ตอนที่ 59: แผนการของกู้หนิง
โจวเจิ้งหงไม่อยากทะเลาะกับเชาถิงต่อหน้าสาธารณะชน นอกจากนี้เขาไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย ดังนั้นโจวเจิ้งหงจึงข่มความโกรธเอาไว้และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ใช่เรื่องของนาย เชาผิง ดูแลตัวเองให้ดีเถอะเผื่อมีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว”
“ฉันไม่กลัวหรอก! ใครจะสนคนคำพูดของคนขี้แพ้ โจวเจิ้งหงนายมีปัญญาพอซื้อหินสักก้อนหรือเปล่า? ถ้าไม่มี ฉันให้ยืมได้นะ” เชาผิงจงใจพูดให้โจวเจิ้งหงอับอาย
“ใครพูดว่าไม่มีปัญญาซื้อ! ลุงโจวมาที่เค้าเตอร์เถอะค่ะ” กู้หนิงเดินเข้าไปหาและดึงโจวเจิ้งหงให้ถอยออกมาก่อนจะมีเรื่อง
“เธอ...” โจวเจิ้งหงประหลาดใจ เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนี้จะมีแรงมากขนาดนี้
เขาเข้าใจถึงเจตนาของเธอที่ต้องการช่วยเขา แต่เขาไม่มีเงินพอจะซื้อก้อนหิน
เชาผิงไม่รู้ว่าโจวเจิ้งหงอยู่กับเด็กสาว เขาหัวเสียเล็กน้อย แต่ยังอยากรู้ว่าโจวเจิ้งหงได้หินอะไรไป
“สาวน้อย ฉันไม่ซื้อหรอกนะ” โจวเจิ้งหงกระอักกระอ่วนใจ
“คุณโจว ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกว่าหินก้อนนี้นั้นดี แต่คุณยังกังวลอยู่ ความจริงแล้วฉันก็เล็งหินก้อนนี้อยู่เหมือนกัน เอาอย่างนี้ดีไหมคะ เราจ่ายกันคนละครึ่ง ถ้ามันมีหยกข้างใน เราก็ขายแล้วแบ่งเงินกัน ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็จะสูญเงินทั้งหมด” กู้หนิงรู้ว่าโจวเจิ้งหงชอบหินก้อนนี้เหมือนกัน แต่เขาไม่มีเงิน เขาจึงลังเล
ถ้าโจวเจิ้งหงต้องการจะซื้อหินก้อนนี้เอง กู้หนิงคงไม่สามารถแย่งจากเขาได้ เธอทำได้เพียงแค่รอให้เขาวางมันลงกลับที่เดิม
แต่กู้หนิงมีแผนของเธอเอง เธอเข้าหาโจวเจิ้งหงเพื่อเหตุผลบางอย่าง
“ก็ได้” โจวเจิ้งหงเปลี่ยนความคิด เขาไม่กล้าที่จะเสี่ยงแต่ก็ชอบหินก้อนนี้มากจริงๆ ดังนั้นเขาจึงลังเล ถ้ามีคนเสนอจะขอจ่ายร่วมกับเขา เขาก็อยากจะลองดู
แต่กับเด็กสาวคนนี้ โจวเจิ้งหงคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องเสี่ยงไปกับเขา เขาไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากเธอ
“สาวน้อย ถ้าหากมันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา เธอก็จะเสียเงินเหมือนกัน” โจวเจิ้งหงกล่าว
“ฉันรู้ค่ะ แต่ถ้าหากมันมีหยก ฉันก็จะได้เงินเหมือนกัน! ก็มันเป็นการพนันนี่คะ” กู้หนิงตอบ
โจวเจิ้งหงลังเลสักพัก จากนั้นก็ตอบตกลง
หินก้อนนี้หนักประมาณหกปอนด์ ราคาต่อปอนด์คือหนึ่งหมื่นหยวน ดังนั้นราคารวมของมันอยู่ที่หกหมื่นหยวน
คนซื้อก้อนหินดิบจำเป็นต้องเซ็นชื่อในเอกสาร ในเมื่อพวกเขาซื้อด้วยกันจึงลงชื่อพวกเขาทั้งคู่
หลังจากเซ็นชื่อและจ่ายเงิน กู้หนิงก็พาโจวเจิ้งหงเอาก้อนหินไปตัด ระหว่างเดินกู้หนิงก็เข็นรถเข็นของเธอไปด้วย โจวเจิ้งหงประหลาดใจ
“นี่ของเธอหมดเลยหรอ?”
“ค่ะ” กู้หนิงตอบ
เด็กสาวคนนี้ต้องมาจากครอบครัวคนรวยแน่! ในเมื่อเธอเป็นเด็กรวย โจวเจิ้งหงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เชาผิงยืนมองดูโจวเจิ้งหงอยู่ไกลๆ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าโจวเจิ้งหงและกู้หนิงซื้อก้อนหินด้วยกัน
นอกจากนี้กู้หนิงเป็นเพียงเด็กสาววัยรุ่น เชาผิงไม่เชื่อว่ากู้หนิงจะซื้อมัน เขาคิดว่าต้องเป็นโจวเจิ้งหงเป็นคนซื้อคนเดียว
เขารู้ว่าถึงแม้โจวเจิ้งหงจะล้มละลาย แต่เขาก็ไม่ได้ขัดสนและอาจจะมีกำลังพอซื้อหินก้อนนั้นได้
แต่เมื่อเชาผิงสังเกตเห็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยก้อนหินที่กู้หนิงเป็นคนเข็น เขาก็ตื่นตะลึง
โจวเจิ้งหงสามารถซื้อหินพวกนั้นทั้งหมดได้ยังไง? ราคาพวกมันอย่างน้อยก็ร่วมหลักล้านแล้ว!
เชาถิงเดินตรงเข้ามาหา “โจวเจิ้งหง นายมีปัญญาซื้อหินพวกนี้ทั้งหมดเหรอ?”
โจวเจิ้งหงไม่อยากเสวนากับเชาผิง แต่เขาไม่อยากให้มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงอธิบายว่า “ก้อนหินพวกนี้ไม่ใช่ของฉัน”
ได้ยินดังนั้น เชาผิงก็โล่งอก จากนั้นก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ก็แหงล่ะ ฉันลืมไปเลยว่านายจน คงไม่มีปัญญาซื้อหินพวกนี้ได้”
แต่ถ้าหินพวกนี้ไม่ใช่ของโจวเจิ้งหง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นของเด็กสาวคนนี้
ใครกันที่สามารถซื้อหินพวกนี้ได้ในครั้งเดียว? แสดงว่าเด็กสาวคนนี้ต้องเป็นคนรวยแน่นอน เชาผิงคิด แล้วเธอเกี่ยวข้องอะไรกับโจวเจิ้งหง?
ไม่สำคัญว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับเขายังไง เชาผิงก็อิจฉาไปเรียบร้อยแล้ว
เขากังวลว่าจะมีคนมาช่วยโจวเจิ้งหงเริ่มต้นทำธุรกิจอีกครั้ง ซึ่งอาจจะกระทบถึงเขา เขาทำหลายสิ่งหลายอย่างกว่าจะโค่นโจวเจิ้งหงลงจากตำแหน่งได้
โจวเจิ้งหงเพียงปรายสายตาเย็นชามองเขา จากนั้นก็เดินตรงไปที่เครื่องตัดหิน
“มาดูกันสิว่าแกจะได้อะไร” เชาถิงเดินตามมา
ตราบใดที่มีคนตัดหินออกดู คนในร้านก็จะมารวมตัวเพื่อรอลุ้น
ถึงจะมีเครื่องตัดหินอยู่ไม่กี่ตัว กู้หนิงก็ไม่รีบร้อน หลังจากลงเส้นตัด คนงานก็เริ่มตัด
หลังจากตัด แสงสีเขียวก็เผยให้เห็น คนงานส่งเสียงขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“หยกเขียว!”
คนในร้านก็พากันตื่นเต้นเช่นกัน แต่คนที่ตื่นเต้นมากที่สุดเห็นจะเป็นโจวเจิ้งหง
หยกเขียว! มีหยกเขียวอยู่ข้างใน
ในขณะเดียวกันเชาผิงก็อารมณ์เสีย แววตาของเขาเผยความชั่วร้ายออกมา เขาวางแผนอย่างหนักเพื่อให้โจวเจิ้งหงล้มละลาย เขาจะล้มเหลวอย่างนั้นเหรอ?
ไม่ ไม่มีทาง....
ไม่นานหยกสีเขียวเท่ากำปั้นคนก็ถูกผ่าเอาออกมา สีของมันเขียวบริสุทธิ์ ประเภทของมันคือดอกชบา
ประเภทดอกชบาอย่กึ่งกลางระหว่างประเภทข้าวเหนียวและน้ำแข็ง จัดว่ามีคุณภาพและมีมูลค่าสูง
เมื่อหยกถูกเอาออกมา ผู้คนก็เริ่มประมูล
“ห้าล้านหยวน”
“หกล้านหยวน”
“สิบแปดล้านหยวน”
ในที่สุดหยกดอกชบาก็ถูกประมูลในราคาที่สูงลิบลิ่ว สิบแปดล้านหยวน ไม่มีใครตื่นเต้นไปมากกว่าโจวเจิ้งหงแล้ว ในที่สุดเขาก็มีเงิน!
“คุณหนูกู้” โจวเจิ้งหงเดินเข้าไปหากู้หนิงเพื่อพูดคุยเรื่องเงิน
“ลุงสามารถเก็บเงินทั้งหมดไว้ในบัญชีคุณลุงได้เลยค่ะ” กู้หนิงเอ่ย
ได้ยินแบบนั้นโจวเจิ้งหงก็ยืนนิ่งเป็นคนโง่ “เธอไม่กลัวว่าฉันจะเอาเงินไปหมดแล้วหนีไปเหรอ?”
“ฉันไว้ใจลุง” เธอไม่ได้ไว้ใจโจวเจิ้งหงจริงๆหรอก เธอเพียงแต่อยากจะทดสอบถ้าเขาวิ่งหนี ก็ถือว่าเธอตัดสินใจพลาด ถ้าเขาไม่หนี เขาก็ผ่านการทดสอบ
ด้วยเงินก้อนนี้ คงไม่ยากสำหรับโจวเจิ้งหงที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่อีกครั้ง เขารู้ว่าควรจะเลือกอะไร
เขารู้สึกว่าได้รับความเชื่อใจ โจวเจิ้งหงซาบซึ้งใจยิ่งนัก เขาเป็นคนซื่อตรง
ตอนที่ 60: เดิมพัน
ถ้าหากเขาเป็นคนร้าย เขาคงคิดว่ากู้หนิงโง่มากที่ไว้ใจคนแปลกหน้า โจวเจิ้งหงเซ็นสัญญา และเชาผิงก็ได้จากไปแล้ว
กู้หนิงวางแผนจะตัดก้อนหินต่อ เมื่อฉินอี้ฟานและเพื่อนของเขาเดินเข้ามาหาเธอ
ทั้งฉินอี้ฟานและลี่เจินเจินก็มีรถเข็นของตัวเอง ในรถเข็นของฉินอี้ฟานมีหินสองก้อน ในขณะที่ลี่เจินเจินมีสามก้อน
เมื่อเห็นก้อนหินในรถเข็นของกู้หนิง ฉินอี้ฟานและเพื่อนก็พากันตกใจ
พระเจ้า! เขาเลือกอยู่นานกว่าจะได้หินสองก้อน ส่วนกู้หนิงมีตั้งเจ็ดก้อน นี่เธอกำลังซื้อก้อนหินราคาแพงหรือผักถูกๆกันแน่?
ลี่เจินเจินประหลาดใจเช่นเดียวกัน จากนั้นก็เยาะเย้ยอยู่ในใจ แม้ว่ากู้หนิงจะมีเงินเยอะ เธอก็ไม่เห็นใครใช้จ่ายเงินสิ้นเปลืองแบบนี้มาก่อน
“กู้หนิง นี่คุณกำลังซื้อหินราคาแพงหรือกำลังเลือกซื้อผักราคาถูกกันแน่?” ฉินอี้ฟานถามอย่างสนใจ
“ฉันกำลังซื้อก้อนหินในราคาผักถูกๆยังไงล่ะ” กู้หนิงหัวเราะ เธอใช้ตาทิพย์ส่องดูก้อนหินในรถเข็นของพวกเขา
ฉินอี้ฟานมีหินขนาดใหญ่และเล็ก ก้อนที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดใหญ่กว่าลูกฟุบอล แต่น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงหินธรรมดา ส่วนก้อนที่เล็กกว่ามีขนาดครึ่งหนึ่งลูกฟุตบอล มีหยกอยู่ข้างในแต่ก็มีขนาดเล็กมากเท่ากำปั้นเด็กทารก
กู้หนิงดูจากความหนาแน่นของมวลพลังงานแล้วมันเป็นหยกระดับสูง แต่กู้หนิงไม่บอกพวกเขา เธอไม่ต้องการนำปัญหามาให้ตัวเอง
ส่วนลี่เจินเจิน เธอมีหินอยู่สามก้อน สองก้อนมีขนาดครึ่งหนึ่งของลูกฟุตบอล เป็นหินธรรมดา ส่วนอีกก้อนมีหยกระดับกลางอยู่ข้างใน
ก้อนสุดท้ายมีขนาดใหญ่กว่าลูกฟุตบอลเล้กน้อย แต่มีชั้นผิวสีเขียวบางๆข้างใน
“แน่ใจนะว่าจะซื้อพวกมันทั้งหมด?” ฉินอี้ฟานถามอย่างไม่แน่ใจ เขาตั้งใจให้กู้หนิงฉุกคิดเองว่าควรจะระวังไว้บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้บอกกับเธอตรงๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะมีหยกอยู่ข้างในจริงๆรึเปล่า
ถ้าเขาห้ามเธอ และมีหยกอยู่ข้างใน เขาอาจทำสิ่งที่ผิดพลาดได้ กู้อาจจะเกลียดเขาเพราะเรื่องนี้
“ฉันจ่ายเงินไปแล้ว” กู้หนิงเอ่ยตอบ
“อะไรนะ!? จ่ายเงินไปแล้ว?” ฉินอี้ฟานตกใจอีกครั้ง เขาไม่คิดว่ากู้หนิงจะรวดเร็วขนาดนี้
“จ่ายไปเท่าไหร่?” เขาถาม
“สี่ล้านห้าแสนหยวน” กู้หนิงตอบ เธอยังคงนิ่งเฉย ทำอย่างกับว่าเงินสี่ล้านห้าไม่มีความหมายสำหรับเธอ
แน่นอนว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าหินพวกนี้มีมูลค่ามากกว่าที่เธอจ่ายไป ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ซื้อหินทั้งเจ็ดก้อนด้วยเงินมหาศาลขนาดนี้
ถึงแม้ว่าเงินสี่ล้านห้าแสนหยวนจะไม่มีความหมายกับฉินอี้ฟานเช่นเดียวกัน แต่มันก็ยังมากเกินไปที่จะซื้อหินในครั้งเดียว
“คุณช่างปรนเปรอตัวเองจริงๆ” ฉินอี้ฟานไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก
“คุณกู้ คุณวางแผนจะตัดมันออกรึเปล่า? ฉันอยากรู้จังว่าจะมีหยกอยู่ข้างในกี่ก้อน” ลี่เจินเจินพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก ฉินอี้ฟานรู้สึกว่าเธอทำตัวหยาบคาย
“เจินเจิน การพนันหินก็ขึ้นอยู่กับโชคของคนด้วย แม้แต่คุณก็ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าหินทุกก้อนที่คุณใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญจะมีหยกอยู่ข้างในรึเปล่า ซงหัว ลายงูหลาย และมอสก็ไม่ได้บ่งบอกว่าจะมีหยกอยู่ข้างใน” ฉินอี้ฟานพูดเสียงดังฟังชัด
“ฉัน...” ลี่เจินเจินรู้สึกอับอาย เธอเห็นด้วยกับคำพูดของฉินอี้ฟาน แต่เธอหงุดหงิดที่เขาเข้าข้างกู้งหนิงแทนที่จะเป็นเธอ
ชายหนุ่มอีกคนที่เงียบมานาน เขาคือพี่ชายของลี่เจินเจิน เขาก็รู้สึกไม่พอใจที่ฉินอี้ฟานช่วยกู้หนิง
แต่สิ่งที่ฉินอี้ฟานพูดมานั้นไม่มีสิ่งไหนผิด ดังนั้นลี่เจินหยูจึงไม่อาจทำอะไรได้ เขาทำได้เพียงนิ่งเงียบ
“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าคุณลี่จะมั่นใจในความสามารถของตัวเอง ทำไมคุณไม่หยิบเอาของคุณขึ้นมาแข่งกับของฉันล่ะคะ?” กู้หนิงท้าทายลี่เจินเจิน
เธอไม่ต้องการเป็นตัวตลกของใคร
ผู้คนที่อยู่รายล้อมพวกเขาต่างหันมาจ้องที่พวกเขาเป็นจุดเดียว ไม่มีใครอยากพลาดการเดิมพันนี้
เมื่อถูกท้าทาย ลี่เจินเจินรับคำท้า
“ไม่มีปัญหา เธอสามารถเอาก้อนหินของเธอสามก้อนมาแข่งกับของฉันได้ ใครก็ตามที่มีหยกอยู่ข้างในมีมูลค่าสูงสุด คนนั้นเป็นคนชนะ ถ้าในหินไม่มีหยกอยู่สักก้อนถือว่าเสมอกัน” ลี่เจินเจินมั่นใจว่าหนึ่งในก้อนหินของเธอมีหยกอยู่แน่
ในขณะเดียวกัน เธอยังเชื่อว่ากู้หนิงไม่อาจตัดเอาหยกออกมาได้สักก้อน ถึงแม้เธอจะมีหยกก้อนเดียวก็เพียงพอที่จะเอาชนะ
“เอ่อ...” ฉินอี้ฟานลังเล พวกเขาคัดเลือกหินแต่ล่ะก้อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถึงกระนั้นพวกเขายังไม่มั่นใจว่าจะมีหยกอยู่ข้างใน แต่ก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะมี
ส่วนกู้หนิงเลือกหินโดยอาศัยแค่โชคช่วย
แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร กู้หนิงก็ยอมรับข้อตกลงไปเรียบร้อยแล้ว “ดีมาก แต่วางเงินเดิมพันด้วยสิ ไม่งั้นน่าเบื่อแย่”
“เท่าไหร่ล่ะ?” ลี่เจินเจินถาม เห็นได้ชัดว่าเธอเห็นด้วย
“สิบล้านหยวนเป็นไง?” กู้หนิงเอ่ย
“ได้!” ลี่เจินเจินตอบโดยไม่ลังเล
ลี่เจินเจินยอมรับเงื่อนไขของกู้หนิงอย่างไวไม่ใช่เพราะสิบล้านหยวนไม่มีค่าอะไรกับลี่เจินเจิน แน่นอนว่าเธอไม่มีเงินมากขนาดนั้น แต่เธอมั่นใจว่าเธอมีโอกาสเอาชนะมากกว่าพ่ายแพ้
ตอนนี้ดูเหมือนจะสายไปสำหรับฉินอี้ฟานที่จะหยุดพวกเขา คนหนึ่งก็เพื่อนเก่าอีกคนก็เพื่อนใหม่ เขาไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องพ่ายแพ้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่สวดอ้อนว้อน
ตั้งแต่เริ่มแรกจนทั้งคู่รับคำท้า ลี่เจินหยูไม่เอ่ยขัดพวกเขาแม้แต่คำเดียว เขาเองก็มั่นใจในตัวน้องสาว
ลี่เจินเจินสุ่มหยิบหินขึ้นมา กู้หนิงใช้ตาทิพย์สำรวจมัน มันเป็นหินธรรมดาดังนั้นกู้หนิงจึงเลือกหินธรรมดาด้วยเช่นกัน
ถึงแม้จะเป็นหินธรรมดา กู้หนิงก็ยังต้องจ่ายเงิน
มีเครื่องตัดอยู่สองเครื่อง หลังจากกู้หนิงและลี่เจินเจินจ่ายค่าตัดหิน คนงานก็เริ่มตัดหินออก
แม้ว่าลี่เจินเจินจะมั่นใจ เธอก็ยังจ้องหินของกู้หนิงอย่างสนใจ
หลังจากตัดไปรอบแรกก็ยังไม่เจออะไร รอบที่สองก็ยังไม่เจอ หลังจากรอบที่สามก็ยังเป็นหินเปล่าๆ
เมื่อเห็นว่าหินของกู้หนิงเป็นหินธรรมดา ลี่เจินเจินก็พลันโล่งอก แต่ของเธอก็เป็นหินธรรมดาเหมือนกันซึ่งในทำให้เธอผิดหวังเป็นอย่างมาก