ตอนที่ 225: กู้หนิงสู้กลับ
หลังจากกินมื้อดึก ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน
ฉู่เพ่ยหานและฮ่าวหรันเรียกคนขับรถมารับ
หยูหมิงซีและอ้ายยี่ติดรถไปกับฉู่เพ่ยหาน ฮ่าวหรันไปส่งฉินซีหุนและจางเทียนปิง ส่วนมูเค่อบ้านอยู่คนละทางจึงขึ้นแท็กซี่กลับเอง
เขาเป็นผู้ชาย ดังนั้นจึงปลอดภัยกว่าผู้หญิง
ระหว่างสนทนา กู้หนิงพบว่าซูอันย่าพักอยู่ที่เฟิ่งหัวแมนชั่นเหมือนกัน ทั้งสองคนจึงกลับบ้านด้วยกัน
เพื่อนทุกคนรู้ว่ากู้หนิงสามารถปกป้องตัวเองและเพื่อนได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครห่วงความปลอดภัยของเธอเท่าใดนัก
กลับมาถึงเฟิ่งหัวแมนชั่น กู้หนิงก็ถามซูอันย่าว่า “เธออยากให้ฉันเดินไปส่งที่บ้านไหม?”
“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก” ซูอันย่าปฏิเสธ เธอยังไม่ต้องการให้กู้หนิงรู้สถานะที่แท้จริงของเธอตอนนี้
“ก็ได้ บาย บาย”
วันต่อมาเจิ้งหัวเรียลเอสเตทยังคงอยู่ท่ามกลางข่าวลือไม่รู้จบ แม้แต่พนักงานในเจิ้งหัวก็ยังทำงานด้วยความวิตกกังวลว่าเจิ้งหัวเรียลเอสเตทจะล้มละลายหรือไม่?
ทางผู้บริหารเจิ้งหัวไม่ได้ให้ข่าวต่อภายนอกและภายใน ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังวางแผนทำอะไรต่อไป
โจวเจิ้งหงโทรหากู้หนิงหลังเกิดอุบัติเหตุ กู้หนิงบอกเขาให้ใจเย็น เจิ้งหัวจะไม่เป็นไร
ได้ยินน้ำเสียงของกู้หนิง โจวเจิ้งหงก็พลันเข้าใจได้ว่า เธอสามารถจัดการปัญหานี้ได้และจะผ่านไปได้ด้วยดี
เจียงซู่เองก็ถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุกับกู้หนิง
สามวันต่อมา จู่ๆเจิ้งหัวก็เรียกแถลงข่าวด่วน และเปิดเผยบันทึกวิดีโอที่บันทึกไว้
วิดีโอแรกคือตอนที่หวังเหมากำลังคุยโทรศัพท์กับชายลึกลับ ชายลึกลับคนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของหงหยุนในเมือง G ‘เหรินคัง’
วิดีโอที่สองแสดงให้เห็นคนงานสองคนที่ยุยงให้คนงานคนอื่นนัดหยุดงาน กำลังประชุมกับเหรินคังอย่างลับๆ เหรินคังก่อเหตุดังกล่าวและจงใจเผยแพร่ข่าวลือเพื่อทำลายชื่อเสียงและโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ของเจิ้งหัว ทำให้เจิ้งหัวได้รับผลกระทบอย่างมาก และสูญเงินมหาศาล ตัวแทนบริษัทกล่าวชัดเจนว่าเจิ้งหัวจะฟ้องหงหยุนเรียลเอสเตท
หลังจากการแถลงข่าว ทุกคนต่างตกใจกับบันทึกวิดีโอ ทุกคนหันกลับมาเชื่อเจิ้งหัวและข่าวลือทั้งหลายก็ค่อยๆเงียบหายไป
สิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่เข้าใจคือ ทำไมทั้งสองบริษัทถึงกลายเป็นศัตรูกัน เพราะเจิ้งหัวอยู่เมือง F ในขณะที่หงหยุนอยู่เมือง G ตอนนี้ทั้งสองต่างเป็นปฏิปักษ์กันเรียบร้อยแล้ว
หงหยุนเรียลเอสเตทตกตะลึงทันทีที่ได้ยินข่าว
ฟางซางเจิ้งไม่สามารถแก้ต่างกับหลักฐานที่แน่นหนาขนาดนี้ได้ เขาทำได้เพียงโทษเหรินคัง อ้างว่าเป็นการกระทำส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไว้ผู้คนลืมเรื่องอื้อฉาวนี้ ฟางซางเจิ้งจะปลอดภัย
เมื่อเผชิญหน้ากับความกดดันจากฟางซางเจิ้ง เหรินคังได้แต่ทนยอมแบกรับความผิด
หงหยุนให้คำอธิบายอย่างเป็นทางการว่า เหรินคังเป็นผู้รับผิดชอบในการซื้อที่ดินบนถนนเจิ้งหยาง และเขารับไม่ได้ที่เจิ้งหัวเรียลเอสเตทชิงซื้อที่ดินตัดหน้าเขา ดังนั้นเขาจึงพยายามแก้แค้นเจิ้งหัว
คำอธิบายของหงหยุนฟังดูน่าเชื่อถือ คนส่วนใหญ่เลือกเชื่อพวกเขา แต่ยังมีบางคนที่ยังกังขาอยู่ คนวงในรู้กันดีว่าฟางซางเจิ้งเป็นคนเช่นไร เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวและเลวทรามอย่างร้ายกาจ ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอนที่เป็นคนสั่งเหรินคังให้ทำเช่นนั้น
กู้หนิงไม่ได้รวบรวมหลักฐานที่ชี้ชัดว่าฟางซางเจิ้งเกี่ยวข้องกับเหรินคัง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังอยู่รอดปลอดภัย
และมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นการแข่งขันระหว่างเจิ้งหัวและหงหยุน หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น กู้หนิงตัดสินใจที่จะทำลายหงหยุนทันที เธอตัดสินใจรวบรวมความลับสกปรกของหงหยุน และนึกถึงคนที่อาจช่วยเธอได้มาก เขาเป็นแฮ็กเกอร์ชื่อ K ที่มีปฏิสัมพันธ์กับเธอ ถังอันหนิง ในชาติที่แล้ว
อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่แปลกประหลาดคนหนึ่ง การจ้างเขาให้ทำงานสักเรื่องนั้นยากมาก
เว้นแต่เขาจะสนใจมัน และมันก็ต้องเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเขา มิฉะนั้นเขาจะรู้สึกว่ามันเป็นการดูถูกไอคิวของเขา ในขณะเดียวกันก็ต้องจ่ายเงินหนึ่งในสามของทรัพย์สินเพื่อจ้างเขา และทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างต้องเป็นไปตามมาตรฐานของเขา
ความลับสกปรกของหุงหยุนไม่ท้าทายพอสำหรับ K และเขาจะไม่แม้แต่จะเหลือบตามองด้วยซ้ำ ต่อให้กู้หนิงทุ่มเงินจนหมดตัว เขาก็ยังไม่สนใจรับงานนี้อยู่ดี เพราะเงินไม่มีความหมายในสายตาของเขา
สิ่งเดียวในโลกนี้ที่เขาไม่เคยขาดคือเงิน และการที่เขาเรียกเงินสูงๆก็เพื่อความสนุกเท่านั้น
แต่กู้หนิงรู้ว่า K ต้องการอะไร
ขาของเขากลายเป็นอัมพาตหลังจากเกิดอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน และตอนนี้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยความช่วยเหลือของรถเข็นเท่านั้น ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขาต้องการในโลกนี้ คือการเดินด้วยขาตัวเองอีกครั้ง
และตอนนี้กู้หนิงมีพลังวิเศษของเธอ ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ เธอสามารถรักษาโรคต่างๆได้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะช่วยให้ขาของเขาฟื้นตัวกลับสู่สภาพเดิมได้หรือเปล่า
ถึงกระนั้นก็ยังเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่คนธรรมดาจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง กู้หนิงมั่นใจว่า K ต้องตอบตกลงช่วยเธอแน่นอน เธอวางแผนจะรักษาขาของเขาซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้นเขาต้องทำงานให้เธอไปอีกสักระยะ
จิ้งหัวเรียลเอสเตทได้รับค่าชดเชยในที่สุด และไซต์ก่อสร้างก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
คนที่เฝ้ารอเห็นความพังพินาศของเจิ้งหัวได้แต่หัวเราะเก้อ เจิ้งหัวกลับมามีอำนาจมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากผ่านเรื่องวุ่นวาย และเข้าซื้อที่ดินในเมือง G เพิ่มได้สำเร็จ
ในขณะเดียวกันคนงานก่อสร้างที่ออกจากเจิ้งหัวก็รู้สึกเสียใจอย่างมากในตอนนี้
ส่วนหวังเหมาและอีกสองคนที่รับสินบนจากเหรินคังก็ได้รับโทษตามกฎหมายเช่นกัน มีเพียงเหรินคังเท่านั้นที่หนีไปได้
แม้ว่าเขาจะต้องรับผิดชอบต่อความยุ่งเหยิงนี้เป็นหลัก แต่เขาไม่สามารถจ่ายค่าชดเชยทั้งหมดให้กับตัวเองได้ ฟางซางเจิ้งจึงใช้ข้ออ้างเพื่อช่วยเหรินคังจ่ายค่าชดเชยให้กับเจิ้งหัว หลังจากนั้นฟางซางเจิ้งก็หันไปหา หลิวจื่อคุน รองนายกเทศมนตรีเพื่อปกป้องเหรินคัง
ใครจะคิดว่าหลิวจื่อคุนไม่กล้าช่วยเขาเพราะไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ตอนที่ 226: ติดต่อ K
หลิวจื่อคุนไม่กล้าเอาตัวเองไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าคนที่โทรมาขอร้องจะเป็นฟางซางเจิ้ง เขาโกรธจัดจนอยากทำลายเจิ้งหัวให้แหลกคามือเสียเดี๋ยวนี้ เขาเคยลองแล้วแต่พลาด จะทำยังไงดี?
เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ถึงจะคลี่คลายปัญหาได้
ในช่วงสัปดาห์นี้เจิ้งหัวไม่ใช่บริษัทเดียวที่อยู่ท่ามกลางปัญหา ครอบครัวเกาที่อยู่อันดับที่สิบของรายชื่อผู้ร่ำรวยที่สุดในเมือง F ต้องปิดร้านอาหารสามแห่ง เนื่องจากการสุขาภิบาลไม่ดี ชื่อเสียงของร้านเสียหายหนักมาก
และตระกูลซูซึ่งรวยอันดับสองก็หยุดให้ความร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ตงเหิงในเมือง Fอย่างกะทันหัน อู๋เหลียนฉินซึ่งเป็นประธานสาขาถึงกับถูกลดตำแหน่ง
สัปดาห์นี้เมือง F มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย
กู้หนิงประติดประต่อเรื่องได้ทันทีที่ได้ยินข่าวตระกูลเกา ตระกูลซูและตระกูลอู๋ต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
ซูอันย่ามาจากตระกูลซู และเธอแก้แค้นเกาอู๋เซินและอู๋ซินหยู
ซูอันย่าไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาตอนที่กู้หนิงพบเธอครั้งแรก ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนตระกูลซูที่รวยเป็นอันดับสองของเมือง F
กู้หนิงยังประหลาดใจที่พบว่าอู๋ซินหยูเป็นลูกสาวของอู๋เหลียนฉิน
ฮ่าวหรันและคนอื่นๆก็คิดเหมือนกันว่าซูอันย่าไม่น่าจะเป็นเด็กสาวจากครอบครัวธรรมดาๆ และข่าวทั้งหมดไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ
พวกเขาอยากรู้ปฏิกิริยาของเกาอู๋เซิน หลังจากที่ทราบว่าแฟนเก่าของตัวเองไม่ใช่คนธรรมดาๆ แต่เป็นถึงลูกสาวตระกูลซู
ไม่มีใครโทษซูอันย่า เพราะวันนั้นเธอเกือบถูกฆ่าตาย
ถึงแม้ว่าเกาอู๋เซินจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาทำให้ซูอันย่าเจ็บปวดจริงๆ และตระกูลซูย่อมลงโทษตระกูลเกาและตระกูลอู๋
คืนวันพฤหันสบดี กู้หนิงกดเบอร์โทรออก รอสายอยู่นานมากว่าจะมีคนรับ “นั่นใคร?”
“K มาตกลงกัน ฉันคิดว่านายสนใจข้อเสนอฉันแน่” กู้หนิงพูดออกไปตรงๆ เธอจำเสียง K ได้
“งั้นหรือ อะไรล่ะ?” K สงสัย
“ฉันสามารถรักษาขานายได้ นายจะได้กำจัดรถเข็นไปได้สักที เดินเหมือนคนปกติ อืม แต่ก็ไม่สัญญานะว่าขานายจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเป๊ะเหมือนเมื่อก่อน”
“อะไรนะ!”
เขาประหลาดใจมากที่เธอรู้ว่าขาของเขาเป็นอัมพาตมากกว่าที่เธอจะสามารถรักษาขาของเขาได้ เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ความลับของเขา
เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง
ช่างเถอะ ตราบใดที่เธอสามารถรักษาขาของเขาได้ เขาก็ไม่สนใจว่าเธอรู้ความลับของเขาได้ยังไง
เขากลับสงสัยว่าเธอจะทำได้จริงหรือไม่
เขาไม่สนใจว่าขาของเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเป๊ะ เขาแค่อยากจะเดินได้อีกครั้งเท่านั้น
K พยายามที่จะใจเย็นและถามว่า “คุณมั่นใจว่าคุณสามารถรักษาขาผมได้? ทำไมผมถึงควรเชื่อคุณ?”
“ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอ ฉันจัดรักษาเบื้องต้นให้คุณก่อนได้ ถ้ามันได้ผล คุณก็ค่อยตัดสินใจ” กู้หนิงเสนอ
"ฟังดูเข้าท่า เป้าหมายของคุณคืออะไร?” K ถาม
“ทำงานให้ฉันหนึ่งปี และช่วยฉันสืบเรื่องที่ฉันอยากรู้ ไม่ใช่งานข่มขวัญความมั่นคงของประเทศหรือสืบสวนรัฐบาล ฉันแค่อยากให้คุณช่วยจัดการศัตรูของฉัน”
“ได้ ตราบใดที่เธอรักษาขาของฉันหาย ฉันจะทำงานให้เธอปีหนึ่ง” K ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ กู้หนิงตีถูกจุด ทั้งหมดที่เขาต้องการคือการได้เดินเหมือนคนปกติ เขาต้องการไปเยือนสถานที่หลายแห่งบนโลกใบนี้ ดขาไม่ต้องการใช้ชีวิตที่เหลือบนรถเข็น ถึงแม้จะยังสงสัยความสามารถของกู้หนิง เขาก็ไม่อยากพลาดโอกาสอันดีนี้ไป
“พวกเราจะพบกันที่ไหน?” K ถาม น้ำเสียงใจเย็นแต่ที่จริงแล้วเขาแทบทนรอไม่ไหว
“ฉันอยู่เมือง F พวกเราสามารถพบกันที่ไหนก็ได้ตามที่นายต้องการ” กู้หนิงพูดแบบนั้นเพราะเห็นแก่ K
“ผมอยู่เมือง D” เขาไม่ต้องการไปไหนไกล
เมือง D เป็นเมืองชั้นหนึ่งและเป็นเมืองที่มีการพัฒนามากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศนี้ ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงในการบินไปจากเมือง F ไปยังเมือง D
“ฉันจะไปหาคุณวันเสาร์ ถึงแล้วจะโทรหา” กู้หนิงพูดก่อนวางสาย
วันศุกร์ ซูอันย่าชวนกู้หนิงและเพื่อนของเธอไปกินข้าวด้วยกัน
กู้หนิงเข้าใจว่าเธอต้องการฉลองการแก้แค้นที่ประสบความสำเร็จของเธอ และการผูกมิตรกับซูอันย่าก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ดังนั้นกู้หนิงจึงตกลง
อย่างไรก็ตามซูอันย่าถูกขวางโดยเกาอู๋เซินและอู๋ซินหยู เมื่อเธอออกจากโรงเรียน
“ซูอันย่า เธอเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเกาและตระกูลอู๋รึเปล่า?” อู๋ซินหยูถามเธอ
เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเกาและตระกูลอู เกิดหลังจากที่พวกเขามีปัญหากับซูอันย่า ดังนั้นเธอจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัย พวกเขาไม่เชื่อว่าซูอันย่ามีความสามารถ และไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ! นอกจากนี้ทั้งเกาอู๋เซินและอู๋ซินหยูยังไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่า ซูอันย่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลซู
แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้รับคำตอบยืนยัน แต่เกาอู๋เซินก็รู้สึกเสียใจอย่างมากในตอนนี้ แม้ว่าซูอันย่าจะไม่ใช่คนสำคัญในตระกูลซู แต่เธอก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดาเช่นกัน ตราบเท่าที่เขาสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลซูได้ ครอบครัวของเขาก็จะได้รับประโยชน์มากมาย
“ใช่ ฉันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกเธอควรขอบคุณนะที่วันนั้นฉันไม่ได้ถูกรถชน ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่ได้ง่ายแบบนี้”
“อันย่า ฉันเสียใจจริงๆกับสิ่งที่ฉันทำลงไป ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเอง ฉันทำผิดที่มาคบกับอู๋ซินหยู เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ฉันชอบ ให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?” จู่ๆเกาอู๋เซินก็อ้อนวอนซูอันย่า
“เกาอู๋เซิน นาย.....” อู๋ซินหยูเต้นระริกด้วยความโมโห