Your Wishlist

กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ (ตอนที่ 297 - 298: อุบัติเหตุบนเครื่องบิน I II)

Author: BuaElla แปล

เธอเปรียบดั่งหุ่นเชิดของตระกูล เป็นสายลับและนักฆ่า เธอถูกหักหลังและตกลงไปในทะเล เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา เธอกลายเป็นเด็กสาวมัธยมธรรมดาๆ เนื่องจากเกิดมาไม่มีพ่อ เธอจึงถูกญาติของเธอถากถางมาตั้งแต่เด็กจนโต และถูกรังแกจากเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวอีกแล้ว ใครกล้าทำร้ายเธอ เธอจะหักกระดูกพวกมัน !

จำนวนตอน : ยังไม่จบ

ตอนที่ 297 - 298: อุบัติเหตุบนเครื่องบิน I II

  • 30/04/2564

ตอนที่ 297: อุบัติเหตุบนเครื่องบิน I

 

มีหญิงสาวหน้าตาสะสวย อายุประมาณ 27 ปี นั่งอยู่ตรงข้ามทางเดินเลิ่งเชาถิง เมื่อเธอสังเกตเห็นเขา ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น ผู้ชายคนนี้เซ็กซี่และหล่อมาก! เธอเคยเห็นผู้ชายหน้าตาดีมากมาย แต่ไม่มีใครเทียบได้กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เขาน่าดึงดูดมาก! นอกจากนี้คนที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสจะต้องร่ำรวยหรือไม่ก็มีอำนาจ หากเธอสามารถมีความสัมพันธ์กับเขาได้ก็จะช่วยเธอได้มากเช่นกัน

 

“สวัสดีค่ะ นี่คือนามบัตรของฉัน ทำไมเราไม่เป็นเพื่อนกันล่ะคะ?” หญิงสาวปั้นยิ้มสมบูรณ์แบบ มองไปที่เลิ่งเชาถิง เธอไม่สนใจกู้หนิงซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นแฟนของเขาเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเลิ่งเชาถิงไม่สนใจเธอ หญิงสาวรู้สึกอายและมือของเธอที่ยื่นนามบัตรให้เขาแข็งค้างกลางอากาศ เธอไม่เคยถูกทำให้อับอายต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้มาก่อน

 

“จิ๊ๆ ต้องตาบอดขนาดไหน ก็เห็นๆอยู่ผู้ชายมีแฟนแล้ว” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเลิ่งเชาถิง

 

หญิงสาวอายุ 25 แต่งตัวเรียบง่าย แต่เป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนม เธอเกลียดคนที่อ่อยไปทั่วไม่ดูสถานที่

 

“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!”

 

“ใช่สิ เพราะฉันรู้สึกรังเกียจและกลัวว่าตัวเองจะป่วย!” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังเลิ่งเชาถิงตอบตรงๆขวานผ่าซาก

 

“เธอว่าอะไรนะ?” หญิงสาวที่ยื่นนามบัตรตัวเองให้เลิ่งเชาถิงโมโหจนลุกขึ้นยืนกะทันหัน แต่ก่อนที่เธอจะขยับตัว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเข้ามาขัดจังหวะ “คุณคะ เครื่องบินกำลังจะเทคออฟแล้วค่ะ กรุณาคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยค่ะ”

 

เธอจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังเลิ่งเชาถิงและกลับมานั่งที่เบาะของตัวเอง เธอยังสบถใส่เลิ่งเชาถิงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ก็แค่ผู้ชายเซ่อๆ”

 

กู้หนิงได้ยินและลืมตาขึ้นมองผู้หญิงคนนั้นอย่างเย็นชา หญิงสาวตกใจรีบหันหน้าหนีทันที หัวใจของเธอเต้นเร็วมากราวกับว่าเธอเพิ่งรอดตาย

 

เธอพยายามทอดสะพานเลิ่งเชาถิงแต่เขาถูกเมิน ดังนั้นกู้หนิงจึงไม่อยากเสียเวลากับเธอ เมื่อเห็นว่ากู้หนิงหน้าบึ้ง เลิ่งเชาถิงก็ไม่พอใจขึ้นมา

 

“หน้าด้านหน้าทนจริง! อีบ้า!” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังเลิ่งเชาถิงยังคงสบถไม่หยุด

 

“แก!” หญิงสาวที่ทอดสะพานให้เลิ่งเชาถิงทนไม่ไหว แต่เมื่อหันหน้ามาเธอก็สบตาเยือกเย็นของกู้หนิงก็หุบปากทันที

 

ในที่สุดเครื่องบินก็เทคออฟ และประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมาเครื่องบินพบกับความปั่นป่วนอย่างรุนแรงในระหว่างการบิน ทุกคนตกใจร้องลั่น

 

กู้หนิงรีบนั่งตัวตรงด้วยความกลัว เลิ่งเชาถิงจับมือเธอพยายามปลอบโยน โชคดีที่พวกเขาคาดเข็มขัดนิรภัยไว้แล้วเมื่อเครื่องบินพบกับความปั่นป่วนจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ พวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงความปั่นป่วนธรรมดา แต่ไม่คาดคิดเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเครื่องบินก็พบกับความปั่นป่วนที่รุนแรงขึ้น ผู้โดยสารบางคนถึงกับร้องไห้หลังจากนั้น

 

ในเวลานี้พนักงานต้อนรับคนหนึ่งประกาศทางวิทยุว่า “เรียนท่านผู้โดยสารทุกท่าน โปรดอย่ากังวล เครื่องบินกำลังเผชิญกับกระแสลมจึงไม่มั่นคงเล็กน้อย กรุณาคาดเข็มขัดนิรภัยและอย่าออกลุกจากที่นั่ง โปรดอยู่อย่างสงบ และขอขอบคุณสำหรับความร่วมมือของทุกท่าน!”

 

ไม่มั่นคงเล็กน้อย? นั่นมันความปั่นป่วนอย่างรุนแรงเชียวนะ และเกิดขึ้นสองครั้งติด! การประกาศของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไม่ได้ช่วยปลอบขวัญผู้โดยสารบนเครื่องบินเลย

 

“เครื่องบินจะตกไหม? ฉันยังไม่อยากตายนะ! ชีวิตดีๆของฉันเพิ่งจะเริ่มต้นเอง!” ผู้หญิงที่ชอบเลิ่งเชาถิงเอามือปิดหน้าร้องไห้ ทว่าคู่กรณีเดิมตวาดเสียงดังใส่เธอว่า “หุบปากนะ! มันไม่ตกหรอกย่ะ! หยุดพูดเหลวไหลซะ อีนังบ้า!”

 

ทั้งกู้หนิงและเลิ่งเชาถิงมีสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขามีประสาทรับรู้ที่เฉียบไวสำหรับอันตรายและเห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

 

ใบหน้าของกู้หนิงเริ่มซีดและร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นเบาๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะเกิดใหม่และเธอเพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจ เธอยังไม่ได้แก้แค้น เธอจะตายแบบนี้ไม่ได้!

ไม่!

 

“หนิงหนิง ไม่ต้องกังวล คุณนั่งอยู่ที่นี่ ผมจะไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” เลิ่งเชาถิงเอ่ยและลุกขึ้นยืน เดินไปที่ห้องควบคุม ขณะที่เขากำลังจะไปยังประตู พนักงานต้อนรับบนเครื่องดินก็ขวางเขาไว้

 

“คุณคะ กรุณากลับไปที่นั่งด้วยค่ะ”

 

เลิ่งเชาถิงหยิบเอาบัตรทหารออกมา พนักงานสาวทำหน้าตื่นตกใจ ผู้ชายคนนี้ยังเด็กมาก เป็นถึงนายพลแล้วเหรอนี่!

 

“เกิดอะไรขึ้น?” เลิ่งเชาถิงถาม

 

เมื่อรู้สถานะของเลิ่งเชาถิง พนักงานสาวก็ไม่คิดจะปิดบังความจริง “มีฝูงนกหลายตัวค่ะ นักบินพยายามจะหลบพวกมัน”

 

“นี่ใบอนุญาตบินของผม ผมขอเข้าไปดูหน่อย” เลิ่งเชาถิงแสดงบัตรนักบินของเขาและเดินเข้าไปด้านในเผื่อว่าจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นอีก

 

“ค่ะ” พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเปิดประตูให้เลิ่งเชาถิง

 

กู้หนิงได้ยินสิ่งที่พนักงานสาวพูด และเธอรู้ว่ามันอันตรายมากถ้าเครื่องบินเจอนกบิน ตามทฤษฎีบทโมเมนตัมถ้านก 0.45 กิโลกรัมชนกับเครื่องบินที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 800 กม. / ชม. จะทำให้ได้รับผลกระทบ 153 กิโลกรัม หากนกขนาดใหญ่ 7 กิโลกรัมชนเครื่องบินไอพ่นที่ 960 กม. / ชม. ผลกระทบจะเพิ่มขึ้นถึง 144 ตัน ในกรณีนั้นนกกระจอกตัวเดียวสามารถชนเครื่องยนต์ของเครื่องบินได้หากมันชนถูกมัน

 

หากนกถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์ผ่านทางอากาศเข้าของกังหันของเครื่องบิน มันจะสร้างความเสียหายให้กับใบพัดซึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นหยวนต่อใบ อันเนื่องมาจากความผิดเพี้ยน นอกจากนี้ยังอาจทำให้เครื่องยนต์หยุดทำงานได้ ถ้านกติดไฟในเครื่องเครื่องบินก็จะระเบิด กล่าวอีกนัยหนึ่งนกเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในการบิน

 

ตอนที่ 298: อุบัติเหตุบนเครื่องบิน II

 

เมื่อเผชิญกับเหตุฉุกเฉินเช่นนี้ กู้หนิงไม่มีทางแก้ไข แต่เธอเชื่อมั่นว่าเลิ่งเชาถิงจะจัดการกับมันได้

 

มีนักบินสองคน กัปตันและนักบินร่วมและผู้สังเกตการณ์ในห้องควบคุม อย่างไรก็ตามนักบินที่เป็นกัปตันศีรษะกระแทกจนหมดสติไป ผู้สังเกตการณ์กำลังดึงกัปตันออกจากเก้าอี้และนักบินร่วมกำลังบังคับเครื่องบิน

 

เมื่อได้ยินว่าประตูถูกผลักเปิด ผู้สังเกตการณ์จึงหันกลับไปดูและเห็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกำลังนำทางคนแปลกหน้าเข้ามา เขาตะคอกทันที “คุณเป็นอะไรไป? ไม่รู้หรือว่าผู้โดยสารไม่สามารถเข้ามาในห้องควบคุมได้?”

 

ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะอธิบาย เลิ่งเชาถิงก็แสดงใบอนูญาตขับเครื่องบินและบัตรทหารอย่างรวดเร็ว “ผมช่วยได้”

 

เมื่อเห็นใบอนุญาตขับเครื่องบินและบัตรทหาร ผู้ร่วมสังเกตการณ์ก็นิ่งไป ปิดปากสนิท

 

เครื่องบินยังคงสั่นและกระแทกกะทันหัน แต่ก็เบากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ขจัดความกลัวของผู้โดยสารและบางคนก็ยังกลัวและกรีดร้อง

 

ทันใดนั้นผู้โดยสารคนหนึ่งก็ร้องเสียงดังว่า “พระเจ้า! มีคนหัวกระแทกเลือดไหล!”

 

กู้หนิงรีบปลดสายเข็ดขัดนิรภัยและเข้าไปหาผู้บาดเจ็บ

 

“มีหมอบนเครื่องไหมคะ?” พนักงานต้อนรับสาวเอ่ยถามเสียงดัง

 

ผู้บาดเจ็บเป็นผู้ชายอายุประมาณ 20 ปี มีเลือดไหลออกจากศีรษะด้านซ้าย

 

กู้หนิงหยิบกล่องยาขนาดเล็กออกจากกระเป๋าเป้พร้อมพูดกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินว่า “ให้ฉันเข้าไปดูคนเจ็บหน่อยค่ะ ฉันสามารถช่วยเขาได้”

 

“เธอเหรอ? อย่ามาล้อกันเล่นนะ เธอยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย” พนักงานสาวไม่ไว้ใจกู้หนิง

 

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ฉันรับผิดชอบเอง” กู้หนิงเอ่ย

 

“เธอจะรับผิดชอบยังไงไม่ทราบ?” พนักงานสาวตอบกลับ สีหน้าไม่พอใจ

 

ผู้โดยสารคนอื่นก็ไม่เชื่อกู้หนิงแต่พวกเขากำลังตื่นตระหนกจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก

 

เวลามีค่า กู้หนิงหยุดเถียงกับพนักงานสาว เธอผลักแขนของพนักงานสาวออกและมองอย่างเย็นชา พนักงานสาวหายใจสะดุด ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

 

กู้หนิงตรวจสอบบาดแผลชายคนนั้น แผลนี้ไม่ใช่แผลใหม่ ผู้ชายคนนี้ต้องได้รับบาดเจ็บตรงนี้มาก่อนหน้าแล้ว พอศีรษะกระแทกอีกครั้ง บาดแผลจึงเปิดออกได้อย่างง่ายดาย

 

กู้หนิงหยิบสำลีและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ออกมาเพื่อทำความสะอาดบาดแผล จากนั้นใช้ผ้าก๊อซพัน ในขณะที่ทำเช่นนั้นกู้หนิงได้แอบส่งพลังเข้าไปในบาดแผลเพื่อห้ามเลือดและบรรเทาความเจ็บปวดของเขา อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะไม่เปิดเผยความลับของเธอ กู้หนิงไม่ได้รักษาบาดแผลของเขาโดยตรง แต่เพียงแค่ป้องกันไม่ให้บาดแผลแย่ลง..

 

ไม่นานชายคนนั้นก็ฟื้นคืนสติ แม้ว่าเขาจะเวียนศีรษะเพราะความเจ็บปวดในตอนนั้น แต่เขาก็รู้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงกล่าวขอบคุณกู้หนิงทันที “ขอบคุณมาก!”

 

เมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็เริ่มเชื่อในความสามารถของกู้หนิง

 

“โอ้ย มีคนหัวใจวาย!”

 

หลังจากที่กู้หนิงพันบาดแผลของชายคนนั้นเสร็จ ผู้โดยสารอีกคนก็ตกอยู่ในอันตราย ภายใต้การกระแทกและความปั่นป่วนรุนแรงทำให้เกิดโรคต่างๆเช่นหัวใจวายและความดันสูงได้ง่าย

 

กู้หนิงเดินไปหาคนที่กำลังหัวใจวาย คราวนี้ไม่มีใครกล้าหยุดเธอหรือสงสัยในความสามารถของเธอ

 

ชายที่มีอาการหัวใจวายอายุราว 50 ปีและกู้หนิงจำใบหน้าของเขาได้ เขาคือ ลู่เจิน ผู้กำกับที่มีชื่อเสียง และภาพยนตร์หลายเรื่องของเขาได้รับรางวัลในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามเขามีเรื่องกับบุคคลสำคัญที่มีอำนาจเมื่อสองปีก่อน ดังนั้นเขาจึงถูกห้ามไม่ให้ถ่ายทำภาพยนตร์จนถึงตอนนี้

 

กู้หนิงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา ใช้มือกดหน้าอกตามรูปแบบปกติ แน่นอนว่าเธอใช้การเคลื่อนไหวเพื่ออำพรางความจริงที่ว่าเธอแอบใส่พลังเข้าไปในอกของเขา เช่นเดียวกับที่เคยทำกับถางไห่เฟิง เมื่อพลังพุ่งเข้าสู่อกของเขา ลู่เจินก็ค่อยๆหายใจและกลับสู่สภาวะปกติ

 

ผู้โดยสารที่อยู่รอบๆต่างตกตะลึง อย่างไรก็กู้หนิงยังไม่ถอนมือออกมา คนอื่นในเครื่องบินก็เป็นลมเช่นกัน

 

เมื่อเครื่องบินได้เผชิญกับฝูงนกซึ่งทำให้เกิดการกระแทกและสั่นอย่างรุนแรง นักบินได้ติดต่อหอควบคุมการบินและส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉินแล้ว

 

และตอนนี้มีการประกาศอุบัติเหตุของเครื่องบินที่สนามบินเมืองหลวง

 

ข่าวล่าสุด: เครื่องบินที่บินไปยังเมืองหลวงพบฝูงนกจำนวนมาก เครื่องบินได้พบกับความปั่นป่วนอย่างรุนแรงหลายครั้ง กัปตันบังเอิญศีรษะกระแทกและนักบินร่วมกำลังควบคุมเครื่องบิน ขณะนี้เครื่องบินยังคงตกอยู่ในอันตรายและมีผู้โดยสาร 267 คนและเจ้าหน้าที่ 12 คนในเครื่องบิน

 

ในขณะเดียวกันก็มีรายชื่อผู้โดยสารปรากฏบนจอ LED

 

นาทีที่ข่าวออกมา ทุกคนตกใจ แม้ว่าเครื่องบินจะไม่ตกแต่ก็ถือว่ายังอยู่ในอันตราย นอกจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้โดยสารบางคนหัวใจวายกะทันหันหรือมีโรคเร่งด่วนอื่นๆในช่วงที่เกิดความปั่นป่วน? ทุกคนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนในเครื่องบิน โดยเฉพาะครอบครัวของผู้โดยสารและเพื่อนๆ ที่มารับพวกเขา

 

ลูกพี่ลูกน้องของซู่จินเฉิน ‘ซูฉินหยิน’ มาที่สนามบินเพื่อรับเพื่อนสนิทของเธอที่เพิ่งบินกลับจากต่างประเทศและได้ยินข่าวร้าย เธออ่านรายชื่อผู้โดยสาร ตระกูลซู่และตระกูลเลิ่งรู้จักกันมาหลายชั่วอายุคน ดังนั้นซู่ฉินหยินจึงคุ้นเคยกับเลิ่งเชาถิงด้วยเช่นกัน เธอตกใจมากเมื่อเห็นชื่อของเลิ่งเชาถิงบนหน้าจอ LED โดยไม่ชักช้าซู่ฉินหยินโทรหาซู่จินเฉินทันที เพราะความวิตกกังวลจึงทำให้เธอตัวสั่นและโทรศัพท์ของเธอเกือบตกลงพื้น

 

ซู่จินเฉินกำลังดูทีวีอยู่ในบ้านของเขา จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าผู้โทรมาคือซู่ฉินหยิน รอยยิ้มอ่อนโยนบนริมฝีปากของซู่จินเฉินก็ปรากฏออกมา อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดอะไร  ซู่ฉินหยินกล่าวด้วยเสียงสั่นเทาว่า “จินเฉิน เชาถิงอยู่บนเครื่องบินจากเมืองเถิงไปยังเมืองหลวงในขณะนี้ แต่เครื่องบินพบฝูงนกบิน นอกจากนี้ยังพบกับความปั่นป่วนอย่างรุนแรงและตอนนี้ก็ยังตกอยู่ในอันตราย!”

 

“อะไรนะ?” ซู่จินเฉินกระโดดลุกจากโซฟาด้วยความตกใจยิ่งยวด

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป