Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (กลร้ายในอุบายลวง)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

กลร้ายในอุบายลวง

  • 07/09/2565

ตอนที่ 150

กลร้ายในอุบายลวง

เดือนเสี้ยวเลื่อนลอย ดาวน้อยส่องประกายวับแวม แต่งแต้มแผ่นฟ้ายามราตรี แต่กระนั้นมิอาจทำให้แสงสีสายัณห์สว่างไสวขึ้นมาได้ ทิวไม้ทะมึนยืนต้น ค้างคาวแม่ไก่โฉบลงแล้วหุบปีก กลืนหายเข้าไปในเงาไม้นั้น

บรรยากาศในยามนี้ หนาวเหน็บจับจิตจับใจ นกแสกตัวใหญ่ มองคล้ายเงามัจจุราช ในค่ำคืนอันตื่นตระหนก นกแสกตัวนั้นส่งเสียงร้องแหบแห้งแหลมเล็ก เสียงกรีดร้องของมันแทบกระชากขวัญวิญญาณผู้คน ให้หลุดลอยออกจากร่างมิปาน

แต่กระนั้นในค่ำคืนอันตื่นตระหนก วิญญาณขอทานเฒ่าทั้งสาม มิอาจอยู่ในร่างได้อีกแล้ว คนทั้งสามตายแล้ว ตายอย่างอเนจอนาถ เป็นมัจจุราช ค้างคาวแม่ไก่ หรือไม่อาจเป็นนกแสกที่กรีดร้องตัวนั้น มันอาจมารับดวงวิญญาณ ของขอทานเฒ่าทั้งสามไป ทิ้งไว้เพียงสังขารร่างกายให้เน่าเหม็นเป็นเถ้าซาก

เยี่ยนผิง ใช้ฝ่ามือลูบปิดเปลือกตาเบิกโพลง ให้กับผู้เฒ่าโอ่ว จากนั้นเอื้อมมือฉวยลำไม้ไผ่ อาวุธคู่กายของท่านติดมือมา บนลำไม้ไผ่มีอักษรเขียนไว้โดยมิตั้งใจจริง ๆ เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวคำขอบคุณในใจ นางขอบคุณผู้เฒ่าโอ่ว

แม้ว่าคำปรักปรำ กับหลักฐานมัดตัวแน่นหนา แต่ทว่าเยี่ยนผิง นางยังมีข้อกังขา คนตายแม้มิอาจแก้ต่างใดได้ก็จริง แต่สำหรับคนเป็นเช่นนาง หายินยอมอ่อนข้อไม่ ในเมื่อผู้เฒ่าแปดหว่านฉีเป็นคนร้าย นางได้ค้นตัวท่านดูแล้ว กลับมิพบอาวุธใด รวมทั้งอาวุธลับแม้เพียงชิ้นเดียว นอกจากนั้นในตัวของผู้เฒ่าลู่ กลับไม่พบเข็มอาบยาพิษแม้เพียงครึ่งเล่ม

นอกจากไม่พบเข็มพิษแล้ว เยี่ยนผิงนางช่างสังเกตยิ่ง บนบาดแผลเล็ก ๆ คล้ายถูกอาวุธลับซัดใส่  ดังนั้นนางจึงส่งเสียงเอ่ยกล่าวขึ้นว่า

“ทุกท่านมีความคิดเห็นเช่นข้าพเจ้าหรือไม่? อาวุโสแปดหว่านฉี ท่านเสียชีวิตด้วยเข็มอาบยาพิษ ส่วนอาวุโสโอ่ว กับอาวุโสลู่ ท่านทั้งสองถูกของมีคมปาดหลอดลมขาดสะบั้นทั้งคู่ แต่ในที่เกิดเหตุทั้งสองแห่ง กลับไม่พบอาวุธ เข็มอาบยาพิษ นอกจากนั้นรอยแผลเล็ก ๆ บนท่อนแขนของอาวุโสลู่ ย่อมเป็นอาวุธลับ อีกทั้งอาวุธลับนั้น คำนวณทิศทาง จะต้องถูกซัดขว้างลงมาจากที่สูง บนคบไม้ ใช่แล้วคนร้ายต้องแอบซ่อนอยู่บนคบไม้ เมื่อซัดอาวุธลับใส่ท่านแล้ว จึงค่อยถาโถมลงมาจัดการสังหารท่าน แต่ที่น่าแปลกประหลาด ทั้งอาวุธลับ เข็มอาบยาพิษ อาวุธมีคมสักเล่ม พวกเรากลับมิพบเห็น”

เอี้ยวเซียว รีบส่งเสียงกล่าวสนับสนุนขึ้นบ้างว่า

“ข้าพเจ้าล้วนเห็นด้วย สิ่งที่แม่นางเยี่ยนผิงเอ่ยกล่าวมาทั้งหมด สมควรเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อมีควันมิอาจไร้ไฟ เมื่อมีคนสังหารท่านตายไป แต่ไม่ปรากฏอาวุธสักชิ้น เรื่องราวเหล่านี้ย่อมแปลกประหลาดเกินไปแล้วจริง ๆ”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เห็นด้วยกับเยี่ยนผิง และเอี้ยวเซียว ดังนั้นเจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน ท่านจึงแสดงความคิดเห็นออกมาว่า

“ถูกต้องของแม่นางเยี่ยนผิง รวมทั้งเจ้าเอี้ยวเซียว มีควันมิอาจไร้ไฟ หากเป็นเช่นนี้ ทุกท่านลองช่วยกันนึกทบทวนดู คนร้ายสามารถซุกซ่อนอาวุธไว้ที่ใดได้บ้าง?”

ทุกคนพยายามช่วยกันคิด คนร้ายจะซุกซ่อนอาวุธไว้ที่ใดได้บ้าง? เอี้ยวเซียวนางร้องโพล่งออกมา คล้ายกับหวนนึกถึงเรื่องราวใดขึ้นมาได้ปานฉะนั้น

“ข้าพเจ้าเพิ่งนึกเรื่องราวหนึ่งขึ้นมาได้”

เอี้ยวเซียวเมื่อส่งเสียงร้อง พลางวิ่งเข้ามาหาขอทานเก้าทิกว่อ พร้อมกับส่งเสียงตื่นเต้นยินดีกล่าวว่า

“อาวุโสเก้าทิกว่อ ถึงแม้แม่นางเยี่ยนผิง จะตรวจค้นจนทั่วร่างของสองผู้เฒ่าแล้ว แต่ในมือท่าน ในรองเท้าของสองผู้เฒ่า ซึ่งท่านเป็นผู้ถอดออกมาจากเท้าผู้เฒ่าทั้งสอง มีเพียงในรองเท้าสองคู่นี้ ที่แม่นางเยี่ยนผิง นางยังมิได้สำรวจตรวจสอบดู”

เยี่ยนผิงกล่าวคำร้ายกาจในใจ เป็นนางที่ผิดพลาดจุดนี้ไปได้เช่นไร? เอี้ยวเซียวผู้นี้นางมิอาจดูแคลนประมาทได้จริง ๆ ความน่ากลัวของเอี้ยวเซียวผู้นี้ เห็นทีนางยังน่ากลัวกว่าที่คาดคิดเอาไว้มากนัก

ขอทานเก้าทิกว่อ ยื่นส่งรองเท้าสองข้างของผู้เฒ่าลู่แก่ขอทานพเนจรหวงเกาฉือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งยื่นส่งให้แก่บัณฑิตประหลาดเซียวเจียนซู่ สำหรับอีกสองข้างของผู้เฒ่าแปดหว่านฉี ข้างหนึ่งอยู่ในมือท่าน อีกข้างหนึ่งยื่นส่งให้แก่นางแอ่นแดงเซียวเหยาเซิง จากนั้นคนทั้งสี่มีรีรอชักช้า ลงมือค้นหาภายในรองเท้าทั้งสี่ข้างทันที

ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ รื้อค้นดูจนทั่วทุกซอกมุม มิมีสิ่งใดแปลกปลอมอยู่ภายในรองเท้าของผู้เฒ่าลู่ เช่นเดียวกัน รองเท้าอีกข้างซึ่งอยู่กับบัณฑิตประหลาดเซียวเจียนซู่ ว่างเปล่าปราศจากอาวุธแต่ประการใด?

รองเท้าอีกคู่หนึ่ง ซึ่งอยู่ในมือขอทานเก้าทิกว่อ ตรวจค้นดูแล้วมิพบสิ่งใดเช่นกัน แต่สำหรับนางแอ่นแดงเซียวเหยาเซิง สีหน้านางเปลี่ยนแปลงรุนแรงยิ่ง ส่งเสียงร้องต่อทุกคนว่า

“ทุกท่านรีบเข้ามาดูเร็วเข้า ข้าพเจ้าพบว่ารองเท้าข้างนี้มิถูกต้องนัก คล้ายกับใต้พื้นรองเท้ามีสิ่งใดซุกซ่อนเอาไว้?”

ทุกคนรีบกรูกันเข้ามาดู นางแอ่นแดงเซียวเหยาเซิง ค่อย ๆ แกะดึงชิ้นส่วนพื้นรองเท้าให้อ้าออก เป็นจริงดั่งที่นางสงสัย ภายใต้พื้นรองเท้า ซุกซ่อนไว้ด้วยมีดเล่มเล็ก ๆ คมกริบเล่มหนึ่ง พร้อมกับอาวุธลับรูปร่างดั่งใบไม้เรียวรีสีเขียวเข้ม แต่ประกายวาววับของมัน สะท้อนแสงจันทร์เสี้ยววูบวาบ มีด้วยกันทั้งสิ้นห้าชิ้นด้วยกัน

รองเท้าของผู้เฒ่าแปดหว่านฉี มีมีดกับอาวุธลับซุกซ่อนอยู่ภายใน รองเท้าเป็นของท่าน ดังนั้นมีดและอาวุธลับเหล่านี้ย่อมต้องเป็นของท่าน แต่สำหรับเยี่ยนผิง คล้ายกับนางทราบแล้วว่า เรื่องราวทั้งหมดสมควรเป็นเช่นนี้ นางเดินตรงเข้ามาพร้อมส่งเสียงกล่าวว่า

“ทุกท่าน ข้าพเจ้าขอยืมอาวุธลับมาชมดูสักชิ้นหนึ่ง”

นางแอ่นแดงเซียวเหยาเซิง นางยื่นส่งอาวุธลับชิ้นหนึ่งให้แก่เยี่ยนผิง แล้วส่งเสียงกล่าวว่า

“เยี่ยนผิง เจ้าสงสัยสิ่งใดเช่นนั้นรึ? หรือว่าเจ้าเคยพบเห็นอาวุธลับลักษณะนี้มาก่อนหน้านั้น”

เยี่ยนผิง ยื่นมือรับอาวุธลับชิ้นนั้นมา แล้วส่งเสียงกล่าวตอบออกไปว่า

“อาวุโสเซียว ท่านกล่าวถูกต้อง อาวุธลับรูปใบไม้นี้คุ้นตาข้าพเจ้าอยู่บ้าง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงต้องขอยืมมาเทียบดูจึงจะทราบได้”

กล่าวจบ เยี่ยนผิงล้วงลงไปในอกเสื้อ หยิบห่อผ้าเล็ก ๆออกมาห่อหนึ่ง จากนั้นส่งเสียงกล่าวต่อว่า

“ในห่อผ้านี้มีอาวุธลับชิ้นหนึ่ง ซึ่งในค่ำคืนที่ข้าพเจ้าไล่ติดตามเสี่ยวเอ้อ ของโรงเตี๊ยมบนเส้นทางสายหลัก ในขณะที่ข้าพเจ้าเกือบไล่ทันเสี่ยวเอ้อผู้นั้น ข้าพเจ้ากระโดดขึ้นสู่อากาศกระบี่จู่โจมใส่มัน พลันมีอาวุธลับชิ้นหนึ่ง ซัดขว้างใส่ข้าพเจ้าช่วยเหลือเสี่ยวเอ้อผู้นั้นหลบหนีไปได้ ข้าพเจ้ามิทราบว่าเป็นผู้ใด? ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเก็บอาวุธลับชิ้นนั้นไว้แล้วนำมาด้วย”

ทุกคนสนใจรับฟังเรื่องราวจากปากนาง ย่อมเป็นเหตุการณ์ในโรงเตี๊ยมบนเส้นทางสายหลัก เยี่ยนผิงมือข้างหนึ่งถืออาวุธลับที่หยิบยืมมา มืออีกข้างหนึ่งยื่นส่งห่อผ้าเล็ก ๆ นั้นให้แก่เอี้ยวเซียว แล้วส่งเสียงกล่าวว่า

“แม่นางเอี้ยวเซียว ข้าพเจ้าคงต้องรบกวนท่าน ในห่อผ้าเล็ก ๆ นี้มีอาวุธลับอยู่ภายในชิ้นหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าได้บอกเล่าไปเมื่อครู่ รบกวนแม่นางเอี้ยวเซียว ท่านช่วยแกะห่อผ้าออก แล้วหยิบอาวุธลับในห่อผ้านั้น ออกมาให้ทุกท่านได้ชมดูพร้อม ๆ กัน”

เอี้ยวเซียวเมื่อรับห่อผ้าเล็ก ๆ มา นางแสดงสีหน้ากระตือรือร้น แม้นจะทราบแล้วว่า ภายในห่อผ้าเล็ก ๆ เป็นสิ่งของใด? ถูกต้องเป็นนางเองที่ซัดขว้างอาวุธลับเข้าสกัดขัดขวางเยี่ยนผิง เพื่อช่วยเหลือเสี่ยวเอ้อผู้นั้น ซึ่งก็คือเอี้ยวเคี้ยกผู้เป็นท่านอาของนางเอง

แม้นจะทราบว่าในห่อผ้าซุกซ่อนสิ่งใดไว้? แต่ลวดลายของเอี้ยวเซียว กลร้ายในอุบายลวง นางแสร้งแสดงละครต่อไป เอี้ยวเซียวนางมิใช่หญิงสาวชาวป่าสามัญดั่งที่ทุกคนเข้าใจ แท้จริงนางคือนางโจรป่า ที่มาพร้อมกับความอำมหิต มาพร้อมกับความเลือดเย็น นางเยือกเย็นราวน้ำแข็งปลักหนึ่ง มันสมองของนางนั้น เหนือชั้นกว่าที่แสดงออกมาก่อนหน้านั้นมากนัก

เอี้ยวเซียว นางแสดงสีหน้ากระตือรือร้นสนใจ ในแววตาเพิ่มความสงสัยใคร่รู้ แล้วส่งเสียงกล่าวว่า

“อาวุธลับในห่อผ้านี้ มีลักษณะเป็นเช่นไรกันแน่? อย่าได้ถือเป็นการรบกวน ข้าพเจ้ายินดีช่วยเหลือแม่นางเยี่ยนผิง แกะห่อผ้านี้ออกมาให้ทุกคนได้เห็น อาวุธลับที่แม่นางเยี่ยนผิงคุ้นตา จะมีลักษณะเป็นเช่นไรกันแน่?”

ลวดลายนางโจรป่าเช่นเอี้ยวเซียว อาวุธลับในห่อผ้าเป็นของนางเอง ดังนั้นเมื่ออาวุธลับเป็นของนาง นางฝึกใช้อาวุธลับรูปใบไม้มาตั้งแต่เล็ก อาวุธลับชิ้นนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนาง จะจับวางเคลื่อนย้ายหรือใช้ซัดขว้าง ล้วนแคล่วคล่อง กระทั่งผู้คนมองตามแทบมิทัน

เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน มันเป็นอาจารย์ของเอี้ยวเซียว ศิษย์คิดเช่นไร? ไฉนผู้เป็นอาจารย์จะมิทราบ ดังนั้นจึงเคลื่อนไหว เคลื่อนย้ายท่าร่างเข้าใกล้เอี้ยวเซียว วิชาดาวดึงส์ท่าที่แปด นามดาวล้อมเดือนเคลื่อนฟ้าย้ายดิน ตระเตรียมพร้อมใช้ออก

เอี้ยวเซียวนางตระเตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน ห่อผ้าเมื่อคลี่เปิดออก นางส่งเสียงร้องอย่างตกอกตกใจ พร้อมกับสะบัดมือสลัดห่อผ้าทิ้งไปจากฝ่ามือ

เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว รีบผลักฝ่ามือออกใช้วิชาดาวดึงส์ท่าที่แปด อาศัยเคล็ดเคลื่อนฟ้าย้ายดิน อาวุธลับรูปใบไม้ในห่อผ้า อันตรธานหายไปอยู่ในแขนเสื้อมันในพริบตา

เอี้ยวเซียว นอกจากส่งเสียงร้อง ตระหนกตกใจอย่างที่สุดแล้ว มือข้างซ้ายประคองมือข้างขวาไว้ แล้วยื่นออกมาด้านหน้า บนปลายนิ้วชี้ข้างขวาของนางปักอยู่ด้วยเข็มเงินวาววับเล่มหนึ่ง พร้อมกับโลหิตขนาดเท่าเมล็ดแมงลัก ปรากฏขึ้นมากับเข็มเล่มที่ปักนั้น

โลหิตที่ปรากฏสีแดงเริ่มกลับกลายเป็นสีดำ ลักษณะของโลหิตพิษ เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน ส่งเสียงร้องตระหนกตกใจเช่นกัน ฝ่ามือสะบัดวูบ เศษผ้าชิ้นนั้นยังมิทันหล่นพื้น กลับพุ่งเข้าไปในฝ่ามือท่าน

เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน ใช้เศษผ้าชิ้นนั้นห่อหุ้มรอบเข็มเล่นนั้นแล้วดึงออก ปากส่งเสียงว่า

“เข็มอาบยาพิษ”

เมื่อห่อหุ้มเข็มเล่มนั้นไว้ดีแล้ว ยื่นส่งให้แก่ขอทานพเนจรหวงเกาฉือ พร้อมกับส่งเสียงกล่าวว่า

“ขอทานเฒ่า ข้าพเจ้ารบกวนท่านเก็บรักษาเอาไว้ก่อน ระมัดระวังด้วย เข็มเล่มนี้อาบพิษร้าย ลักษณะคล้ายพิษที่สังหารท่านขอทานแปดหว่านฉี”

กล่าวจบยื่นนิ้วจี้ปราดรวดเร็วยิ่ง จี้สกัดสามจุดบริเวณข้อมือ ข้อพับเหนือข้อศอก หัวไหล่ของเอี้ยวเซียว จากนั้นล้วงขวดกระเบื้องเคลือบดึงจุกปิดปากขวดออก แล้วเทเม็ดยาขนาดเท่าไข่จิ้งจกสีดำสนิทออกมาเม็ดหนึ่ง ยื่นส่งให้กับเอี้ยวเซียว แล้วส่งเสียงกล่าวว่า

“รีบกลืนกินยานี้เข้าไปก่อน เจ้ามิต้องตระหนกตกใจไป พิษยังมิทันแล่นเข้าสู่ท่อนแขน อาจารย์จี้สกัดจุดสามจุดป้องกันเอาไว้แล้ว พิษมิอาจแล่นเข้าสู่ร่างกายเจ้าได้ เมื่อตัวยาที่เจ้ากลืนกินออกฤทธิ์ มิเกินครึ่งชั่วยาม พิษร้ายกาจนี้ย่อมสลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง”

เอี้ยวเซียวรีบยื่นมือรับเม็ดยานั้น พร้อมกับยื่นส่งเข้าปากกลืนกินลงไปโดยมิชักช้า แล้วส่งเสียงเอ่ยกล่าวว่า

“ท่านอาจารย์ เข็มอาบยาพิษนั้น มิใช่เป็นเข็มพิษชนิดเดียวกันกับที่สังหารท่านผู้เฒ่าแปดหว่านฉือหรอกหรือ?”

เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน หันหน้ามาทางเยี่ยนผิง สีหน้าท่านเคลือบแคลงสงสัยยิ่ง ส่งเสียงกล่าวถามว่า

“โกวเนี้ยน้อยเยี่ยนผิง เห็นทีคราวนี้เจ้าคงต้องให้ความกระจ่างกับทุกท่านในที่นี้แล้ว เจ้าทราบอยู่ก่อนแล้ว ในห่อผ้านี้มีเข็มพิษซุกซ่อนอยู่ภายใน แต่เจ้ายังยื่นส่งห่อผ้านี้ให้แก่เอี้ยวเซียวศิษย์เรา หากเรามิใช่ฉายาเจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน ป่านนี้เอี้ยวเซียวนางคงติดตามผู้เฒ่าทั้งสามเป็นอีกคนแล้ว”

ทุกคนเมื่อได้ฟังเจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนกล่าวถามเช่นนั้น ต่างแสดงสีหน้าเคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน มีเพียงสองสามีภรรยาแซ่เซียว อีกทั้งเฉาลู่ฟาง ทั้งสามคล้ายมิรู้สึกแปลกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนส่งเสียงกล่าวต่อว่า

“หากเจ้ามิชี้แจงให้กระจ่าง เกรงว่าทุกท่านในที่นี้คงมิอาจยินยอมรามือได้เป็นเด็ดขาด แต่ก่อนนั้นผู้คนเรียกหาเจ้าเป็นนางมารน้อยแห่งสำนักมารสวรรค์ มารดาเจ้าเป็นชาวอธรรมต่ำช้า หรือว่าเจ้าที่เข้ามาคบหากับจ่านจือศิษย์เรา เนื่องด้วยมีจุดประสงค์อันใดแอบแฝงซ่อนเร้น ใช่มารดาเจ้าสั่งให้เจ้าเข้ามาก่อกวนเรื่องราวหรือไม่?”

เยี่ยนผิงนางมิได้รู้สึกตกอกตกใจต่อคำพูดของเจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนแต่ประการใด เพียงแต่นางบอกกล่าวกับตัวเองในใจว่า

“ถูกต้องของท่าน ข้าพเจ้าเป็นนางมารน้อย หากข้าพเจ้ามิใช่นางมารน้อย ป่านนี้ข้าพเจ้าคงตกหลุมพรางเข้าไปอยู่ในตาข่ายร่างแหของพวกท่านแล้ว ท่านกับแม่นางเอี้ยวเซียวแม้จะเฉลียวฉลาดปานใด เพียงแต่ข้าพเจ้ากลับมิได้โง่เขลา ดังนั้นพวกท่านอย่าเพิ่งด่วนส่งเสียงหัวร่อออกมา”

เยี่ยนผิงเหลียวมองทุกคน สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมองมาที่นาง ไป่ชิงเองซึ่งยืนอยู่ใกล้กับนางที่สุด ส่งเสียงกล่าวถามขึ้นว่า

“แม่นางเยี่ยนผิง เรื่องราวเป็นเช่นไร? ข้าพเจ้าสับสนงงงันไปหมดแล้ว ที่อาวุโสท่านกล่าวถามเมื่อครู่ แม้นข้าพเจ้าจะมิยินยอมเชื่อถือว่าท่านมีจุดประสงค์ร้ายต่อจ่านจือกับแม่นางเอี้ยวเซียว แต่ท่านคงต้องมีคำตอบบอกกล่าวออกมาแก่ทุกท่าน”

ไป่ชิงนางแม้เอ่ยวาจากล่าวถาม แต่สีหน้านางยังคงเชื่อมั่นว่า เยี่ยนผิงไม่มีวันคิดร้ายต่อจ่านจือเป็นเด็ดขาด แต่สำหรับกับเอี้ยวเซียวนั้น นางมิอาจคาดเดา ว่าเยี่ยนผิงมิจุดประสงค์อันใดกับนางหรือไม่

เยี่ยนผิงนางมิเคยสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้มาก่อน โดยปกตินางเป็นคนอารมณ์ร้อน คิดจะกระทำสิ่งใด นางก็กระทำสิ่งนั้น หลังจากเหตุการณ์หลายอย่างผ่านเข้ามา กระทั่งนางถูกมารดานางมารเยือกเย็นเหยาเยี๊ยะเหยียน กับวานรเหินอั้งเซี๊ยะเปา กักตัวจำกัดบริเวณนาง บังคับขืนใจนางให้วิวาห์กับมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่าถิง นับจากวันนั้นนางสุขุมเยือกเย็นลง แต่กระนั้นนางยังคงเป็นนางมารน้อยเยี่ยนผิงมิเปลี่ยนแปลง

เยี่ยนผิงแสดงสีหน้าสงสัย แล้วส่งเสียงเอ่ยกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าคล้ายกับมิทราบ ว่าจะตอบคำถามใดก่อนดี ข้าพเจ้ายินยอมรับว่า ข้าพเจ้าเป็นนางมารน้อยเยี่ยนผิง ฉายานี้ข้าพเจ้าชื่นชอบยิ่ง เพียงแต่ข้าพเจ้าขอบอกกล่าวกับทุกท่านว่า ข้าพเจ้าเยี่ยนผิงถอนตัวออกจากสำนักมารสวรรค์มาสักระยะหนึ่งแล้ว ทุกเรื่องราวหลังข้าพเจ้าถอนตัว หากเกิดเรื่องราวใดขึ้น มิว่ากับสำนักมารสวรรค์ หรือมารดาข้าพเจ้า หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับข้าพเจ้า”

เอี้ยวเซียวเหลียวมองหน้าเจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน จากนั้นส่งเสียงกล่าวว่า

“แม้นเรื่องราวของมารดาท่านกับสำนักมารสวรรค์ ท่านมิมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่สำหรับการตายของสามผู้เฒ่า เห็นทีท่านมิอาจปฏิเสธได้ว่ามิมีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้เฒ่าแปดหว่านฉีท่านเสียชีวิตด้วยเข็มอาบยาพิษ ข้าพเจ้าเองหากท่านอาจารย์มิยื่นมือเข้าช่วยเหลือรวดเร็ว ป่านนี้ข้าพเจ้าคงต้องติดตามผู้เฒ่าทั้งสามไปแล้วก็เป็นได้ เข็มอาบยาพิษในห่อผ้านั้นอยู่กับท่าน ท่านมีคำอธิบายนี้เป็นเช่นไร?”

เอี้ยวเซียวฉกฉวยโอกาสนี้ ท่านว่าตีงูต้องตีให้ตาย ไม่อาจปล่อยพยัคฆ์คืนดง เอี้ยวเซียวนางคล้ายระแคะระคาย เยี่ยนผิงกับจ่านจือศิษย์พี่นาง ต้องมีเรื่องราวใดปิดบังอำพราง นางเกรงว่าจะถูกเปิดโปง เหตุการณ์ในโรงเตี๊ยมบนเส้นทางสายหลัก นางมิทราบว่าเยี่ยนผิงจะระแคะระคายมากน้อยเท่าใด แต่สำหรับจ่านจือศิษย์พี่ของนางนั้น ขณะที่นางฉกหยกเหินลมสองชิ้นจากคอ สายตาสะท้านรุนแรงของจ่านจือ ขณะประสานสบสายตากับนางนั้น เขาสะท้านด้วยเรื่องราวใด

แต่สำหรับจ่านจือศิษย์พี่นาง นางมิใคร่กังวลใจเท่าใดนัก หลังจากจ่านจือบาดเจ็บกลับมาสำนัก เขาเองมิได้มีปฏิกิริยาใดสงสัยในตัวนาง นางเองกลับปรนนิบัติต่อศิษย์พี่ดียิ่ง ทั้งยังมอบเสื้อคลุมไหมหยกสวรรค์ให้ศิษย์พี่นางสวมใส่ ทั้งคอยปรนนิบัติรับใช้มิเคยดูดายเกียจคร้าน ก่อนงานชุมนุมใหญ่จะมาถึง นางต้องปฏิบัติดียิ่งต่อศิษย์พี่ของนาง

เพียงแต่สำหรับกับเยี่ยนผิงนั้น ย่อมผิดแผกแตกต่างประการหนึ่ง นางคล้ายระแวงสงสัย สงสัยว่าเยี่ยนผิงจะระแคะระคายมากน้อยเท่าใดในตัวนาง นางลอบสังเกตอยู่บ้าง เพียงแต่นางทำเป็นไม่สนใจไม่รู้ตัว พร้อมกับแสดงความมีน้ำมิตรไมตรีอันดีต่อเยี่ยนผิง

คนเรามิอาจมองได้เพียงเปลือกนอก คนเรามักหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าแสดงออกสัตย์ซื่อคุณธรรม ลับหลังกลอกกลิ้งยิ่งกว่าหยดน้ำบนใบบัว ชั่วดีดำขาวมิอาจวัดได้เพียงภายนอก จะต้องมองให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ ทว่าจะมองให้ลึกซึ้งถึงเพียงใดก็ตาม แต่มิอาจมองลึกซึ้งถึงก้นบึ้งจิตใจคน

เมื่อโอกาสทองเป็นของนางแล้ว เอี้ยวเซียวจึงมิอาจปล่อยไปให้หลุดมือได้ ดังนั้นเมื่อเอี้ยวเซียวกล่าวถามเช่นนั้น ทุกคนในที่นั้นต่างรอคอยฟังคำตอบจากเยี่ยนผิง

เอี้ยวเซียวเห็นเยี่ยนผิงยังมิตอบคำถามนาง จึงรีบเร่งเร้ากล่าวถามขึ้นอีกว่า

“ว่าเช่นไรแม่นางเยี่ยนผิง? เข็มพิษที่สังหารท่านผู้เฒ่าแปดหว่านฉีไฉนจึงอยู่กับท่าน ส่วนเรื่องที่ข้าพเจ้าโดนเข็มอาบยาพิษเมื่อครู่ ข้าพเจ้ามิกล่าวคำตำหนิเอาโทษท่าน เพียงแต่การตายของสามผู้เฒ่า ข้าพเจ้าว่าแม่นางเยี่ยนผิงจะต้องชี้แจงให้กระจ่างแก่ทุกท่านในที่นี้ทราบ”

เยี่ยนผิงแสร้งแสดงสีหน้าเสียใจ เหลียวมองหน้าทุกคนแล้วส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“ข้าพเจ้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้าพเจ้าผิดพลาดเองต้องขออภัยต่อทุกท่านด้วย รวมทั้งแม่นางเอี้ยวเซียว ข้าพเจ้าเกือบฆ่าท่านด้วยเข็มพิษเล่มนั้น ดังนั้นข้าพเจ้าจะบอกเล่าความจริงให้แก่ทุกท่านทราบมิปิดบัง”

ทุกคนในที่นั้นแสดงสีหน้ากระตือรือร้นสนใจยิ่ง เอี้ยวเซียวคิดในใจว่า เยี่ยนผิงจะมีลูกไม้ใดแสดงออกมา แต่สำหรับเยี่ยนผิงนางคล้ายทราบอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นนางจึงมิสะทกสะท้าน คิดจะเล่นงานนางมิง่ายดายนัก จึงส่งเสียงบอกเล่าเรื่องราวว่า

“แท้จริงแล้ว เข็มอาบยาพิษเล่มนั้น เป็นเข็มพิษซึ่งสังหารท่านผู้เฒ่าแปดหว่านฉีจริง ๆ ข้าพเจ้าค้นพบบนซากศพท่าน เพียงแต่ข้าพเจ้าต้องการปกปิดเอาไว้สักระยะหนึ่ง เนื่องด้วยต้องการจะพิสูจน์ความจริงบางอย่าง ว่าเข็มพิษเล่มนั้นเป็นพิษของค่ายพรรคสำนักใด? เรื่องราวเหล่านี้แม้ข้าพเจ้าจะปกปิดต่อทุกท่าน แต่ทว่าข้าพเจ้าได้บอกกล่าวแก่อาวุโสแซ่เซียวทั้งสองแล้ว รวมทั้งเฉาลู่ฟาง เพียงแต่ข้าพเจ้ากำชับต่อพวกเขาเอาไว้ให้เก็บเรื่องราวเหล่านี้เป็นความลับ มิให้แพร่งพรายออกไป”

สองสามีภรรยาแซ่เซียวรวมทั้งเฉาลู่ฟางต่างทราบว่า เยี่ยนผิงนางย่อมมีทางออกแล้ว รีบส่งเสียงกล่าวโดยพร้อมเพรียงว่า

“ถูกต้อง พวกเราเป็นพยานเรื่องราวเหล่านี้ให้กับนางได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยนผิงดำเนินแผนการของนางต่อทันที นางหันมาทางด้านเฉาลู่ฟาง แล้วส่งเสียงกล่าวคล้ายตำหนิว่า

“เฉาลู่ฟาง ข้าพเจ้าให้ท่านเก็บรักษาเข็มพิษนี้ไว้ แล้วให้ส่งห่อผ้าที่ด้านในเก็บอาวุธลับรูปใบนั้นเอาไว้ให้กับข้าพเจ้า ไฉนท่านมิดูให้ดีก่อน กลับส่งห่อผ้าที่ภายในมีเข็มพิษอยู่ภายในให้ข้าพเจ้าแทน กระทั่งเกือบทำให้แม่นางเอี้ยวเซียวประสบเภทภัยใหญ่หลวงแล้ว โชคดีที่แม่นางเอี้ยวเซียวนางใจกว้างมิเอาโทษโกรธแค้น แล้วมิทราบว่าห่อผ้าที่ข้าพเจ้าให้ท่านเก็บรักษาไว้เล่า?”

เฉาลู่ฟางปัญญาฉับไว ล้วงเข้าไปในอกเสื้อควานหาอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับมืออีกข้างหนึ่งตบไล่ไปตามร่างกาย ส่งเสียงกล่าวออกมาว่า

“แม่นางเยี่ยนผิง ข้าพเจ้าสะเพร่าเลินเล่ออีกแล้ว มิทราบว่าห่อผ้าของท่าน ซึ่งภายในมีอาวุธลับรูปใบไม้แหลมคมเหมือนกับที่พบในรองเท้าของท่านผู้เฒ่าแปดหว่านฉี มิทราบว่าหล่นหายไปตั้งแต่เมื่อใด? อาจจะเป็นตอนที่ข้าพเจ้าหยิบสลับให้กับท่านก็อาจเป็นไปได้ ในเมื่อห่อผ้านั้นมิได้อยู่กับข้าพเจ้าแล้ว พวกเราสมควรกระทำเช่นไรต่อไปดี?”

เยี่ยนผิงปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก ส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“ในเมื่อสิ่งของมิได้อยู่กับพวกเราแล้ว เช่นนั้นท่านคิดว่าสิ่งของอยู่กับผู้ใด? พวกท่านมิต้องกังวลไป ข้าพเจ้าเยี่ยนผิงจะสืบสาวเรื่องราวให้กระจ่างในเร็ววัน พร้อมกับรับปากกับทุกท่านว่า ในวันชุมนุมชาวยุทธ์ที่ใกล้จะมาถึง ข้าพเจ้ามีเรื่องราวความคืบหน้า กับเรื่องราวสำคัญประการหนึ่งที่จะบอกกล่าวแก่ทุกท่านให้รับทราบ”

เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน สบสายตากับเอี้ยวเซียววูบหนึ่ง ก่อนที่เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนจะส่งเสียงกล่าวว่า

“เอาเถิด เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ พวกเราค่อยสืบสาวในภายหลัง รีบนำศพผู้เฒ่าโอ่วกลับสำนักก่อนเถิด ทุกท่านมีความคิดเห็นเป็นเช่นไร?”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ดังนั้นคนของสำนักตำหนักหมื่นเทพ จึงช่วยกันนำร่างผู้เฒ่าโอ่วออกเดินทางจากป่าแห่งนั้น

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า