มองไปที่ถุงน้ำดีงูสีดำขนาดเท่าลูกมะนาว หลินเสี่ยวอ้าปากกว้างเตรียมที่กลืนมันลงไป เมื่อเธอเอามันเข้าปากอย่างไม่ลังเลใดๆ มันดันถูกฟันเขี้ยวของเธอฉีกทันที
ฟี้ด!
น้ำดีพุ่งเข้าไปในปากของเธอ และเธอตัวแข็งทื่อ
‘เหี้ย ฉิบหาย!’
“อ๊าาากกกส์!”
เธอส่งเสียงหอนแปลก ๆ แล้วปิดปากของเธอด้วยกรงเล็บของเธอ หน้าทั้งหน้าของเธอบิดเบี้ยว หลังจากนั้นเธอก็ผุดลุกขึ้นและรีบวิ่งไปที่ริมทะเลสาบ
“อ๊าาากกกส์!” ตกใจกับเสียงคำรามของหลินเสี่ยว จุนจุนรีบวิ่งออกจากพื้นที่เล็ก ๆ เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเห็นหลินเสี่ยวนอนอยู่ริมทะเลสาบใบหน้าของเธอจมอยู่ในน้ำ แต่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
หลังจากแช่ใบหน้าของเธอในน้ำและกินน้ำเข้าไปสองสามอึกใหญ่ หลินเสี่ยวเงยหน้าอมน้ำเต็มปาก ขณะที่เธอดิ้นรนขึ้นจากพื้นด้วยท่าทางเจ็บปวด จากนั้นเธอก็นั่งยองๆข้างทะเลสาบเพื่อล้างมือ
น้ำดีของงูนั้นขมมาก ตอนนี้ เธอรู้สึกว่ารสขมได้ครอบครองลิ้นของเธอทั้งหมด มันช่างขมขื่น! ครั้งหนึ่งเธอได้ลิ้มรสรากโกลด์ทรีด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ขมเท่าน้ำดี!
** Goldthread เป็นสมุนไพรที่สูญพันธุ์ไปกว่า 200 ปีแล้ว
เธอหันหน้าไปบ้วนน้ำที่อมอยู่ในปาก จากนั้นล้างมือให้สะอาดแล้วตักน้ำเพิ่มให้ตัวเองดื่ม ในที่สุดเธอก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงเล็กน้อยเพราะความขมในปากของเธอยังไม่จางหายไป!
เธอขมวดคิ้วจ้องมองไปที่ทะเลสาบด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งของเธอก็ผุดขึ้นมา
ในขณะที่น้ำในทะเลสาบมีผลวิเศษ เธอสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอแช่งูที่เหลือในทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบจะทำให้เนื้องูยังสดได้หรือไม่?
ด้วยความคิดนี้ เธอจึงหันหลังวิ่งกลับไปที่ร่างงู จากนั้นเหวี่ยงกรงเล็บของเธอไปที่หางโครงกระดูก
เคร้ง!
โครงกระดูกครึ่งหนึ่งของงูถูกตัดออกจากร่างกายส่วนบน
หลังจากนั้น หลินเสี่ยวก็กางหนังงูที่เธอลอกออกมาก่อนหน้านี้บนพื้น หั่นเนื้องูเป็นชิ้น ๆ เมื่อเอาหนังงูออกแล้ว ตอนนี้กรงเล็บของเธอมีประโยชน์มาก เธอตัดกระดูกและเนื้องูออกอย่างง่ายดาย แบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อกองบนหนังงู
โชคดีที่ได้รดน้ำต้นสตรอเบอร์รี่แล้ว เธอได้นำถังจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่ของเธอจากด้านนอกก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอสามารถใส่เนื้องูในถังเหล่านี้ได้ จากนั้นเทน้ำในทะเลสาบเพื่อแช่ไว้ แทนที่จะแช่งูทั้งตัวในทะเลสาบ ตอนนี้เธอต้องทิ้งเนื้องูไว้ในถังสักพักเพื่อดูว่าน้ำจะทำให้มันสดได้หรือไม่ มิฉะนั้น ถ้างูเกิดเน่าเสียในทะเลสาบ น้ำทั้งทะเลสาบจะเหม็นใช่ไหมล่ะ?
เธอตัดใบหน้าที่ขมขื่นเสร็จแล้วก็ไปล้างมือ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ไปหาถังด้วยตัวเอง เธอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและเขียนโน้ต แล้วเดินไปหาจุนจุนที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ที่กำลังดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอยื่นโน้ตนั้นให้จุนจุน จากนั้นลากโครงกระดูกครึ่งหนึ่งของงูและหัวของมันแล้วหายตัวไป
"ช่วยฉันใส่เนื้องูลงในถัง แล้วแช่ด้วยน้ำในทะเลสาบให้ที"
หลังจากออกมาหลินเสี่ยวโยนกระดูกงูทิ้งไปและมุ่งหน้าไปที่พื้นหญ้าข้าง ๆ แล้วแตะที่ท้องของเธอ ท้องของเธอยังเป็นรูขนาดใหญ่อยู่ ท้องของเธอยังหายไปครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เธอเพิ่งกลืนงูยักษ์ไปครึ่งตัว เนื้องูทั้งหมดนั้นหายไปไหน?
‘นี่มันไร้หลักวิทยาศาสตร์!’ เธอคิด
แต่แล้วเธอก็รู้ว่าการที่เธอกลายเป็นซอมบี้นั้นไร้หลักวิทยาศาสตร์มาก! มีอะไรที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่านั้นหรือไม่? เธอบอกตัวเองว่าเธอควรจะชินกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือแม้ว่าเธอจะกินเนื้องูเข้าไปเป็นจำนวนมาก เธอยังหิว! จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าเธอเหมือนผีปอบที่หิวกระหายอยู่ตลอดเวลามากกว่าซอมบี้!
ในขณะที่คิดถึงสภาพร่างกายในปัจจุบันของเธอ หลินเสี่ยวเข้าไปในฟาร์มแห่งนั้นสำรวจส่วนอื่น
เธอรู้สึกว่าพืชผลในฟาร์มแห่งนี้ไม่ใช่กินไม่ได้หมดทุกอย่างแบบที่คนอื่นเชื่อ แม้ว่าพืชผลทั้งหมดที่นี่จะติดเชื้อไวรัส หลินเสี่ยวเชื่อว่าหากเธอปลูกพวกมันในพื้นที่ของเธอ และรดน้ำให้พวกมันด้วยน้ำในทะเลสาบทุกวัน ไวรัสอาจถูกชะล้างไปทีละน้อย
เธอเชื่อเช่นนั้น เพราะตอนนี้ต้นสตรอเบอร์รี่ในพื้นที่ของเธอค่อนข้างแข็งแรง และเกือบจะปลอดจากไวรัสแล้ว กลิ่นอันเลวร้ายนั้นก็หายไปเช่นกัน
หลินเสี่ยวต้องการหาผักที่กินได้จากฟาร์ม ไม่เพียงเพราะเด็กน้อยในอวกาศของเธอหรืออู่เยว่หลิง ที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นมาก่อน แต่ยังเป็นเพราะครอบครัวของเธอ เธอเชื่อว่าหากอาหารทั่วโลกขาดแคลน ครอบครัวของเธอในภาคใต้อาจต้องการอาหารเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน
เธอคิดว่าถ้าเธอสามารถหาผักที่ไม่ได้กลายพันธุ์รุนแรงในฟาร์มและเก็บเมล็ดพืชได้ เธออาจจะใช้ทำเมล็ดพันธุ์ปลูกมันได้ในพื้นที่อวกาศของเธอ
เธอไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอนว่าผักอย่างกะหล่ำปลีจะอยู่รอดได้หรือไม่ หลังจากถูกขุดออกและย้ายปลูกในพื้นที่ของเธอ กระบวนการทั้งหมดนั้นจะยุ่งยากเล็กน้อย แต่เธอต้องพยายามและทำได้เร็วมากๆ สำหรับถั่วและแตงเมล็ดของมันจะเก็บได้ง่าย
ด้วยความคิดเหล่านี้ หลินเสี่ยวจึงเริ่มขุดผักในฟาร์ม เธอขุดผักที่ปลูกได้อย่างดีแล้วโยนตรงเข้าไปในพื้นที่อวกาศของเธอพร้อมกับดิน เธอไม่รู้ว่าผักเหล่านั้นจะอยู่รอดได้หรือไม่ แต่เมื่อเธอปลูกสตรอเบอร์รี่สำเร็จ ด้วยวิธีนี้ผักเหล่านี้ก็อาจรอดได้เช่นกัน!
.
ในความเป็นจริง เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทำสวนหรือการเกษตรเลย! ตอนนี้เธอพยายามทุกวิถีทาง
นอกจากนี้ เธอยังพบมันฝรั่งจำนวนมาก ต้นมันฝรั่งกลายพันธุ์ดูแปลก ๆ แต่หลินเสี่ยวพบว่ามันฝรั่งที่ฝังอยู่ใต้ดินนั้นกลายพันธุ์เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนั้น เธอยังพบว่ามันเป็นเหมือนกันในบรรดาพืชที่กลายพันธุ์ในโลกหลังการล่มสลาย – ยิ่งพืชมีลักษณะเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ ปริมาณไวรัสก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าพืชบางชนิดกลายพันธุ์และเป็นพาหะของไวรัส แต่จริงๆแล้วพวกมันส่วนใหญ่กินได้
เธอรู้สึกว่าพืชเหล่านั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพื่อการปกป้องการสูญพันธ์ของตัวเอง
หลินเสี่ยวค่อนข้างเร่งรีบที่จะมุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของเธอ แต่ในขณะนั้น เธอยังคงหยุดอยู่ในฟาร์มเพื่อหาผักที่กินได้ เธอทำอย่างนั้นเพราะวันหนึ่ง สิ่งที่เธอทำที่นี่อาจช่วยครอบครัวของเธอได้ แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงกรณีที่สมาชิกในครอบครัวของเธอยังมีชีวิตอยู่
เมื่อคำนึงถึงเวลาแล้วเธอใช้เวลาเพียงครึ่งวันในฟาร์ม เธอเลือกผักที่ติดเชื้อแค่เล็กน้อย รวมทั้งกองฟักทองยักษ์และมันฝรั่ง รวมถึงพืชที่ไม่ได้รับเชื้อด้วย นอกจากนั้น เธอยังเก็บเมล็ดแห้ง ถั่วเมล็ดแก่ครึ่งหนึ่ง
แล้วเธอก็เข้าไปในพื้นที่ของเธอ หาพื้นที่ว่างเปล่าและเริ่มขุด เธอไม่มีจอบหรือเครื่องมืออื่นใด เธอจึงขุดมันด้วยกรงเล็บของเธอเท่านั้น
จุนจุนวางลูกชายลงบนเตียงซึ่งตั้งไว้บนพื้นหญ้า และเคยเป็นของอู่เยว่หลิง จากนั้นก็ไปช่วยหลินเสี่ยว
เมื่อหลินเสี่ยวขุดหลุมเสร็จ จุนจุนปลูกผักในหลุมพร้อมกับดินจากด้านนอกแล้วถมให้ต้นตั้งตรง หลังจากนั้นเธอก็ขนน้ำจากทะเลสาบไปรดน้ำผัก พวกเขาทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งเด็กน้อยลุกขึ้นนั่งบนเตียงและเรียกหาแม่ พวกเขาก็หยุด
“แม่ครับ! ผมหิว!” เด็กชายตัวน้อยเบิกตาดำและขาวขึ้น พูดขณะที่มองไปที่จุนจุน ที่ล้างมือแล้วและกำลังเดินไปหาเขา
หลังจากกินสตรอเบอร์รี่ ดวงตาของเด็กน้อยก็ไม่หมองคล้ำเหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขายังดูซีดเซียว
จุนจุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของลูกชาย แต่มันก็ดีกว่าเมื่อก่อนตอนที่เธอยังไม่ได้พบกับหลินเสี่ยว ในตอนนั้น เธอหาอาหารหรือน้ำให้ลูกชายไม่ได้ และกังวลว่าจะป่วย อย่างน้อยที่สุดสถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้นแล้ว
บทที่ 82 : ทำซุปงูด้วยน้ำในทะเลสาบ
หลินเสี่ยวมองไปที่ใบหน้าของเด็กน้อยจากนั้นก็ออกจากอวกาศของเธอ เธอไปที่ป่าข้างไร่เพื่อเก็บไม้แห้งจำนวนมาก แล้วนำกลับเข้ามา หลังจากนั้นเธอก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เลือกก้อนหินสองสามก้อนและสร้างเตาเล็ก ๆ บนพื้นที่ว่างเปล่าริมทะเลสาบกับไม้แห้งพวกนั้น
ตอนนี้เธอไม่มีสิ่งของมากมายในพื้นที่ของเธอ แต่มีทุกอย่างที่เธอต้องการในขณะนี้ เช่นหม้อ เซี่ยตงทุบหม้อก่อนหน้านี้ แต่เธอมียังมีเพิ่มมาอีก
เธอยังเก็บของที่มีประโยชน์มากมายจากอาคารที่พักที่พบเด็กน้อย และร้านค้าไม่ไกลจากที่นั่น
หลินเสี่ยวมองไปที่แตงทั้งหมดที่เธอกองอยู่บนพื้นหญ้า จากนั้นเขียนลงบนกระดาษว่า - "ฉันจะทำซุปงูให้เขากิน"
จุนจุนหยุดชะงักชั่วครู่ แล้วมองไปที่หลินเสี่ยวด้วยความลังเล หลินเสี่ยวอ่านใจของเธอและรับรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
เธอคิดว่างูกลายพันธุ์และเต็มไปด้วยไวรัส เธอสงสัยว่ามันกินได้สำหรับเด็กจริงๆหรือ เกิดอะไรขึ้นถ้าเด็กติดเชื้อ?
หลินเสี่ยวหยิบกระดาษออกมาและเขียนต่อ - ‘เหมือนที่ฉันพูด น้ำในทะเลสาบสามารถกำจัดไวรัสได้ นำเนื้องูไปแช่น้ำไว้สักพัก หลังจากนั้นฉันจะลวกมันแล้วต้ม ฉันคิดว่าไวรัสจะหายไปหลังจากนั้น '
หลังจากแสดงโน้ตให้จุนจุน เธอเริ่มจุดไฟบนเตาหิน การก่อกองไฟในถิ่นทุรกันดารไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เธอเคยฝึกภาคสนามมาก่อน และมักต้องปรุงอาหารในถิ่นทุรกันดาร ที่สำคัญเธอเคยพบไฟแช็กที่ใช้งานได้ในร้านค้านั่น
อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีเกลือเลย ซุปที่เธอทำจะไม่อร่อยเท่าไหร่ แต่ยังไงก็คงดีกว่าไม่มีอะไรกินเลย
หลังจากก่อไฟแล้ว เธอเติมน้ำลงในหม้อแล้วยกขึ้นตั้งบนเตา
จากนั้นเธอก็เอาเนื้องูออกจากถัง แล้วใส่จานซุป เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีทางตัดเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ พร้อมกับกระดูกได้ เพราะเธอไม่มีมีด! เธอใช้กริช แต่มันเล็กเกินไป มันสามารถตัดเนื้อได้ แต่ไม่สามารถหักกระดูกได้
เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลาะเนื้อออกจากกระดูกด้วยกริชเล่มนั้น ก่อนอื่นเธอตัดส่วนที่ถูกตัดด้วยกรงเล็บของเธอ จากนั้นแล่เนื้อออกอย่างระมัดระวัง ในขณะที่ทำเช่นนั้น เธอยังเอาเนื้อเข้าปากของเธอเอง เมื่อเฉือนเนื้อออกหมดแล้วเธอก็โยนกระดูกงูทิ้ง
เมื่อเสร็จแล้วเธอก็ล้างเนื้องูด้วยน้ำในทะเลสาบจากนั้นรอให้น้ำเดือด
จุนจุนยืนอยู่ข้างๆ เธอดูเธอทำทั้งหมดนี้ เธออยากช่วย แต่เมื่อเห็นว่าการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายรวดเร็วและราบรื่นมาก เธอรู้สึกว่าหลินเสี่ยวน่าจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ
ไม้ที่หลินเสี่ยวเก็บรวบรวมได้ลุกเป็นไฟอย่างรวดเร็ว พวกมันแห้งมาก เธอไม่ได้ใส่น้ำมากเกินไปในหม้อ ไม่นานน้ำก็เริ่มร้อนเป็นไอ
พอน้ำเริ่มเดือด หลินเสี่ยวเทมันลงในจานซุปเพื่อลวกเนื้องูแล้วเทน้ำทิ้ง หลังจากนั้นก็ใส่เนื้องูเติมน้ำเย็นใหม่ลงไปในหม้อรอให้เดือด
เธอหักกิ่งไม้แห้งจำนวนมาก แล้วใส่ลงในเตาเพื่อให้ไฟแรงขึ้น
หลินเสี่ยวและจุนจุนมองไม่เห็นสีของไฟ ในสายตาของพวกเขา ไฟนั้นโปร่งใส พวกเขาไม่สามารถรู้สึกถึงอุณหภูมิของไฟได้เช่นกัน แต่รู้สึกได้ว่าไฟนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่แผดเผา
เธอลวกเนื้องูอีกครั้ง จากนั้นเติมน้ำเย็นลงไปเพื่อตุ๋น มันต่อ ระหว่างรอ เธอปอกมันฝรั่งแล้วโยนลงหม้อ เมื่อเธอรู้สึกว่าซุปใกล้จะพร้อมแล้ว เธอหยิบผักใบที่ไม่ติดเชื้อมาล้าง แล้วใส่ลงไปในหม้อ
สัมผัสกลิ่นของซุปงู หลินเสี่ยวหมดความสนใจกับเนื้องูที่อยู่ข้างใน เธอสนใจ แต่เนื้อดิบ!
อย่างไรก็ตาม เธอสามารถบอกได้ว่ากลิ่นนั้นมีเชื้อไวรัสหรือไม่และซุปนั้นมนุษย์สามารถกินได้ ในที่สุดซุปงูก็ข้นมาก เพราะมันฝรั่งสุกจนเป็นเนื้อเดียวกัน
“โอ้โฮ…” เมื่อหลินเสี่ยวดับไฟและตักซุปใส่ชามส่งให้เด็กน้อยพร้อมกับช้อนเล็ก ๆ เด็กชายหลั่งน้ำตา ใบหน้าที่น่าเกลียดของเธอทำให้เด็กคนนั้นกลัวอีกครั้ง
เมื่อมองไปที่ด้านหลังศีรษะของเด็กชายและรู้ว่าเขาร้องไห้เพราะใบหน้าที่น่าเกลียดของเธอ หลินเสี่ยวจุกจนพูดไม่ออก
'บ้าเอ้ย! ความเมตตาของฉันไม่ดี… ’เธอคิด จุนจุนยิ้มให้เธออย่างขอโทษ จากนั้นก็รีบตักซุป
หลินเสี่ยวมองดูเธอหยิบซุปชามนั้นออกไปอย่างไร้ความรู้สึก จากนั้นก็ออกไปจากพื้นที่เล็ก ๆ นั้น และเธอก็ออกจากพื้นที่อวกาศของเธอ เธอเหลือบมองไปที่ฟาร์มจากนั้นออกตัวรถแล้วขับไปทางใต้ต่อ
ในไม่ช้า เธอก็ขับรถบนทางหลวงมุ่งตรงไปทางใต้ ไม่นานเธอก็ขับรถออกจากเมืองทะเล และเข้าสู่มณฑลเจ้อ
.................................
ไม่มีอะไรทำให้เธอลำบากใจตลอดการเดินทางที่เหลือ ซอมบี้น้ำแข็งระดับห้าไม่ได้ไล่ตามเธออีกต่อไป และเจ้าตัวเล็กก็ถูกส่งกลับไปหาพ่อ ตอนนี้เธออยู่กับจุนจุนและลูกชายของเธอเท่านั้น ซอมบี้ตัวเมียสองตัวและหนึ่งลูกมนุษย์…กลุ่มนี้แปลกจริงๆ!
ระหว่างการเดินทาง, หลินเสี่ยวทำซุปงูให้เด็กน้อยวันละสองครั้ง กับอาหารจำพวกแป้งเช่นมันฝรั่ง เด็กน้อยค่อยๆมีพลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
หลินเสี่ยวจะหาเวลาสังเกตผักที่เธอปลูก ด้วยกรงเล็บอย่างไม่ชำนาญเรื่อยๆ
เธอคิดว่าพลังงานทั้งหมดในอวกาศของเธอกระจุกตัวอยู่ในทะเลสาบ เพราะผักทั้งหมดที่รดน้ำจากน้ำในทะเลสาบจึงรอดชีวิต ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเพราะดิน เธอจึงทิ้งพืชที่ไม่ได้ปลูกโดยไม่รดน้ำ แต่พืชเหล่านั้นก็ตายลงในไม่ช้า
เธอยังค้นพบว่าน้ำในทะเลสาบสามารถทำให้อาหารสดใหม่ได้ เนื่องจากเนื้องูที่แช่ในถังไม่เคยมีสัญญาณว่าจะเสียเลย
เพื่อให้มาถึงภาคใต้โดยเร็วที่สุด หลินเสี่ยวขับรถทั้งกลางวันและกลางคืน ในสองสามวันแรก เธอจะหยุดเมื่อทำอาหารให้เด็กน้อยเท่านั้น ต่อมาจุนจุนได้เรียนรู้การทำซุปงู และรับหน้าที่ทำอาหารให้ลูกชายเธอเอง
จุนจุนก็ค้นพบเช่นกัน บางครั้งเธอจะรู้สึกหิวมาก ปรารถนาที่จะตะครุบเด็กน้อยและกัดเขาเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นของเขา ทุกครั้งที่เกิดขึ้น เธอจะวิ่งไปที่ริมทะเลสาบและดื่มน้ำจากทะเลสาบให้มากที่สุด เธอค่อยๆค้นพบว่าน้ำในทะเลสาบสามารถยับยั้งความอยากอาหารของเธอในการดำรงชีวิตเช่นมนุษย์ได้
หลังจากพบสิ่งนั้น จุนจุนมีความสุขมาก สิ่งทั้งหมดทำได้ด้วยน้ำในทะเลสาบ เธอจะไม่เสียสติและทำร้ายลูกชายตัวน้อยอย่างน้อย
ในไม่ช้าหลินเสี่ยวก็ขับรถข้ามมณฑลเจ้อและเข้าสู่มณฑลมิน
เมื่อถึงตอนนั้นคนที่เธอตามหาก็เข้ามาในมณฑลมินเช่นกัน แต่จากทิศทางตรงกันข้าม
หลินเฟิงและผู้ติดตามที่ภักดีเพียงไม่กี่คนปกป้องครอบครัวของเขาให้หลบหนีจากมณฑลเยว่ หลีกเลี่ยงกองกำลังติดตามจำนวนมากในทางของพวกเขา
ในเมืองหลงหยาน ของมณฑลเจ้อ กลุ่มคนซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ในสถานที่ซึ่งเคยเป็นคาราโอเกะคลับ ที่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าสูงสี่ชั้น
ประตูด้านหน้าของคลับถูกปิดอย่างแน่นหนา ทหารสองนายสวมชุดพราง ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะบิลเลียดข้างประตู ไขว้ขาและหน้าดำคล้ำ เขาถือไม้หนาประมาณนิ้วโป้งด้วยมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งมีดสั้นคม เขาค่อยๆเหลาไม้ด้วยกริช
เขาเหลาปลายไม้ด้านหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
คนกลุ่มหนึ่งจับกลุ่มกันอยู่ในห้องข้างในคลับ บางคนนั่งและบางคนยืนอยู่ ทั้งหมดยังคงเงียบ ในบรรดาคนเหล่านี้เป็นชายในวัยสามสิบ เขามีใบหน้าเหลี่ยมคมและกลิ่นอายที่จริงจังมาก ดวงตาของเขาเฉียบคม ริมฝีปากบางกดลงจนเป็นเส้นตรง เขาดูจริงจังมากจนคนทั่วไปไม่กล้าเข้าใกล้ เด็กญิงตัวเล็ก ที่ดูฉลาดนั่งอยู่บนตักของเขา
เด็กหญิงตัวเล็กไม่สูง แต่มีใบหน้าที่บอบบางน่ารัก เสื้อผ้าของเธอสะอาดและดวงตากลมโตของเธอเป็นประกายเจิดจ้า
2 วันอัพค่ะ