หลินเสี่ยวเดินไปที่หน้าต่างข้างบันไดในอาคารและมองออกไปนอกตึก ในสายตาของมนุษย์ธรรมดาภายนอกมีเพียงความมืด อาคาร พืชและสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดบนพื้นดินเป็นเพียงเงาและเงาในแสงสลัว
อย่างไรก็ตามหลินเสี่ยวสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน ซอมบี้ไม่เห็นเป็นสี แต่ดวงตาของหลินเสี่ยวนั้นแตกต่างจากซอมบี้ธรรมดา
ดวงตาของเธอมืดกว่าเงายามค่ำคืน เธอเปิดตากว้างและกวาดสายตาไปทั่วบริเวณที่มองเห็นได้จากหน้าต่าง อย่างไรก็ตามแม้หลังจากค้นหาไปครู่หนึ่งเธอก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดนอกจากแสงสว่างเพียงอย่างเดียว เธอเดาว่าคนเหล่านั้นระวังไม่ให้สนใจในตัวพวกเขา
หลังจากสังเกตสิ่งต่างๆอีกเล็กน้อยและยังไม่เห็นอะไรเพิ่ม ดวงตาของเธอเปล่งประกายเมื่อเธอเปลี่ยนวิธีการค้นหา
เธอเชิดหน้าขึ้นปิดตาและสูดอากาศอย่างระมัดระวังครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอได้ตระหนักว่าความรู้สึกในการดมกลิ่นของเธอตอนนี้คมกว่าของสุนัขด้วยซ้ำ อย่างที่เธอหวังหลังจากใช้เวลาสักพักสูดกลิ่นลมในอาคารสูง เธอรู้สึกถึงบางสิ่งที่พิเศษ
ในบรรดากลิ่นที่เธอตรวจพบที่แข็งแกร่งที่สุดคือกลิ่นเหม็นหืนจากร่างซอมบี้ เธอตรวจพบกลิ่นแปลก ๆ บางอย่างจากพืชและสัตว์ที่กลายพันธุ์ แต่สิ่งที่จาง ๆ นั้นถูกเจือจางด้วยกลิ่นอื่น ๆ ในอากาศ
ตอนนี้เธอสามารถแยกกลิ่นได้เฉพาะคนที่มีชีวิตและซอมบี้ อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ทราบถึงความรู้สึกของกลิ่นอื่นว่าเป็นอะไร
เธอสูดดมในอาคารสูงหลังนี้ตรวจดูกลิ่นทุกชนิด แต่ไม่พบว่าเป็นของมนุษย์ที่มีชีวิต
เธอยังไม่ยอมแพ้ ดังนั้นเธอจึงเดินดมหาอย่างไร้จุดหมายบนชั้นนี้ จากนั้นวิ่งไปในทิศทางอื่น เมื่อพบหน้าต่าง เธอเปิดหน้าต่างออกแล้วยื่นหัวออกไปด้านนอกสูดดมอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่พบร่องรอยของมนุษย์ที่มีชีวิตขณะที่ยืนดมอยู่ในอาคารนี้
เธอพบว่าสิ่งนี้มันน่าฉงน ผู้ชายคนนั้นจะไม่ส่งคนของเขาออกตามหาลูกสาวของเขาหรือ? เหตุใดเธอจึงไม่สามารถตรวจพบมนุษย์ที่มีชีวิตในบริเวณนี้?
เธอควรจะเก็บลูกน้อยของเขาไว้หรือไม่ ถ้าไม่พบครอบครัวของเด็กน้อย?
หลินเสี่ยวพยายามคิดจากความคิดต่างๆของเธอ
เธอเป็นซอมบี้ในตอนนี้และไม่ว่าเธอจะรู้สึกหิวแค่ไหนเธอก็ดูเหมือนจะไม่ตาย แต่สิ่งที่แตกต่างจากเธอเด็กน้อยในอวกาศของเธอคือมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เด็กน้อยอายุห้าขวบ มนุษย์จำเป็นต้องกินโดยเฉพาะเด็ก หากเธอไม่ระวังเด็กอาจป่วยและนั่นจะเป็นปัญหา
เมื่อนึกถึงเด็กหญิงตัวเล็กหลินเสี่ยวก็รู้ทันทีว่าเธอไม่ได้รับความรู้สึกอะไรจากเธอซักพักแล้วและไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเธออีก จะทำอย่างไรถ้าเด็กประสบอุบัติเหตุ ความคิดนี้ส่งประกายไปทั่วจิตใจของหลินเสี่ยวและเธอรีบเข้าไปในพื้นที่ของเธออีกครั้ง
แสงสว่างแว้บเข้ามาในดวงตาของเธอจากนั้นเธอก็ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ส่วนตัวซึ่งยังคงมีหมอกและไม่มีเสียงรบกวนนอกจากความเงียบ
ดวงตาของหลินเสี่ยวกวาดไปทั่วบริเวณและพบร่างเล็กๆของอู่เยว่หลิงขดตัวอยู่บนพื้นในห่อผ้าห่มเป็นม้วนเล็กๆ
หัวใจของเธอหล่นวูบลง เธอรีบเข้าไป ระงับการกระตุ้นให้เธอกินเด็ก เธอนั่งลงเพื่อสังเกตสีผิวของเด็กตัวน้อย ใบหน้าของเธอซีดมากเช่นเดียวกับริมฝีปากของเธอ และดวงตาของเธอมีสีเข้มและออกน้ำเงิน
หลินเสี่ยวต้องการยื่นมือออกมาและสัมผัสหน้าผากของเด็กน้อย แต่การมองเห็นเล็บสีดำและเงาของเธอทำให้เธอหยุดชะงัก
ฟันและเล็บของซอมบี้ทุกตัวมีไวรัสซอมบี้ และไวรัสบนเล็บที่มีสีเข้มแหลมคมของเธอจะต้องมีพลังมากกว่าซอมบี้ธรรมดา
เธอไม่สามารถสัมผัสผิวของเด็กด้วยเล็บเหล่านี้ได้โดยตรง! เธอเกิดความสงสัยว่าเธอสามารถถอนเล็บออกมาได้หรือเปล่า
เธอมองที่เล็บของเธอและคิดเกี่ยวกับการหดกลับเข้าไป ทำให้รู้สึกแปลกๆ กำลังเกิดขึ้นที่กระดูกนิ้วมือของเธอ เธอจ้องที่เล็บและเห็นว่าพวกมันค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวและหดสั้นลง เล็บที่แหลมคมของเธอหายไปจากนิ้วมือ มันกลายมาเป็นเล็บของมนุษย์ธรรมดา
เธอมองดูมือตัวเองด้วยความสับสนแล้วยกมืออีกข้างขึ้น เล็บในมือของเธอยังคงดำและแหลมคม
....เล็บของเธอเปลี่ยนไปตามความคิดของเธอได้ ใช่ไหม?
เธอคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ด้วยความไม่แน่นอน จากนั้นชี้ไปที่มือที่ไม่เปลี่ยนแปลง จ้องนิ่งที่ปลายนิ้วขณะที่เธอกระซิบเงียบๆ ในใจของเธอ
‘กลับไปเหมือนเดิม! กลับไปเหมือนเดิม! กลับไปเหมือนเดิม!’
อย่างที่คาดไว้มืออีกข้างของเธอเริ่มเปลี่ยนอย่างช้าๆ เป็นเหมือนมือมนุษย์ธรรมดา ในขณะที่เล็บสีเข้มของเธอหายไปด้วย
หลังจากดูการเปลี่ยนแปลงเล็บของเธอ เธอยังคงนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นใช้นิ้วมือสัมผัสหน้าผากเด็กอย่างเบามือ
ผิวหนังของเด็กนั้นเย็นจัดและเย็นกว่าอุณหภูมิปกติของมนุษย์ที่มีสุขภาพดี
หลินเสี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อยและดึงมือออกทันที
เธอไม่รู้ว่าเด็กถูกปลุกด้วยความเย็นจากนิ้วมือของเธอหรือไม่ แต่หลังจากที่เธอดึงมือของเธอออก เปลือกตาของเด็กก็กระตุกและเปิดอย่างช้าๆ
‘นี่ไม่ดีเลย!'
หัวใจของหลินเสี่ยวเต้นผิดจังหวะ เธอตะโกนเงียบๆในหัวและรีบลุกขึ้นยืนเพื่อเขยิบห่างออกไป พุ่งออกไปให้ห่างจากเด็ก ราวห้าเมตร ในขณะที่เธอมองกลับมาอย่างประหม่า
นั่นเป็นปฏิกิริยาตอบสนองอย่างเต็มที่ของหลินเสี่ยว เพราะก่อนหน้านี้เด็กกรีดร้องและเกือบหมดสติเมื่อเห็นเธอ ตอนนี้เด็กลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและถ้าเห็นว่าหลินเสี่ยวยืนอยู่ใกล้เธอ เธอจะกลัวจนตาย ใช่ไหม?
เด็กหญิงตัวน้อยหันหน้าเธอมาและเริ่มมองไปรอบๆอย่างว่างเปล่า และอย่างที่หลินเสี่ยวคิด เด็กน้อยตื่นเต็มตาเมื่อเห็นเธอ ดวงตาโต น้ำตาคลอ แต่ความแวววาวของเธอถูกตรึงอยู่บนใบหน้าของหลินเสี่ยวและเบิกกว้างขึ้นด้วยความพรั่นพรึง
แต่คราวนี้เธอไม่กรี๊ด แต่กัดริมฝีปากแน่น ในขณะที่จ้องมองที่หลินเสี่ยวตาไม่กระพริบ
หลินเสี่ยวยืนห่างออกมาห้าเมตร ขณะที่มองเด็กน้อยอย่างทำอะไรไม่ถูก เธอหมดหวังกับเด็กเสมอ เด็กในวัยนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เอาแต่ใจตัวเอง ซุกซนต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก ยากต่อการปลอบที่สุด สิ่งที่แย่ที่สุดคือเสียงร้องของพวกเขาโหยหวนจนถึงจุดที่หูแทบหนวก!
เสียงคร่ำครวญของเด็กคือสิ่งสูงสุดที่เธอทนไม่ได้
‘เธออยู่ที่นี่! เธอกลับมาอีกแล้ว! เธอมาเพื่อกินหลิงหลิง....ซอมบี้ตัวนี้จะกินหลิงหลิง....ฮือ...พ่อ! พ่อ! พ่ออยู่ไหน? มาช่วยหลิงหลิงด้วย! มาช่วยหลิงหลิง! ทำไมพ่อไม่มาช่วยหลิงหลิง?’
เช่นเดียวกับหลินเสี่ยวถึงระดับความไม่แน่ใจในความสิ้นหวัง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงความหวาดกลัว ความสิ้นหวัง ความตื่นตระหนกและอารมณ์ด้านลบอื่น ๆ ในขณะเดียวกันเธอก็สามารถอ่านใจได้
เห็นได้ชัดว่าเป็นความรู้สึกปัจจุบันของเด็ก
แต่ในไม่ช้าความรู้สึกเหล่านี้ก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ
‘หลิงหลิงจะต้องตาย…พ่อ…หลิงหลิงจะถูกกิน…พ่อ…’
‘พ่อ…พ่อ…”
'พ่อ…'
หลินเสี่ยวหวาดผวาและตกใจเมื่อเห็นว่าแสงในดวงตาของเด็กน้อยนั้นมืดลง
'ฉันควรทำยังไงดี? ฉันควรทำยังไงดี?' หลินเสี่ยวเริ่มเป็นกังวลเกือบจะเกาหัวด้วยความหงุดหงิดใจ เธอรู้สึกแล้วว่าเด็กสูญเสียความปรารถนาที่จะอยู่รอดโดยเชื่อว่าเธอจะถูกกินอย่างแท้จริง
หากหลินเสี่ยวออกจากพื้นที่ไปแล้ว ตอนนี้มีโอกาสที่เด็กจะฟื้นตัวได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาอย่างถาวร เด็กไม่ได้กินอะไรหลายวันซึ่งส่งผลให้ร่างกายของเธอเริ่มอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรง ตอนนี้เธอสูญเสียความปรารถนาที่จะอยู่รอดซึ่งจะช่วยเร่งความล้มเหลวของร่างกาย
บทที่ 14 : การสื่อสารในความเงียบ
หลินเสี่ยวตัวแข็งทื่อด้วยความกังวล เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เธอรู้ว่าเธอไม่ควรเข้าใกล้เด็กในตอนนี้ สิ่งที่เธอทำได้คือขยับถอยหลังไปสองก้าวแล้วลองทำให้เด็กตอบโต้
สิ่งที่เธอต้องการจริงๆ คืออุ้มเด็กไปที่ทะเลสาบและพาเธอไปดื่มน้ำอีกครั้ง
เธออาบน้ำในทะเลสาบก่อนหน้านี้และไม่รู้ว่าไวรัสในร่างกายเธอแพร่เชื้ออยู่ในน้ำหรือเปล่า แต่เธอจำได้ว่าเด็กเมาน้ำทะเลสาบเล็กน้อยเมื่อเธอเอาเข้าปากครั้งแรก และดูเหมือนว่าจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เกิดขึ้น นี่เป็นการพิสูจน์ว่าน้ำปลอดภัย
เมื่อหลินเสี่ยวก้าวถอยหลัง ดวงตาของอู่เยว่หลิงก็เปล่งประกาย น่าแปลกที่ดวงตาที่หมองคล้ำของเธอเริ่มสดใสขึ้นและความกลัวและความสิ้นหวังในตาคู่นั้นดูเหมือนจะหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อย จากนั้นเธอมองที่หลินเสี่ยวด้วยความอยากรู้
เด็ก ๆ อาจมีความรู้สึกไวมาก เมื่อเธอเห็นหน้าซอมบี้สุดสยองของหลินเสี่ยว คำตอบแรกของเธอคือความกลัว อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นหลังจากนั้นมันเป็นครั้งที่สองหรือแม้กระทั่งครั้งที่สาม
เธอกลัว แต่เมื่อเธอเห็นหลินเสี่ยวก้าวถอยหลัง ความคิดของเธอก็เกิดคำถามทันที ทำไมซอมบี้ตัวนี้ถึงไม่กัดเธอ?
แม้ว่าอู่เยว่หลิงจะยังเด็ก เธอเคยเห็นซอมบี้มาก่อน ซึ่งทิ้งบาดแผลภายในใจเธอซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปัญหาทางจิตในปัจจุบันของเธอ
ในความทรงจำของเธอ ซอมบี้น่ากลัวมากและจะกัด กัดคนที่มันเห็นทุกคน
ทำไมซอมบี้ตัวนี้ถึงไม่ยอมตะครุบเธอ? ทำไมซอมบี้ตัวนี้ถึงอยู่ไกลจากเธอราวกับว่ากลัวเธอเกินกว่าจะเข้าใกล้?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็เริ่มการต่อสู้ภายในหัวเล็กๆของอู่เยว่หลิง ครู่หนึ่งเธอพบว่าจริงๆแล้วเธอไม่กลัวเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาก่อน
เธอยังจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นซอมบี้ตัวนี้ มันกระโดดออกไปจากเธอราวกับว่ามันตกใจกลัวเสียงกรีดร้องของเธอ
อู่เยว่หลิงมองภาพหลินเสี่ยวตกใจขวัญหนีดีฝ่อกำลังยืนอยู่ใกล้ๆเธอ
ในอีกด้านหนึ่งหลินเสี่ยวคอยสังเกตทุก ๆ การเคลื่อนไหวของอู่เยว่หลิงอย่างระมัดระวัง เธอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกบนใบหน้าของคนหลัง และในเวลาเดียวกัน เธอมีความรู้สึกหวิว ๆ ที่ว่าความกลัวและความสิ้นหวังของเด็กคนนี้ลดน้อยลงไป แทนที่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแทน
'จิตวิทยาของเด็กแปลกจริงๆ!' หลินเสี่ยวคิด แต่ในระหว่างนี้เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน ตอนนี้เด็กน้อยไม่กลัวเธอ สิ่งอื่น ๆ คงจะง่ายขึ้นมาก
ในขณะที่หลินเสี่ยวกำลังอ่านใจของอู่เยว่หลิง ทันใดนั้นเธอก็คิดขึ้นมาได้
เธอสามารถควบคุมซอมบี้และอ่านความคิดของพวกมันได้ ดังนั้น…เธอสามารถถ่ายทอดความคิดของเธอเองไปยังผู้อื่นได้หรือไม่? เธอช่วยให้เด็กน้อยคนนี้รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่? ถ้าเธอทำได้ ...
เมื่อเธอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หลินเสี่ยวรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นแม้ว่าเธอจะรู้ว่านี่เป็นภาพลวงตาเพราะหัวใจของเธอไม่เต้นเลย เธอไม่มีการเต้นของหัวใจเลย!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้หลินเสี่ยวตัดสินใจดำเนินการโดยทันที เธอมองไปที่อู่เยว่หลิงในสายตา ทันใดนั้นก็นั่งไขว่ห้างบนพื้นขณะที่จ้องมองความสับสนของเธอ หลังจากนั้นทั้งสองก็จ้องกันและกัน
‘เธอกำลังทำอะไร? เธอไม่มากัดฉันเหรอ? เธอจะไม่กินฉันใช่ไหม?’
ความรู้สึกถึงอันตรายของอู่เยว่หลิงค่อยๆจางลงและเธอก็เริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอเห็นว่าหลินเสี่ยวไม่พยายามเข้าใกล้เธอและนั่งลงบนพื้น ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในใจเธอทันที
‘หลิง หลิง? หลิง หลิง?’
เธอจดจ่อกับความคิดของเธอและเรียกอู่เยว่หลิงออกมาดังๆ ในใจของเธอ อย่างไรก็ตามลิ้นของเธอแข็งทื่อเป็นซอมบี้ซึ่งทำให้เสียงของเธอดูแปลกๆ เช่น ‘เอออ เอออ’
อู่เยว่หลิง ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ได้แต่หันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าสับสน
หลินเสี่ยวพยายามอีกสองสามครั้ง แต่อู่เยว่หลิงมองเธอโดยเฉพาะ รู้สึกแปลกๆ โดยไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หลังจากนั้นครู่หนึ่งหลินเสี่ยวถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
เมื่อได้ยินการถอนหายใจนี้ การแสดงออกในดวงตาของอู่เยว่หลิง เปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่มีใครสังเกตเห็น หลินเสี่ยวได้หันกลับไปมองทะเลสาบแล้ว
เนื่องจากเธอไม่สามารถสื่อสารโดยใช้ความคิดของเธอ เธอคิดว่าเธอจะพยายามทำสิ่งใดได้
หลังจากเหลือบมองไปที่ทะเลสาบหลินเสี่ยวก็มีแรงบันดาลใจอย่างฉับพลันจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นเธอลุกขึ้นยืน อู่เยว่หลิงก็รู้สึกกังวลอีกครั้ง แต่ต่อมาเธอก็ตระหนักว่าซอมบี้ตัวนี้ไม่ได้เข้าใกล้เธอ
‘เธอกำลังทำอะไร?’ อู่เยว่หลิงมองสำรวจอย่างพิศวงขณะที่เธอดูหลินเสี่ยวเดินไปที่ทะเลสาบ
หลินเสี่ยวมาถึงริมทะเลสาบดึงใบหญ้ายาวสองสามใบจากนั้นจึงสานอย่างชำนาญให้เป็นแมลงปอสีเขียวตัวเล็ก เธอวางแมลงปอลง หยิบอีกสองสามใบแล้วทำกรวยเล็กๆ บีบขอบและใส่มันลงไปในทะเลสาบ ตักน้ำขึ้นมา
น้ำในทะเลสาบใสแจ๋วเหมือนเดิม มันไหลเข้าไปในช่องทางที่เธอทำไว้ และหลินเสี่ยวดีใจที่มันไม่รั่ว
หลินเสี่ยวถือกรวยที่เต็มไปด้วยน้ำในมือข้างหนึ่งและแมลงปอหญ้าจากนั้นก็ค่อยๆเดินกลับไปที่อู่เยว่หลิง
อู่เยว่หลิงกำลังเฝ้ามองหลินเสี่ยวด้วยความอยากรู้อยากเห็น ขณะที่เธออยากรู้ว่านางไปทำอะไรที่ทะเลสาบ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นหลินเสี่ยวลุกขึ้นยืนและเดินเข้าหาเธอ เธอก็สะดุ้งตื่นและดึงสัญชาตญาณการระวังตัวกลับมา
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ หลินเสี่ยวก็หยุดเดินและหยุดนิ่งทันที ไม่ขยับส่วนอื่นของร่างกายยกเว้นแขน เธอค่อยๆ ยื่นสิ่งต่าง ๆ ในมือของเธอไปข้างหน้า
ตามที่เธอหวังไว้เด็กตัวเล็กๆถูกดึงดูดโดยแมลงปอหญ้าและกรวยในมือของเธอทันที ด้วยเหตุผลบางอย่าง เด็กๆมักให้ความสนใจของเล่นที่ทำจากใบไม้ใบหญ้าเช่นนี้
หลินเสี่ยวอาศัยอยู่ในชนบทตอนเป็นเด็กและคุณปู่ของเธอสอนให้เธอทำแมลงปอหญ้า เธอไม่เคยคิดเลยว่าในวันใดวันหนึ่งเธอจะได้ใช้สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้กับเด็กน้อย
เธอยกแมลงปอเห็นว่าอู่เยว่หลิงมองตาม และรู้สึกปลื้มใจที่ได้เห็นว่าการขับไล่เธอในสายตาของอู่เยว่หลิง หายไปแล้ว
หลังจากนั้นเธอยกเท้าของเธอและเดินไปอีกสองสามก้าวเข้าหาอู่เยว่หลิง
เธอดึงดูดความสนใจของเด็กเมื่อเธอเคลื่อนตัว แต่คราวนี้เด็กไม่รู้สึกหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อน อู่เยว่หลิงมองตาหลินเสี่ยวแล้วเปลี่ยนความสนใจของเธอไปเป็นแมลงปอในมือของเธอ
หลินเสี่ยวมองการตอบโต้ของเด็กเป็นการอนุญาตให้ดำเนินการต่อ ดังนั้นเธอจึงยกเท้าของเธอขึ้นก้าวไปข้างหน้าช้าๆเพื่อไปหาเด็กหญิงตัวน้อย
เด็กหญิงตัวน้อยมองอย่างระมัดระวังและประหม่า แต่ไม่สามารถละสายตาจากการมองแมลงปอหญ้าในมือของเธอได้
หลินเสี่ยวค่อย ๆ ขยับตัวอยู่ห่างจากเด็กประมาณหนึ่งเมตรให้มีช่องว่างระหว่างพวกเขา พื้นที่นี้ทำให้เด็กรู้สึกถึงความปลอดภัยเล็กน้อย และให้เธอเห็นแมลงปอหญ้าอย่างชัดเจนในมือของหลินเสี่ยว ตอนนี้เด็กน้อยแสดงความรังเกียจต่อเธอน้อยกว่าแต่ก่อนมาก
2 วันอัพค่ะ