เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
หลิงจื่อยิ้มให้เขาอย่างตกตะลึงราวกับเธอกำลังพูดว่า ‘นายเป็นคนเดียวที่อยากสัมผัสฉัน’
“อาจื่อ บอกป้ามาสิว่าบ้านไฟไหม้ยังไง?” มู่เสวี่ยหลิงที่เงียบอยู่ตลอด จู่ๆก็มองหลิงจื่อด้วยสายตาอ่อนโยนและเอ่ยถาม
ดวงตาของหลิงจื่อไม่แยแส ขณะที่เธอพูดอย่างสบายๆว่า “ผมจะรู้ได้ไง? ผมก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน”
ใบหน้าของหลิงเจิ้นเฉิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แกไปไหนมา! การสอบของโรงเรียนมัธยมจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า แกก็ยังมัวแต่วิ่งเล่นไปทั่ว!”
“ผมไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมชั้น ถ้าผมอยู่บ้าน ผมอาจถูกเผาเป็นขี้เถ้าไปแล้ว” เมื่อหลิงจื่อพูดอย่างนั้น เธอก็มองไปที่หลิงเซิงน้องชายของหลิงเซียว
ในความทรงจำของเธอ หลิงเซิงเป็นคนขอให้เธอไปสังสรรค์คืนนี้ เขาบอกว่าเขาเองก็อยากคุยกับเพื่อนร่วมชั้นของเขา
เธอปฏิเสธที่จะเชื่อว่าชายร่างใหญ่ทั้งสามในวันนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหลิงเซิง
หลิงเซิงดูเฉยเมยราวกับว่าเขาไม่เห็นการจ้องมองของหลิงจื่อ
มุมปากหลิงจื่อยกยิ้ม หลิงเซิงคนนี้ไม่ธรรมดา
“พอ! หยุดเถียงกันได้แล้ว! ไว้ไฟดับเมื่อไหร่เราจะรู้ความจริง” มู่เสวี่ยหลิงมองหลิงจื่อนิ่ง เธอรู้สึกว่าเขาดูต่างออกไป
เด็กอ่อนแอคนนั้นกล้าพูดแบบนี้เลยหรือ?
หลิงเจิ้นเฉินมองบ้านที่กำลังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง ความโกรธในใจของเขาพุ่งพรวดไม่ยอมหยุด “เอกสารงานของฉันยังอยู่ในห้องหนังสือ”
โดยเฉพาะของเก่าที่เขาเก็บสะสมมานานหลายปี แต่ตอนนี้มันถูกเผาทำลายแล้ว
ภาพวาดที่มีชื่อเสียงก็ถูกเผาไหม้เป็นจุน
หลิงจื่อยืนดูบ้านที่กำลังไฟไหม้ด้วยท่าทีสบายๆ เธอรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เฝ้าดูบ้านที่ทำให้เธออับอายขายหน้าถูกเผาท่ามกลางความมืดมิด
แสงไฟสีส้มแดงสะท้อนบนใบหน้าของพวกเขา แต่ละคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป
มู่เสวี่ยหลิงและหลิงเจิ้นเซิงกำลังกลั้นความโกรธขณะที่หลิงอิงและหลิงเซียวกำลังกัดฟัน
หลิงเซิงดูมืดมนและน่าขนลุก
ส่วนหลิงจื่อมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า เธอมองภาพเบื้องหน้าในลักษณะเหยียดหยามราวกับว่าเธอเป็นคนนอก
ไฟโหมกระหน่ำนานกว่าสองชั่วโมง โชคดีที่ไม่มีต้นไม้อยู่รอบๆและไม่มีผู้อยู่อาศัย มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์แน่นอน
หลังจากเข้าไปในคฤหาสน์ที่ถูกเผา หลิงเจิ้นเฉิงก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องหนังสือ
ตู้เก็บของที่บรรจุของเก่าล้มลงพื้น แจกันกระเบื้องสีฟ้าและสีขาวจำนวนมากแตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ยังมีกระดาษที่ยังเขียนไม่เสร็จอยู่บนโต๊ะของเขา แต่มันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ตัวหนังสือเลือนจนอ่านไม่ออก
มู่เสวี่ยหลิงเดินเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของเขาเธอก็รู้สึกปวดใจ “เจิ้นเฉิง อย่างน้อยคุณก็ไม่เป็นอะไร อย่าไปสนใจของพวกนี้เลยค่ะ ออกไปกันเถอะ เดี๋ยวมันก็ถล่มลงมาหรอก”
“คุณจะไปรู้อะไร?!” หลิงเจิ้นเฉิงตะคอกใส่ภรรยา เขามองไปที่สิ่งของที่แตกหักบนพื้นแล้วรีบวิ่งไป เขาย้ายตู้สีดำสนิทออกไป พระหยกล้ำค่าของเขายังอยู่ข้างใน!
“เจิ้นเฉิง ไม่ต้องไปสนใจมันอีกแล้ว ตราบใดที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ของพวกนี้ซื้อใหม่ก็ได้”
เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของเขา มู่เสวี่ยหลิงก็ยิ่งเจ็บปวดใจ เธอกุมมือเขาแต่ถูกสะบัดออกอย่างแรง
“ออกไปซะ!” หลิงเจิ้นเฉิงผลักตู้ออกไปและพลิกสิ่งของที่อยู่ข้างใต้เปิดออก มือของเขามีเลือดไหลออกมาเนื่องจากถูกเศษเครื่องลายครามบาด แต่เขาก็ยังคงขุดต่อไปราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ
มู่เสวี่ยหลิงถูกผลักออกไป มือของเธอก็ถูกเศษเครื่องเคลือบดินเผาที่พื้นบาด แต่เธอกำมือแน่น
“เจิ้นเฉิง! เจิ้นเฉิง! อย่าทำแบบนี้ อย่าทำแบบนี้เลย!”
หลิงเจิ้นเฉิงยังคงบ้าคลั่ง ทั้งคู่ไม่สังเกตเห็นบุคคลที่ยืนอยู่ที่ประตู
หลิงจื่อยิ้ม นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น!