ในฐานทุกคนรู้ว่าลวี่เถียนหยี่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งของหยางเฉาจึงไม่มีใครกล้าทำให้เธอขุ่นเคือง ผู้คนจะพยายามหลีกเลี่ยงเธอ เมื่อพวกเขาเห็นเธอ และถึงแม้ว่าจะหลบไม่ได้ แต่ก็จะไม่เข้าใกล้เธอ เมื่อลวี่เถียนหยี่ออกไปจากฐาน หยางเฉามักจะส่งผู้มีพลังวิเศษสามคนไปกับเธอเพื่อให้เธอปลอดภัย
เขาจะไม่ปล่อยให้เธอตายง่ายๆ
กงชิงหมิงยักไหล่และพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้แค่ว่าเธอตายแล้วและเธอได้ลักพาตัวเจ้าหญิงตัวน้อยของอู่เฉิงเย่วไปด้วย ก่อนที่เธอจะตาย ยัยนั่นยังหายสาบสูญ ผู้หญิงคนนั้นนะ ฉันคิดว่า…มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ”
ลวี่เถียนหยูเงยหน้าขึ้นมองกงชิงหมิง และถามด้วยท่าทางสงบ “นายหมายถึงอะไร?”
เขารู้ดีว่าไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะกล้าหาญและบ้าบิ่นแค่ไหน เธอคงไม่กล้าทำอะไรลูกสาวของอู่เฉิงเย่ว
กงชิงหมิงกล่าวว่า “มีอีกสิ่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งค้นพบ หลังจากลักพาตัวลูกสาวของอู่เฉิงเย่วไปก่อนที่เธอจะตาย เธอข่มขู่เขาด้วยลูกสาวของเขา อย่างที่ทุกคนรู้ว่าเธอต้องการเขามานานแล้ว ในที่สุดคราวนี้เธอก็ได้เขาสมใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ตายเพราะหลินหยงและอีกสองคน โยนเธอเข้าไปในฝูงซอมบี้”
“แต่ เธอไม่ได้พาเจ้าหญิงน้อยกลับมาส่งก่อนที่เธอจะตาย และหลินหยงกับพวกอีกสองคนก็ไม่พบเธอ เท่าที่ฉันรู้ดูเหมือนว่าหยางเฉาได้บอกให้หลินหยงกับอีกสองคนทำอะไรบางอย่าง ส่วนความจริงนั้นขึ้นอยู่กับว่านายต้องการที่จะค้นหามันหรือไม่” เขามองไปที่หน้าของลวี่เถียนหยูที่ยังเฉยและพูดต่อ
สิ่งที่กงชิงหมิงหมายถึงคือถ้าลวี่เถียนหยูต้องการทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเขาจะช่วยชายหนุ่มเอง
ลวี่เถียนหยูโบกมือให้เขาและส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า "ลืมไปเลย! เธอตายไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอเสียชีวิต แต่มันไม่ใช่ธุระของฉัน เธอและฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
ในขณะที่พูดเขาวางจดหมายไว้ในฝ่ามือ มีลมพัดแรงและโอบล้อมจดหมายจนกลายเป็นพายุทอร์นาโดขนาดเล็กห่อหุ้ม จดหมายถูกหั่นเป็นเศษกระดาษทันทีและเป็นขี้เถ้าลอยล่อง
จากนั้นพายุทอร์นาโดเล็ก ๆ ก็ลอยขึ้นจากฝ่ามือของเขาและบินออกไปข้างนอกหน้าต่างกระจายไปพร้อมกับเศษกระดาษเหล่านั้น
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น กงชิงหมิงพยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะ มันขึ้นอยู่กับนาย ฉันไปล่ะ”
ในขณะที่พูด เขาหมุนตัวและเดินไปที่ประตู เปิดและออกไป
หลังจากดูเขาปิดประตูลวี่เถียนหยูก็เริ่มปล่อยให้อารมณ์พุ่งพล่านของเขาฉายออกมาจากดวงตาอย่างช้าๆ
เขาตกใจมาก เขาพบว่าการตายของพี่สาวเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ นอกจากนี้ยังรู้สึกเกลียดชังและยังมีอารมณ์ซับซ้อนบางอย่าง
ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องชายหรือครอบครัวของเธอ เพราะพวกเขาไม่ได้ให้กำเนิดจากแม่คนเดียวกัน และเป็นเพียงพี่น้องต่างสายเลือด พวกเขาไม่เคยชอบกันตั้งแต่เด็ก พวกเขาจะทะเลาะกันและหัวเราะเยาะทุกครั้งที่พบกัน ลับหลังเขา เธอใส่ร้ายเขาและทำให้เขาอับอายในทุกรูปแบบ เขาอดทนมาตลอดเพราะเธอเป็นน้องสาวของเขาและเขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้
ผู้หญิงคนนั้นไม่สนใจเขาและเธอก็ไม่เคยพยายามตามหาเขาหลังจากยุคหลังวันสิ้นโลกเริ่มต้นขึ้น เธอไม่ยอมรับเขาและวิ่งหนีไปพร้อมกับคนที่มีอำนาจ
ย้อนกลับไปตอนนั้น เขามีไข้อย่างรุนแรง ถ้ากงชิงหมิงไม่มาหาเขาทันเวลา เขาอาจถูกซอมบี้กินก่อนที่พลังพิเศษของเขาจะเปิดใช้งาน
ตั้งแต่นั้นมาลวี่เถียนหยูจากไม่ชอบพี่สาวของเขาก็กลายเป็นความเกลียดชัง อย่างไรก็ตามลึกลงไป เขายังคงมีร่องรอยของความคาดหวัง ในขณะที่เขาหวังว่าเธอจะปฏิบัติกับเขาเหมือนคนในครอบครัว ท้ายที่สุด เธอเป็นครอบครัวเดียวที่เขาเหลืออยู่ส่วนที่เหลือเสียชีวิตหลังจากยุคหายนะเริ่มต้นขึ้น
ต่อมาทั้งสองพบกันในฐาน แต่เธอก็แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา อาศัยผู้ชายคนนั้น เธอได้กระทำความชั่วร้ายทุกอย่างและได้ปฏิบัติอย่างเลวร้ายเหนือคนอื่น ๆ ทั้งหมดในฐาน
ในความเป็นจริง ไม่มีใครในฐานที่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับลวี่เถียนหยี่ยกเว้นกงชิงหมิง
ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอกลั่นแกล้ง ปล้นและดูถูกคนอื่น เขาจะนิ่งเฉยและเมิน เอาแต่สนใจกิจของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่เคยคุยกับเขาเช่นกัน
ลวี่เถียนหยูรู้ว่าเขามีทัศนคติที่ขัดแย้งกัน เขาเกลียดเธอมาก แม่จะจงเกลียดจงชังเธอ แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อข่าวใด ๆ เกี่ยวกับเธอได้ เขาเฝ้าดูเธอรังแกคนอื่น แต่เธอไม่เคยมองเห็นเขาในสายตา เขาอยากเข้าใกล้เธอ แต่ไม่สามารถอยู่กับสิ่งที่เธอทำ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะรับพฤติกรรมของเธอไม่ได้ เขามักจะลอบเคลียร์ปัญหาต่างๆอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เธอทำ
แต่ตอนนี้เธอตายแล้ว ครอบครัวเดียวของเขาในโลกหลังวันสิ้นโลกนี้ได้ตายไปแล้ว
เขารู้เสมอว่าวันหนึ่งเธอจะต้องรับผลที่ตามมาและกลายเป็นเหยื่อของการกระทำที่ชั่วร้ายของเธอเอง แต่เมื่อวันนี้มาถึง เขาไม่สามารถยอมรับมันได้ทั้งหมด
เขารับมือกับผลพวงของสิ่งที่เธอทำอย่างเงียบ ๆ เพราะเขาไม่ต้องการให้เธอถูกคนอื่นแก้แค้น เขาเห็นว่าหยางเฉาชอบเธอ ปล่อยให้เธอทำทุกอย่างที่เธอต้องการในขณะที่เขาแก้ไขปัญหาทั้งหมดของเธอ ดังนั้น เขารู้สึกว่าอย่างน้อยเธอก็จะปลอดภัยเมื่ออยู่กับผู้ชายคนนั้น
แต่ เนื่องจากเธอมองไปที่ผู้นำคนอื่นของฐานทัพ ลวี่เถียนหยี่เริ่มกังวลเกี่ยวกับเธอ นั่นคือเหตุผลที่เขาขอให้กงชิงหมิงจับตาดูการเคลื่อนไหวของเธอ
อย่างไรก็ตาม เธอก็ตายอยู่ดี และเธอก็ตายด้วยน้ำมือของผู้ชายที่เธอไว้ใจ
ก่อนหน้านี้กงชิงหมิงเคยพูดกับเขาว่าหยางเฉาหมดความสนใจในตัวพี่สาวของเขาแล้ว
ลวี่เถียนหยูลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หน้าต่างหลังโต๊ะทำงาน ขณะที่เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิดของโลกหลังวันสิ้นโลกนี้ จู่ๆเขาก็รู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ
หลังจากมองดูท้องฟ้าสักพัก เขารีบหันกลับมาทันทีและสวมเสื้อคลุมที่พาดไหล่แล้วเดินไปที่ประตู เมื่อเขาเปิดประตู เขาเห็นชายคนหนึ่งยืนพิงกำแพงข้างประตู หลับตาและก้มหัวลงดูเหมือนจะง่วงนอน
ลวี่เถียนหยูหยุดชั่วขณะ จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นายไม่ได้บอกว่าจะกลับไปเหรอ?”
กงชิงหมิงลืมตาขึ้นและมองไปที่ลวี่เถียนหยูอย่างเหม่อลอย หลังจากหยุดชั่ววินาที ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความหมายของลวี่เถียนหยูในที่สุด จากนั้นก็ตอบว่า “ฉันบอกว่าฉันจะออกมาแล้วนะ ไม่ใช่ว่าฉันจะกลับไป”
ลวี่เถียนหยูถอนหายใจ แต่ไม่พูดอะไรอีกในขณะที่เขาหันหลังและเดินไปด้านนอก
กงชิงหมิงจับได้และถามว่า “ถ้านายจะออกไปจากฐาน ทำไมนายไม่ขอให้ฉันไปกับนาย? ฉันไม่ได้ออกไปข้างนอกมานานแล้ว”
ในขณะที่พูดเขายกมือขึ้นและตบปากหาว
ลวี่เถียนหยูไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่เดินลงบันไดโดยไม่หยุด
พวกเขาแยกออกจากกันไม่ได้ แต่พวกเขามักจะออกไปจากฐานด้วยกัน ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งอยากไป อีกคนก็จะตามไป
ในฐาน บางคนคิดว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน คนอื่นๆก็ยอมรับได้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันเพราะทั้งคู่ดูดี แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่สนใจผู้ชายด้วยกันเองก็ตาม
ในโลกหลังวันสิ้นโลกนี้ ผู้ชายสวยที่มีผิวขาวและรูปร่างสมส่วนได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากจำนวนผู้หญิงลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้บางคนจึงเรียกยุคโลกหลังวันสิ้นโลกว่า ‘ยุคแห่งการเป็นเกย์’!
น่าเศร้าที่ผู้ชายสองคนที่ดูเหมือนจะเหมาะสมกับการเป็นเกย์ในสายตาของคนอื่น ชอบเฉพาะร่างกายของผู้หญิงและไม่เคยสนใจผู้ชายเลย!
มีผู้ชายหลายคนจับตาดูพวกเขา แต่ไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าพวกเขา มิฉะนั้นการข่มขืนชายซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่พบบ่อยที่สุดในยุคหลังวันสิ้นโลกก็จะเกิดขึ้นกับพวกเขาเช่นกัน
เหตุการณ์ที่คล้ายกันเคยเกิดขึ้น แต่ผลลัพธ์.........ไม่เหมือนกับที่บางคนคาดไว้
ในท้ายที่สุดชายเหล่านั้น ก็ถูกลวี่เถียนหยูตัดเป็นโครงกระดูกหรือถูกกงชิงหมิงโยนออกจากฐานด้วยแขนขาหักเพื่อเลี้ยงซอมบี้
บทที่ 48 : ซอมบี้ที่เกลียดกลิ่นเหม็น
ในอีกด้านหนึ่ง หลินเสี่ยวอยู่ในอวกาศของเธอกับเซี่ยตงและเจ้าตัวเล็ก สองสามวันก่อนที่เธอและเขาจะออกไปข้างนอกในที่สุด ในขณะที่อู่เย่วหลิงอยู่ข้างใน
เด็กหญิงตัวน้อยคุ้นเคยกับการอยู่ในอวกาศของเธอแล้ว และตอนนี้กลัวน้อยลง เธอสามารถวิ่งไล่กระต่ายไปทั่ว แม้ว่าเธอจะยังคงไม่พูด
อาจเป็นเพราะพื้นที่ของหลินเสี่ยวหรือน้ำในทะเลสาบ อู่เย่วหลิงไม่รู้สึกหิวมากนัก แม้ว่าเธอจะรู้สึกหิว แต่ความหิวก็ไม่ทำให้การทำงานของร่างกายลดลง
สำหรับหลินเสี่ยวเอง ดูเหมือนว่าตราบใดที่เธอยังคงอยู่ในพื้นที่ของเธอ ความรู้สึกหิวของเธอจะแข็งแรงน้อยลง โดยพื้นฐานแล้วแม้แต่กลิ่นของอู่เย่วหลิงก็ไม่สามารถรบกวนเธอได้ แตกต่างจากเธอ เซี่ยตงยังดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เพราะทันทีที่เขาได้กลิ่นอู่เย่วหลิง เขาจะไม่สามารถหยุดตัวเองจากการจ้องมองไปที่เธอและค่อยๆเสียสติไป
ด้วยเหตุนี้ หลินเสี่ยวจึงบอกเซี่ยตงไม่ให้ออกมาจากพื้นที่เล็ก ๆ เว้นแต่เขาจะมีเหตุจำเป็น ท้ายที่สุดเขาจะดูเหมือนคนวิกลจริตถ้าเขาเอาแต่จ้องมองไปที่เด็กผู้หญิงอายุห้าขวบและน้ำลายไหลตลอดเวลา
เซี่ยตงบอกหลินเสี่ยวว่าเธอจะถูกพ่อของอู่เย่วหลิงตามล่าเพื่อพาเจ้าหญิงตัวน้อยกลับไป หลินเสี่ยวบอกเขาว่าอู่เฉิงเย่วสามารถพยายามตามหาเธอได้ถ้าเขามีความสามารถ! เธอมีพื้นที่อวกาศแล้วเธอจะไปกลัวใครล่ะ? ไม่ว่าชายคนนั้นจะทรงพลังเพียงใด เขาคงเข้าไปในพื้นที่ของเธอไม่ได้ใช่ไหม?
เซี่ยตงอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเอาเด็กมา แต่ทุกครั้งที่เขาถามคำถามนี้กับเธอ เธอแยกเขี้ยวใส่เขาโดยไม่ให้คำตอบ แม้ว่าปฏิกิริยาของเธอจะทำให้เขาอยากรู้มากแค่ไหน เขาจะไม่ถามมันอีก
หลังจากอยู่ในพื้นที่ของเธอสองสามวัน หลินเสี่ยวรู้สึกว่าซอมบี้ระดับห้าจะไม่ปรากฏขึ้นอีก เธอจึงออกไปข้างนอกกับเซี่ยตง
ห้องมีกลิ่นเหม็นมาก ซากศพที่ถูกควักสมองกินจะไม่กลายเป็นซอมบี้แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากไวรัสก็ตาม เพราะมีเพียงซากศพที่มีสมองเหลืออยู่มากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะกลายเป็นซอมบี้
ซากศพที่ไม่กลายเป็นซอมบี้จะเน่าอย่างรวดเร็ว จากอุณหภูมิที่สูงในตอนกลางวัน อุณหภูมิตอนกลางคืนต่ำ แต่ไม่ทำให้กระบวนการเน่าเปื่อยช้าลง
ความรู้สึกในการดมกลิ่นของหลินเสี่ยวนั้นคมชัดพอ ๆ กับสุนัข ดังนั้น เธอเกือบสลบเมื่อได้กลิ่นเหม็นในห้อง ตอนเธอออกมา
เธอไม่รู้ว่าสมองของลวี่เถียนหยี่ยังคงไม่ถูกแตะต้องหรืออย่างไรเมื่อเธอเสียชีวิต ถ้าสมองของเธอถูกกินเข้าไปด้วย หลินเสี่ยวจะไม่ตื่นขึ้นมาในร่างของเธอในฐานะซอมบี้แม้ว่าวิญญาณของเธอจะสามารถเข้าสู่ร่างกายนี้ได้ เธอจะเป็นไหม?
สิ่งที่หลินเสี่ยวไม่รู้ก็คือวิญญาณของเธอได้เข้าสู่ร่างกายนี้ในตอนนั้น หลังจากที่ลวี่เถียนหยี่เสียชีวิตและก่อนที่สมองของเธอจะถูกกิน จิตวิญญาณของเธอยังคงอยู่ในสมองของลวี่เถียนหยี่และปกป้องมันด้วยพลังที่พุ่งกระฉูดออกมา ด้วยเหตุนี้ซอมบี้เหล่านั้นทำได้เพียงแค่กัดหน้าของลวี่เถียนอวี่ แต่ไม่ได้แตะสมองของเธอ
หลินเสี่ยวจึงกลายเป็นซอมบี้ระดับสูงเมื่อเธอตื่นขึ้นมา
แต่แน่นอนหลินเสี่ยวไม่รู้เรื่องนั้น ไม่มีใครรู้ หากใครรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น พวกเขาคงจะสับสนอย่างที่สุด โดยไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
กลิ่นเหม็นในห้องทำให้หลินเสี่ยวปิดจมูกของเธอและกระโดดออกทางหน้าต่างด้วยความปั่นป่วน เซี่ยตง ทรมานน้อยกว่าเธอ เขาไวต่อกลิ่นของมนุษย์เท่านั้น แต่แน่นอนเขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอื่น ๆ ด้วย
เขามองไปที่หลินเสี่ยวซึ่งนั่งอยู่บนรถของเขา และรู้สึกอยากจะหัวเราะเธอ ดูเหมือนว่าการมีกลิ่นที่คมชัดไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
‘แต่ยังไงเธอก็เป็นซอมบี้ไม่ใช่เหรอ? เธอกลัวกลิ่นศพที่เน่าเปื่อยจริงเหรอ? ซอมบี้ตัวไหนที่สามารถกลัวกลิ่นนี้? 'เซี่ยตงคิด
ด้วยแผนที่ หลินเสี่ยวไม่จำเป็นต้องเข้าไปในเมืองอีกต่อไป แต่ทั้งสองขับรถมุ่งตรงไปทางทิศใต้
สองสามชั่วโมงหลังจากพวกเขาออกไป รถออฟโรดของทหารอีกคันก็ปรากฏตัวขึ้นที่ใต้อาคารที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ ชายหญิงคนหนึ่งลงจากรถแล้วเดินตรงเข้าไปในอาคารโดยไม่สนใจซอมบี้ที่อยู่รอบ ๆ
ซอมบี้รอบข้างตั้งใจจะเข้าใกล้ทั้งสอง แต่ไม่มีทางทำอย่างนั้นได้เพราะพวกเขาจะโดนฟ้าผ่าทันทีที่ลอง!
ชายที่สวมเสื้อผ้าลายพราง หน้านิ่งๆ แต่นัยน์ตาของเขามืดมน เขามองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าอย่างว่างเปล่าถามว่า “พวกเขามาที่นี่จริงเหรอ?”
ในขณะที่พูดเขารีบโบกมือ เส้นสายฟ้าบาง ๆ พุ่งจากท้องฟ้า และฟาดลงบนหัวของซอมบี้สองตัวที่ค่อยๆสั่นคลอนเข้าหาผู้หญิงและตัวเขา ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องเหลือบมองซอมบี้เหล่านั้นด้วยซ้ำ
พร้อมเสียงดังติดกัน ซอมบี้สองสามตัวสั่นสะเทือนแล้วล้มลงกับพื้น การโจมตีทำให้หยุดการเคลื่อนไหว ร่างกายพวกมันก็ปล่อยควันลอยขึ้นมา
เหมิงเอวี้ยหลับตาเพื่อรู้สึกอย่างละเอียด เธอมองขึ้นไปข้างบนและพูดอย่างไม่แน่ใจว่า “ความรู้สึกมันเลือนลางและฉันก็ไม่แน่ใจนัก มีเบาะแสเล็กน้อยก็ดีกว่าการค้นหาที่ไร้จุดหมายของเรานะ”
ในขณะที่พูด เธอเดินขึ้นไปชั้นบนข้างหน้าชายหนุ่ม
ทั้งสองคนค้นหาทุกชั้นที่เดินขึ้นไป แต่ก็ไม่พบอะไรเลยจนกระทั่งพวกเขาเดินเข้าไปในห้องนั้นพร้อมกับซากศพที่เน่าเปื่อย ในห้องนั้นในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบบางอย่าง
ทั้งคู่ปะทะกับกลิ่นเหม็นในห้อง ต้องเอามือปิดจมูกเมื่อเดินเข้าไป
ในสถานที่แห่งนี้เหมิงเอวี้ยไม่สามารถรู้สึกถึงอู่เย่วหลิงได้ พวกเขาสองคนสังเกตศพทั้งสี่ในห้องและพบว่าทั้งหมดถูกซอมบี้กัด
“ความรู้สึกกับซากศพของคนเหล่านี้…ดูเหมือนจะไม่ค่อยคุ้นเคย เราเคยพบพวกเขามาก่อนหรือเปล่า?” เหมิงเอวี้ยปิดจมูกของเธอและสแกนศพสองสามคนด้วยสายตาที่สงบขณะที่เธอถามด้วยความสับสน
อู่เฉิงเย่วใช้เวลาสักครู่ในการรู้สึกจากนั้นก็มองไปที่ใบหน้าของศพไม่กี่คน เขาส่ายหัวและพูดว่า “พวกเขาตายมาหลายวัน และความรู้สึกของพวกเขาก็สลายไปแล้ว ประสาทสัมผัสของฉันไม่เฉียบแหลมเท่าของคุณฉันจึงจำไม่ได้”
เหมิงเอวี้ยมองไปที่ศพสองสามศพนั้นโดยไม่สามารถจดจำอะไรได้ หลังจากนั้นเธอก็หันกลับและเดินออกจากห้องไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก
อู่เฉิงเย่วเดินตามเธอออกไปเช่นกันและถามว่า “เธอแน่ใจหรือว่าตรวจพบกลิ่นอายของหลิงหลิง จากห้องนี้? มันผิดหรือเปล่า?”
เหมิงเอวี้ยเหลือบมองเขาอย่างไม่พอใจและตอบว่า “ทำไมพี่ถึงตามฉันมาที่นี่ ถ้าพี่ไม่เชื่อฉัน? ไปหาเธอเองไป!”
อู่เฉิงเย่วยิ้มให้เธอทันที รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาสามารถทำให้คนอื่นรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยน เหมือนสัมผัสสายน้ำที่ใสสะอาด “ไม่! ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อเธอ ฉันแค่กังวลว่าถ้าเธอคิดผิดจริงๆล่ะ? ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงหลิงหลิงมากพอ ๆ กับฉัน!
เหมิองเอวี่ยตกใจเล็กน้อยกับรอยยิ้มของเขา เผชิญหน้ากับรอยยิ้มของหนุ่มหล่อคนนี้ เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป แต่ยังคงตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า “อื่ม…เห็นไหม แม้ว่าพี่จะสงสัยฉัน ฉันเคยผิดไหม? ทำไมพี่ไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้? ฉันรู้ว่าพี่กังวลเกี่ยวกับหลิงหลิงเกินกว่าจะคิด แต่พี่ก็รู้ว่าฉันก็เป็นห่วงเธอเช่นกัน ฉันจะพาพี่ไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมายได้ยังไง?”
ในขณะที่พูดเธอหมุนตัวกลับและเดินลงไปชั้นล่าง
อู่เฉิงเย่วหันกลับมาและมองไปที่ซากศพที่ไม่สามารถจดจำได้ในห้อง จากนั้นก็เดินตามเธอลงไป
“ถ้าเธอเชื่อว่าหลิงหลิงมาที่นี่แล้วล่ะก็เธอต้องถูกซอมบี้ตัวเมียตัวนั้นพามาที่นี่แน่ แต่ใครกินคนไม่กี่คนในห้องนั้น? ซอมบี้ตัวเมียตัวนั้นกินพวกมันหรือเปล่า? แล้วทำไมเธอไม่กินหลิงหลิงล่ะ”
เหมิงเอวี้ยส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่รู้สิ กลิ่นในห้องนั้นแรงเกินไป แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามีซอมบี้มากกว่าหนึ่งตัวเคยอยู่ที่นั่น มันน่าจะเป็นซอมบี้ตัวอื่นที่กินคนพวกนั้น หยุนหลงไม่ได้บอกว่าซอมบี้ตัวเมียไม่มีศัตรูหรือ? มันไม่ได้กินมนุษย์จริงๆ ฉันเห็นด้วยกับเขาในประเด็นนี้ อย่ากลัวไปเอง หลิงหลิงสบายดี”
2 วันอัพค่ะ