม แม้ว่าเธอจะจำไม่ได้ว่าใครเป็นครูประจำชั้นของโรงเรียนประถม แต่เธอก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นแบบนี้

 

จื่อเจ๋อหยวนพยักหน้าทักทายเธอ “พยาบาลหลิวยังไม่กินข้าว ผมเลยจะพาคุณออกไปเอง”

 

“โอเคค่ะ ดีค่ะ”

 

เมื่อพวกเขาลงไปที่สวนในเวลาต่อมา เย่เจินเจินก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองไม่ให้ถามชายที่อยู่ข้างหลังเธอว่า "หมอจื่อ คุณกินข้าวหรือยังคะ?”

 

จื่อเจ๋อหยวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยว่า “กินแล้ว”

 

คิ้วของเย่เจินเจินย่นเข้าหากัน ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเขาโกหก? "กินแล้วจริงๆเหรอคะ?"

 

“ครับ”

 

ก็ได้ เย่เจินเจินไม่พูดอะไรต่อ หมอจื่อมองมาที่เธอแล้วถามว่า “วันนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”

 

เย่เจินเจินกล่าวว่า “ได้งีบหลับทำให้ฉันรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากค่ะ โอ้ ใช่แล้ว หมอจื่อคะ รอยสีม่วงบนร่างกายฉันจะหายไปเมื่อไหร่?”

 

จื่อเจ๋อหยวนตอบว่า “ผ่านไปหลายวันมันจะจางไปเอง ไม่ต้องห่วง”

 

หญิงชราคนหนึ่งถือถุงผลไม้เดินผ่านพวกเขาสองคนและได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เธอมองพวกเขาด้วยใบหน้าค่อนข้างซับซ้อนก่อนจะส่ายหัวและพึมพำเบาๆกับตัวเองว่า "ศีลธรรมของประชาชนกำลังเสื่อมโทรมในแต่ละวันที่ผ่านไป”

 

เย่เจินเจิน "..."

 

จื่อเจ๋อหยวน: "..."

 

เขาเม้มริมฝีปากและพูดว่า “ผมกำลังพูดถึงรอยฟกช้ำ”

 

เย่เจินเจินพยักหน้า “ฉันก็พูดถึงรอยฟกช้ำเหมือนกัน”

 

…แล้วในสมองของหญิงชราคิดอะไรอยู่?

 

การแสดงออกของเย่เจินเจินดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย เธอกำลังครุ่นคิดถึงหัวข้ออื่นเพื่อพูดคุยกับเขา ทันใดนั้นตำรวจสองคนที่มาในวันก่อนก็เดินตรงเข้ามาหา

 

โจวอี้และหลี่ซินหลัน ทั้งคู่สวมชุดไปรเวทในวันนี้ ดังนั้นการไปโรงพยาบาลในวันนี้จึงไม่ทำให้คนไข้ต้องแตกตื่น โจวอี้สบตาจื่อเจ๋อหยวนและเย่เจินเจิน เขาหัวเราะเบาๆพูดว่า "ดูเหมือนว่าคุณทั้งคู่จะอารมณ์ดีทีเดียว"

 

จื่อเจ๋อหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่แยแสว่า "แสงแดดช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟู"

 

โจวอี้ไม่ออกความคิดเห็น เขาเพียงพยักหน้ารับ เย่เจินเจินยิ้มให้เขา “เจ้าหน้าที่โจว คุณกินข้าวรึยังคะ?” มาโรงพยาบาลบ่อยๆเพื่อสอบปากคำ สุขภาพของเขาอาจแย่ไปด้วย

 

ราวกับว่าเขาสามารถอ่านความคิดของเย่เจินเจินได้ ริมฝีปากของโจวอี้ก็ยกขึ้นยิ้ม เขาพูดว่า "วันนี้ผมไม่ได้มาเพื่อสอบปาก"

 

เย่เจินเจินกระพริบตา เธอกำลังจะอ้าปากพูด จื่อเจ๋อหยวนก็ถามเธอก่อนว่า “คุณชอบถามคนอื่นว่ากินข้าวรึยังเหรอ?”

 

คำพูดนี้มุ่งเป้าไปที่เธออย่างชัดเจน เย่เจินเจินเหม่อไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะตอบว่า "ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ตัวอย่างเช่น ฉินกง ฉันอยากจะถามเขาว่าเขาได้กินยาของเขาไหม"

 

จื่อเจ๋อหยวน "..."

 

โจวอี้กระแอมและมองเย่เจินเจิน “พูดถึงฉินกง คุณคิดยังไงกับเขา?”

 

เมื่อเขาไม่ได้สวมเครื่องแบบตำรวจ โจวอี้ก็ดูเป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน แม้ว่าการจ้องมองของเขายังคมเหมือนกระบี่ แต่เสียงหัวเราะของเขาก็อ่อนโยนลงมาก

 

“เจ้าหน้าที่โจว ไหนคุณบอกว่าไม่ได้มาสอบปากคำคะ?”

 

โจวอี้ยิ้ม “ถือซะว่านี่เป็นการพูดคุยกันเล็กๆน้อยๆ”

 

เย่เจินเจิน "..."

 

เธอไม่เต็มใจที่จะสนทนากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับเรื่องไม่สำคัญ

 

“หมอจื่อ!” ทันใดนั้นเสียงที่ดังและแหลมสูงแบบเด็กก็ดังขึ้นจากอีกฟากของถนน เย่เจินเจินเหลือบมองไปด้านข้าง เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆวิ่งมาอย่างรวดเร็ว กระโปรงของเธอกระพือปีกรอบตัวเธอ

 

“หรงหรง อย่าวิ่งเร็ว!” เสียงผู้หญิงดังตามหลังเด็กหญิง แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ เด็กหญิงผู้มีนามว่าหรงหรงก็วิ่งไปหาจื่อเจ๋อหยวนแล้ว

 

เด็กหญิงวิ่งมาถึงเกาะขาจื่อเจ๋อหยวน รอยยิ้มหวานระบายบนใบหน้า “พี่ใหญ่ อุ้ม”

 

“หรงหรง อย่าเสียมารยาท” ในที่สุดเธอก็วิ่งตามทัน มองจื่อเจ๋อหยวนอย่างขออภัย “ขอโทษนะคะคุณหมอ หรงหรงถูกพวกเราตามใจจนนิสัยเสีย”

 

จื่อเจ๋อหยวนส่ายหน้าไม่ถือสา “คุณมาเยี่ยมคุณปู่ซูหรอครับ?”

 

“ค่ะ หรงหรงอยากมาก็เลยสร้างปัญหาให้” หญิงสาวยิ้ม ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้ว่าทำไมเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ถึงมีพลังมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า...เธอไม่ได้รอคอยที่จะได้พบกับปู่ของเธอ แต่เธออยากพบหมอจื่อต่างหาก

 

หรงหรงเห็นว่าหมอจื่อกำลังเข็นรถเข็นคนไข้ เธอจึงเอียงคอจ้องเย่เจินเจิน เย่เจินเจินยิ้มอย่างแผ่วเบาให้กับเด็กหญิง และรอยยิ้มของหรงหรงก็ขยายกว้างขึ้นทันที "สวัสดีค่ะคุณป้า ~"

 

เย่เจินเจิน "..."

 

"คุณป้าเป็นคนป่วยหรอคะ?"

 

เย่เจินเจิน "..."

 

ทำไมหมอจื่อเป็นพี่ชายแต่เธอเป็นป้าล่ะ? ทำไม!!!

 

หญิงสาวดึงหรงหรงออกไปและกล่าวขอโทษเย่เจินเจิน “หรงหรงยังไม่รู้จักความ คุณอย่าถือสาเลยค่ะ”

 

เย่เจินเจินหัวเราะเบาๆ ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นเดินจากไปพร้อมกับหรงหรง หลี่ซินหรันเฝ้าดูคู่แม่ลูกเดินห่างออกไปพลางครุ่นคิด “หมอจื่อดังเหมือนกันนะ”

 

จื่อเจ๋อหยวนไม่ตอบกลับ แต่คาดไม่ถึงเย่เจินเจินจะพูดว่า “หมอจื่อ ฉันได้ยินมาว่าคุณ 26 ปีนี้เหรอคะ?”

 

จื่อเจ๋อหยวนพยักหน้า “อืม”

 

เย่เจินเจินพูดว่า “ปีนี้ฉัน 21”

 

จื่อเจ๋อหยวนคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดกับเธอว่า “ผมเชื่อว่าหรงหรงยังเด็กเกินไปที่จะแยกความแตกต่างระหว่างเพศและอายุได้”

 

“คุณหมายความว่ายังไง?”

 

“ผู้ชายทุกคนคือพี่ชาย ผู้หญิงทุกคนคือป้า”

 

เย่เจินเจิน "..."

 

เธอรู้สึกว่าเกณฑ์นี้มีช่องว่างสำหรับการปรับปรุง ตัวอย่างเช่นผู้ชายหล่อและผู้ชายไม่หล่อ

 

ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คาดหวัง หลี่ซินหรันก็มองเห็นแสงสว่าง “เหมือนกับว่าผู้ชายทุกคนถูกเรียกว่าอาจารย์ในอดีต?”

 

เย่เจินเจินบ้ปาก "แม้ว่าจะเป็นในอดีต ผู้ชายทุกคนก็ไม่สามารถเรียกว่าอาจารย์ได้" เธอเหลือบมองไปที่จื่อเจ๋อหยวนจากนั้นก็โจวอี้ "แม้ว่าทั้งสองคนอาจเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ แต่สำหรับคนอย่างคุณ ปกติแล้วคุณจะถูกเรียกว่าฮีโร่หรือไม่ก็นักรบ”

 

หลี่ซินหรัน "..."

 

เขาหันหน้าไปมองโจวอี้ด้วยสายตาที่มีความหมายและไร้เดียงสา “หัวหน้า นี่ถือเป็นการดูถูกตำรวจได้ไหม?

 

โจวอี้ส่ายหน้า “ฉันคิด่าคำพูดเธอมีเหตุผล”

 

หลี่ซินหรัน "..."

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า