ตอนที่ 139: เจ้านายผู้เข้มงวด
เลิ่งเชาถิงส่งสายตาเย็นยะเยือกให้ซู่จินเฉิน ซู่จินเฉินจึงหุบปากสนิทไม่พูดจาเหลวไหลออีก เขาได้แต่จ้องเลิ่งเชาถิงกลับ เขาไม่ผิดสักหน่อย!
อันที่จริงแล้วเลิ่งเชาถิงอยากจะถามตัวเองด้วยคำถามแบบเดียวกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาเป็นมิตรกับคนอื่น?
ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ใจดีหรอกหรือ?
งานของเขาและภารกิจที่เขาทำล้วนมีเป้าหมายเพื่อลงโทษคนชั่วและนำความสงบสุขมาสู่ประเทศนี้
“เขาเย็นชาแบบนี้ตลอดเหรอคะ?” กู้หนิงถามซู่จินเฉินแต่สายตามองที่เลิ่งเชาถิง
“ก็ไม่เชิง เขาเป็นคนบ้างานแต่ฉันไม่เคยเห็นเขาเสนอตัวเองช่วยคนอื่นมาก่อน” ซู่จินเฉินบอกความจริง ถ้าเป็นเรื่องงานเลิ่งเชาถิงจะกระตือรือร้นทำงานให้สำเร็จลุล่วง แต่ถ้ามีใครขอให้เขาช่วยเป็นการส่วนตัว สิ่งที่เขามอบให้คือความเฉยชา
“โอ้ ถ้าเป็นแบบนั้น ดูเหมือนว่าฉันจะต่างออกไปนะคะ” กู้หนิงแหย่ เธอมองเลิ่งเชาถิงอย่างมีเลศนัย เขาพลันรู้สึกประหม่าแต่ต้องยอมรับว่ากู้หนิงต่างออกไปสำหรับเขาจริงๆ
ในระหว่างที่กู้หนิงอดรู้สึกมีความสุขในใจไม่ได้ เธอไม่แน่ใจว่าทำไมเธอถึงมีความสุขมากที่ได้ยินว่าเขาไม่เคยใจดีกับคนอื่นมาก่อน แต่เธอดีใจจริงๆ
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะคิดว่าพวกเธอสองคนเป็น…” ซู่จินเฉินกล่าว
“พอได้แล้ว! ถ้านายเอาแต่พูดไม่หยุด ฉันจะทำให้นายยุ่งจนไม่มีเวลาว่างทั้งปี” เลิ่งเชาถิงพูดขัดซู่จินเฉินก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เห็นได้ชัดว่าเป็นคำขู่
ได้ยินแบบนั้นซู่จินเฉินก็ปิดปากลงอีกครั้ง เขาอยากจะเถียงกลับแต่ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว เลิ่งเชาถิงเป็นหัวหน้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาไม่อย่างนั้นซู่จินเฉินคงไม่มีวันได้หยุดพักแน่
จากประสบการณ์ของซู่จินเฉิน ยิ่งเขาดันทุรังจะขัดคำสั่งเท่าไหร่ สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายขึ้นเท่านั้น
ซู่จินเฉินไม่สามารถโต้เถียงกับเลิ่งเชาถิงได้ เขาจึงได้เพียงกระซิบเบาๆกับกู้หนิง “ระวังหน่อยนะ เขาค่อนข้างหงุดหงิดง่ายและชอบใช้งานหนักพวกเรา”
ถึงแม้ซู่จินเฉินจะพยายามพูดเบาแค่ไหน แต่ก็ไม่ลอดพ้นหูขั้นเทพของเลิ่งเชาถิง
เขาไม่พอใจที่ซู่จินเฉินเอาแต่พูดเรื่องเขากับกู้หนิง และทั้งสองคนก็เดินอยู่ใกล้กัน เลิ่งเชาถิงทำหน้าบึ้ง เขาขู่สำทับไปอีกว่า
“ถ้านายต้องการ ฉันจัดให้ได้”
ตอนนี้ซู่จินเฉินหุบปากสนิทไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้จะหายใจแรงยังไม่กล้า หัวหน้าของเขาเป็นคนพูดจริงทำจริงเสียด้วย เขาไม่ต้องการท้าทายอำนาจเลิ่งเชาถิง
หืม ซู่จินเฉินทำงานกับเลิ่งเชาถิง กู้หนิงประหลาดใจเล็กน้อย ซู่จินเฉินก็เป็นทหารด้วยเหมือนกันหรือนี่
เลิ่งเชาถิงไม่ปฏิเสธคำกล่าวหาของซู่จินเฉิน ถ้าอย่างนั้นใครที่พูดความจริง?
กู้หนิงคิดว่าบางทีซู่จินเฉินพูดถูก เพราะเลิ่งเชาถิงสามารถบังคับเขาให้หุบปากได้จากคำขู่ไม่กี่ประโยค กู้หนิงเลยต้องเงียบตามไปด้วย
ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้านอาหาร และพากันเดินเข้าไปยังห้องทานอาหารส่วนตัว
“อ่ะนี่เมนู สั่งที่เธออยากกินได้เลย” ซู่จินเฉินยื่นเมนูอาหารให้กู้หนิง
กู้หนิงยื่นมือออกไปรับโดยไม่ลังเล เธอสั่งอาหารที่เธออยากกินมาสองอย่างจากนั้นก็ส่งคืนเมนูอาหารให้ซู่จินเฉินและเลิ่งเชาถิง
กู้หนิงกับซู่จินเฉินทำการแลกเบอร์โทรกันด้วย
ซู่จินเฉินบอกว่าเขาสามารถจัดการปัญหาต่างๆให้เธอได้ ดังนั้นกู้หนิงสันนิษฐานได้ว่าครอบครัวของเขาต้องไม่ธรรมดาและมีอิทธิพลพอสมควร กู้หนิงไม่โง่พอที่จะปฏิเสธโอกาสอันดีที่เขาหยิบยื่นให้เธอ
ในขณะนั้นกู้หนิงคิดว่าเธอช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้กลับมาเกิดใหม่และได้พบคนดีๆหลายคน แน่นอนว่าต้องมีบ้างที่เจอคนไม่ดีระหว่างทางไปสู่เป้าหมายของเธอ
เลิ่งเชาถิงไม่ยินดีที่เห็นทั้งสองคนใกล้ชิดสนิทสนมกัน แต่เขาไม่ได้ออกปากห้ามปราม เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะห้ามคนทั้งสองไม่ให้สนิทกันได้ และไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น
พวกเขาอาศัยอยู่ในเฟิ่งหัวแมนชั่น ดังนั้นหลังจากกินข้าวเสร็จก็เดินกลับด้วยกัน
ซู่จินเฉินและเลิ่งเชาถิงเดินไปส่งกู้หนิงที่โซน G ก่อนที่จะกลับเข้าบ้านพวกเขา
กู้หนิงส่งข้อความหาเลิ่งเชาถิงเมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน ข้อความที่เธอส่งทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน
กู้หนิง: “นายทหารสุดหล่อของฉัน ดูและตัวเองขณะปฏิบัติหน้าที่ด้วยนะคะ คุณสุดยอดที่สุด! Xoxo”
อันที่จริงกู้หนิงเพียงแค่อยากแกล้งเลิ่งเชาถิงเล่น เขาเป็นคนขี้อายและเก็บเนื้อเก็บตัว หนำซ้ำยังเย็นชาสุดๆ แต่เธอก็ยังชอบแหย่เข้าเล่น
เลิ่งเชาถิงรู้ว่ากู้หนิงไม่ได้จะจีบเขาจริงๆจังๆ แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้นึกถึงเธอได้
ขณะนี้เวลาสองทุ่ม
ในห้องนอนมีเสียงครวญครางแห่งความสุขทางเพศอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชายและหญิงกำลังร่วมรักกันอย่างดุเดือดบนเตียงสีขาวขนาดใหญ่
ผู้ชายคนนั้นก็คือกู้ฉินเซียง ในขณะที่ผู้หญิงคือหลิวหยูเว่ย
พอถอดแว่นออกแล้วหลิวหยูเว่ยดูสวยน่ารักขึ้นมาเป็นกองโดยเฉพาะดวงตาของเธอ เธอสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ชายได้อย่างง่ายดายด้วยสายตาที่ดึงดูดใจของเธอ
ความจริงแล้วเธอใส่แว่นตาเพื่ออำพรางตัว เธอไม่ต้องการดึงดูดความสนใจมากเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสงสัยจากหลินหลี่หยวน เนื่องจากรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของเธอ
หลังจากครึ่งชั่วโมงแห่งการร่วมรักอย่างดุเดือด ทั้งสองก็หยุดลงในที่สุด
หลิวหยูเว่ยทำความสะอาดตัวเองและล้มตัวลงนอนบนอกกู้ฉินหยาง “บอสคะ ตอนนี้รู้สึกอามรมณ์ดีขึ้นบ้างรึยังคะ?”
หลิวหยูเว่ยรู้ว่ากู้ฉินเซียงอารมณ์ไม่ดีแต่เธอไม่รู้เหตุผลว่าทำไม เธอไม่ถามเพราะเธอเข้าใจว่าเวลาไหนควรอยู่เงียบๆ นั่นเป็นวิธีที่ทำให้กู้ฉินเซียงสนใจเธอ
“ใช่ ดีมากๆ คนดี เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุข!” กู้ฉินเซียงจูบหลินหยูเว่ยอีกครั้งอย่างดูดดื่ม
หลิวหยูเว่ยมีความช่ำชองเรื่องบนเตียงอย่างมาก กู้ฉินเซียงรู้ว่าเธอเคยร่วมหลับนอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตามาก่อน แต่เขาหาได้สนใจไม่ ตราบใดที่เธอไม่นำโรคร้ายมาสู่เขาและทำให้เขามีความสุขได้ เขาก็พึงพอใจแล้ว นี่เป็นเพียงเกมสนุกๆเท่านั้นไม่ได้มีความหมายอะไร
หลังจากกิจกรรมทางเพศสิ้นสุดลง กู้ฉินเซียงพลันรู้สึกเหนื่อยล้า ตอนนี้ยังไม่ดึกมากและควรที่จะกลับบ้านได้แล้ว เผื่อมีใครมาเห็นพวกเขาเข้าน่าจะไม่ดี
กู้ฉินเซียงเข้าไปอาบน้ำชำระกาย เขาทำความสะอาดตัวเองและดื่มไวน์ไปนิดหน่อยให้กลิ่นไวน์อยู่บนตัวเขา นี่เป็นวิธีที่เขาทำเพื่อตบตาหลินหลี่หยวนว่าเขาออกไปดื่มกับลูกค้า
กู้ฉินเซียงกลับมาบ้าน เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องนอน เขาเห็นหลินหลี่หยวนนอนบนเตียง เธอสวมชุดนอนบางสีแดงและส่งสายตาเชิญชวนมาที่เขา
“ที่รัก ชุดฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”
หลินหลี่หยวนยังคงรักษารูปร่างตัวเองได้เป็นอย่างดี ผิวของเธอดูนุ่นลื่นน่าสัมผัส แต่น่าอกของเธอหย่อนคล้อยยากที่จะเปรียบเทียบกับหญิงสาวอย่างหลิวหยูเว่ย
ดังนั้นกู้ฉินเซียงจึงไม่รู้สึกอะไรเมื่อเห็นหลินหลี่หยวน นอกจากนี้เขาเพิ่งมีอะไรกับคนอื่นมา ตอนนี้เขาหมดแรงและเหนื่อยล้า ดังนั้นเขาจึงได้แต่ตอบส่งๆ แล้วไม่สนใจเธออีก
ตอนที่ 140: กู้เซียวเซียวย้ายไปเรียนที่เมือง G
กู้ฉินเซียงเดินมาที่เตียง ล้มตัวลงนอนพร้อมที่จะเข้าสู่ห้วงนิทรา
หลินหลี่หยวนหัวเสีย “ที่รัก พวกเราไม่ได้มีอะไรกันนานแล้วนะ”
“ผมเหนื่อย ไว้ทำวันหลังเถอะ” กู้ฉินเซียงตอบ
หลินหลี่หยวนหงุดหงิด เธอจึงตะเบ็งเสียงดัง “กู้ฉินเซียง คุณหมายความว่ายังไง? ทุกครั้งคุณก็พูดแบบนี้! คุณไม่เคยกระตือรือร้นและเอาแต่ปฏิเสธที่จะนอนกับฉันทุกครั้งที่ฉันต้องการ คุณมีเมียน้อยลับหลังฉันใช่ไหม? คุณเลยไม่อยากมีอะไรกับฉัน!?”
“หลินหลี่หยวน คุณบ้าไปแล้วเหรอ!” กู้ฉินเซียงเหลืออด ถึงแม้เธอจะพูดถูกแต่ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับ “ผมออกไปทำงานและต้องเข้าสังคมทั้งวัน ทำไมผมต้องทำอย่างนั้นด้วย? ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณและครอบครัว! แล้วคุณล่ะ? เอาแต่ช้อปปิ้ง ถลุงเงินทั้งวัน ผมเคยต่อว่าคุณเรื่องนี้ไหม? คุณทำอะไรบ้างตอนที่เซียวเซียวมีปัญหา? ผมเป็นคนเดียวที่ไปโรงเรียนเพื่อลูก! คุณห้ามผมทำนั่นทำนี่และยังสงสัยผมอีก! ในเมื่อคุณไม่ชอบชีวิตแบบนี้ ผมก็ไม่ไปทำแล้วไอ้งานบ้าๆเนี่ย! อดตายกันให้หมดบ้านเนี่ยแหละ!”
หลินหลี่หยวนนิ่งตะลึง แต่พวกเขาไม่ได้มีอะไรกันเป็นอาทิตย์แล้วซึ่งเป็นสิ่งที่เธอยอมรับไม่ได้เหมือนกัน เธอเองก็มีความต้องการทางเพศเหมือนกันนะ
กู้ฉินเซียงล้มตัวลงนอนหันหลังให้เธอและไม่สนใจเธออีก หลินหลินหลี่หยวนโกรธจัดจนนอนไม่หลับ
เช้าวันต่อมา กู้ฉินหยางติดต่ออาจารย์ใหญ่โรงเรียนอันดับหนึ่งของเมือง F เขาต้องการให้กู้เซียวเซียวย้ายไปเรียนที่นั่น
ถึงแม้คะแนนของเธอจะไม่สูงขนาดเป็นนักเรียนอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้แย่ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะความจริงที่ว่าโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งอยู่ไกลจากบ้านของเขา กู้ฉินเซียงคงไม่ปล่อยให้กู้เซียวเซียวเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายอันดับสามแน่นอน
ดังนั้นจึงไม่น่าใช่เรื่องยากที่จะย้ายโรงเรียนให้กู้เซียวเซียว แต่โชคไม่เข้าข้างเพราะสิ่งที่กู้เซียวเซียวทำนั้นร้ายแรงเกินไป อาจารย์ใหญ่โรงเรียนอันดับหนึ่งบอกปัดคำขอร้องของกู้ฉินเซียง โรงเรียนอันดับสองและสี่ก็เช่นเดียวกัน
กู้ฉินเซียงหัวเสียจนเกือบทุบโทรศัพท์ เขาไม่คิดว่าข่าวจะกระจายออกไปได้เร็วขนาดนี้ มีใครบางคนต้องทำเรื่องนี้เพื่อบีบบังคับให้กู้เซียวเซียวต้องออกจากเมือง ต้องเป็นกู้หนิงแน่ กู้ฉินเซียงคิดไม่ออกแล้วว่าใครจะเป็นคนทำเรื่องนี้
ถึงแม้เขาจะไม่เชื่อว่ากู้หนิงเป็นคนทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่เพื่อนของเธอมีความสามารถมากพอที่จะทำได้
แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของกู้เซียวเซียว ดังนั้นกู้ฉินเซียงจึงทำได้เพียงอดทนอดกลั้น เขาไม่กล้ามีเรื่องกับกู้หนิงอีก ถ้ากู้หนิงโทรหาตำรวจ ลูกสาวของเขาคงตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายกว่านี้
ในที่สุดกู้ฉินเซียงโทรหากู้ฉินหยาง เขาบอกน้องชายให้ช่วยหาโรงเรียนในเมือง G ให้กู้เซียวเซียว
กู้ฉินเซียงไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงแก่น้องชาย เขาเพียงแต่บอกว่ากู้เซียวเซียวมีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนร่วมห้อง นักเรียนคนนั้นมาจากครอบครัวผู้มีอิทธิพลและตัวเขาห่วงความปลอดภัยของลูกสาว ดังนั้นจึงตัดสินใจส่งกู้เซียวเซียวไปเรียนที่เมือง G
ไม่ใช่เรื่องลำบากที่จะย้ายกู้เซียวเซียวไปที่เมือง G เพราะคะแนนของเธอจัดว่าอยู่ในอันดับต้นๆ และโรงเรียนที่เมือง G ยังไม่รู้เรื่องกู้เซียวเซียว
กู้เซียวเซียวโอเคที่ต้องย้ายไปเรียนที่เมือง G แต่หลินหลี่หยวนรู้สึกลังเล อย่างไรก็ตามเธอต้องยอมรับความจริงว่าลูกสาวของเธอไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนที่เมือง F ได้อีกแล้ว
หลินหลี่หยวนเกลียดกู้หนิงเข้ากระดูกดำ แต่เธอกังวลว่ากู้หนิงจะโทรหาตำรวจ เธอเลยจำยอมต้องอยู่ห่างจากกู้หนิงไปก่อน
กู้หนิงไม่ได้บอกกู้ม่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอไม่ต้องการให้แม่เสียใจ
ในช่วงบ่าย กู้หนิงไปส่งภาพวาดไปให้อ้ายกวงเหยา เมื่อได้รับภาพวาดจากเธอเขารีบนำมันเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
หลังจากแวะหาอ้ายกวงเหยา กู้หนิงไปเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่กับฉู่เพ่ยหานและหยูหมิงซี พรุ่งนี้เป็นงานวันเกิดของนายท่านตระกูลฉิน พวกเธอจำเป็นต้องมีชุดออกงานเพื่อให้เหมาะสมกับงาน หยูหมิงซีมีเงินแค่สามพันหยวน เธอค่อนข้างมีงบจำกัด แต่เธอตัดสินใจใช้เงินเก็บที่มีทั้งหมดของเธอซื้อชุดสวยๆใส่ไปงานสักชุด
“ฉันรู้จักร้านเสื้อผ้าออกงานที่เหมาะกับพวกเราอยู่ร้านหนึ่ง” ฉู่เพ่ยหานกล่าว เมื่อพวกเธอเดินเข้ามาโซนเสื้อผ้าสตรี
กู้หนิงและหยูหมิงซีเห็นด้วย พวกเธอเดินตามฉู่เพ่ยหานไปยังร้านที่เธอบอก
“คุณหนูฉู่ ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญด้านในค่ะ” พนักงานหญิงเดินตรงเข้ามาทักทายฉู่เพ่ยหาน
กู้หนิงกวาดตามองไปรอบๆร้าน ดวงตาเธอเปล่งประกายสว่างสดใส
เป็นร้านค้าขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยสองพื้นที่
ด้านหนึ่งเต็มไปด้วยชุดหรูหรา ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็หรูหราไม่น้อยหน้ากันแต่พื้นที่ส่วนที่สองมีเสื้อผ้าที่เหมาะกับเด็กสาวอย่างพวกเธอที่ใช้ออกงานหรือในชีวิตประจำวัน
“เป็นไง?” ฉู่เพ่ยหานภูมิใจที่เห็นกู้หนิงพอใจกับร้านที่เธอพามา
“ดีมาก” กู้หนิงชื่นชม
“แน่นอน รสนิยมของฉันดีเสมอ” ฉู่เพ่ยหานยอมรับอย่างไม่ถ่อมตน “เข้ามาดูสิ เธอชอบชุดไหนบอกได้เลยนะ ฉันซื้อให้”
“ไม่ได้นะ” หยูหมิงซีปฏิเสธ เธอรู้ฉู่เพ่ยหานเป็นคนมีเงิน แต่เธอไม่สามารถใช้เงินของฉู่เพ่ยหานแบบนั้นได้
“ฉันบอกว่าได้ก็ได้สิ พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันนะ!” ฉู่เพ่ยหานกล่าว หยูหมิงซีหันมามองกู้หนิงเพื่อขอความคิดเห็น
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเราไม่จำเป็นต้องประหยัดเงินเพื่อเธอหรอกนะ เวลามีจำกัด รีบเลือกเข้าเถอะ” กู้หนิงคิดว่าไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมที่ตรงไหนที่จะจ่ายเงินให้เพื่อน
ในเมื่อกู้หนิงเห็นด้วย หยูหมิงซีก็ไม่ปฏิเสธอีก เธอจึงเลือกเสื้อผ้าให้ตัวเอง
หยูหมิงซีสังเกตเห็นชุดสวยชุดหนึ่ง เธอพลิกป้ายราคาดูและตกใจ ราคาของมันตั้งหลายพันหยวน!
เธอพยายามหาตัวที่ถูกกว่านี้แต่ก็ผิดหวัง เสื้อผ้าในร้านส่วนใหญ่ราคาหลายพันหยวนถึงหลายหมื่นหยวน หยูหมิงซีตกใจจนแทบช็อก
พระเจ้า เสื้อผ้าพวกนี้แพงจริงๆ!
“อืม หนิงหนิง ฉันคิดว่าชุดพวกนี้แพงเกินไป ฉัน…” หยูหมิงซีเดินไปหากู้หนิง เธอรู้สึกเคอะเขินที่คิดว่าเสื้อผ้าพวกนี้ไม่เหมาะกับเธอ
“อย่าคิดมากไปเลยหมิงซี ฉันเข้าใจว่าเธอไม่ชอบใช้เงินเยอะแยะไปกับเสื้อผ้าพวกนี้ บางทีเธออาจคิดว่าพวกเราสงเคราะห์เธออยู่ แต่ได้โปรดอย่าคิดแบบนั้น พวกเราเป็นเพื่อนกันและเพื่อนกันต้องแบ่งปันสิ่งดีๆให้กัน ถูกไหม?” กู้หนิงปลอบเธอ
“ฉันรู้ แต่ฉัน…”
หยูหมิงซีไม่ได้เกลียดคนรวย เธอไม่ได้คิดว่ากู้หนิงและฉู่เพ่ยหานกำลังสงเคราะห์เธออยู่ แต่เธอไม่ชอบตัวเองที่คอยแต่รับน้ำใจจากเพื่อนทั้งๆที่เธอไม่มีปัญญาจะตอบแทน เพราะเรื่องนี้เธอจึงรู้สึกไม่สบายใจ
“นี่ พวกเธอกำลังคุยอะไรกันอยู่อ่ะ? มาเถอะมาลองชุดกัน! พวกเรามีเวลาเลือกไม่มากนะ!” ฉู่เพ่ยหานเดินออกมาจากห้องลองชุด เมื่อเห็นว่ากู้หนิงกับลังคุยกับหยูหมิงซี เธอจำเป็นต้องเตือนพวกเขาให้รีบจัดการธุระตัวเองให้เสร็จ