Your Wishlist

จางหลี่จิ้ง (สิบเก้าปีก่อน)

Author: ชาเขียวuมสด

งื้ออออ...กินก็ยังไม่อิ่ม..เงินอั่งเปาก็ไม่ทันได้ใช้ ต้องมาตายเพราะขนมเข่งติดคอ เวรกรรมจริงๆน่านเอ้ย

จำนวนตอน :

สิบเก้าปีก่อน

  • 29/10/2564

หลี่จิ้งเหมือนจะนึกบางอย่างได้จึงอุทานออกมาเสียงดัง

เฮ้ยยย!!

“ตายแน่ๆ นี่เขาเผลอทิ้งไป๋อี้เทียนไว้ที่โรงเตี๊ยมนี่หว่า” หวังว่าเขาคงไม่โกรธข้านะ แต่ช่างเถอะไว้ค่อยเลี้ยงขนมเป็นการขอโทษทีหลังก็แล้วกัน ‘กลับบ้านดีกว่าชักจะหิวแล้วสิ’

ครึ่งชั่วยามต่อมา

หลี่จิ้งได้เดินกลับมาถึง จึงได้เดินเลยเข้าไปในครัวหมายจะทำอาหารสักอย่างสองอย่างเพื่อคลายความหิว แค่เขาก้าวเท้าเหยียบย่างเข้าไปในครัว เลือดจำนวนหนึ่งมาจากไหนไม่รู้สาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนเต็มหน้าไปหมด

ทั้งเข้าจมูกและปาก เขากำลังจะอ้าปากโวยวายก็ต้องเป็นอันหยุดนิ่ง เมื่อภาพตรงหน้าที่เขาเห็นนั้นช่างเป็นอะไรที่น่าขบขัน จะไม่ให้เขาขบขันได้ยังไงเมื่อคนตัวโต

กำลังใช้มีดด้ามใหญ่เชือดคอไก่แทนที่ไก่จะตายกลายเป็นว่าไก่วิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้สภาพห้องครัวและคนที่เขาเห็นนั้นเต็มไปด้วยเลือดไก่และขนของมัน

“นี่เจ้าจะทำลายห้องครัวข้าหรือไงหยางเฟย” หลี่จิ้งอยากจะขำคนตรงหน้าใจแทบขาดแต่ก็ต้องแสร้งตีหน้าซื่อไว้ พร้อมกับเอ่ยทักท้วงออกไปเสียงดัง เป็นเหตุให้คนที่กำลังวิ่งไล่จับไก่ตกใจสะดุ้งปล่อยมีดในมือร่วงหล่นลงพื้น

เคล้งงงง~

เฟยหยางเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แค่พริบตาเดียวก็กลับมามีสีหน้าเรียบนิ่ง ยกมือยกไม้ทำท่าปัดขนไก่ทำความสะอาดชุด ราวกับว่าชุดที่ใส่นั้นมีฝุ่นเกาะ ทั้งยังเดินไปที่โต๊ะพร้อมยกถ้วยน้ำชาขึ้นมานั่งจิบเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดทั้งสิ้น

‘โถ ๆ ๆ พ่อคุณ หลี่จิ้งผู้นี้เห็นหมดทุกอย่างตั้งนานแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า’ น่าเอ็นดูจริง ๆ ผู้ชายอะไรลับตาคนชอบทำเหมือนเด็กห้าขวบ แต่พออยู่ต่อหน้าผู้อื่นก็กลายเป็นอีกคนที่นิ่งขรึมขึ้นมาซะงั้น

เอ๊ะ!!

สายตาหลี่จิ้งไปสะดุดเข้ากับขนไก่ที่ติดอยู่บนผมของอีกฝ่าย จึงได้ยื่นมือออกไปหยิบ ทว่าไม่ทันได้ชักมือกลับอีกฝ่ายกลับตวัดมือขึ้นมาจับพร้อมใส่แรงบีบลงไปที่ข้อมือของเขา จนต้องนิ่วหน้าเบ๊ปากเพราะความเจ็บปวด

“เจ้าจะทำอะไร” ด้วยสัญชาตญาณที่ต้องระวังตัวจากการโดนลอบฆ่าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด จนหลี่จิ้งเองยังต้องแปลกใจ

“ขะ...ข้าเจ็บ เจ้าปล่อยมือข้านะ” เมื่อคนตรงหน้าโวยวายเสียงดังเฟยหยางถึงจะได้สติขึ้นมาก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือ ด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้คนตรงหน้าเจ็บเพราะตัวเขาเอง

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ยิ่งเห็นรอยแดงบนข้อมือของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น

“ข้าไม่เป็นไร” ดูท่าคนตรงหน้ายังไม่หายรู้สึกผิด หลี่จิ้งจึงได้เปลี่ยนเรื่องคุย

“ว่าแต่...เจ้าเข้ามาทำอะไรในครัว ไหนจะไก่ตัวนั้นอีก หึหึหึ” เมื่อเห็นสภาพไก่ตัวนั้นแล้วก็น่าเวทนานัก จะตายก็ตายไม่สุด คนเชือดคอไก่นี่ก็กระไร เชือดยังไงไก่ถึงไม่ตาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า

“ก็เจ้านะสิ หายไปไหนมาเสียตั้งนาน ทิ้งให้ข้าอยู่คนเดียวครึ่งค่อนวัน” แหม่!! ได้ทีเอาใหญ่เลยนะพ่อคุณ เหอะ

“เอาเถอะๆ ข้าผิดเองที่ทิ้งเจ้าไว้คนเดียว แล้วออกไปตลาดจนเจอกับไป๋อี้เทียน” ได้ยินแบบนั้นเฟยหยางก็เผลอยกยิ้มขึ้นมุมปาก ชั่วน้ำชาเดือดรอยยิ้มนั้นก็หายไป เมื่อได้ยินประโยคหลังที่อีกฝ่ายพูดออกมา

“เจ้าอี้เทียนมาทำอะไรที่นี่กัน” หยางเฟยได้แต่บ่นงึมงำอยู่คนเดียว เมื่อรู้ว่าสหายอีกคนของตนนั้นได้มาอยู่ที่นี่

“เจ้าว่าอะไรนะเฟยหยาง ข้าได้ยินไม่ชัด”

“อ้อ ข้าเพียงแค่หิวเฉยๆ”

“อืม รอหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะทำอะไรมาให้กินเพราะข้าเองก็หิวแล้วเช่นกัน ส่วนเจ้าก็ไปเก็บกวาดทำความสะอาดซะ”

“เฮ้อ ก็ได้ๆ” เพราะเจ้าแท้ๆ เจ้าไก่โง่ คอยดูเถอะข้าจะกินเจ้าไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูกเลย โทษฐานทำให้ข้าโดนหลี่จิ้งดุ (เจ้าไก่ผู้น่าสงสาร : ข้าผิดอะไรเจ้ามนุษย์ T-T)

 

 

ย้อนไปสิบเก้าปีก่อน

เมืองเยี่ยน

ได้มีผู้นำของสามตระกูลใหญ่ ร่วมดื่มเหล้าสาบานเป็นพี่น้องกัน นามของผู้นำแต่ละคนนั้นชื่อว่า จางหลิวเหว่ย ผู้นำตระกูลจาง กู้หลิงหลิว ผู้นำตระกูลกู้ เวินหลี่เฉียง ผู้นำตระกูลเวิน ชื่อเสียงของทั้งสามโด่งดังไปทั่วยุทธภพ

เวินหลี่เฉียงเปรียบเสมือนพี่ใหญ่ของทั้งสอง พี่รองก็เป็นจางหลิวเหว่ย ส่วนน้องเล็กคือกู้หลิ่งหลิว ทั้งสามต่างช่วยเหลือดูแลกันมาตลอด

 

ก่อนคืนเกิดเหตุ

"เร็วเข้า เร็วเข้า ฮูหยินจะคลอดแล้ว"

"ไปตามนายท่านเร็ว" ชั่วน้ำชาเดือดก็ได้ไปถึงผู้เป็นนาย

"เรียนนายท่าน ตอนนี้ฮูหยินกำลังจะคลอด อยู่ที่เรือนปีกซ้ายขอรับ" หลิวเหว่ยไม่รอช้า ผุดลุกขึ้นรีบเดินออกไป

ผู้คนในตระกูลจางตอนนี้วิ่งวุ่นไปทั่ว ได้มีเสียงกรีดร้องของฟางลี่หรือฮูหยินจางดังลั่นไปทั่วตระกูล ภายในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสุขและความเจ็บปวดจากการเบ่งท้องคลอด ใบหน้าสวยซีดเซียวชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“เบ่งเจ้าคะ ฮูหยิน ออกแรงอีกนิด”

“ข้าก็ออกแรงอยู่นี่ไง ข้าจะไม่ไหวแล้ว”

"โอ๊ย!! เจ็บ ข้าเจ็บ เจ้าลูกไม่รักดีรีบๆ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ" นางสูดหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนใช้แรงเฮือกสุดท้ายเบ่งออกมาสุดชีวิต

"อื้อออออออออออ!! กรี๊ดดดดดดดดดดดด!! "

"อุแว้ อุแว้ อุแว้" เป็นช่วงวินาทีที่หลิวเหว่ยมาถึงหน้าห้อง ก็ได้ยินเสียงร้องใสดุจระฆังแก้ว ความดีใจปลื้มปีติของการได้บิดาเต็มตัว บัดนี้กลายเป็นน้ำใสๆ ที่เอ่อล้นไหลลงมาแทน ฟางลี่เองหลังจากที่คลอดออกมาก็ได้สลบไปด้วยความอ่อนเพลียและอ่อนแรง

“เป็นคุณชายเจ้าค่ะ ยินดีด้วยนะเจ้าคะนายท่านจาง” จึงยื่นคุณชายน้อยไปให้ผู้เป็นบิดาอุ้ม

“นะ...นี่ข้าได้บุตรชายเช่นนั้นหรือ?” หลิวเหว่ยไม่รอช้ารีบยื่นมือออกไปรับบุตรชายตัวน้อยเข้ามาแนบอกอุ่นของตนเองไว้ เพียงหวังว่าความอบอุ่นเหล่านี้จะส่งไปถึงบุตรชาย

“เจ้าค่ะ”

“แล้วฮูหยินเล่า ไยถึงเงียบเสียงไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับนาง”

“นางแค่สลบไปเท่านั้น อีกสักครึ่งชั่วยามนางคงฟื้น”

“พวกเจ้าดูแลฮูหยินให้ดี หรูซื่อตกรางวัลท่านหมอด้วย” เมื่อสั่งความเสร็จก็อุ้มบุตรเดินออกไปโดยไม่สนผู้ใดอีกเลย หรูซื่อเมื่อเห็นผู้เป็นนายเดินออกไปแล้วก็หันกลับมาพูดกับท่านหมอต่อ

“ขอรับ เชิญท่านหมอทางนี้”

 

จนกระทั่งคืนหนึ่งในเดือนมืด ทุกอย่างเงียบสงบกว่าทุกคืนที่ผ่านมา แม้แต่ชาวบ้านผู้สัญจรไปมากลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆ กลับมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับหนึ่งในสามตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจาง

 

บ้านตระกูลจาง

ค่ำคืนที่เงียบสงบ บัดนี้ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ เสียงบ่าวชายคนหนึ่งได้วิ่งตะโกนไปทั่วตระกูล สิ้นเสียงตะโกนโวยวาย ไม่นานก็เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งบ้านตระกูลจาง บ่าวชายหญิงวิ่งวุ่นให้จ้าละหวั่น บ้างก็วิ่งไปหาถังเพื่อตักน้ำไปดับไฟ

“ไฟไหม้ ไฟไหม้”

“หาน้ำมาดับไฟเร็ว”

“กรี๊ดดดดด~ ไฟไหม้”

“ไปเรียนนายท่านเร็วเข้า” บ่าวหญิงรับใช้รีบวิ่งออกไปเพื่อไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นตามคำสั่งที่รับได้รับมาจากหัวหน้าพ่อบ้าน ทว่าน่าสงสารไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น

“กรี๊ดดดด~”

ฉ๊วะ~

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า