แม้หลังจากรอมานานอู่เย่วหลิงก็ยังไม่เห็นปฏิกิริยาจากหลินเสี่ยว ดังนั้นเธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยและสงสัยว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น
ในขณะที่คิด เธอก็ยื่นมือออกมาโดยไม่รู้ตัว ดันไหล่ของหลินเสี่ยวเบา ๆ
'ตื่น! ตื่นได้แล้ว!'
เธอผลักไปสองสามครั้ง แต่หลินเสี่ยวยังไม่ลืมตา เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในจุดนี้ ไม่แน่ใจในตัวเอง เธอลุกขึ้นยืนแล้วหันกลับไปมองน้ำในทะเลสาบ
'ใช่แล้ว! ฉันจะให้น้ำทะเลสาบแก่เธอ ’
อู่เย่วหลิงจำได้ว่าตัวเธอเองหิวและกระหายรู้สึกไม่สบายอย่างเต็มที่ก่อนหน้านั้น ซอมบี้ให้น้ำแก่เธอ หลังจากดื่มน้ำ เธอรู้สึกดีขึ้นมาก แม้ว่าเธอจะหิวมาก แต่ท้องของเธอก็ไม่ปวดอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อู่เย่วหลิงวิ่งไปที่ริมทะเลสาบพร้อมกรวยหญ้าที่หลินเสี่ยวสานให้เธอและตักน้ำขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เธอนำมันไปที่หลินเสี่ยวอย่างช้าๆแล้วเทน้ำลงในปากของหลินเสี่ยวหลังจากนั่งยอง ๆลง
อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวไม่ได้อ้าปากเพื่อให้อู่เย่วหลิงเทน้ำลงไป น้ำไหลลงสู่พื้นจากริมฝีปากที่แตกของหลินเสี่ยว
อย่างไรก็ตาม อู่เย่วหลิงไม่ท้อแท้ เธอยืนขึ้นแล้ววิ่งไปที่ริมทะเลสาบเพื่อเติมน้ำเพิ่ม จากนั้นลองอีกครั้งเพื่อเทน้ำลงในปากของหลินเสี่ยว ในขณะนั้น เธอเห็นว่าซอมบี้เปิดปากเล็กน้อยและดื่ม
เมื่อเห็นอย่างนี้ อู่เย่วหลิงรู้สึกดีใจที่เห็นมันทันที
หลินเสี่ยวลืมตาขึ้นทีละนิดและมองไปที่เด็กด้วยดวงตาสีดำบริสุทธิ์ ในความเป็นจริงเธอไม่ได้เป็นลม แต่มีอาการแน่นที่หน้าอกอย่างรุนแรงซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวมาก เธอปิดเปลือกตาของเธอลงเฉยๆ ทนต่อความรู้สึกอึดอัดและรอให้มันจางหายไป
เธอแปลกใจเพราะเธอไม่สามารถคาดหวังได้ว่าอู่เย่วหลิงจะเป็นกังวลกับเธอจริงๆ และเอาน้ำให้เธอดื่ม
เธออ่านใจของเด็กน้อยคนนั้นได้ เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะเธอรู้ว่าในที่สุดเด็กคนนี้ก็ยอมรับเธอ
ในความเป็นจริงเธอเข้าใจว่าอู่เย่วหลิงยอมรับเธอเช่นนี้เพียงเพราะเธอกลัวที่จะอยู่คนเดียว เด็ก ๆ ต้องการสังคมมาก ๆ แม้ว่าอู่เย่วหลิงจะมีความคิดเพ้อฝัน เธอยังคงต้องการที่จะอยู่กับใครบางคนเมื่อติดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แปลกไปจากเดิม
หลินเสี่ยวพยายามขยับนิ้วมือของเธอและพบว่าแม้ร่างกายของเธอจะแข็งทื่อเธอก็ยังสามารถขยับได้
เธอวางแขนลงบนพื้นเพื่อรองรับร่างกายของเธอ จากนั้นก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่มองดูอู่เย่วหลิงซึ่งดวงตาของเธอเปล่งประกายสดใสแม้ว่าการแสดงออกของเธอจะว่างเปล่า
เมื่อเห็นหลินเสี่ยวตื่นขึ้นมาอู่เย่วหลิงถอยห่างออกไปทันที เธอถอยหลังไปเพียงประมาณสามเมตรเท่านั้น จากนั้นหยิบผ้าห่มของเธอขึ้นมาแล้วห่อตัวไว้อีกครั้ง
หลินเสี่ยวเหลียวดูอู่เย่วหลิงจากนั้นก้มหัวลงเพื่อดูเสื้อผ้าของตัวเอง เมื่อเธอนึกภาพเสื้อผ้าของเธอที่ขาดไป เสื้อผ้าของเธอหลายชิ้นถูกไฟไหม้เหลือเพียงเศษผ้ารุ่งริ่งที่แขวนอยู่บนตัว
เธอยกมือขึ้นแตะหัวตัวเองแล้วหันไปมองไหล่ ตามที่เธอคาดไว้ผมของเธอหงิกงออย่างดุเดือด จากนั้นเธอก็มองแขน ต้นขาและบริเวณร่างกายอื่น ๆ ของเธอ พบว่าผิวหนังสีเทาอมน้ำเงินของเธอถูกไฟไหม้ดำ
เธอเงยหน้าขึ้นและมองดูอู่เย่วหลิงอีกครั้ง เธอไม่สามารถรู้สึกโกรธเด็กหญิงตัวน้อยได้เพราะพ่อของเธอเป็นคนที่ทำสิ่งนี้ทั้งหมด เขาใช้สายฟ้าฟาดเธอ!
เธอยืนขึ้นเดี๋ยวนั้น เธอจะพาเด็กออกไปจากอวกาศได้อย่างไร? นอกจากนี้เธอยังไม่กล้าออกไปข้างนอก จะเป็นเช่นไรถ้าอู่เฉิงเยว่และผู้คนของเขาเฝ้าอยู่ที่นั่น ในกรณีนี้เธอจะเดินเข้าไปในกับดักของพวกเขาโดยการเสนอหน้าของเธอเองใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถออกจากที่นี้ได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอกหรือติดตามสถานการณ์ภายนอกจากภายในพื้นที่อวกาศของเธอได้
เธอพยายามหาทางแก้ไขและรู้ว่าเธอไม่มีทางที่จะออกไปได้ชั่วคราว เธอสงสัยว่าเธอจะส่งอู่เย่วหลิงออกไปจากข้างในอวกาศได้ไหม อย่างไรก็ตามเมื่อเธอไม่รู้สถานการณ์ภายนอกเธอไม่สามารถรู้ได้ว่าอู่เฉิงเยว่และคนของเขาหายไปหรือยัง หรือถ้าซอมบี้อยู่ที่นั่นตอนนี้ เธอจะส่งอู่เย่วหลิงออกไปได้อย่างไร ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้?
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วหลินเสี่ยวก็จ้องไปที่อู่เย่วหลิงอีกครั้ง และพบว่าเจ้าตัวน้อยนี้ดูเหมือนจะอยู่ในสภาพประหลาด
ทำไมเจ้าตัวน้อยตัวนี้ถึงมีกำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ? เธอไม่ได้กินอะไรเลย แต่ทำไมสีแดงก่ำถึงกลับมาที่แก้มของเธอ?
แต่ในไม่ช้าความคิดของเธอก็ฟุ้งซ่านจากอู่เย่วหลิงโดยคลื่นของกลิ่นที่ไหม้ซึ่งทำให้เธอเวียนหัวเล็กน้อย เธอนึกถึงภาพลักษณ์ปัจจุบันของเธอ เธอไม่สามารถอยู่อย่างนี้ได้ เธอต้องอาบน้ำในทะเลสาบเพื่อกำจัดกลิ่นออกจากร่างกายของเธอก่อน นอกจากนี้เธอจะทำอย่างไรกับผมของเธอดี?
ผมซอมบี้ตายไปแล้วและแห้งกรัง ทำให้มันแย่ลงกว่าเดิม ผมของเธอเกรียมและเปราะบางหลังจากถูกฟ้าผ่า เธออาจจะตัดผมที่ไร้ประโยชน์ในการดูแลรักษาออก
หลังจากตัดสินใจแล้ว เธอก็พยายามยกฝ่าเท้า พยายามควบคุมขาแข็งๆของเธอให้ก้าว จากนั้นเธอก็เดินไปที่ริมทะเลสาบ ฉีกเสื้อผ้าของเธอด้วยกรงเล็บขณะเดินไป
มันไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งของเธอมากนักในการถอดเสื้อผ้าที่ขาดออก เธอดึงพวกมันและเสื้อผ้าก็ร่วงเป็นชิ้น ๆ เปิดเผยร่างกายที่ถูกไฟไหม้ของเธอ ร่างกายสีดำ เช่นเดียวกับแถบผ้าที่พันรอบเอวของเธอ
ก่อนที่เธอจะเปลื้องผ้าต่อหน้าเด็ก หลินเสี่ยวหันหลังกลับและมองไปที่อู่เย่วหลิง เธอพบว่าเด็กคนนั้นปิดตาด้วยมือสองข้างของเธอ ราวกับว่าทนดูไม่ได้
หลินเสี่ยวรู้สึกขบขันเมื่อเธอมองออกไปและดึงผ้าออกจากเอวของเธอ
มองไปที่รูโบ๋ในท้องของเธอ เธอพบว่ามันถูกไฟไหม้ดำ หลุมดำทะลุท้องของเธอ เธอไม่สามารถมองเห็นลำไส้และอวัยวะอื่น ๆ ของเธอได้อย่างชัดเจน
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ผิวน้ำในขณะที่เธอเดินลึกลงไปในน้ำทีละก้าวๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับอู่เย่วหลิง ตั้งแต่เธอดื่มน้ำจากทะเลสาบนี้ จากความจริงนี้หลินเสี่ยวสันนิษฐานได้ว่าน้ำในทะเลสาบนั้นปลอดภัย เธอสงสัยว่าไวรัสซอมบี้ของเธอล้มเหลวเมื่อเจอกับน้ำในทะเลสาบ เมื่อเธออาบน้ำในทะเลสาบหรือไม่ หรือหากมีผล ก็คงเล็กน้อยเกินไปที่จะก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ
เธอไม่สามารถคิดถึงอะไรได้มากในตอนนี้ ในสถานการณ์ที่เกิดกรณีเลวร้ายที่สุด เธอจะไปอีกด้านหนึ่งของทะเลสาบเมื่อเธอต้องการดื่มน้ำในครั้งต่อไป
หลังจากลงไปในน้ำ เธอเดินลึกและลึกจนน้ำถึงหน้าอกของเธอ เธอยืนอยู่ในน้ำและขัดผิวดำอย่างช้าๆ รู้สึกว่าร่างกายของเธอถูกปลอบประโลมด้วยน้ำเย็น
เธอไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วเนื่องจากร่างกายของเธอไม่อนุญาต ในที่สุดเมื่อเธอล้างบริเวณร่างกายที่เข้าถึงได้ทั้งหมดและกำลังเตรียมตัวกลับขึ้นฝั่ง เธอหยุดสักครู่ เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ และจะไม่สามารถหุ้มร่างกายของเธอได้อีก!
เธอควรใส่อะไรตอนนี้? เธอสงสัยว่าเด็กน้อยคนนั้นยินดีที่จะให้ยืมผ้าห่มที่เธอห่อหุ้มร่างกายของเธอเองหรือไม่ถ้าเธอขอยืมมัน
เธอรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากที่คิดว่าต้องเปลือยกายอยู่ในพื้นที่อวกาศของเธอ
เธอกำลังอัพเกรดตัวเองเป็นซอมบี้ในทางที่ผิดหรือไม่?
ณ จุดนี้ ในที่สุดหลินเสี่ยวก็คิดถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของเธอมืดลง แม้ว่ามันจะถูกฟ้าผ่าจำดำอยู่แล้วก็ตาม
หากเธอรู้ว่าเธอต้องการเสื้อผ้าอย่างมากขนาดนี้ เธอจะค้นหาสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้นและเก็บไว้ในพื้นที่อวกาศของเธอ หลังจากฆ่าซอมบี้อัจฉริยะตัวนั้นแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังไม่มีแม้แต่ผ้าซักผืนคลุมร่างกาย
อู่เฉิงเยว่คนชั่วช้า!
บางทีความโกรธของเธอก็แรงเกินไปหรือด้วยเหตุผลอื่น อู่เย่วหลิงรู้สึกถึงความคิดของเธอจากระยะทางใกล้ๆ
อู่เย่วหลิงรู้แล้วว่าซอมบี้ตัวนี้ต้องการผ้าห่มของเธอ และยังเข้าใจด้วยว่าเสื้อผ้าที่ถูกซอมบี้ขว้างลงไปที่พื้นนั้นไม่สามารถใส่ได้อีก
ดังนั้น เธอจึงวิ่งเข้าไปหาขณะถือผ้าห่ม จากนั้นเธอก็โยนมันไปที่ริมทะเลสาบแล้วหันหลังกลับ วิ่งไปไกลอีกครั้งในขณะที่หลินเสี่ยวพูดไม่ออก
บทที่ 28 : ภาพในหัวของเธอ
หลินเสี่ยวมองอู่เย่วหลิงโยนผ้าห่มลงที่พื้น แล้วรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เด็กน้อยคนนี้ฉลาดมากและห่วงใยผู้อื่น ไม่ใช่ไม่สนใจเธอหรอกใช่ไหม?
หลินเสี่ยวเดินไปบนฝั่งอย่างเงียบ ๆ ก้มตัวหยิบผ้าห่มด้วยความยากลำบาก เธอจับผ้าห่มไว้ในขณะที่เธอดึงกรงเล็บออกมาแล้วกรีดสองสามครั้ง ผ้าห่มขนาดเล็กก็ถูกตัดเป็นสองชิ้น และครึ่งหนึ่งเธอห่อร่างส่วนบนปิดหน้าอกและท้องที่เสียหายและดำ อีกส่วนเธอก็ทำเป็นกระโปรงพันครึ่งล่างไว้
การได้สวมเสื้อผ้าชั่วคราวที่ทำจากผ้าห่ม ในที่สุดหลินเสี่ยวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วก็ยิ้มให้อู่เย่วหลิงที่อยู่ห่างออกไป
อู่เย่วหลิงหันหน้ากลับไปทันทีและวิ่งถอยห่างออกไปอีกสองสามก้าว หลังได้เห็นรอยยิ้มที่น่ากลัวของเธอ
หลินเสี่ยวไม่คิดว่าจะพูดอะไรได้อีกแล้ว
‘เอาล่ะ รูปลักษณ์ในปัจจุบันของฉันเป็นที่ยอมรับไม่ได้.....แต่ เพื่อนตัวน้อยของฉันเธอไม่ตอบสนองเกินไปหน่อยหรือ?’
เมื่อกี้นี้อู่เย่วหลิงดูเหมือนว่าจะกลัวหลินเสี่ยวแทบตายเมื่อเธอยิ้ม!
หลินเสี่ยวหันหลังกลับและเดินไปที่ริมทะเลสาบ โชคดีที่แม้ว่าร่างของเธอจะยังแข็งทื่ออยู่ แต่ข้อต่อของเธอก็นิ่มนวลพอที่จะทำให้เธองอแขนได้ แต่เธอก็ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็วเกินไป ไม่เช่นนั้นร่างกายที่แข็งทื่อของเธอก็จะหักมารวมกันและเธอก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
เธอมองเงาสะท้อนของตัวเองบนผิวน้ำทะเลสาบ ผมของเธอสกปรกและเปราะ ใบหน้าของเธอที่สะท้อนบนผิวน้ำนั้นมองเห็นไม่ชัด เธอปัดผมไปด้านหลังเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าของเธอ
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่บาดแผลบนใบหน้าของเธอหายเป็นปกติ ทิ้งไว้แค่รอยแผลเป็นสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่บนแก้มของเธอ นัยน์ตาสีดำบริสุทธิ์ของเธอเปล่งประกาย
เธอดูน่ากลัวจริง ๆ !
เธอยิ้ม ทำให้บาดแผลบนใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว ดูวิตถาร ไม่น่าแปลกใจที่เด็กน้อยวิ่งหนีไปเมื่อเธอเห็นเธอยิ้ม
หลินเสี่ยวนึกภาพว่าเด็ก ๆ ต้องรู้สึกกลัวเมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ
เธอยิ่งดูน่ากลัวด้วยใบหน้าที่ถูกปกคลุมด้วยผม แต่ที่แย่ไปกว่านั้นเมื่อเธอลองแตะๆใบหน้าของเธอ เห็นได้ชัดว่ามันดูดีกว่า ถ้าเธอจะเปิดหน้าออกจากผมที่ปิดไว้
เธอยืนขึ้นอย่างช้าๆ และเดินไปที่ขอบทุ่งหญ้า จากนั้นก็พบจุดที่ค่อนข้างสะอาดพอที่จะนั่งลง
ในขณะที่เธอมีสิ่งต่างๆให้คิด เมื่อมองไปที่อู่เย่วหลิงผู้ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เธอก็สงสัยว่ามันเป็นเพราะพื้นที่อวกาศของเธอที่ทำให้เด็กคนนี้อาการดีขึ้นอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าเด็กน้อยจะไม่ได้กินอาหาร เธอก็ไม่ได้รู้สึกหิวจนจะตาย
มันผิดปกติมาก! เวลาหยุดนิ่งไหมในพื้นที่ของเธอ? มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เมื่อพิจารณาจากการเจริญเติบโตของหญ้า เวลามันเดินไปเรื่อยๆ ในอวกาศของเธอ เป็นเพราะน้ำไหม ความหิวของเด็กน้อยได้ผ่อนคลายลงด้วยน้ำในทะเลสาบที่เธอดื่มใช่ไหม? แต่ในทะเลสาบก็ไม่สามารถทำให้ร่างกายเธอกลับมาเหมือนเดิมได้เช่นกัน มันทำไม่ได้ใช่ไหม?
เธอรู้สึกว่าพื้นที่อวกาศนี้ลึกลับมาก และเธอก็ไม่รู้ว่ามีเทคนิคพิเศษชนิดใดที่น้ำในทะเลสาบทำได้บ้าง เธอเองก็ดื่มน้ำจากทะเลสาบแห่งนี้เช่นกัน
‘ใช่แล้ว!’ จู่ๆ หลินเสี่ยวก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเธอเข้ามาในพื้นที่อวกาศนี้ครั้งแรกนั้นเธอก็แช่ตัวในทะเลสาบและหลับไป เธอไม่รู้ว่าเธอนอนไปนานแค่ไหน แต่หลังจากตื่นมาร่างของเธอก็ยืดหยุ่นได้ ตอนนั้นเธอไม่ได้สังเกตุว่ามันเป็นเพราะน้ำในทะเลสาบและคิดว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย
ตอนนนี้เธอคิดว่ามันใช่แน่ เหตุผลนั้นมันเป็นผลจากน้ำในทะเลสาบ!
น้ำในทะเลสาบเหมือนจะสามารถช่วยในการเพิ่มระดับซอมบี้ของเธอด้วย!
ด้วยความคิดนี้ หลินเสี่ยวสำราญใจมาก พื้นที่อวกาศนี้ดูเหมือนเป็นขุมทรัพย์ที่เธอได้รับเป็นของขวัญจากการกลับชาติมามีชีวิตอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของสตรอเบอร์รี่กลายพันธุ์ก็หายไป หลังจากล้างน้ำในทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบสามารถทำหน้าที่กำจัดกลิ่นได้ด้วยใช่ไหม?
หลังจากคิดเรื่องนี้ออก หลินเสี่ยวก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่แล้ว เธอก็จ้องไปที่อู่เย่วหลิงและพูดกับตัวเองในใจด้วยความโกรธ ‘ฉันจะส่งเธอกลับไปหาผู้ชายคนนั้น แต่ตอนนี้ ฉันจะไม่ส่งแล้ว! ฉันเปลี่ยนใจแล้ว!’
ใครบอกว่าอู่เฉิงเย่วเป็นคนดี? ใครบอกว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนและสุภาพ? เห็นชัดๆว่าเขาเป็นเสือยิ้ม! ไม่มีการเตือน เขาโจมตีเธอด้วยสายฟ้าฟาด! เธอจำไม่ลืมเลย! แม้ว่าลวี่เถียนหยี่ได้ข่มขืนเขา....ลวี่เถียนหยี่ก็ตายไปแล้วและเธอคือหลินเสี่ยว เรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเธอ!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอจะออกไปได้อย่างไร? เธอไม่รู้อะไรกับสถานการณ์ข้างนอกนั่นเลย เธอไม่มีทางที่จะรู้ว่ามีคนคอยเฝ้าดูอยู่ที่นั่นรึเปล่า?
ถ้าเพียงเธออยู่ในนี้แล้วสามารถอ่านใจของผู้คนที่อยู่ข้างนอกอวกาศนี่ได้นะ....ด้วยวิธีนี้ เธอสามารถรู้ได้ว่ามีคนอยู่ที่นั่นไหม
หลินเสี่ยวพยายามหลับตาเพื่อฟังและรู้สึก
เมื่อเธอหลับตาและพยายามอย่างหนักที่จะรับความรู้สึกให้ได้นั้น ภาพสลัวๆก็ผุดขึ้นมาภายในสมองของเธอ ภาพนั้นคุ้นเคยเพราะเป็นจุดที่เธอหายเข้ามาในอวกาศของเธอ
‘ใช่ไหม? มันเกิดขึ้นอย่างไร?’
เธอลืมตาขึ้นและภาพก็หายไปจากความคิดทันที ความสับสนลึกๆว่าตาเธอพร่ามัว ก่อนที่เธอจะปิดตาลงอีกครั้ง
ตามที่เธอคาดไว้ เมื่อเธอหลับตาอีกครั้งและคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอก ภาพที่เกิดขึ้นในใจเธอชัดเจนกว่าเดิม แต่ภาพไม่มีสีราวกับว่าเป็นแค่เงาดำ ขาวและสีเทา ภาพเริ่มขยายออกไปและตอนนี้เธอสามารถเห็นร่างมนุษย์บางคน
คนเหล่านี้อยู่ในชุดลายพรางและใบหน้าของพวกเขาเกลี้ยงเกลา พวกเขาถือปืน เดินไปรอบๆบริเวณนั้นอย่างสบายๆ พวกเขาเป็นมนุษย์ไม่ใช่ซอมบี้
นอกจากภาพที่เธอเห็นในหัวแล้วนั้นหลินเสี่ยวก็ไม่รู้สึกถึงความรู้สึกใดอีก อย่างไรก็ตามเธอรู้ว่าสิ่งนี้จะต้องเป็นภาพจริงของเหตุกาณ์ด้านนอกนั่น
นี่ก็เพียงพอแล้ว!
เธอเห็นฐานประจำการของทหารอยู่ไม่ไกล มันเป็นฐานชั่วคราว แต่เธอรู้แน่ว่ากองทัพนี้อู่เฉิงเย่วเป็นผู้นำ
ซอมบี้ในพื้นที่นี้ถูกกำจัดให้สิ้นซาก เนื่องจากหลินเสี่ยวไม่เห็นแม้แต่ตัวเดียวในที่เหล่านั้น
เมื่อเธอกลิ้งตาไปมาใต้เปลือกตาที่หลับอยู่นั้น ภาพก็เปลี่ยนไป เธอมองจากซ้ายไปขวาและสังเกตว่าข้างนอกเป็นเวลาค่ำแล้ว
ทหารบางคนในชุดพรางตัวกำลังลาดตระเวน คนอื่นๆนั่งรวมตัวกันอยู่ด้านข้าง กลุ่มละสองหรือสามคน
อย่างที่เธอคิดไว้ อู่เฉิงเย่วให้คนประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เธอจะแอบออกไปได้อย่างไร? เมื่อเผชิญหน้ากับคนมากมาย เธอจะถูกล้อมทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น ใช่ไหม?
หลินเสี่ยวครุ่นคิดพร้อมสังเกตสถานการณ์ภายนอกนั้นด้วยใบหน้าไม่พอใจ น่าเศร้า เธอไม่สามารถอ่านความคิดของคนเหล่านั้นได้ มิฉะนั้นเธออาจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการ และเตรียมตัวให้พร้อม
เธอเปิดตาของเธอและภาพของโลกภายนอกในหัวของเธอหายไปทั้งหมด ราวกับว่าดวงตาของเธอเป็นสวิตช์ เปิดปิดได้ เธอสามารถเห็นสถานการณ์ข้างนอกเมื่อเธอปิดตา และเมื่อเปิด การเชื่อมต่อระหว่างเธอกับโลกภายนอกจะถูกตัด
เธอหันกลับมาและเห็นอู่เย่วหลิงทันที เด็กน้อยแอบย่องมาอยู่ข้างๆ และมองเธออย่างเงียบ ๆ ห่างไปไม่ถึงครึ่งเมตรโดยไม่ดึงดูดความสนใจของเธอ
เมื่อดวงตาของหลินเสี่ยวลืมตาขึ้น อู่เย่วหลิงเบิกตากว้างแล้วขยับเท้า เธออยากจะวิ่งหนี แต่เท้าของเธอกลับพามายืนต่อหน้าหลินเสี่ยวแล้ว เธอก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นขณะมองดูหลินเสี่ยว
เธอยังกลัวหลินเสี่ยวอยู่เล็กน้อย แต่เธอไม่สามารถต้านความต้องการที่จะอยู่เคียงข้างเธอได้
หลินเสี่ยวเหลียวมองเธอ เธอลังเลที่จะขยับ เธอจึงยังคงนั่งอยู่บนพื้นเพื่อพักผ่อน หลังจากสังเกตสถานการณ์ภายนอกสองครั้ง เธอรู้สึกเหนื่อยมาก ร่างกายของเธอรู้สึกไร้ชีวิตชีวา ความเหนื่อยล้าของเธอนั้นไม่ใช่ทางร่างกาย แต่เป็นทางจิตใจ
2 วันอัพค่ะ