ปกติกู้หนิงต้องถึงบ้านเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว กู้ม่านจึงเป็นห่วงเธอมาก
กู้หนิงเอ่ยปลอบแม่ของเธอทันที "แม่คะพอดีเพื่อนของหนูข้อเท้าแพลง หนูเลยต้องไปส่งที่บ้าน แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะกลับทันทีที่ส่งเพื่อนเรียบร้อยแล้ว"
เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากกู้หนิง กู้ม่านก็เบาใจลง เธอไว้ใจลูกสาว
"โอเคจ้ะ ระตัวด้วยนะ" กู้ม่านตอบ
"ค่ะแม่ แค่นี้ก่อนนะคะ" กู้หนิงถอนหายใจยาว
กู้หนิงไม่ทันสังเกตว่าคนที่อยู่ด้านหลังอารมณ์เสียและอิจฉานิดหน่อยขณะที่เธอคุยกับแม่ของเธอ
เฟิ่งหัวแมนชั่นเป็นสถานที่พักอาศัยที่หรูหราที่สุดในเมือง F มันอยู่ใกล้ตัวเมืองแต่เงียบสงบ มีทำเลที่ดีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ผู้คนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นเศรษฐีหรือไม่ก็ทำงานให้รัฐบาล
ลุงคนโตของกู้หนิง กู้ฉินเซียงมีความปรารถนาที่จะซื้อบ้านในเฟิ่งหัวแมนชั่นเหมือนกัน แต่มันแพงเกินไปสำหรับเขา
บ้านหนึ่งหลังราคาอย่างน้อยห้าหรือหกล้านหยวน
แม้กู้ฉินเซียงจะมีทรัพย์สินหลายล้าน เขาก็ยังไม่อาจซื้อบ้านในนี้ได้
ทรัพย์สินของกู้ฉินเซียงรวมถึงสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่สังหาริมทรัพย์ของเขามีเพียงประมาณแปดล้าน เขาต้องการเงินจำนวนมากในการบริหารบริษัทของเขา ถ้าเขาใช้เงินซื้อบ้าน บริษัทของเขาอาจล้มละลายได้
ตรงกันข้ามกับกู้หนิง เธอมีความคิดจะซื้อบ้านสำหรับครอบครัวของเธอ และครอบครัวของกู้ชิงในเฟิ่งหัวแมนชั่น
กู้หนิงมีทักษะการขับรถที่ยอดเยี่ยม เธอขับรถเร็วแต่มั่นคง
ยี่สิบนาทีต่อมาพวกเธอก็มาถึงเฟิ่งหัวแมนชั่น
ชายหนุ่มลงจากรถทันทีที่รถจอด
"ขับกลับไปไว้ที่เดิม ผมจะจัดการกับกล้องวงจรปิดเอง คุณไม่ต้องห่วง" พูดจบเขาก็เดินเข้าประตูไป
กู้หนิงไม่เก็บเอาท่าทีของเขามาใส่ใจ เธอรู้ว่ามันเป็นบุคลิกของเขา
อีกอย่างพวกเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน
จากนั้นกู้หนิงก็ขับรถกลับไปจุดเดิม
กู้หนิงใช้เวลายี่สิบนาที นักเลงสามคนนั้นได้อันตธานหายไปแล้ว
กู้หนิงไม่รู้ว่านักเลงพวกนั้นตื่นขึ้นเอง หรือมีใครบางคนมาพบแล้วโทรแจ้งตำรวจ พวกมันอาจถูกหามส่งโรงพยาบาลแล้วก็ได้
เมื่อคิดถึงคำพูดของเขาที่บอกว่าเธอจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอยากอยู่ให้ห่างกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เธอจอดรถทิ้งไว้แล้วรีบวิ่งกลับบ้าน
กู้หนิงมองเห็นกู้ม่านยืนรอเธออยู่ตรงถนนเข้าบ้าน ทันใดนั้นเธออยากจะร้องไห้ออกมา เธอวิ่งเข้าไปหา และร้องเรียกกู้ม่านด้วยความรัก
"แม่"
กู้ม่านดูแลเอาใจใส่กู้หนิงอย่างดีซึ่งทำให้เธอรู้สึกผิด เธอไม่ควรปล่อยให้กู้ม่านต้องคอยเป็นห่วงเธอ
เมื่อเห็นกู้หนิงสบายดี กูม่านก็โล่งอก "หนิงหนิงลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"
"หนูสบายดีค่ะแม่ กลับเข้าบ้านกันเถอะค่ะ!" กู้หนิงตอบพลางเอามือคล้องแขนกู้ม่าน ทำเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังอ้อนมารดา
กู้ม่านยิ้มอย่างดีใจ แม่และลูกสาวจึงเดินกลับเข้าบ้านพร้อมกัน เงาของพวกเขาทอดยาวขึ้นไปตามแสงไฟของถนน
ในห้องนอนอันหรูหราโอ่อ่า มีชายหนุ่มเปลือยท่อนบนนอนอยู่บนเตียง
บาดแผลมากมายรอบตัวเขา ส่วนมากเป็นรอยกระสุนยิงซึ่งตอนนี้กลายเป็นรอยแผลเป็น
มีรอยกระสุนยิงสองรูที่หัวไหล่และเอวด้านซ้าย เป็นรอยยิงมาใหม่ๆ
คุณหมอประจำตระกูลฉีดยาระงับความเจ็บปวดให้เขา จากนั้นก็พันแผลด้วยผ้าก็อต
ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือคนที่ขอให้กู้หนิงมาส่งเขาที่บ้าน
สักพักใหญ่คุณหมอประจำตระกูลก็กลับออกไป มีผู้ชายใส่สูทอาร์มานี่เดินเข้ามาในห้อง
เขามีอายุราวๆยี่สิบห้า ผิวขาวเนียนละเอียด ดวงตาสีเข้มมีเสน่ห์ คิ้วเรียวบาง จมูกได้รูปและริมฝีปากบางที่เพอร์เฟค รูปลักษณ์ภายนอกของเขาช่างงามสง่าและดูสูงส่ง
"ฉันจัดการกล้องวงจรปิดเรียบร้อยแล้ว ไม่มีหลักฐานเล็ดลอดออกมาแน่" เขาพูดอย่างภูมิใจราวกับอยากจะอวดความสมารถของตัวเอง
"ดี" คำตอบที่ได้รับช่างสั้นและเรียบง่าย
ชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า "เชาถิง นายกลับมาบ้านได้ยังไง? แล้วทำไมต้องให้ทำลายกล้องวงจรปิดพวกนั้นด้วย?
"มีคนมาส่งฉันที่บ้าน แต่พวกเราขโมยรถคนอื่นมา เพราะฉะนั้นต้องไม่มีหลักฐานเหลือรอด"
เลิ่งเชาถิงเอ่ยเสียงเรียบ แต่ชายผู้นั้นกลับตกใจ
"อะไรนะ? นายขโมยรถ?!" ไม่น่าเชื่อว่าเลิ่งเชาถิงจะทำแบบนั้น
"ฉันอยากพัก นายออกไปได้แล้ว" ก่อนที่ชายผู้นั้นจะถามซอกแซกมากไปกว่านี้ เลิ่งเชาถิงจึงบอกไปให้เขาออกไป
ชายหนุ่มไม่พอใจ นี่เป็นบ้านเขา แล้วแขกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เจ้าของบ้านออกไป?
เขาหงุดหงิดแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ดังนั้นเขาจึงเดินออกจากห้องนอนไปอย่างไม่เต็มใจและปิดประตูให้เลิ่งเชาถิง
เลิ่งเชาถิงนอนไม่หลับ เขาเพียงอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ
วันต่อมากู้หนิงตื่นตอนตีห้าสี่สิบ เธอใช้เวลาสิบนาทีในการแปรงฟันและล้างหน้า ตีห้าห้าสิบเธอออกจากบ้านวิ่งไปยังโรงเรียน
ครึ่งชั่วโมงต่อมากู้หนิงก็มาถึงโรงเรียน เธอซื้อข้าวเช้าแล้วมุ่งไปยังสนามฟุตบอลระหว่างทางก็กินข้าวไปด้วย
กู้หนิงกินข้าวเสร็จแล้วเมื่อเดินมาถึงสนามฟุตบอล
มู่เค่อและหยูหมิงซีอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว พวกเขาทั้งสองกำลังวิ่ง
กู้หนิงจึงเดินเข้าไปร่วมกับพวกเขา
"กู้หนิง อรุณสวัสดิ์" เมื่อเห็นากู้หนิงมาแล้ว มู่เค่อและหยูหมิงซีจึงเอ่ยทักเธออย่างพร้อมเพรียง
ลมหายใจของมู่เค่อมั่นคง ขณะที่หยูหมิงซีกำลังหอบ
"พวกนายวิ่งได้กี่รอบแล้ว?" กู้หนิงถาม
"สาม" พวกเขาตอบพร้อมกัน
กู้หนิงพอใจกับคำตอบ รอบสนามฟุตบอลประมาณ400เมตร สามรอบก็1200เมตร หยูหมิงซีทำได้ดีมากซึ่งนั่นจะส่งผลให้เธอมีร่างกายแข็งแรง
"ดีมาก หมิงซีถ้าเป็นไปได้วิ่งเพิ่มอีกสองรอบ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกเสียตั้งแต่ตอนนี้"