ตอนที่ 105: V5 Bar
หญิงชรายังคงบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เห็นได้ชัดว่าเธอหัวเสียมาก เธอเดินเข้ามาและพูดว่า
“เรียกบ๋อยมาว่าเราพร้อมสั่งอาหารแล้ว กู้ม่านกับกู้ชิงไม่มา” น้ำเสียงของหญิงชราบ่งบอกว่ากำลังโทษครอบครัวกู้ม่านกู้ชิง
“เกิดอะไรขึ้น?” กู้ฉินหยางถาม
จากนั้นหญิงชราก็เล่าให้เขาฟังทุกอย่าง ตามมาด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างกู้หนิงและกู้เซียวเซียว แน่นอนว่าไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด
“อะไรนะ? กู้หนิงตบเซียวเซียว?”
ครอบครัวกู้ฉินหยางล้วนแปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงของกู้หนิง มันยากที่จะเชื่อว่ากู้หนิงที่ชอบทำตัวเหมือนไก่และไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงพูด เป็นไปได้ยังไงที่เธอจะกล้าตบเซียวเซียว? ถึงแม้พวกเขาจะคิดว่าการที่กู้เซียวเซียวและหญิงชราเรียกกู้หนิงว่าเด็กไม่มีพ่อนั้นไม่ถูกต้อง แต่กู้หนิงก็ได้ทำสิ่งที่เลวร้ายลงไป
หลังจากนั้นหญิงชราก็บอกพวกเขาว่าเธอวางแผนจะให้กู้หนิงช่วยกู้ฉินเซียงเรื่องโครงการ ความไม่ละอายแก่ใจของหญิงชราทำให้กู้ฉินหยางและภรรยาของเขาเยาะหยัน แม้แต่พวกเขาเองก็รู้สึกอายกับการกระทำของหญิงชรา หญิงชราคนนี้เป็นบ้าไปแล้ว!
ถึงแม้กู้ฉินหยางและภรรยาของเขาจะดูหมิ่นเหยียดหยามกู้ม่านและกู้หนิง พวกเขาก็ไม่ถึงขั้นไปขอความช่วยเหลือจากทั้งสอง แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา พวกเขาจึงไม่ต้องการเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยว ดังนั้นพวกเขาจึงสนใจสั่งแต่อาหาร
ในขณะเดียวกัน กู้หนิงและเพื่อนของเธอก็สั่งอาหาร
“กู้หนิงพรุ่งนี้เป็นวันหยุด พวกเราไปช็อปปิ้งด้วยกันเถอะ!” อ้ายเฉียนเอ่ยชวน
“ฉันจะไปเมือง G พรุ่งนี้ค่ะ ขอโทษด้วย” กู้หนิงตอบ
ระหว่างทางมาที่นี่ กู้หนิงได้บอกเรื่องนี้กับกู้ม่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเธอจะไปเมือง G และจะไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนหลังจากกินมื้อค่ำวันนี้เสร็จ กู้หนิงสามารถตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง กู้ม่านและคนอื่นจึงไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้าน
“เธอไปทำอะไรที่เมือง G?” อ้ายเฉียนถามต่อ
“มีเรื่องต้องจัดการ” กู้หนิงไม่ได้บอกรายละเอียด ดังนั้นอ้ายเฉียนจึงหยุดถาม
“ได้! งั้นครั้งหน้าเราค่อยไปเที่ยวด้วยกัน ตอนที่เธอว่างเธอต้องโทรหาฉันหรือส่งข้อความมาหาฉันบ้างนะ ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมือง F ฉันเบื่อน่ะ” อ้ายเฉียนบ่น
“ได้สิคะ” กู้หนิงตอบ เป็นความผิดเธอเองที่ลืมติดต่ออ้ายเฉียน
ระหว่างรับประทานอาหาร ทุกคนมีความสุขและบรรยากาศก็สนุกสนาน อ้ายเฉียนไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเลย เธอรู้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวกู้หนิง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็สองทุ่ม
กู้ม่านและคนอื่นเดินกลับบ้านหลังจากบอกลากับอ้ายเฉียนและเล่อเจิ้งหยู ส่วนกู้หนิงขึ้นแท็กซี่ไปที่ V5 bar
กู้หนิงมาถึง V5 bar ใชเวลาเพียงสิบกว่านาที ถนนโหยวอี้เป็นถนนเล็กๆ มีผับบาร์ตั้งอยู่เรียงราย มีผู้คนและรถจอดอยู่เต็ม
กู้หนิงรู้หมายเลขห้องส่วนตัว ดังนั้นเธอจึงเดินตรงเข้าไปข้างใน ภายในห้องส่วนตัวทุกคนอยู่กันครบพร้อมกับเค้ก แต่มีคนหนึ่งที่เหนือความคาดหมายของกู้หนิง คนนั้นก็คือฉินอี้ฟาน
กู้หนิงแปลกใจที่ฉินอี้ฟานซึ่งเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแต่ยังออกมาเที่ยวกับเด็กวัยรุ่น แต่เธอก็ดีใจที่เห็นเขา
“สวัสดีคะ แปลกใจจริงๆ!” กู้หนิงทักเขา
“สวัสดี เอ่อ ผมว่างน่ะก็เลยตัดสินใจมาด้วย ไม่ว่าอะไรใช่ไหม?” ฉินอี้ฟานพูดอย่างสบายอกสบายใจ แต่เขาก็รู้สึกประหม่าถ้ากู้หนิงไม่พอใจ
“ไม่แน่นอนค่ะ” กู้หนิงตอบ
ได้ยินแบบนั้นฉินอี้ฟานก็โล่งอก เขาได้ยินว่ากู้หนิงจะมาที่บาร์คืนนี้ ฉินอี้ฟานและฉินซีหุนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อของฉินซีหุนทำงานด้านการเมืองและฉินอี้ฟานต้องการความช่วยเหลือจากพ่อของฉินซีหุน เขาจึงไปที่บ้านของฉินซีหุน
ระหว่างทานมื้อค่ำฉินซีหุนยังไม่กลับบ้าน ฉินอี้ฟานจึงถามพ่อของเขา พ่อของฉินซีหุนจึงบอกว่าซีหุนกินข้าวกับเพื่อนที่โรงเรียนและจะพากันไปที่บาร์คืนนี้
ฉินอี้ฟานคิดถึงกู้หนิงขึ้นมาทันที เขาโทรหาฉินซีหุนและถามว่าเขาอยู่ที่ไหน ฉินซีหุนไม่ได้คิดอะไรมากจึงบอกเขาทุกอย่าง เมื่อเรื่องที่กู้หนิงจะไปที่บาร์คืนนี้ถูกยืนยัน หัวใจของฉินอี้ฟานก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาบอกว่าเขารู้สึกเบื่อพอดีและอยากจะขอไปด้วย ฉินซีหุนไม่ได้ปฏิเสธเพราะฉินอี้ฟานไม่ใช่คนแปลกหน้าและพวกเขาก็เคยเที่ยวด้วยกันกับฮ่าวหรันและเด็กหนุ่มคนอื่นๆอยู่บ่อยๆ
กู้หนิงและหยูหมิงซีสั่งไวน์ผลไม้ที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ไม่มาก ไม่แรงเท่ากับเบียร์ ดังนั้นพวกเธอจึงไม่เมา แต่ฉู่เพ่ยหานสั่งวอดด้าผสมกับสไปร์ทเหมือนกับเด็กหนุ่มคนอื่นๆ
พวกเขาเล่นเกมกัน ฉู่เพ่ยหานแพ้ไปหลายตาแต่เธอยังคงทรงตัวอยู่ได้
ดูเหมือนว่าฉู่เพ่ยหานจะเป็นนักดื่มตัวยง
ฉินอี้ฟานก็ดื่มเครื่องดื่มเหมือนกับเด็กหนุ่มคนอื่นๆ แต่เขาไม่ได้เล่นเกมด้วยเพราะด้วยช่องว่างระหว่างอายุของพวกเขา นอกจากนี้เขาอยากคุยกับกู้หนิงมากกว่า
ที่เฟิงหัวแมนชั่น กู้ม่านไปอยู่ที่บ้านของกู้ชิงในขณะที่เจียงซินหยูและเจียงซู่กำลังยุ่งอยู่กับกิจกรรมของตัวเอง
กู้ม่านและกู้ชิงกำลังดูทีวี พวกเธอหัวเราะฉากตลกและลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็น พวกเธอไม่ใส่ใจตระกูลกู้อีกต่อไป ดังนั้นมันจึงไม่มีผลต่อตัวพวกเธอ ในขณะนั้นเองกู้ฉินเซียงก็โทรหากู้ม่าน กู้ม่านและกู้ชิงหน้าเปลี่ยนสี
เขาโทรมาทำไม?
แม้ว่าพวกเธอจะไม่รู้เหตุผลที่เขาโทรมาแต่พวกเธอรู้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน นอกจากนี้กู้ม่านก็ได้ตัดขาดกับพวกเขาแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่รับโทรศัพท์ เสียงโทรศัพท์ดังต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุด กู้ม่านจึงกดปิดเครื่องทันที
ที่บ้านกู้ฉินเซียง สมาชิกในครอบครัวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ เพราะกู้ม่านไม่ยอมรับโทรศัพท์
กู้ฉินเซียงหงุดหงิดที่กู้ม่านไม่ยอมรับโทรศัพท์เขา เธอถึงขั้นปิดเครื่องหนี กู้ฉินเซียงโกรธจัดจนขว้างโทรศัพท์ลงบนโซฟา
“เธอไม่รับโทรศัพท์เหรอ?” หญิงชราขมวดคิ้วเป็นปมและกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“เธอปิดเครื่องหนี!” กู้ฉินเซียงพูดเสียงดัง
ตอนที่ 106: ภูเขาน้ำแข็งยักษ์ ‘เลิ่งเชาถิง’
“อะไรนะ? เธอปิดเครื่อง? กล้าดียังไง!” หญิงชราไม่พอใจ ในสายตาของเธอกู้ม่านต้องเป็นที่ยอมและนอบน้อมต่อเธอ
“ทำไมไม่โทรหากู้ชิง?” หลินหลี่หยวนถาม
ได้ยินแบบนั้นกู้ฉินเซียงก็โทรหากู้ชิงทันที เมื่อเห็นว่ากู้ฉินเซียงโทรมา กู้ชิงก็รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องโทรมาเรื่องกู้ม่าน
ถึงแม้กู้ชิงจะยืนอยู่ข้างกู้ม่าน โดยส่วนตัวแล้วเธอไม่ได้มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับกู้ฉินเซียงมากนัก เธอกดรับสายเพราะอยากจะรู้ว่ากู้ฉินเซียงโทรหากู้ม่านทำไม เธอจะได้เตรียมตัวรับมือถูก
“กู้ชิง กู้ม่านอยู่กับเธอหรือปล่า?” เมื่อกู้ชิงรับสาย กู้ฉินเซียงก็รัวคำถามทันที
“เปล่า” กู้ชิงตอบ
“โทรหากู้ม่าน บอกให้เธอโทรกลับหาฉัน” กู้ฉินเซียงออกคำสั่ง
กู้ชิงอยากหัวเราะ พวกเขาทำเหมือนว่าเธอเป็นคนใช้และสั่งให้ทำอะไรก็ทำราวกับว่าพวกเขาเป็นเจ้านาย กู้ฉินเซียงคุ้นเคยกับการออกคำสั่งแต่ครั้งนี้กู้ชิงรู้สึกโกรธ เธอถามจึงกลับไปว่า
“เรื่องอะไร?”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ แค่ทำตามคำสั่งของฉันก็พอ” กู้ฉินเซียงตอบ
“ฉันบอกเธอให้ก็ได้ว่าพี่โทรมา แต่ฉันจะไม่บังคับให้เธอต้องโทรกลับ” กู้ชิงกล่าวจากนั้นก็วางสายด้วยความโกรธ หลังจากพักหายใจชั่วครู่ เธอก็พูดกับกู้ม่านว่า
“พี่ใหญ่อยากคุยกับเธอ พี่ไม่คิดว่าเขาจะมีเรื่องดีในความคิดเขา”
“ฉันไม่คุยกับเขา” กู้ม่านเอ่ยตอบ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับกู้ฉินเซียง มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ นอกเสียจากว่าแม่ของเธอจะประสบอุบัติเหตุเธอถึงจะทำหน้าที่ลูก
กู้ฉินเซียงหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งเพราะกู้ชิงวางสายใส่เขา เขาไม่อยากเชื่อว่ากู้ชิงจะกล้าทำแบบนี้
“ฉันไม่คิดว่ากู้ม่านจะโทรกลับหาคุณ ทำไมพวกเราไม่ไปหาเธอที่ทำงานพรุ่งนี้?” หลินหลี่หยวนเอ่ย
กู้ฉินเซียงเห็นด้วย ในเมื่อกู้ม่านไม่รับโทรศัพท์เขาและไม่เต็มใจโทรกลับ “ถ้าอย่างนั้นไปหาเธอพรุ่งนี้กัน!” กู้ฉินเซียงพูดกับหลินหลี่หยวน
ภายใน V5 bar
ราวๆสี่ทุ่มกู้หนิงก็ได้รับข้อความ เธอมองดู มันมาจากเลิ่งเชาถิง แต่เธอเปลี่ยนชื่อของเขาเป็น ‘ภูเขาน้ำแข็งยักษ์’
มีรอยยิ้มฉาบบนใบหน้าของเธอ เธอรู้ว่าเลิ่งเชาถิงต้องการปืนคืนกลับไป แต่เธอไม่คืนให้เขาง่ายๆหรอก เธอต้องการให้เขาชดใช้คืน ความหมายของเธอคือไม่ได้ต้องการทำร้ายเขา แค่เพียงเล่นสนุกๆเท่านั้นเอง
เธอเปิดข้อความขึ้นมา
ภูเขาน้ำแข็งยักษ์: พรุ่งนี้คุณว่างเมื่อไหร่? ผมจะไปเอาปืน”
กู้หนิง: พรุ่งนี้ไม่ว่าง
ภูเขาน้ำแข็งยักษ์: งั้นคุณว่างเมื่อไหร่?
กู้หนิง: ไม่รู้
เลิ่งเชาถิงเงียบไปพักใหญ่ กู้หนิงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
เขาโกรธเหรอ? เธอคิด ถ้าเขาโกรธเขาคงเป็นคนที่น่าหงุดหงิดมาก! ทำไมเขาถึงได้เย็นชาแบบนี้นะ? ไม่ใช่ว่าเขาต้องทำตัวดีๆและขอร้องให้เธอคืนปืนให้เขาไม่ใช่เหรอ?
“มีอะไรรึเปล่า?” ฉินอี้ฟานสังเกตเห็นกู้หนิงกำลังพิมพ์ข้อความ เธอดูมีความสุขในตอนแรกจากนั้นก็ดูไม่สบอารมณ์ ฉินอี้ฟานทำตัวไม่ถูก
“ไม่มีอะไรค่ะ” กู้หนิงตอบ เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ เธอดูไม่พอใจนิดหน่อย ดื่มไวน์ผลไม้ไปครึ่งแก้วจากนั้นก็รินเพิ่มอีก
เห็นแบบนี้แล้วฉินอี้ฟานก็ขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล แต่เขาไม่สะดวกใจที่จะถาม
อันที่จริงแล้วเลิ่งเชาถิงไม่ได้โกรธ เขาแค่ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไร เขาไม่ใช่ผู้ชายที่มีทักษะในการพิมพ์ตอบข้อความ
กู้หนิงบอกว่าเธอไม่รู้ แล้วเขาจะพูดอะไรได้อีก?
ซู่จินเฉินที่นั่งอยู่ข้างๆเหลือบสายตามองเลิ่งเชาถิงที่กำลังพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์เป็นครั้งคราว เขาอยากรู้เหลือเกินว่าคนที่เขากำลังพิมพ์คุยด้วยใช่กู้หนิงหรือเปล่า และพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าถามออกไปหรือมองดู เขารู้สึกร้อนรนกระวนกระวายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เลิ่งเชาถิงส่งสายตาเย็นชามาที่เขา ซู่จินเฉินก็ดีดตัวนั่งหลังตรงทันที
ผ่านไปครู่ใหญ่ เลิ่งเชาถิงก็ส่งข้อความอีกครั้ง ‘เมื่อไหร่คุณจะว่าง? ผมจะไม่อยู่เมือง F อีกนาน’
กู้หนิงเห็นข้อความเข้ามา ฉินอี้ฟานก็เห็นเหมือนกัน แต่เขาเห็นเพียงชื่อคนส่ง ‘ภูเขาน้ำแข็งยักษ์’ ใครคือภูเขาน้ำแข็งยักษ์? ดูเหมือนจะเป็นชื่อเล่นของผู้ชาย
กู้หนิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดดู
ถึงเธอจะตั้งใจกวนเขาแต่ก็ไม่อยากให้มันมากเกินไปนัก มันเป็นความผิดของเธอเอง นอกจากนี้เธอยังมีความประทับใจที่ดีกับเจ้าหน้าที่ทหาร พูดอีกอย่างคือเธอชื่นชอบพวกเขา ถึงแม้เลิ่งเชาถิงจะเย็นชาไปบ้างแต่เขาก็หล่อเหลาดูดี ซึ่งทำให้กู้หนิงประทับใจในตัวเขา
เธอพิมพ์ข้อความกลับไปว่า “วันจันทร์เลี้ยงข้าวฉันหรูๆสักมื้อ แล้วฉันจะคืนปืนให้!”
เลิ่งเชาถิงได้รับข้อความ โดยไม่ต้องคิด เขาส่งข้อความยืนยันกลับไป ปืนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในสายตาของเขา
หลังจากได้รับข้อความตกลงจากเขา กู้หนิงก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา ฉินอี้ฟานรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากและก็รู้สึกเครียดในเวลาเดียวกัน เขาไม่รู้ว่ากู้หนิงคุยอะไรกับฝ่ายนั้นบ้าง แต่ดูเหมือนคู่รักที่กลับมาคืนดีกันหลังจากทะเลาะกันอย่างไรอย่างนั้น
ฉินอี้ฟานไม่รู้ว่าตัวเขานั้นตกหลุมรักกู้หนิงรึเปล่า ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร
“เชาถิง ฉันไม่เคยเห็นนายถือโทรศัพท์และส่งข้อความตลอดเวลามาก่อน นายคุยกับใครอยู่?” ซู่จินเฉินอดถามไม่ได้ เขาต้องการรู้ว่าใช่กู้หนิงหรือเปล่า
“มนุษย์คนหนึ่ง” เลิ่งเชาถิงตอบ
ซู่จินเฉินถึงกับพูดไม่ออก มนุษย์คนหนึ่ง? แน่นอนเขารู้ว่าต้องเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ประเด็นคือมนุษย์คนนั้นเป็นใคร?
“มนุษย์ที่ว่าน่ะใคร?” ซู่จินเฉินไม่ยอมแพ้
“นายจะอยากรู้ไปทำไม?” เลิ่งเชาถิงไม่สนใจซู่จินเฉินอีก เขาลุกขึ้นและเดินขึ้นบันไดไป
ซู่จินเฉินขบฟันไม่สบอารมณ์ มันยากมากแค่ไหนกว่าจะหาความลับของเลิ่งเชาถิงเจอ
ทันใดนั้นซู่จินเฉินก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้ เขาพูดว่า “โอ้ เมื่อวานตอนเช้าฉันบังเอิญเจอกู้หนิงด้วย เธอตลกดีจัง ฉันคิดว่าฉันชอบคนแบบเธอ”
เลิ่งเชาถิงชะงักไปนิดหนึ่ง แค่เสี้ยววินาที จากนั้นเขาก็เดินขึ้นบันไดต่อโดยไม่พูดอะไร
ซู่จินเฉินไม่เห็นสีหน้าเลิ่งเชาถิง เขาสันนิษฐานว่าต้องมีอะไรบางอย่างระหว่างกู้หนิงกับเลิ่งเชาถิง เพราะเลิ่งเชาถิงถึงกับชะงักไปนิดหนึ่ง!