“เร็วเข้าสิ รีบถ่ายวิดีโอไว้ แล้วก็ไปอัพลงบอร์ดโรงเรียน ฮ่า ฮ่า”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงเตรียมกดถ่าย
แต่ก่อนที่เขาจะทันกด ‘บันทึก’ กู้หนิงและมู่เค่อก็หยุดฝึกซ้อม
“หยุดทำไมล่ะ? ต่อยกันต่อสิ ฉันกำลังจะถ่ายแล้วเชียว” เด็กหนุ่งเปล่งเสียงหงุดหงิด
กู้หนิงมองไปทางเด็กหนุ่มอย่างเย็นชา เธอเดินเข้าไปหาพวกเขา “ทำไมนายไม่ลองมาสู้กับฉันหน่อยล่ะ?”
ถ้าเด็กหนุ่มพวกนี้เอาเธอไปลงบอร์ดของโรงเรียน ทุกคนต้องรู้แน่ กู้หนิงไม่อยากมีปัญหามากไปกว่านี้
เด็กหนุ่มตกใจและรีบปฏิเสธเสียงอ่อน “มะ ไม่ ฉันไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น….”
จากนั้นเขาถอยหลังออกไปให้ห่างจากกู้หนิง เขากลัวว่าเธอจะจับเขาทุ่มเหมือนมู่เค่อ
เมื่อกู้หนิงและมู่เค่อหยุดซ้อม ผู้ขมก็ค่อยๆแยกย้าย
“เฮ้ บอส เธอนี่แข็งแรงกว่าที่ฉันคิดนะ” ตอนนี้มู่เค่อรู้สึกปวดระบมไปทั้งตัว วิ่งไปหากู้หนิง เขาดูตื่นเต้นอย่างกับว่าตัวเขาเองเป็นปรมาจารย์ด้านต่อสู้ซะเอง แทนที่จะเป็นกู้หนิง
กู้หนิงยิ้มตอบ แต่รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง
เปรียบเทียบกับคนธรรมดาแล้ว เธอค่อนข้างเก่งเลยทีเดียว แต่ถ้าเปรียบกับถังอันหนิง กู้หนิงรู้ว่าตอนนี้ตัวเองนั้นยังอ่อนแออยู่มาก
เธออยากเก่งให้เท่ากับตัวเองก่อนกลับมาเกิดใหม่
“นายเป็นไงบ้าง?” หยูหมิงซีถามมู่เค่อด้วยความเป็นห่วง
เธอรู้ว่ามู่เค่อเจ็บมากจากการซ้อมต่อสู้กับกู้หนิง แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมากนัก เมื่อสีหน้าของเขายังดูปกติ
“อ้อ เจ็บสิ ธรรมดาน่า ฉันต้องเรียนรู้และพัฒนาจากความเจ็บปวดถึงจะเก่ง!” มู่เค่อตอบกลับ เขาสนุกมาก!
ขณะเดียวกันกู้หนิงก็พูดกับหยูหมิงซีอย่างจริงจังว่า “หมิงซี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเรียนต่อสู้ หากเธอต้องการเป็นนักสู้จริงๆ เธอต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเจ็บปวดและบาดเจ็บ นอกจากนี้เธอยังต้องพิสูจน์ตัวเองเหมือนกัน การฝึกฝนนี้อาจช่วยให้เธอปกป้องตัวเองในอนาคตได้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเธอว่าต้องการเรียนหรือเปล่า”
หยูหมิงซีไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เธอต้องทำงานใช้แรงงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัวตั้งแต่เด็ก ความเจ็บปวดนับว่าเป็นเพื่อนของเธอก็ว่าได้
เหมือนที่กู้หนิงพูด มันอาจจะดีสำหรับเธอในอนาคตก็ได้ อย่างน้อยเธอก็ปกป้องตัวเองได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง การรู้วิธีป้องกันตัวเองถือเป็นข้อได้เปรียบ ดังนั้นหยูหมิงซีจึงไม่ยอมแพ้ เธอยอมรับการฝึกด้วยความกล้าหาญ
หยูหมิงซีต้องเริ่มเรียนจากศูนย์ เพราะเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการต่อสู้เลย
กู้หนิงไม่ต้องการให้หมิงซีวิ่งจากบ้านมาโรงเรียนทุกเช้า มันอันตรายเกินไป เธอจึงขอให้หมิงซีมาถึงโรงเรียนเช้าหน่อยจะได้ซ้อมวิ่งก่อนเข้าเรียน
ในช่วงเริ่มต้นกู้หนิงไม่อยากเข้มงวดกับหมิงซีมากนัก เธออนุญาตให้หมิงซีฝึกซ้อมตามความสามารถของเธอไปก่อน
ฉินเจิ้งได้ยินข่าวว่ามู่เค่อชวนกู้หนิงไปกินข้าวด้วยกัน คาบเรียนช่วงเย็น ฉินเจิ้งจึงถามเรื่องนี้กับมู่เค่อ “ฉันได้ยินมาว่านายเลี้ยงข้าวกู้หนิง ทำไม?”
ฉินเจิ้งไม่รู้จริงๆว่าทำไมเขาต้องถามมู่เค่อ ในเมื่อเขาเลิกกับกู้หนิงแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่กู้หนิงจะไปกินข้าวกับใคร
แต่ฉินเจิ้งควบคุมตัวเองไม่ได้
“ไม่มีอะไรนี่ ฉันแค่เจอเธอที่ทางเดินแล้วชวนกินข้าวด้วยกันเท่านั้น” มู่เค่อไม่ได้บอกฉินเจิ้งทั้งหมด
ฉินเจิ้งไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นายสนิทกับกู้หนิงและไม่ได้บอกฉัน”
มู่เค่อหงุดหงิดที่ถูกฉินเจิ้งจี้ถาม “ฉินเจิ้ง นายเป็นอะไร? เธอไม่ใช่แฟนนายแล้ว ทำไมฉันจะชวนเธอกินข้าวไม่ได้?”
ถึงแม้ว่ามู่เค่อและฉินเจิ้งจะไปไหนด้วยกันบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้สนิทกัน มู่เค่อไม่สน ถ้าต้องทะเลาะกับฉินเจิ้ง
นอกจากนี้กู้หนิงถือได้ว่าเป็นเพื่อนคนสำคัญสำหรับเขา เขาย่อมยืนอยู่ข้างเธอ
“นาย…” ฉินเจิ้งเริ่มโกรธ แต่ยักนึกได้ว่านี่ไม่ใช่ธุระของเขา ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรต่อ
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่ง คาบเรียนช่วงเย็นจึงจบลง
นักเรียนที่มีฐานะดีมีรถมารับ ส่วนที่เหลือกลับโดยแท็กซี่ ไม่ก็รถประจำทาง
กู้หนิงกลับตรงกันข้าม เธอไม่ได้กลับโดยแท็กซี่หรือรถประจำทาง เธอวิ่งกลับบ้าน!
แม้ว่าเขตที่กู้หนิงอาศัยอยู่นั้นกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง และไม่ปลอดภัย กู้หนิงไม่กลัวเลยสักนิด
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอกลับบ้านคนเดียวในเวลากลางคืน เธอไม่เคยตกอยู่ในอันตรายมาก่อน
แต่คืนนี้กลับต่างออกไป
รถตู้สีดำหยุดอยู่หน้ากู้หนิง ผู้ชายสามคนลงจากรถแล้วเดินตรงไปที่กู้หนิง
พวกเขามีรอยสักที่แขนดูเหมือนว่าจะเป็นพวกนักเลง
“เธอคือกู้หนิงใช่ไหม?” ชายที่เป็นหัวหน้าเอ่ยถามขึ้น
“ใครส่งพวกแกมา?” กู้หนิงไม่กลัว เธอถามอย่างใจเย็น
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่สันนิษฐานได้ว่าต้องเป็นจ้าวเฟยเฟยไม่ก็เฉินจื่อเหยา
“แล้วเธอไปก่อเรื่องกับใครไว้บ้างล่ะ?” ชายอีกคนเยาะเย้ย
“เยอะแยะ จำไม่ได้หรอก”
ตอนนี้นักเลงทั้งสามคนสังเกตว่ากู้หนิงยังคงสงบนิ่ง ไม่ตื่นตกใจหรือแสดงท่าทางหวาดกลัว
พวกเขารู้สึกเหมือนถูกสบประมาทและสงสัยในเวลาเดียวกัน
“บ๊ะ! ใจกล้าดีนี่สาวน้อย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงกล้ามีเรื่องกับลูกสาวตระกูลจ้าว” เวลานี้พวกนักเลงเผลอพูดชื่อผู้ว่าจ้างโดยไม่ตั้งใจ
จ้าวเฟยเฟยนั่นเอง ไม่แปลกใจเลย
“งั้นเหรอ แล้วไงต่อล่ะ?” กู้หนิงถาม
“พวกเราถูกสั่งให้มารุมโทรมเธอน่ะสิสาวน้อย จากนั้นก็โพสลงอินเตอร์เน็ต ฮ่าฮ่า” พวกนักเลงบอกกู้หนิงหมดทุกอย่าง