ตอนที่ 361 อยากสู้?
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉู่เพ่ยหานก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “พวกคุณต้องการแย่งบ้านจากครอบครัวของหมิงซีงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!”
“เพ่ยหาน ฮ่าวหรัน ซีหุน เทียนปิง!” หยูหมิงซียืนขึ้นทันทีด้วยความดีใจราวกับว่าเห็นผู้ช่วยชีวิต พ่อแม่ของฉู่เพ่ยหานก็ดีใจที่เห็นพวกฉู่เพ่ยหาน การมาถึงของพวกเขาทำให้ครอบครัวของหยูหมิงซีรู้สึกปลอดภัย
แต่ว่าในสายตาของลุงกับป้าหยูหมิงซีไม่คิดเช่นนั้น ฉู่เพ่ยหานและคนอื่นๆก็แค่เด็กนักเรียน ป้าของหยูหมิงตวาดว่า “นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว พวกเธอไม่เกี่ยว!”
“ทำไมจะไม่ใช่! พวกเราอยู่ข้างหมิงซี!” ฮ่าวหรันเป็นคนตอบ
“เธอ…” ป้าของหยูหมิงซีไม่พอใจ
“พวกเธอมันก็แค่เด็ก!” ลุงของหยูหมิงซีพูดอย่างรำคาญ
“แล้วไง? ผมคิดว่าพวกคุณรีบไสหัวไปจากที่นี่ดีกว่า และอย่าได้กลับมาอีก ไม่อย่างนั้นรับผลลัพธ์ที่ตามมามาได้แน่นอน!” ฉินซีหุนพูดขู่
“ก็ลองดูสิ! ดูสิว่าใครจะขู่พวกฉันได้?” ป้าของหยูหมิงซีเอ่ย
“เราจะทำให้พวกคุณต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำวันนี้” เสียงเย็นชาดังขึ้น ทันใดนั้นกู้หนิงก็เดินเข้ามา
“บอส!” ฮ่าวหรันและคนอื่นๆเรียกเธอ
“หนิงหนิง!” หยูหมิงซีวิ่งเข้าไปหากู้หนิง เธอรู้สึกอยากร้องไห้
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง” กู้หนิงพูดปลอบและจับมือหมิงซีเอาไว้ จากนั้นเดินเข้าไปหาสองป้าลุง
เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กสาว ป้ากับลุงหยูหมิงซีก็ไม่ได้สนใจกู้หนิงเหมือนกับคนอื่นๆ
กู้หนิงจ้องพวกเขานิ่ง ก่อนเบนสายตามาที่พ่อของหยูหมิงซี “ลุงอวี้ ขอทราบได้ไหมคะว่าค่าชดเชยการรื้อถอนบ้านเทาไหร่?”
พ่อหยูหมิงซีให้ความเคารพกู้หนิง เขาเต็มใจบอกราคา “บ้านของเรามีขนาดเพียง 70 ตารางเมตร ได้เจ็ดแสนหยวน ได้เงินแล้วเราก็จะนำเงินไปซื้อบ้านหลังใหญ่ได้”
เมื่อได้ยินว่าบ้านหลังนี้มีมูลค่าถึงเจ็ดแสนหยวน ลุงกับป้าของหยูหมิงซีก็แทบรอไม่ไหว อยากได้เงินทั้งหมดมาใส่ในกระเป๋าของตน ใบหน้าแสดงความโลภอย่างไม่ปิดบัง
“บ้านจะถูกรื้อตอนไหนคะ?” กู้หนิงถาม
“ขั้นตอนจะแล้วเสร็จหลังจากเทศกาลปีใหม่ และเราจำต้องย้ายออกภายในสองเดือน” พ่อของหยูหมิงซีตอบ
“ทำไมคุณลุงไม่ขายบ้านหลังนี้ให้หนูแทนล่ะคะ? หนูมีบ้านที่ตกแต่งแล้วขนาด 120 ตารางเมตรที่เจี่ยฮั้วการ์เด้น ก่อสร้างโดยเจิ้งหัวเรียลเอสเตท” กู้หนิงกล่าว
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทุกคนก็ประหลาดใจ เจี่ยฮั้วการ์เด้นเป็นพื้นที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงสูง และบ้านขนาด 120 ตารางเมตรมีมูลค่าอย่างน้อยสองล้านหยวน กู้หนิงจะต้องบ้าไปแล้วที่แลกบ้านที่ถูกกว่ามากกับบ้านราคาแพง!
ลุงกับป้าหยูหมิงซีอิจฉาพ่อของหยูหมิงซี พวกเขาเองก็หวังว่าจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านดีๆเหมือนกัน
อันที่จริงกู้หนิงต้องการช่วยครอบครัวของหยูหมิงซีมาตลอด แต่เธอรู้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับมันเพราะรู้สึกเหมือนเป็นการให้ทาน และกู้หนิงไม่ต้องการทำร้ายความรู้สึกของพวกเขา แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ครอบครัวของหยูหมิงซีประสบปัญหาในขณะนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับเธอที่จะช่วยหยูหมิงซี แม้ว่าเจิ้งหัวจะมีบ้านว่างมากมาย แต่ทั้งหมดเป็นพื้นที่อยู่อาศัยธรรมดา กู้หนิงตัดสินใจมอบสิ่งที่ดีกว่าให้พวกเขา
“หนูกู้ ลุงคิดว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ บ้านของลุงราคาแค่เจ็ดแสน แต่บ้านในเจี่ยฮั้วอย่างต่ำก็สองล้านแล้ว” พ่อของหยูหมิงซีปฏิเสธ เขาไม่ใช่คนประเภทเอาเปรียบคนอื่น และกู้หนิงก็ช่วยพวกเขามาเยอะแล้ว
“ใช่แล้วล่ะ หนูกู้” แม่ของหยูหมิงซีก็ปฏิเสธเช่นกัน
ลุงและป้าของหยูหมิวซีรู้สึกหงุดหงิดกับพ่อแม่ของหยุหมิงซี พวกเขาเต็มใจที่จะรับบ้านในเจี่ยฮั้วการ์เด้นมากกว่า
“อย่าลืมสิคะ ในอนาคตหมิงซีก็จะไปทำงานกับหนู หนูเป็หัวหน้าของหมิงซี และนี้เป็นโบนัสล่วงหน้าของเธอค่ะ” กู้หนิงตอบอย่างใจเย็น
พ่อแม่ของหยูหมิงซีทราบเรื่องนี้ แต่ฉู่เพ่ยหานและคนอื่น ๆ ไม่รู้ด้วย ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงประหลาดใจและมองไปที่กู้หนิงอย่างงงงวย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เวลาที่จะถามในตอนนี้
“เอ่อ” พ่อของหยูหมิงซียังคิดว่าพวกเขาไม่ควรรับข้อเสนอนี้
“ไม่ต้องคิดมากนะคะ พวกเราเป็นของหมิงซี เพื่อนย่อมช่วยเพื่อน ไหนๆหมิงซีก็จะทำงานกับหนูอยู่แล้ว ได้โบนัสก่อนก็เหมือนกันค่ะ” กู้หนิงย้ำคำพูดของตัวเอง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อแม่ของหยูหมิงซีก็เปลี่ยนใจ พวกเขารู้ว่ากู้หนิงกำลังโน้มน้าวให้พวกเขายอมรับความเมตตาของเธอโดยไม่รู้สึกผิด แต่ถ้าพวกเขาไม่แก้ปัญหาสักอย่าง ญาติที่ไร้ยางอายของพวกเขาจะคอยกวนใจพวกเขาอยู่อย่างนี้
“เดี๋ยวก่อน ต่อให้แกขายบ้านหลังนี้ให้กับเธอ ฉันก็ต้องเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่กับแกได้!” ป้าของหยูหมิงซีเถียง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่จากไปเพียงเพราะพ่อของหยูหมิงซีขายบ้าน
“ถูก!” ลุงของหยูหมิงซีเห็นด้วย
“พวกคุณนี่มันบ้าจริงๆ” กู้หนิงดูถูก เธอมองพวกเขาอย่างเย็นชาซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกกดดัน กระนั้นลุงของหยูหมิงซีก็ยังเถียงว่า “บ้านหลังนี้เป็นทรัพย์สินของพ่อแม่พวกเรา แน่นอนว่าพวกฉันก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย!”
“พวกคุณมีชื่อในโฉนดบ้านรึเปล่า?” กู้หนิงถาม
ลุงคนโตของหยูหมิงซีตื่นตระหนก แต่ก็ยังเถียงว่า “ไม่ แต่มันไม่สำคัญ! ยังไงฉันก็ยังสามารถแบ่งบ้านได้!”
ทุกคนรู้สึกขบขันกับคำตอบของเขา ฉู่เพ่ยหานถึงกับสบถว่า “บ้าจริง! ฉันไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายอย่างนี้มาก่อน! ฉันอยากต่อยลุงจริงๆ!” ฉู่เพ่ยหานม้วนแขนเสื้อขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะต่อสู้กับพวกเขา
“ฉันก็คิดเหมือนเธอ” ฮ่าวหรันเห็นด้วยกับฉู่เพ่ยหาน
ในขณะนั้นอ้ายยี่และมู่เค่อก็มาถึง พวกเขารู้จักพ่อแม่ของหยูหมิงซีเช่นกันและยินดีช่วยเหลือ ลุงกับป้าหยูหมิงซีหน้าเสีย ถ้าพวกเขาจะสู้กันจริงๆ เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะแพ้เพราะมีเพียงสี่คนเท่านั้น
“ขอโทษด้วยที่มาสาย สู้กันเลยไหม?” มู่เค่อถาม พับแขนเสื้อขึ้น
ตอนที่ 362 รวมตัวแก๊งค์เพื่อน
“ยังก่อน” กู้หนิงตอบ จากนั้นหันไปหาลุงกับป้าของหยูหมิงซี “ในเมื่อไม่มีชื่อในโฉนด ตามกฏหมายแล้วบ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่ของพวกคุณ ถ้ายังดื้อดึงต่อไป พวกเราจะโทรเรียกตำรวจ”
ความจริงแล้วบรรดาป้าๆและลุงๆของหยูหมิงซีรู้ว่าตนเองไม่มีชื่อในโฉนด แต่ด้วยความโลภและความเคยชินในการกลั่นแกล้งพ่อของหยูหมิงซี พวกเขาจึงทำตัวไม่เคารพกฏหมาย
เมื่อรู้ว่ากู้หนิงเอาจริง และเธอจะต้องโทรเรียกตำรวจแน่ๆ ป้าและลุงของหยูหมิงซีก็เริ่มลังเล นอกจากนี้พวกเขาสู้เด็กพวกนี้ไม่ได้แน่ ท้ายที่สุดจึงยอมจากไปโดยไม่เต็มใจ
“หนูกู้ ในเมื่อพวกเขาไปแล้ว ลุงคิดว่า...” พ่อของหยูหมิงซีเอ่ย เขาอยากให้เธอถอนคำพูดก่อนหน้านี้
“ลุงหยู พวกเขากลับไปเพียงเพราะพวกเขากลัวเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมแพ้ หนูคิดว่าพวกเขาอาจจะกลับมาอีกครั้ง เรื่องบ้านเราอย่ามาเถียงกันอีกเลยค่ะ เรามาตกลงกันโดยเร็วที่สุดดีกว่า” กู้หนิงกล่าว
พวกเขาแค่กลัวกู้หนิงกับเพื่อน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมแพ้ คนโลภจะไม่ยอมแพ้จนกว่าพวกเขาจะถูกบังคับ
“ใช่ครับ! ลุงหยู ครั้งนี้ฟังบอสของเราเถอะ” ฮ่าวหรันเอ่ย
หลังจากลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดพ่อของหยูหมิงซีก็เห็นด้วย เขาไม่รู้ว่าจะขอบคุณกู้หนิงเท่าไหร่ถึงจะพอ
“แต่บ้านใหม่ยังไม่เปิดขาย ต้องรออีกหนึ่งเดือน ลุงหยูอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่านี้ต่อไปก่อนนะคะ ถ้าบ้านถูกส่งมอบให้กับรัฐบาล ลุงก็ค่อยเช่าอยู่ต่อไปก่อน เมื่อบ้านใหม่พร้อมแล้ว ก็ค่อยย้ายเข้ามา หากพวกเขากล้าสร้างปัญหาให้ลุงอีก โทรหาตำรวจทันที พรุ่งนี้หนูถึงจะมาเซ็นสัญญากับคุณลุงค่ะ” กู้หนิงกล่าว
“ได้ๆ” พ่อของหยูหมิงซีตอบ
หลังจากนั้นพวกกู้หนิงก็ขอตัวออกไปสังสรรค์กันข้างนอก
“บอส ทำไมเธอถึงบอกว่าเป็นเจ้านายของหมิงซีล่ะ? บอกพวกเรามาเลยนะ!” เมื่อออกมาจากบ้านของหยูหมิงซีแล้ว ฉูเพ่ยหานก็ยิงคำถามทันที
“ใช่ๆ! เกิดอะไรขึ้น?” คนอื่นๆมองกู้หนิงด้วยความอยากรู้
“ฉันจะเปิดบริษัทของตัวเอง และฉันต้องการพนักงานที่มีทักษะ หมิงซีเก่งคณิตศาสตร์และเธอวางแผนจะเรียนต่อการจัดการด้านการเงิน ดังนั้นฉันจึงจ้างเธอล่วงหน้า” กู้หนิงอธิบาย
บอส เธอจะเปิดบริษัทอะไร?” ฮ่าวหรันถาม
“ฉันรู้สึกว่าเธอยุ่งอยู่ตลอดเลยตั้งแต่รู้จักกัน” ฉินซีหุนเอ่ย
“ใช่!” ฉู่เพ่ยหานเอ่ยสำทับ “เธอชอบทำตัวลึกลับ ไม่มีใครหาตัวเจอ”
“ธุรกิจเครื่องประดับหยกน่ะ” กู้หนิงตอบ
“ธุรกิจเครื่องประดับหยก? เธอก่อตั้งบริษัทรึยัง?” มู่เค่อถาม เพราะเขาก็เกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทนี้อยู่ และเขาก็มีความสนใจเช่นกัน
“อื้ม ฉันเปิดร้านหยกบิวตี้ในเมือง G แล้วน่ะ” กู้หนิงตอบ เธอไม่ได้คิดจะปิดบังความจริงไว้นานอยู่แล้ว “อะไรนะ? ร้านหยกบิวตี้!” ทุกคนทำตาโตด้วยความตกใจ ร้านหยกบิวตี้ที่มีชื่อเสียงในช่วงนี้อ่ะนะ!
แม้จะรู้ว่ากู้หนิงไม่ธรรมดา แต่ธุรกิจแรกก็ประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้างแล้ว!
"พระเจ้าช่วย! บอส เธอสุดมาก! ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย” ฮ่าวหรันเอามือข้างหนึ่งทาบหน้าอกของเขา ราวกับว่าเขาประหลาดใจมากจริงๆ
“บอส เธอต้องรวยมากเลยล่ะสิ! หยกบิวตี้มีมูลค่าอย่างน้อยหลายพันล้านหยวน!” มู่เค่อพูดด้วยความชื่นชม แม้ว่าหยกบิวตี้จะมีร้านเรือธงเพียงแห่งเดียวในตอนนี้ แต่ก็เป็นแบรนด์เครื่องประดับระดับไฮเอนด์ มูลค่าของสินทรัพย์นั้นจึงสูงมาก
“บอส...”
แต่ละคนต่างให้ความสนใจและพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
“บอส เธอทำได้ยังไงอ่ะ? สอนพวกเรามั่งสิ พวกเราอยากเรียนรู้จากเธอ!” ประกายแววตามู่เค่อสว่างระยิบระยับ ขอร้องกู้หนิงให้ช่วยสอนเขา
“ได้โปรดดดด” ทุกคนประสานเสียงพร้อมกัน
มู่เค่ออยากรู้เคล็ดลับความสำเร็จของกู้หนิง ส่วนคนอื่นแค่อยากรู้เฉยๆ
กู้หนิงยิ้มและเอ่ยว่า “ยังจำได้ไหมที่ฉันบอกพวกนายว่าฉันตัดหยกโดยการพนันหิน? ฉันไปเล่นการพนันหินอีกครั้งและใช้หยกที่ฉันตัดออกมาเปิดร้าน”
“ไม่มีทาง! บอส น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ใครๆก็รู้ว่ากว่าจะตัดหินได้หยกมาสักชิ้นยากขนาดไหน แต่เธอสามารถเปิดร้านได้โดยการพนันหินเนี่ยนะ?” มู่เค่อค่อนข้างประหลาดใจ
“บอส ถามจริง เธอมีตาทิพย์รึเปล่า?” ฮ่าวหรันพูดติดตลก แม้ว่าทุกคนจะมีความคิดแบบเดียวกัน แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ
“เอาล่ะๆ หยุดคาดเดาได้แล้ว เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างพวกเรา แม้แต่ครอบครัวก็ไม่ต้องพูด” กู้หนิงเตือน
“แน่นอน!” ทุกคนสัญญา
“บอส ตอนนี้เธอก็รวยแล้ว ต้องเลี้ยงข้าวมื้อหรูๆพวกเรานะ! ไปกันเถอะ ไปกินข้าวที่โรงแรมห้าดาวแล้วค่อยไปต่อที่ตี้ฮ่าวคลับเฮ้าส์!” ฉินซีหุนเอ่ย
“เห็นด้วย!”
“ฉันจะโทรไปจองที่ตี้ฮ่าว แต่เป็นไปได้ไหมที่บอสของเราจะชนะรางวัลสูงสุดอีกครั้ง” ฉู่เพ่ยหานกล่าว เมื่อนึกถึงโชคที่เหลือเชื่อของกู้หนิงครั้งที่แล้ว ฉู่เพ่ยหานก็รู้สึกแปลกๆ ที่กู้หนิงอาจจะได้รับรางวัลสูงสุดอีกครั้งในครั้งนี้
“ฉันอยากเห็นบอสชนะรางวัลอีกครั้ง แต่จะชนะครั้งที่สองนี่ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ ยกเว้นว่าบอสจะมีตาทิพย์จริงๆ” ฮ่าวหรันเอ่ย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อเรื่องตาทิพย์ แต่กู้หนิงก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไม่ชนะรางวัลสูงสุดในครั้งนี้
“เอาล่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ! ว่าแต่ไปโรงแรมไหน?” กู้หนิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ไปโรงแรมเฉินหยวนกัน มันอยู่ใกล้ตี้ฮ่าว” ฉู่เพ่ยหานเสนอ หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งแท็กซี่ไปยังโรงแรมเฉินหยวน
บังเอิญกู้ฉินเซียงได้เชิญลูกค้าของเขาไปรับประทานอาหารที่โรงแรมเฉินหยวนเหมินกัน ลูกค้าของเขาเป็นผู้บริหารของบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง โรงแรมภายใต้ชื่อบริษัทจำเป็นต้องทำการตกแต่ง และกู้ฉินเซียงก็กระตือรือร้นที่จะทำข้อตกลงนี้ ดังนั้นเพื่อแสดงความสามารถและความเต็มใจ เขารอผู้บริหารด้วยตนเองที่ทางเข้าโรงแรม หากเขาสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในวันนี้ จะเป็นเงินก้อนใหญ่เกือบห้าล้านหยวน
กู้ฉินเซียงมีทรัพย์สินเพียงห้าสิบล้านหยวน ดังนั้นเงินห้าล้านหยวนจึงมากโขในสายตาของเขา
ผลกำไรของบริษัทของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เงินทุนของเขากำลังจะหมด เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะสูญเงิน ถ้าเขาล้มเหลวในการทำข้อตกลงในวันนี้ และบริษัทของเขาอาจจะไปไม่รอด ดังนั้นกู้ฉินเซียงจึงให้ความสำคัญกับพบปะในวันนี้เป็นอย่างมาก
เมื่อเกือบ 6 โมงเย็น ลูกค้าของกู้ฉินเซียงก็มาถึง ผู้บริหารชื่อฉวนเหวินเฟิง มาพร้อมกับเลขาและเพื่อนของเขา