ตอนที่ 283: เจิ้งห่าวกลับมา
เนื่องจากกู้หนิงทำงานเป็นผู้ให้บริการหยก เธอจึงซื้อหินมากมายที่มีหยกระดับกลางค่อนต่ำ
วิธีที่สองในการขายถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับนักธุรกิจเครื่องประดับ เพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับการจัดหาหยกที่สม่ำเสมอ หากเจิ้งเผิงสามารถจัดหาหยกให้พวกเขาได้ทุกเดือน พวกเขาก็ยินดีที่จะร่วมมือกับเจิ้งเผิงมากกว่าเจ้าอื่น และแม้ว่าเจิ้งเผิงจะไม่สามารถหาหยกได้หลายชิ้นต่อเดือน แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย
นักธุรกิจเครื่องประดับและตัวแทนของบริษัทเครื่องประดับหลายคนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เซ็นสัญญากับเจิ้งเผิง แต่พวกเขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่
“ผู้จัดการเจิ้ง คุณแน่ใจนะครับว่าสามารถจัดหาหยกให้พวกเราได้ทุกเดือน?” มีคนเอ่ยถาม
เจิ้งเผิงตอบว่า “ผมไม่สามารถสัญญาได้ว่าจะมีหยกขายทุกสัปดาห์ แต่ผมขอรับรองว่าลูกค้าทุกคนที่เซ็นสัญญากับเราจะได้รับหยกทุกเดือน สำหรับจำนวนนั้นก็แล้วแต่ครับ"
“เราทุกคนรู้ดีว่าการตัดหยกออกมานั้นยากเพียงใด ผู้จัดการเจิ้ง ทำไมคุณถึงมั่นใจว่าคุณสามารถจัดหาหยกให้เราได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองปี” อีกคนถาม
“ผู้ให้บริการหยกหลากสีมีความเกี่ยวข้องกับราชินีหยกรึเปล่าครับ?” มีคนถาม อันที่จริงมีหลายคนที่มีความคิดแบบนี้
ราชินีหยกมีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการพนันหินที่โดดเด่นเป็นพิเศษ หากผู้ให้บริการหยกหลากสีคนนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเธอก็สามารถจัดหาหยกให้พวกเขาในระยะยาวได้
แม้ว่ามันจะเป็นความจริง แต่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้กู้หนิงเดือดร้อน เจิ้งเผิงจึงปฏิเสธไปว่า “บริษัทของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชินีหยกครับ เรามีแหล่งหยกเป็นของตัวเอง ดังนั้นโปรดอย่ากังวลไปเลยครับ เราสามารถเซ็นสัญญาได้และหากเราไม่สามารถจัดหาหยกให้ทุกท่านได้ เราจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามสัญญา”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็รับรู้ว่านี่เป็นการทำธุรกิจที่ยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย และผู้ให้บริการหยกหลากสีก็เชื่อถือได้
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมีคำถามอะไรอีก เจิ้งเผิงก็กล่าวต่อว่า “ผู้ให้บริการหยกหลากสีได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการในวันนี้ ดังนั้นเราจะนำหยก 10 ชิ้นมาประมูล”
หลังจากที่เจิ้งเผิงประกาศ ทุกคนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที และการประมูลก็เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
ในบรรดาหยก 10 ชิ้น มีสามชิ้นเป็นหยกระดับกลางค่อนต่ำ หยกระดับกลางสองชิ้น หยกระดับกลางค่อนสูงสองชิ้น หยกระดับสูงสองชิ้น และหยกหนึ่งระดับบนสุดหนึ่งชิ้น แม้ว่าพวกเขาจะตัดหยกออกไปมากกว่า 10 ชิ้น แต่กู้หนิงนำออกมาประมูลเพียง 10 ชิ้นเท่านั้น
ในท้ายที่สุดหยก 10 ชิ้นก็ถูกขายในราคารวมทั้งหมดหกร้อยสามสิบล้านหยวน
หลังจากการประมูล ผู้ให้บริการหยกหลากสีก็เป็นที่รู้จักกันทั่วเมืองเถิง
ตอนนี้กู้หนิงมีเงินทุนกว่าสามพันล้านหยวนและเธอสามารถทำตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ได้
กู้หนิงแสร้งทำเป็นว่าเธอเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ และไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ให้บริการหยกหลากสี
เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงไม่ได้เดินเข้าไปข้างในจนกว่าการประมูลจะสิ้นสุดลงและนักธุรกิจเครื่องประดับทั้งหมดกลับออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อกู้หนิงกำลังจะคุยกับเจิ้งเผิง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในร้านและตะโกนใส่เจิ้งเผิงว่า “พ่อ ทำไมพ่อไม่บอกผมว่าพ่อทำเงินได้มากขนาดนี้? ตอนนี้ผมถังแตกแล้ว ผมขอเงินช่วยเหลือสักสองสามล้านหยวน โอ้ ไม่สิ วันนี้พ่อทำเงินได้หกร้อยสามสิบล้านหยวน พ่อควรจะแบ่งให้ผมอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง!”
ชายหนุ่มกล่าวขออย่างถือวิสาสะราวกับว่าเงินควรจะเป็นของเขา ชายหนุ่มคนนี้ที่เรียกเจิ้งเผิงว่าพ่อ เขาต้องเป็นเจิ้งห่าว ลูกชายบุญธรรมของเจิ้งเผิง
เมื่อเห็นเจิ้งห่าว เจิ้งเผิงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และยิ่งหลังจากได้ยินคำพูดของลูกชายบุญธรรมก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน
“เจิ้งห่าว แกออกไปเดี๋ยวนี้! จากนี้ไปแกกับฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว และฉันจะไม่ให้เงินแกสักหยวน!” เจิ้งเผิงตวาดเสียงดังลั่นใส่เจิ้งห่าว
เจิ้งเผิงตัดสินใจแล้วว่าจะตัดขาดกับเจิ้งห่าว เจิ้งเผิงเป็นคนใจดีก็จริงแต่เขาไม่ใช่คนโง่ เจิ้งห่าวทำร้ายจิตใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเกือบทำลายธุรกิจของเขา เขาเกือบตายเพราะลูกชายตัวดี! เขาไม่มีวันให้อภัยเจิ้งห่าวหรือให้เงินอีกแล้ว เขาไม่ได้มีหน้าที่ดูแลเจิ้งห่าวอีกต่อไปแล้ว
“อะไรนะ? ผมเป็นลูกชายพ่อนะ เงินพ่อก็เหมือนเงินผม ถ้าพ่อไม่ให้ ตอนที่พ่อแก่ไป ผมไม่ดูแลพ่อนะ!” เจิ้งห่าวข่มขู่เพราะเขาคิดว่าการที่เจิ้งเผิงอุปการะเขาก็หวังให้เขาช่วยดูแลยามที่เจิ้งเผิงอายุมากแล้ว
น่าเสียดายที่ไม่เป็นเช่นนั้น เจิ้งเผิงไม่เชื่อคำพูดของเขาสักนิด “ฉันไม่ต้องการให้แกมาดูแลฉัน ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ซะ!”
“พ่อ!” เจิ้งห่าวประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเจิ้งเผิง เขาโมโหมากและพูดขู่ไปอีกครั้ง “เอาเงินมาให้ผม! ไม่งั้นพ่อจะต้องเสียใจ!”
“ถ้าแกไม่ออกไปเดี๋ยวนี้ แกก็จะต้องเสียใจเหมือนกัน!” เจิ้งเผิงตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า
“พ่อ...” เจิ้งห่าวจ้องเจิ้งเผิงราวกับว่าเขาจะกินเจิ้งเผิงทั้งเป็น
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงยังคงยืนดูอยู่เฉยๆ เพราะพวกเขาอยากดูว่าเจิ้งเผิงจะยังตามใจเจิ้งห่าวอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ ถ้าเจิ้งเผิงยอมแพ้ลูกชาย กู้หนิงก็จะไม่สนใจเขาอีกเพราะเจิ้งห่าวอาจทำลายบริษัทเธอได้
“เจิ้งห่าว ร้านนี้ไม่ใช่ของฉันอีกแล้วและเงินนี้ก็ไม่ใช่ของฉันเหมือนกัน แกทำธุรกิจของฉันเจ๊ง และฉันไม่มีเงินอีกแล้ว ฉันไม่ต้องการให้แกตอบแทนบุญคุณฉัน แกไม่ใช่ลูกชายของฉันอีกแล้วและอย่าลืมว่าแก๊งฉิงกำลังตามหาตัวแกอยู่! ถ้าแกกล้าทำร้ายฉันหรือร้านนี้ แกอาจตายอยู่ข้างถนนได้เพราะเจ้านายของฉันสนิทกับแก๊งฉิง!” เจิ้งเผิงเอ่ยเตือน
แม้ว่าเขาจะตัดขาดเจิ้งห่าวไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ต้องการให้เจิ้งห่าวทำอะไรโง่ๆ นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำเพื่อเจิ้งห่าว
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับแก๊งฉิง เจิ้งห่าวก็สูญเสียพลังงานไปในทันที
ตอนที่ 284: หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์
เจิ้งห่าวเคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว เขารู้ว่าตอนนี้ร้านค้าของเจิ้งเผิงได้รับการสนับสนุนจากแก๊งฉิง แต่เขาคิดว่าเจิ้งเผิงจะยังคงปฏิบัติต่อเขาในฐานะลูกชาย ให้เงินและจ่ายหนี้ให้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลับมาอีกครั้งเมื่อเขาได้ยินว่าเจิ้งเผิงทำเงินได้จำนวนมาก มิฉะนั้นเขาคงจะหนีไปให้ไกลกว่านี้
เจิ้งห่าวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ถอยกลับไป
“บอส ผมขอโทษด้วยครับ” เจิ้งเผิงเอ่ยขอโทษกู้หนิงทันทีที่เจิ้งห่าวจากไป “ลุงเจิ้ง ไม่เป็นไรค่ะ แต่ฉันหวังว่าลุงจะทำเช่นนั้นต่อไป” กู่หนิงกล่าว เจิ้งห่าวไม่สมควรได้รับความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ
“ผมเข้าใจครับ” เจิ้งเผิงตอบ เขาตัดสินใจแล้วที่จะไม่ยอมเจิ้งห่าวอีก
จากนั้นกู้หนิงก็ขึ้นไปชั้นบนไปยังห้องทำงาน ตามด้วยเจิ้งเผิง พวกเขากำลังจะเซ็นสัญญา
เมื่อเจิ้งเผิงอ่านสัญญา เขาก็ตกใจที่พบว่าตัวเขาจะได้รับหุ้นห้าเปอร์เซ็น
“บอส..นี่มัน...”
หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์! นี่มันขุมทรัพย์ดีๆนี่เอง! วันนี้ผู้ให้บริการหยกหลากสีทำรายได้กว่าหกร้อยล้านหยวน และ 5% เป็นเงินหลายสิบล้านหยวน ยิ่งไปกว่านั้นผู้ให้บริการหยกหลากสียังคงทำเงินได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในกรณีนี้หุ้น 5% ก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ด้วยเหตุนั้นกู้หนิงจึงไม่ได้ให้หุ้น 20% หรือ 10% แก่เจิ้งเผิงเหมือนที่เธอเคยทำกับอ้ายกวงเหยาและโจวเจิ้งหง เพราะธุรกิจหยกมีผลกำไรสูง
เจิ้งเผิงรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน มันดีเกินจริง!
“ลุงเจิ้ง ในเมื่อลุงเต็มใจจะติดตามฉัน ฉันจะไม่ปฏิบัติต่อลุงอย่างไม่เป็นธรรม ได้โปรดรับไว้เถอะค่ะ เพราะลุงสมควรได้รับแล้ว และผู้จัดการอาวุโสที่ช่วยฉันทำงานก็ได้รับการปฏิบัติแบบนี้เช่นเดียวกันค่ะ” กู้หนิงเอ่ย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจิ้งเผิงก็ตระหนักว่ากู้หนิงมีบริษัทมากกว่าบริษัทผู้ให้บริการหยก เขาอยากรู้แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เนื่องจากกู้หนิงบอกว่าผู้จัดการอาวุโสทุกคนที่เธอจ้างมาได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน เจิ้งเผิงก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
ในที่สุดเจิ้งเผิงก็เซ็นสัญญาและบอกตัวเองว่า เขาต้องบริหารผู้ให้บริการหยกให้ดีเพื่อไม่ให้กู้หนิงผิดหวัง
หลังจากกู้หนิงและเลิ่งเชาถิงกลับออกไป เฉียวหยาและเกาอี้ก็มีเวลาเป็นของตัวเอง
เกาอี้และเฉียวหยาเป็นคนรักกัน พวกเขาก็ต้องการเวลาส่วนตัวบ้าง
ตัวแทนของบริษัทเครื่องประดับแต่ละคนกลับไปที่สำนักงานและโทรหาสำนักงานใหญ่โดยไม่รอช้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้านายของพวกเขาทั้งหมดตกลงที่จะเซ็นสัญญา
นับเป็นข่าวดีสำหรับบริษัทเครื่องประดับทุกแห่ง และบริษัทเครื่องประดับทุกแห่งแทบรอไม่ไหวที่จะเซ็นสัญญากับเจิ้งเผิง
หวางหงหมิงยังได้ยินเกี่ยวกับการประมูลที่จัดขึ้น เขาโกรธมาก แต่คิดไม่ออกเจิ้งเผิงเอาหยกมาจากไหนถึงมีหยกอยู่ตลอดเวลา
ในเวลาเดียวกันเขาก็มีข้อสงสัยว่าผู้ให้บริการหยกหลากสีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชินีหยก แม้ว่าเจิ้งเผิงจะปฏิเสธ แต่หวางหงหมิงก็แอบส่งคนไปตรวจสอบชื่อผู้ก่อตั้งของผู้ให้บริการหยกหลากสี
ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทราบว่านิติบุคคลของบริษัทคือใคร โดยปกติเอกสารทางกฎหมายจะแขวนไว้ที่แผนกต้อนรับในร้านค้าหรือบริษัทต่างๆ แต่สำนักงานผู้จัดหาหยกหลากสียังไม่ได้แสดงเอกสารดังกล่าว ดังนั้นหวางหงหมิงจึงส่งผู้ช่วยของเขา ‘หลินเจี้ยน’ ไปตรวจสอบข้อมูลที่สำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
หลินหลี่เจี้ยนอายุสี่สิบต้นๆ และติดตามหวางหงหมิงมานานกว่า 10 ปี เขาเป็นหนึ่งในหลายๆ คนที่หวางหงหมิงไว้ใจมากที่สุด ดังนั้นหวางหงหมิงจึงขอให้หลินเจี้ยนช่วยเขาทำสิ่งสกปรกมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ไม่นานหลินเจี้ยนก็ได้ข้อมูลมา
เจ้าของคือเด็กสาวอายุ 18 ปีจากเมืองอื่นและเด็กคนนี้เป็นคนที่ทุบตีหลานสาวของเขาและได้รับการปล่อยตัวโดยจางหยวนเฉิง นอกจากนี้เธอใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย และหัวหน้าแผนกเป็นคนอนุมัติด้วยตนเอง
เด็กสาวที่ชื่อกู้หนิงคือใครกันแน่? กู้หนิงกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของหวางหงหมิง และตอนนี้เขาก็มั่นใจแล้วว่าเธอไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ตาเห็น กระนั้นเขาก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้แม้ว่ากู้หนิงจะไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดา เธอสร้างความรำคาญให้กับตระกูลหวาง และหวางหงหมิงจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปง่ายๆ เขาไม่เชื่อว่าเธอในฐานะคนนอกจะสามารถเอาชนะตระกูลที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองเถิงได้
แม้ว่าตระกูลหวางจะไม่ใช่ตระกูลที่มีอิทธิพลเพียงตระกูลเดียวในเมืองเถิง แต่การจัดการคนคนเดียวก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขา
“นายท่าน ผมได้ข้อมูลมาอีกอย่างครับ” หลินเจี้ยนเอ่ย
“อะไร?” หวางหงหมิงถาม เมื่อเห็นหลินเจี้ยนทำหน้าเคร่งเครียด หวางหงหมิงเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
“เจิ้งเผิงกับเด็กสาวคนนั้นกว้านซื้อหินจากโกดังของไปซะเกือบเกลี้ยงโกดัง ผมกลัวว่า...” หลินเจี้ยนยังพูดไม่จบเพราะความหมายของเขาชัดเจนอยู่แล้ว
แน่นอนว่าหวางหงหมิงเข้าใจความใจความหมายของเขา หลินเจี้ยนกลัวว่าหยกที่ผู้ให้บริการหยกหลากสีขายในการประมูลในวันนี้มาจากโกดังของตระกูลหวางนั่นเอง
แม้ว่าจะเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าการตัดหยกออกจากหินนั้นทำได้ยาก แต่ก็เป็นไปได้เมื่อผู้ซื้อคือกู้หนิง และพวกเขาได้ตัดหยก 10 ชิ้นในหนึ่งคืน มีความเป็นไปได้สูงที่กู้หนิงซื้อหินทั้งหมดที่มีหยกข้างในจากโกดังของพวกเขา ถ้าเป็นเช่นนั้นหวางหงหมิงจะสูญเสียเงินมหาศาล
“ไม่มีทาง!” หวางหงหมิงปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง