Your Wishlist

ซอมบี้สาวเจ้าแผนการ (บทที่ 81 - 82 : มันขมมาก!)

Author: panthera

หลินเสี่ยวจำไม่ได้ว่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมานับตั้งแต่หลังโลกเกิดวันสิ้นโลกขึ้น เธอตื่นขึ้นมาเพียงเพื่อจะพบว่าตัวเองกลายเป็นทารกแรกเกิด มหาอำนาจแห่งซอมบี้ ในร่างกายที่เคยเป็นของผู้หญิงชั่วร้ายและฉาวโฉ่! เมื่อเด็กหญิงถูกลักพาตัวและพ่อของเธอถูกข่มขืน คนกลุ่มนั้นทำให้เธอตายด้วยการลงมือประทุษกรรมเธอ มันเป็นสิ่งที่ติดพันเธอไปตลอดชีวิต ชีวิตของหลินเสี่ยวไม่มีทางเลือกนอกจากจัดการกับผลที่ตามมา ในขณะที่พยายามคิดถึงเรื่องราวในอดีตของเธอและชะตากรรมของคนที่เธอรัก

จำนวนตอน : 1456 Chapters (Completed)

บทที่ 81 - 82 : มันขมมาก!

  • 11/04/2564

 

มองไปที่ถุงน้ำดีงูสีดำขนาดเท่าลูกมะนาว  หลินเสี่ยวอ้าปากกว้างเตรียมที่กลืนมันลงไป  เมื่อเธอเอามันเข้าปากอย่างไม่ลังเลใดๆ  มันดันถูกฟันเขี้ยวของเธอฉีกทันที

 

ฟี้ด!

 

น้ำดีพุ่งเข้าไปในปากของเธอ  และเธอตัวแข็งทื่อ

 

‘เหี้ย  ฉิบหาย!’

 

“อ๊าาากกกส์!”

 

เธอส่งเสียงหอนแปลก ๆ  แล้วปิดปากของเธอด้วยกรงเล็บของเธอ  หน้าทั้งหน้าของเธอบิดเบี้ยว   หลังจากนั้นเธอก็ผุดลุกขึ้นและรีบวิ่งไปที่ริมทะเลสาบ

 

“อ๊าาากกกส์!”  ตกใจกับเสียงคำรามของหลินเสี่ยว   จุนจุนรีบวิ่งออกจากพื้นที่เล็ก ๆ เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น  เธอเห็นหลินเสี่ยวนอนอยู่ริมทะเลสาบใบหน้าของเธอจมอยู่ในน้ำ  แต่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!

 

หลังจากแช่ใบหน้าของเธอในน้ำและกินน้ำเข้าไปสองสามอึกใหญ่  หลินเสี่ยวเงยหน้าอมน้ำเต็มปาก  ขณะที่เธอดิ้นรนขึ้นจากพื้นด้วยท่าทางเจ็บปวด  จากนั้นเธอก็นั่งยองๆข้างทะเลสาบเพื่อล้างมือ 

 

น้ำดีของงูนั้นขมมาก  ตอนนี้ เธอรู้สึกว่ารสขมได้ครอบครองลิ้นของเธอทั้งหมด   มันช่างขมขื่น!  ครั้งหนึ่งเธอได้ลิ้มรสรากโกลด์ทรีด  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ขมเท่าน้ำดี!

 

** Goldthread เป็นสมุนไพรที่สูญพันธุ์ไปกว่า 200 ปีแล้ว

 

เธอหันหน้าไปบ้วนน้ำที่อมอยู่ในปาก  จากนั้นล้างมือให้สะอาดแล้วตักน้ำเพิ่มให้ตัวเองดื่ม ในที่สุดเธอก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงเล็กน้อยเพราะความขมในปากของเธอยังไม่จางหายไป!

 

เธอขมวดคิ้วจ้องมองไปที่ทะเลสาบด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย ทันใดนั้น  ความคิดหนึ่งของเธอก็ผุดขึ้นมา

 

ในขณะที่น้ำในทะเลสาบมีผลวิเศษ  เธอสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอแช่งูที่เหลือในทะเลสาบ  น้ำในทะเลสาบจะทำให้เนื้องูยังสดได้หรือไม่?

 

ด้วยความคิดนี้  เธอจึงหันหลังวิ่งกลับไปที่ร่างงู   จากนั้นเหวี่ยงกรงเล็บของเธอไปที่หางโครงกระดูก

 

เคร้ง!

 

โครงกระดูกครึ่งหนึ่งของงูถูกตัดออกจากร่างกายส่วนบน

 

หลังจากนั้น  หลินเสี่ยวก็กางหนังงูที่เธอลอกออกมาก่อนหน้านี้บนพื้น  หั่นเนื้องูเป็นชิ้น ๆ  เมื่อเอาหนังงูออกแล้ว  ตอนนี้กรงเล็บของเธอมีประโยชน์มาก  เธอตัดกระดูกและเนื้องูออกอย่างง่ายดาย  แบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อกองบนหนังงู

 

โชคดีที่ได้รดน้ำต้นสตรอเบอร์รี่แล้ว  เธอได้นำถังจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่ของเธอจากด้านนอกก่อนหน้านี้  ตอนนี้เธอสามารถใส่เนื้องูในถังเหล่านี้ได้  จากนั้นเทน้ำในทะเลสาบเพื่อแช่ไว้  แทนที่จะแช่งูทั้งตัวในทะเลสาบ  ตอนนี้เธอต้องทิ้งเนื้องูไว้ในถังสักพักเพื่อดูว่าน้ำจะทำให้มันสดได้หรือไม่  มิฉะนั้น ถ้างูเกิดเน่าเสียในทะเลสาบ  น้ำทั้งทะเลสาบจะเหม็นใช่ไหมล่ะ?

 

เธอตัดใบหน้าที่ขมขื่นเสร็จแล้วก็ไปล้างมือ  หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ไปหาถังด้วยตัวเอง  เธอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและเขียนโน้ต  แล้วเดินไปหาจุนจุนที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ที่กำลังดูว่าเกิดอะไรขึ้น   เธอยื่นโน้ตนั้นให้จุนจุน  จากนั้นลากโครงกระดูกครึ่งหนึ่งของงูและหัวของมันแล้วหายตัวไป

 

"ช่วยฉันใส่เนื้องูลงในถัง  แล้วแช่ด้วยน้ำในทะเลสาบให้ที"

 

หลังจากออกมาหลินเสี่ยวโยนกระดูกงูทิ้งไปและมุ่งหน้าไปที่พื้นหญ้าข้าง ๆ แล้วแตะที่ท้องของเธอ  ท้องของเธอยังเป็นรูขนาดใหญ่อยู่   ท้องของเธอยังหายไปครึ่งหนึ่ง  อย่างไรก็ตาม  เธอเพิ่งกลืนงูยักษ์ไปครึ่งตัว  เนื้องูทั้งหมดนั้นหายไปไหน? 

 

‘นี่มันไร้หลักวิทยาศาสตร์!’ เธอคิด

 

แต่แล้วเธอก็รู้ว่าการที่เธอกลายเป็นซอมบี้นั้นไร้หลักวิทยาศาสตร์มาก!  มีอะไรที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่านั้นหรือไม่?  เธอบอกตัวเองว่าเธอควรจะชินกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอ

 

อย่างไรก็ตาม  ปัญหาก็คือแม้ว่าเธอจะกินเนื้องูเข้าไปเป็นจำนวนมาก  เธอยังหิว!  จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าเธอเหมือนผีปอบที่หิวกระหายอยู่ตลอดเวลามากกว่าซอมบี้!

 

ในขณะที่คิดถึงสภาพร่างกายในปัจจุบันของเธอ  หลินเสี่ยวเข้าไปในฟาร์มแห่งนั้นสำรวจส่วนอื่น

 

เธอรู้สึกว่าพืชผลในฟาร์มแห่งนี้ไม่ใช่กินไม่ได้หมดทุกอย่างแบบที่คนอื่นเชื่อ  แม้ว่าพืชผลทั้งหมดที่นี่จะติดเชื้อไวรัส  หลินเสี่ยวเชื่อว่าหากเธอปลูกพวกมันในพื้นที่ของเธอ   และรดน้ำให้พวกมันด้วยน้ำในทะเลสาบทุกวัน   ไวรัสอาจถูกชะล้างไปทีละน้อย

 

เธอเชื่อเช่นนั้น  เพราะตอนนี้ต้นสตรอเบอร์รี่ในพื้นที่ของเธอค่อนข้างแข็งแรง  และเกือบจะปลอดจากไวรัสแล้ว กลิ่นอันเลวร้ายนั้นก็หายไปเช่นกัน

 

หลินเสี่ยวต้องการหาผักที่กินได้จากฟาร์ม  ไม่เพียงเพราะเด็กน้อยในอวกาศของเธอหรืออู่เยว่หลิง ที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นมาก่อน แต่ยังเป็นเพราะครอบครัวของเธอ   เธอเชื่อว่าหากอาหารทั่วโลกขาดแคลน   ครอบครัวของเธอในภาคใต้อาจต้องการอาหารเพื่อความอยู่รอดเช่นกัน

 

เธอคิดว่าถ้าเธอสามารถหาผักที่ไม่ได้กลายพันธุ์รุนแรงในฟาร์มและเก็บเมล็ดพืชได้  เธออาจจะใช้ทำเมล็ดพันธุ์ปลูกมันได้ในพื้นที่อวกาศของเธอ

 

เธอไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอนว่าผักอย่างกะหล่ำปลีจะอยู่รอดได้หรือไม่  หลังจากถูกขุดออกและย้ายปลูกในพื้นที่ของเธอ  กระบวนการทั้งหมดนั้นจะยุ่งยากเล็กน้อย   แต่เธอต้องพยายามและทำได้เร็วมากๆ  สำหรับถั่วและแตงเมล็ดของมันจะเก็บได้ง่าย

 

ด้วยความคิดเหล่านี้  หลินเสี่ยวจึงเริ่มขุดผักในฟาร์ม  เธอขุดผักที่ปลูกได้อย่างดีแล้วโยนตรงเข้าไปในพื้นที่อวกาศของเธอพร้อมกับดิน  เธอไม่รู้ว่าผักเหล่านั้นจะอยู่รอดได้หรือไม่  แต่เมื่อเธอปลูกสตรอเบอร์รี่สำเร็จ  ด้วยวิธีนี้ผักเหล่านี้ก็อาจรอดได้เช่นกัน!

.

ในความเป็นจริง  เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทำสวนหรือการเกษตรเลย!  ตอนนี้เธอพยายามทุกวิถีทาง

 

นอกจากนี้  เธอยังพบมันฝรั่งจำนวนมาก   ต้นมันฝรั่งกลายพันธุ์ดูแปลก ๆ  แต่หลินเสี่ยวพบว่ามันฝรั่งที่ฝังอยู่ใต้ดินนั้นกลายพันธุ์เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

นอกจากนั้น  เธอยังพบว่ามันเป็นเหมือนกันในบรรดาพืชที่กลายพันธุ์ในโลกหลังการล่มสลาย – ยิ่งพืชมีลักษณะเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่  ปริมาณไวรัสก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น  เห็นได้ชัดว่าพืชบางชนิดกลายพันธุ์และเป็นพาหะของไวรัส   แต่จริงๆแล้วพวกมันส่วนใหญ่กินได้ 

 

เธอรู้สึกว่าพืชเหล่านั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพื่อการปกป้องการสูญพันธ์ของตัวเอง

 

หลินเสี่ยวค่อนข้างเร่งรีบที่จะมุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของเธอ  แต่ในขณะนั้น  เธอยังคงหยุดอยู่ในฟาร์มเพื่อหาผักที่กินได้  เธอทำอย่างนั้นเพราะวันหนึ่ง  สิ่งที่เธอทำที่นี่อาจช่วยครอบครัวของเธอได้  แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงกรณีที่สมาชิกในครอบครัวของเธอยังมีชีวิตอยู่

 

เมื่อคำนึงถึงเวลาแล้วเธอใช้เวลาเพียงครึ่งวันในฟาร์ม  เธอเลือกผักที่ติดเชื้อแค่เล็กน้อย  รวมทั้งกองฟักทองยักษ์และมันฝรั่ง  รวมถึงพืชที่ไม่ได้รับเชื้อด้วย  นอกจากนั้น  เธอยังเก็บเมล็ดแห้ง   ถั่วเมล็ดแก่ครึ่งหนึ่ง

แล้วเธอก็เข้าไปในพื้นที่ของเธอ หาพื้นที่ว่างเปล่าและเริ่มขุด  เธอไม่มีจอบหรือเครื่องมืออื่นใด  เธอจึงขุดมันด้วยกรงเล็บของเธอเท่านั้น

 

จุนจุนวางลูกชายลงบนเตียงซึ่งตั้งไว้บนพื้นหญ้า    และเคยเป็นของอู่เยว่หลิง จากนั้นก็ไปช่วยหลินเสี่ยว

 

เมื่อหลินเสี่ยวขุดหลุมเสร็จ  จุนจุนปลูกผักในหลุมพร้อมกับดินจากด้านนอกแล้วถมให้ต้นตั้งตรง  หลังจากนั้นเธอก็ขนน้ำจากทะเลสาบไปรดน้ำผัก  พวกเขาทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว  จนกระทั่งเด็กน้อยลุกขึ้นนั่งบนเตียงและเรียกหาแม่  พวกเขาก็หยุด

 

“แม่ครับ! ผมหิว!”  เด็กชายตัวน้อยเบิกตาดำและขาวขึ้น  พูดขณะที่มองไปที่จุนจุน  ที่ล้างมือแล้วและกำลังเดินไปหาเขา

 

หลังจากกินสตรอเบอร์รี่  ดวงตาของเด็กน้อยก็ไม่หมองคล้ำเหมือนเมื่อก่อน  อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขายังดูซีดเซียว

 

จุนจุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของลูกชาย  แต่มันก็ดีกว่าเมื่อก่อนตอนที่เธอยังไม่ได้พบกับหลินเสี่ยว  ในตอนนั้น  เธอหาอาหารหรือน้ำให้ลูกชายไม่ได้  และกังวลว่าจะป่วย  อย่างน้อยที่สุดสถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้นแล้ว

 

บทที่ 82 : ทำซุปงูด้วยน้ำในทะเลสาบ

 

หลินเสี่ยวมองไปที่ใบหน้าของเด็กน้อยจากนั้นก็ออกจากอวกาศของเธอ  เธอไปที่ป่าข้างไร่เพื่อเก็บไม้แห้งจำนวนมาก  แล้วนำกลับเข้ามา   หลังจากนั้นเธอก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง  แล้วก็เลือกก้อนหินสองสามก้อนและสร้างเตาเล็ก ๆ บนพื้นที่ว่างเปล่าริมทะเลสาบกับไม้แห้งพวกนั้น

 

ตอนนี้เธอไม่มีสิ่งของมากมายในพื้นที่ของเธอ  แต่มีทุกอย่างที่เธอต้องการในขณะนี้ เช่นหม้อ  เซี่ยตงทุบหม้อก่อนหน้านี้  แต่เธอมียังมีเพิ่มมาอีก

 

เธอยังเก็บของที่มีประโยชน์มากมายจากอาคารที่พักที่พบเด็กน้อย  และร้านค้าไม่ไกลจากที่นั่น

 

หลินเสี่ยวมองไปที่แตงทั้งหมดที่เธอกองอยู่บนพื้นหญ้า  จากนั้นเขียนลงบนกระดาษว่า - "ฉันจะทำซุปงูให้เขากิน"

 

จุนจุนหยุดชะงักชั่วครู่  แล้วมองไปที่หลินเสี่ยวด้วยความลังเล  หลินเสี่ยวอ่านใจของเธอและรับรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

 

เธอคิดว่างูกลายพันธุ์และเต็มไปด้วยไวรัส  เธอสงสัยว่ามันกินได้สำหรับเด็กจริงๆหรือ  เกิดอะไรขึ้นถ้าเด็กติดเชื้อ?

 

หลินเสี่ยวหยิบกระดาษออกมาและเขียนต่อ - ‘เหมือนที่ฉันพูด   น้ำในทะเลสาบสามารถกำจัดไวรัสได้  นำเนื้องูไปแช่น้ำไว้สักพัก  หลังจากนั้นฉันจะลวกมันแล้วต้ม  ฉันคิดว่าไวรัสจะหายไปหลังจากนั้น '

 

หลังจากแสดงโน้ตให้จุนจุน  เธอเริ่มจุดไฟบนเตาหิน  การก่อกองไฟในถิ่นทุรกันดารไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ  เธอเคยฝึกภาคสนามมาก่อน  และมักต้องปรุงอาหารในถิ่นทุรกันดาร  ที่สำคัญเธอเคยพบไฟแช็กที่ใช้งานได้ในร้านค้านั่น

 

อย่างไรก็ตาม  เธอไม่มีเกลือเลย  ซุปที่เธอทำจะไม่อร่อยเท่าไหร่   แต่ยังไงก็คงดีกว่าไม่มีอะไรกินเลย

 

หลังจากก่อไฟแล้ว   เธอเติมน้ำลงในหม้อแล้วยกขึ้นตั้งบนเตา

 

จากนั้นเธอก็เอาเนื้องูออกจากถัง   แล้วใส่จานซุป  เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีทางตัดเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ พร้อมกับกระดูกได้   เพราะเธอไม่มีมีด!  เธอใช้กริช  แต่มันเล็กเกินไป   มันสามารถตัดเนื้อได้ แต่ไม่สามารถหักกระดูกได้

 

เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลาะเนื้อออกจากกระดูกด้วยกริชเล่มนั้น  ก่อนอื่นเธอตัดส่วนที่ถูกตัดด้วยกรงเล็บของเธอ    จากนั้นแล่เนื้อออกอย่างระมัดระวัง  ในขณะที่ทำเช่นนั้น  เธอยังเอาเนื้อเข้าปากของเธอเอง  เมื่อเฉือนเนื้อออกหมดแล้วเธอก็โยนกระดูกงูทิ้ง

 

เมื่อเสร็จแล้วเธอก็ล้างเนื้องูด้วยน้ำในทะเลสาบจากนั้นรอให้น้ำเดือด

 

จุนจุนยืนอยู่ข้างๆ เธอดูเธอทำทั้งหมดนี้  เธออยากช่วย  แต่เมื่อเห็นว่าการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายรวดเร็วและราบรื่นมาก  เธอรู้สึกว่าหลินเสี่ยวน่าจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ

 

ไม้ที่หลินเสี่ยวเก็บรวบรวมได้ลุกเป็นไฟอย่างรวดเร็ว  พวกมันแห้งมาก  เธอไม่ได้ใส่น้ำมากเกินไปในหม้อ  ไม่นานน้ำก็เริ่มร้อนเป็นไอ

 

พอน้ำเริ่มเดือด  หลินเสี่ยวเทมันลงในจานซุปเพื่อลวกเนื้องูแล้วเทน้ำทิ้ง  หลังจากนั้นก็ใส่เนื้องูเติมน้ำเย็นใหม่ลงไปในหม้อรอให้เดือด

 

เธอหักกิ่งไม้แห้งจำนวนมาก  แล้วใส่ลงในเตาเพื่อให้ไฟแรงขึ้น

 

หลินเสี่ยวและจุนจุนมองไม่เห็นสีของไฟ  ในสายตาของพวกเขา  ไฟนั้นโปร่งใส  พวกเขาไม่สามารถรู้สึกถึงอุณหภูมิของไฟได้เช่นกัน    แต่รู้สึกได้ว่าไฟนั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่แผดเผา

 

เธอลวกเนื้องูอีกครั้ง  จากนั้นเติมน้ำเย็นลงไปเพื่อตุ๋น มันต่อ  ระหว่างรอ เธอปอกมันฝรั่งแล้วโยนลงหม้อ  เมื่อเธอรู้สึกว่าซุปใกล้จะพร้อมแล้ว  เธอหยิบผักใบที่ไม่ติดเชื้อมาล้าง  แล้วใส่ลงไปในหม้อ

 

สัมผัสกลิ่นของซุปงู  หลินเสี่ยวหมดความสนใจกับเนื้องูที่อยู่ข้างใน  เธอสนใจ แต่เนื้อดิบ!

 

อย่างไรก็ตาม  เธอสามารถบอกได้ว่ากลิ่นนั้นมีเชื้อไวรัสหรือไม่และซุปนั้นมนุษย์สามารถกินได้  ในที่สุดซุปงูก็ข้นมาก   เพราะมันฝรั่งสุกจนเป็นเนื้อเดียวกัน

 

“โอ้โฮ…” เมื่อหลินเสี่ยวดับไฟและตักซุปใส่ชามส่งให้เด็กน้อยพร้อมกับช้อนเล็ก ๆ   เด็กชายหลั่งน้ำตา  ใบหน้าที่น่าเกลียดของเธอทำให้เด็กคนนั้นกลัวอีกครั้ง

 

เมื่อมองไปที่ด้านหลังศีรษะของเด็กชายและรู้ว่าเขาร้องไห้เพราะใบหน้าที่น่าเกลียดของเธอ  หลินเสี่ยวจุกจนพูดไม่ออก

 

'บ้าเอ้ย! ความเมตตาของฉันไม่ดี… ’เธอคิด  จุนจุนยิ้มให้เธออย่างขอโทษ  จากนั้นก็รีบตักซุป

 

หลินเสี่ยวมองดูเธอหยิบซุปชามนั้นออกไปอย่างไร้ความรู้สึก  จากนั้นก็ออกไปจากพื้นที่เล็ก ๆ นั้น  และเธอก็ออกจากพื้นที่อวกาศของเธอ  เธอเหลือบมองไปที่ฟาร์มจากนั้นออกตัวรถแล้วขับไปทางใต้ต่อ

 

ในไม่ช้า เธอก็ขับรถบนทางหลวงมุ่งตรงไปทางใต้   ไม่นานเธอก็ขับรถออกจากเมืองทะเล และเข้าสู่มณฑลเจ้อ

 

.................................

 

ไม่มีอะไรทำให้เธอลำบากใจตลอดการเดินทางที่เหลือ  ซอมบี้น้ำแข็งระดับห้าไม่ได้ไล่ตามเธออีกต่อไป  และเจ้าตัวเล็กก็ถูกส่งกลับไปหาพ่อ  ตอนนี้เธออยู่กับจุนจุนและลูกชายของเธอเท่านั้น  ซอมบี้ตัวเมียสองตัวและหนึ่งลูกมนุษย์…กลุ่มนี้แปลกจริงๆ!

 

ระหว่างการเดินทาง,  หลินเสี่ยวทำซุปงูให้เด็กน้อยวันละสองครั้ง  กับอาหารจำพวกแป้งเช่นมันฝรั่ง  เด็กน้อยค่อยๆมีพลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

 

หลินเสี่ยวจะหาเวลาสังเกตผักที่เธอปลูก  ด้วยกรงเล็บอย่างไม่ชำนาญเรื่อยๆ

 

เธอคิดว่าพลังงานทั้งหมดในอวกาศของเธอกระจุกตัวอยู่ในทะเลสาบ  เพราะผักทั้งหมดที่รดน้ำจากน้ำในทะเลสาบจึงรอดชีวิต  ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเพราะดิน  เธอจึงทิ้งพืชที่ไม่ได้ปลูกโดยไม่รดน้ำ  แต่พืชเหล่านั้นก็ตายลงในไม่ช้า

 

เธอยังค้นพบว่าน้ำในทะเลสาบสามารถทำให้อาหารสดใหม่ได้  เนื่องจากเนื้องูที่แช่ในถังไม่เคยมีสัญญาณว่าจะเสียเลย

 

เพื่อให้มาถึงภาคใต้โดยเร็วที่สุด  หลินเสี่ยวขับรถทั้งกลางวันและกลางคืน  ในสองสามวันแรก  เธอจะหยุดเมื่อทำอาหารให้เด็กน้อยเท่านั้น  ต่อมาจุนจุนได้เรียนรู้การทำซุปงู  และรับหน้าที่ทำอาหารให้ลูกชายเธอเอง

 

จุนจุนก็ค้นพบเช่นกัน   บางครั้งเธอจะรู้สึกหิวมาก  ปรารถนาที่จะตะครุบเด็กน้อยและกัดเขาเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นของเขา  ทุกครั้งที่เกิดขึ้น  เธอจะวิ่งไปที่ริมทะเลสาบและดื่มน้ำจากทะเลสาบให้มากที่สุด  เธอค่อยๆค้นพบว่าน้ำในทะเลสาบสามารถยับยั้งความอยากอาหารของเธอในการดำรงชีวิตเช่นมนุษย์ได้

 

หลังจากพบสิ่งนั้น  จุนจุนมีความสุขมาก  สิ่งทั้งหมดทำได้ด้วยน้ำในทะเลสาบ  เธอจะไม่เสียสติและทำร้ายลูกชายตัวน้อยอย่างน้อย

 

ในไม่ช้าหลินเสี่ยวก็ขับรถข้ามมณฑลเจ้อและเข้าสู่มณฑลมิน

 

เมื่อถึงตอนนั้นคนที่เธอตามหาก็เข้ามาในมณฑลมินเช่นกัน  แต่จากทิศทางตรงกันข้าม

 

หลินเฟิงและผู้ติดตามที่ภักดีเพียงไม่กี่คนปกป้องครอบครัวของเขาให้หลบหนีจากมณฑลเยว่  หลีกเลี่ยงกองกำลังติดตามจำนวนมากในทางของพวกเขา

 

ในเมืองหลงหยาน ของมณฑลเจ้อ  กลุ่มคนซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ในสถานที่ซึ่งเคยเป็นคาราโอเกะคลับ  ที่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าสูงสี่ชั้น

 

ประตูด้านหน้าของคลับถูกปิดอย่างแน่นหนา    ทหารสองนายสวมชุดพราง  ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะบิลเลียดข้างประตู   ไขว้ขาและหน้าดำคล้ำ  เขาถือไม้หนาประมาณนิ้วโป้งด้วยมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งมีดสั้นคม  เขาค่อยๆเหลาไม้ด้วยกริช

 

เขาเหลาปลายไม้ด้านหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

คนกลุ่มหนึ่งจับกลุ่มกันอยู่ในห้องข้างในคลับ  บางคนนั่งและบางคนยืนอยู่  ทั้งหมดยังคงเงียบ  ในบรรดาคนเหล่านี้เป็นชายในวัยสามสิบ  เขามีใบหน้าเหลี่ยมคมและกลิ่นอายที่จริงจังมาก  ดวงตาของเขาเฉียบคม  ริมฝีปากบางกดลงจนเป็นเส้นตรง   เขาดูจริงจังมากจนคนทั่วไปไม่กล้าเข้าใกล้ เด็กญิงตัวเล็ก  ที่ดูฉลาดนั่งอยู่บนตักของเขา

 

เด็กหญิงตัวเล็กไม่สูง  แต่มีใบหน้าที่บอบบางน่ารัก  เสื้อผ้าของเธอสะอาดและดวงตากลมโตของเธอเป็นประกายเจิดจ้า

 

2 วันอัพค่ะ
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป