Your Wishlist

แต่งงานผี (บทที่ 66: ทำมัน (ตอนที่ 1-4))

Author: panthera

นางเป็นลูกสาวที่ตายไปของตระกูลซูที่ไม่สามารถปลูกฝังได้ ในวันก่อนแต่งงานของนาง องค์ชายสามเลิกล้มการแต่งงานกลางคัน นางถูกแทนที่ด้วยน้องสาวของนางเอง นางกลายเป็นศูนย์กลางของวงสนทนาไปทั่วเมือง ด้วยความคับแค้นใจของนาง นางจึงพุ่งเอาหัวโขกประตูตระกูลซู แต่นางกลายเป็นเป้าหมายให้คนอื่นจัดการแต่งงานกับผี เขา เป็นคนที่ถูกสาปมีสถานะที่ไม่อาจพรรณนาได้ คำสาปที่สืบทอดมาหลายศตวรรษในตระฏุลของเขา ทำให้เขานอนไม่หลับ การแต่งงานที่ผิดพลาด สงครามการค้าและความรักอันยาวนาน ทำให้โชคชะตาของพวกเขาเกี่ยวพันกันตั้งแต่นั้นมา # มาร่วมลุ้นชีวิตหลังการแต่งงานผีไปด้วยกัน

จำนวนตอน : 2900 Chapters (Completed)

บทที่ 66: ทำมัน (ตอนที่ 1-4)

  • 23/09/2564

 

“ผู้เฒ่าชวีมีเหตุการณ์มากมายในโลกนี้  เราต้องรู้วิธีจัดการกับเหตุการณ์เหล่านั้น  หากท่านมาอยู่ในความดูแลของจวนหมิงเยว่ของข้า  ท่านจะเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างหรือการจัดการงานใหม่ๆ  สิ่งต่างๆที่ท่านจะได้เจอจะไม่เหมือนกับงานเดิมของท่าน  แต่ละร้านมีความต้องการของตัวเอง  แต่ละคนมีจุดแข็งของตัวเองเช่นกัน  ประเด็นหลักในการจ้างท่านมาที่จวนหมิงเยว่ของข้าคือการทำให้จุดแข็งของท่านจัดการกับความต้องการเหล่านี้  ตัวอย่างเช่น ผู้เฒ่าชวี๋  ท่านเก่งในการจัดการร้านค้า แต่มีทักษะในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากกว่า  เมื่อท่านพบลูกค้าที่ไม่สมเหตุสมผล  ท่านสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย  เนื่องจากข้าเต็มใจที่จะจ้างท่าน  ข้าในฐานะเจ้าของบ้านต้องรู้จุดแข็งโดยธรรมชาติของท่าน”

 

คำพูดของซูจื่อโม่ทำให้ทุกคนตกตะลึง  นายจ้างคนก่อนของพวกเขาไม่เคยบอกอะไรแบบนี้กับพวกเขา  นายท่านหมิงเยว่นี้เคารพพวกเขาและให้โอกาสพวกเขาแสดงความแข็งแกร่ง

 

“ด้วยคำพูดที่มาจากใจจริงของนายท่านหมิงเยว่  ชายชราคนนี้ก็เต็มใจที่จะลอง”

 

ผู้เฒ่าชวี๋ยอมรับข้อตกลงเป็นคนแรก

 

เขาไม่ได้พิจารณาสิ่งอื่นใดนอกจากความเคารพที่หญิงผู้นี้มอบให้พวกเขา  หากคนเช่นนั้นเต็มใจเคารพเขา  เขาสบายใจที่จะทำงานด้วยใจ

 

เขาอายุ 50 ปี กว่าแล้ว และได้พบกับนายท่านทุกประเภท  แต่นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้พบกับนายท่านที่โปร่งใสเช่นซูจื่อโม่  เขาต้องการติดตามนาง  ไม่ต้องพูดถึง  เรื่องที่เขาสนใจจวนภูเขาหมิงเยว่ มาก

 

เมื่อเห็นผู้เฒ่าชวี๋พยักหน้า  คนอื่นจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร ในชั่วพริบตา ทุกคนก็พยักหน้าและเห็นด้วย

 

ซูจื่อโม่ยิ้ม  ผู้เฒ่าชวี๋เป็นกระดูกสันหลังของคนกลุ่มนี้  และคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ในการจัดการร้านค้าปลีก  นางเพียงจ้างคนเหล่านี้มาเพื่อที่นางจะได้เปิดร้านและเปิดร้านได้อย่างรวดเร็ว

 

“ต่อไปนี้คือระบบการจัดการและแผนการจัดการบัญชีบางส่วนของเรา  ให้พวกท่านนำกลับไปศึกษาดู  หลังจากนี้อีกครึ่งเดือน  ร้านค้า 13 ร้ายภายใต้ชื่อจวนภูเขาหมิงเยว่จะเปิดในวันเดียวกัน นี่คือกฎระเบียบใหม่ที่ท่านต้องทำความคุ้นเคย  ข้าหวังว่าจะได้เห็นความแข็งแกร่งของท่านในวันเปิดร้าน  ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  ท่านจะได้รับเงินตามเงินเดือนที่ตกลงกันไว้”

 

คำพูดของซูจื่อโม่ทำให้ทุกคนตื่นเต้นมากขึ้น  เริ่มตั้งวันนี้พวกเขาจะจ่ายเงินเดือนตามที่ตกลงกันไว้  มีเหตุการณ์อะไรที่ดีกว่านี้เกิดขึ้นอีกไหม?

 

เหอหยุนถิงและหลิวจื่อหยูมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม

 

เหอหยุนถิงจึงแจกจ่ายระบบการจัดการที่เขาคัดลอกให้ทุกคน

 

ผู้เฒ่าชวี๋มองดูมันอย่างไม่ตั้งใจแล้วมองที่ซูจื่อโม่ด้วยความตกใจ  นี่คือสิ่งที่นางคิดขึ้นมาจริงๆ เหรอ…?

 

ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ซูจื่อโม่ทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้น

 

*

 

มู่หยุนซวนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดอดไม่ได้ที่จะชื่นชมวิธีการของซูจื่อโม่ในการจัดการสิ่งต่างๆ  ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชื่อเสียงของจวนภูเขาหมิงเยว่จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว  มู่หยุนซวนก็เดินเข้าไปในห้องและหยิบสำเนาของระบบการจัดการและแผนการจัดการบัญชีที่ซูจื่อโม่กล่าวถึงบนโต๊ะ  จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องของซูฉี

 

ซูฉีเพิ่งตื่น  ขนตายาวๆของเขากระพือและกระพริบตาที่พร่ามัวของเขา  เห็นได้ชัดว่าเขานอนไม่พอ

 

ซูฉีหรี่ตาเล็กน้อย เขานั่งนึกและจำได้ว่าพ่อของเขานอนกับเขาเมื่อคืนนี้

 

ที่ด้านข้างของเขา  เขารู้สึกเหมือนกับเงาดำที่บดบังแสง

 

“ท่านพ่อขอรับ  ท่านตื่นแต่เช้าเลยหรือขอรับ?”

 

ซูฉียืดตัวบิดขี้เกียจของเขา  และบางทีอาจเป็นเพราะพ่อของเขาอยู่กับเขา  เขาจึงตื่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติทันทีที่ผล็อยหลับไป

 

“ฉีเอ๋อร์  เจ้ายังคงง่วงนอนอยู่ไหม?  ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว”

 

มู่หยุนซวนโอ๋ซูฉีและอุ้มเขาขึ้นมา

 

เมื่อเขาออกไป  เขาก็มองไปที่ซูซินเป็นพิเศษ เมื่อเขาเห็นซูซินกำลังกินอาหารเช้าอย่างมีความสุข เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก

 

“อืมม!  ข้านอนได้จนถึงเที่ยง”

 

ซูฉีวางหัวเล็กๆ ไว้บนไหล่ของมู่หยุนซวน  เขายังอยากนอนต่อซักพัก

 

“ฉีเอ๋อร์  เจ้าตื่นหรือยัง?  ถ้าเจ้าตื่นแล้ว มาทานอาหารเช้าเร็วเข้า  หลังอาหารเช้าท่านแม่มีธุระข้างนอก”

 

เมื่อเสียงของซูหลี่ดังขึ้น  น้ำเสียงของเขาค่อนข้างไม่มีความสุขและช่วยอะไรไม่ถูก

 

“ท่านพี่  ข้าจะไปถึงห้องอาหารในอีกประเดี๋ยวขอรับ  ท่านไปกินข้าวก่อนได้เลย”

 

ซูฉีส่ายหัวเพื่อทำให้ตัวเองมีสติ

 

มู่หยุนซวนกลั้นหายใจ  เขาไม่ต้องการให้ซูหลี่หาเขาเจอ  แต่ซูหลี่ยังโกรธอยู่ไหม?

 

“งั้น  เจ้ารีบๆเข้าล่ะ”

 

เมื่อฝีเท้าออกนอกประตูไปไกลขึ้นเรื่อยๆ  มู่หยุนซวนก็วางซูฉีลง

 

บทที่ 66: ทำมัน (ตอนที่ 2)

 

“ฉีเอ๋อร์  วันนี้พ่อจะกลับก่อน  คืนนี้พ่อจะกลับมาเจ้าอีกที”

 

"ขอรับ!  ท่านพ่อเมื่อตอนนออกไปท่านระวังตัวด้วย!  พี่หลิวเอวี้ยและคนอื่นๆ มีพลังมาก”

 

มู่หยุนซวนยิ้มอย่างอบอุ่น

 

“ไม่เป็นไร  พวกเขาหาพ่อไม่เจอหรอก”

 

*

 

เมื่อซูฉีมาถึงห้องอาหารด้วยขาสั้นๆของเขา ซูจื่อโม่กินเสร็จไปแล้ว

 

ซูหลี่เหลือบมองที่ซูฉีอย่างครุ่นคิด  เขาไม่ได้พูดอะไร  เขาเพียงแค่ก้มศีรษะลงและกินอาหารของเขาต่อ

 

“ฉีเอ๋อร์  เจ้านอนพอไหม?” ซูจื่อโม่ลุกขึ้นและเอาอาหารให้ซูหลี่

 

"ฮิฮิ! ท่านแม่ขอรับ  ข้านอนไม่ค่อยหลับ  ข้าเลยตื่นมา  แต่มองที่ข้าตอนนี้สิ  ข้าเต็มไปด้วยพลัง ข้าสามารถส่งวัวลอยกระเด็นไปไกลๆได้ด้วยหมัดเดียวเลย”

 

ซูฉีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  แต่ดวงตาของเขากำลังยิ้ม  การแสดงออกของเขาเทียบไม่ได้กับท่าทางของเขา

 

ปากของซูจื่อโม่กระตุก  เขานอนไม่หลับแต่ตื่นมาตอนเที่ยงเหรอ?

 

“แม่กินข้าวเสร็จแล้ว  และจะออกไปข้างนอกหลังจากนี้  วันนี้เจ้าและพี่ชายจะดูแลซินเอ๋อร์ที่บ้าน  อย่าหนีไปเที่ยวที่อื่นๆ  เข้าใจไหม?”

 

“ขอรับท่านแม่”

 

ซูฉีอารมณ์ดีมาก!

 

เพราะเมื่อคืนเขานอนกับพ่อ  วันนี้เขาจึงมีความสุขมาก

 

“ฉีเอ๋อร์  รีบกินเร็วเข้า”

 

ซูหลี่มองซูฉีอย่างเย็นชา

 

ซูฉีหัวเราะและทำเป็นกินเหมือนเร่งรีบ

 

“ฉีเอ๋อร์ เจ้ากำลังยิ้มแบบหัวขโมย  ทำไมแม่รู้สึกเหมือนเจ้าทำอะไรผิด?”

 

ซูจื่อโม่เหล่ตามองที่ความสุขของนาง ลูกชายที่โชคดี  วันนี้เขามีความสุขมากจนดูผิดปกติ

 

เมื่อซูฉีได้ยินคำพูดเหล่านั้น  ขาสั้นๆของเขาอ่อนลงจนแทบจะคุกเข่าลงกับพื้น  แม่ของเขารู้สึกว่าพ่อของพวกเขามาที่นี่หรือไม่?

 

ซูฉีเหล่ตามองที่ซูจื่อโม่ นางไม่รู้ เขาบอกได้จากการมองตาแม่ของเขา

 

“ท่านแม่อย่าทำให้ข้ากลัว  ท่านก็รู้ว่าข้าขี้กลัว  ข้าจะกล้าทำสิ่งเลวร้ายในจวนภูเขาหมิงเยว่ได้อย่างไร?”

 

ซูฉีหัวเราะตีขากไปมาเหมือนสุนัขกระดิกหาง

 

ซูหลี่ยังไม่พูดอะไร  เขายังคงกินอาหารเช้าต่อด้วยใบหน้าที่จริงจัง

 

ซูจื่อโม่ยิ้ม: “ถ้าไม่มีอะไรก็ดี!” จากนั้นนางก็ลุกขึ้นและออกไปข้างนอก

 

ร้านค้าทั้งหมดจะเปิดในอีกครึ่งเดือน นางจะยุ่งมาก

 

และเมื่อคืนนี้  หลิวเอวี้ยกลับมาจากจวนตระกูลซู  นางได้ข่าวจากการรวบรวมมาได้อย่างไม่คาดคิด  ทำให้หัวใจของซูจื่อโม่ไม่สามารถสงบลงได้

 

หลังจากออกมาจากห้องอาหารแล้ว ซูจื่อโม่ก็ไปที่ลานของซูชิงเจี่ย

 

*

 

เยว่ถงจื่อที่ได้นอนหลับสบายและชำระร่างกายเสร็จแล้วก็ยิ่งดูหน้าตาดีขึ้น   ตอนนี้เขาสวมเสื้อคลุมสีขาว  ตอนอายุ 10 ขวบ เขาไม่ได้เตี้ย และเขาก็ให้ความรู้สึกสดชื่น  เขากำลังเดินไปทางหมิงเยว่ซวน   เขากำลังจะไปหาซูหลี่

 

ทันทีที่เขาเข้าไปในหมิงเยว่ซวน  เยว่ถงจื่อก็ตะลึงงัน

 

ข้างถนน  เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดสีชมพูนั่งและลูบดอกไม้สีม่วงอย่างเศร้าสร้อย  ความเศร้าในดวงตาของนางไม่ได้ส่งผลต่อความงามของนาง  แต่ดอกไม้สีม่วงที่ด้านข้างทำให้นางดูบอบบางยิ่งขึ้น

 

เยว่ถงจื่อรู้จักเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ  นางคือซูซิน  คนที่ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันเมื่อวานนี้

 

เยว่ถงจื่อไม่กล้าเข้าใกล้  เขากลัวที่จะส่งผลต่อฉากที่สวยงามตรงหน้าเขา

 

ซูซินดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีใครบางคนอยู่ข้างหลังนาง  นางจึงมองย้อนกลับไปอย่างช้าๆ

 

นางเห็นชายหนุ่มรูปงามในชุดคลุมสีขาวมองมาที่นางอย่างเงียบๆ  เมื่อแสงตะวันสาดส่องบนตัวเขา  เขาหล่อมาก

 

ซูซินอดไม่ได้ที่จะยิ้มหวาน

 

"เจ้าเป็นใคร? ทำไมเจ้าถึงมาที่หมิงเยว่ซวน?”

 

เสียงที่นุ่มนวลของนางแทงทะลุหัวใจของเขา

 

“ข้าชื่อ เยว่ถงจื่อ  ข้ามาที่นี่เพื่อพบนายน้อย”

 

เยว่ถงจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล เมื่อเห็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์และสง่างาม ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาอดไม่ได้ที่จะอาย  เขารู้สึกประหม่าในใจเล็กน้อย  เขากลัวว่าจะทำให้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างหน้าเขากลัว

 

ซูซินหมดสติเมื่อวานนี้  นางจึงไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเยว่ถงจื่อ

 

“พี่เยว่  พี่ใหญ่อยู่ในห้องอาหาร  ตรงเข้าไปแล้วเลี้ยวขวา ท่านจะได้พบพี่ใหญ่”

 

ซูซินยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าของนางและดวงตาเป็นประกาย

 

บทที่ 66: ทำมัน (ตอนที่ 3)

 

คำว่า 'พี่เยว่' ให้ความรู้สึกสดชื่นภายในใจของเขา และรอยยิ้มอันแสนหวานนั้นเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ที่สุดที่เขาเคยเห็น แม้จะผ่านไปหลายปี เขาก็มั่นใจว่าเขาจะจำช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมนี้ได้

 

"ขอบคุณ  คุณหนูขอรับ"

 

เยว่ถงจื่อแข็งทื่อเล็กน้อย ใบหน้าของเขาก็แดงเช่นกัน มือของเขากำเสื้อแน่นขณะที่เขาค่อยๆ เดินจากไปทีละก้าวๆ

 

ซูซินมองที่ด้านหลังของเขา และรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็กว้างขึ้น

 

*

 

เมื่อซูจื่อโม่มาถึงซูฉิงเจี่ยและซูจื่อเหนียน ก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเช่นกัน

 

เมื่อเห็นซูจื่อโม่เข้ามาซูฉิงเจี่ยและซูจื่อเหนียนก็มีความสุขมาก

 

“โมโม่  เจ้าไม่ได้บอกว่าจะออกไปข้างนอกเหรอ? ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?"

 

ซูฉิงเจี่ยกล่าวด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน  ตั้งแต่พวกเขาได้อาศัยอยู่ในจวนภูเขาหมิงเยว่  เขาและ ซูจื่อเหนียนดูดีขึ้นมาก

 

“พี่ชาย เจี่ยเจีย ถ้าข้าไม่มีธุระ ข้าไม่สามารถมาพบท่านได้หรืออย่างไร?”

 

รูปลักษณ์ของซูจื่อโม่เหมือนเด็กเอาแต่ใจ

 

"เจ้า?  ทุกวันเจ้ายุ่ง  ในขณะที่พี่ชายคนนี้เป็นคนธรรมดา ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ”

 

ซูฉิงเจี่ยรู้สึกผิด ทุกวันนี้ เขารู้สึกเหมือนสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ก่อนหน้านี้เป็นเพียงขนอ่อนเส้นเล็กๆ

 

“พี่ชาย ท่านพูดเหมือนเราไม่ใช่ครอบครัว พวกเราคือครอบครัว"

 

ซูจื่อโม่วางมือของนางไว้ข้างหลัง ขณะที่นางเดินอย่างเด็กซุกซน

 

“โมโม่ ดูนางสิ นางเป็นแม่ที่มีลูกสามคน แต่นางก็ยังทำตัวแบบนี้”

 

ซูจื่อเหนียนหัวเราะและปิดปากของนางเล็กน้อย นางสงวนท่าทีมาก

 

“พี่ชาย เจี่ยเจีย ข้าเป็นแม่ของลูกสามคน แต่ต่อหน้าท่านสองคน ข้าจะเป็นน้องสาวคนสุดท้อง ที่ไม่มีวันโต… …”

 

ซูจื่อโม่พูดด้วยท่าทางน่ารัก ตั้งแต่พวกเขามาอยู่ที่จวนภูเขาหมิงเยว่  นางมีความสุขมาก  นางมีความสุขมากที่มีครอบครัว

 

"เจ้า! ซนนัก" ซูฉิงเจี่ยมองไปที่น้องสาวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา  น้องสาวคนนี้ช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก บางทีตอนนี้นางมีลูกแล้ว นางจึงเข้มแข็งขึ้น

 

“ต้าเกอ  เจี่ยเจีย  ข้ามีเรื่องจะบอก”

 

ทันทีที่นางพูดคำเหล่านั้น ใบหน้าของซูจื่อโม่ก็กลายเป็นจริงจังในทันที

 

“โมโม่  มีเรื่องอะไร?”

 

ซูฉิงเจี่ย  เมื่อเห็นน้องสาวของเขามีแววตาเคร่งขรึม หัวใจของเขาก็ทรุดลง

 

“ต้าเกอ วันนี้มีบางอย่างเกิดขึ้น ข้าส่งคนไปดูที่ตระกูลซู ในคืนที่ผ่านมา ในที่สุดข้าก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์  หลิวเอวี้ยได้ยินการสนทนาของซูจื่อเหนียนและเซี่ยเล้งเฉิน  เซี่ยเล้งเฉินยอมรับว่านางฆ่าท่านแม่ของเรา  แต่ในวันงาน  ศพท่านแม่หายไป  ต้าเกอ  ท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่?”

 

หลังจากได้ยินรายงานของหลิวเอวี้ย ซูจื่อโม่ก็ยังนั่งนึกย้อนถึงเหตุการณ์นั้นในความทรงจำของซูจื่อโม่โบราณ  น่าเสียดายที่นางยังเด็กเกินไปที่จะจดจำได้

 

เมื่อซูฉิงเจี่ยได้ยินเรื่องนี้  คิ้วของเขาขมวดมุ่น  เขาประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน!

 

ซูจื่อเหนียนก็ประหลาดใจและสับสนเช่นกัน!

 

ศพของท่านแม่ไม่อยู่ที่นั่นเหรอ? ทำไมพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้?

 

“โมโม่  ต้าเกอไม่รู้เรื่องนี้  ดูเหมือนว่าท่านพ่อของเราจะหลอกพวกเราทุกคน”

 

ใบหน้าของซูฉิงเจี่ยเต็มไปด้วยความโกรธ  เมื่อนึกถึงว่าพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ดีในตระกูลซูอย่างไร  เขาหวังว่าเขาจะไม่ใช่สมาชิกในตระกูลนั้น

 

“นั่นเป็นเรื่องแปลก  เซี่ยเล้งเฉินรู้เรื่องนี้”

 

ซูจื่อโม่หรี่ตาของนาง ทำไมนางถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมาก?

 

“โมโม่  แน่นอนสิ  นางย่อมรู้เรื่องนี้ดี  ตั้งแต่นางเข้ามาในตระกูลซู  นางได้กระซิบคำข้างหูท่านพ่อมาตลอด  ท่านพ่อไม่ค่อยเข้าบ้านท่านแม่ เมื่อท่านแม่เสียชีวิต ใบหน้าที่น่าเกลียดของนางก็ปรากฏขึ้นทันที ถ้านางไม่กลัวสิ่งที่ผู้คนจะพูด  ข้าก็กลัวว่านางจะไม่ปล่อยพวกเรามีชีวิตรอดในตอนนั้น”

 

ซูฉิงเจี่ยโกรธ  เขาเกลียดผู้หญิงที่ชั่วร้ายคนนั้น

 

“เนื่องจากเป็นกรณีนี้  มันจึงจำเป็นต้องทำการสอบสวนต่อไป” ซูจื่อโม่ไม่อยากปล่อยโอกาสใดๆ ในเวลานั้นสิ่งที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ  แม้ว่าร่างของท่านแม่ของพวกเขาจะหายไป  ซูเหว่ยเฉินไม่ได้ตามสืบเรื่องนี้

 

“ต้าเกอ  หลิวเยว่จะสอบสวนเรื่องนี้เอง  วางใจได้เลย!  มันจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่สิ่งต่างๆ จะจบลง”

 

ซูจื่อโม่กัดริมฝีปากของนางเบา ๆ แต่ความสงสัยของนางเพิ่มมากขึ้น

 

ศพจะหายไปได้ด้วยเหตุผลสองประการ  ร่างท่านแม่ของพวกเขาถูกขโมยไปเพราะการแต่งงานกับผี  หรือท่านแม่ของพวกเขายังไม่ตาย

 

“โมโม่  ข้ารู้”

 

ซูฉิงเจี่ยพยักหน้า  เขามั่นใจในความสามารถของซูจื่อโม่

 

บทที่ 66: ทำมัน (ตอนที่ 4)

 

“นายท่านขอรับ  องค์รัชทายาทเสด็จมาถึงแล้วขอรับ”

 

ชิงเหลียนที่สวมชุดสีน้ำเงิน  มาพร้อมกับตะกร้าไม้ไผ่อยู่ในมือของนาง

 

“องค์รัชทายาท  พระองค์เสด็จมาทำอะไรที่นี่?”

 

ซูจื่อโม่ขมวดคิ้ว : จุนเส้าเฉินมาขอบคุณนางหรืไม่?

 

“นายท่านเจ้าค่ะ องค์รัชทายาทเสด็จมาพบคุณหนูซูคนโตเจ้าค่ะ”

 

“มาหาเจี่ยเจียข้าเหรอ?”

 

ซูชิงเจี่ย : “…”

 

ซูจื่อโม่ : “…”

 

“โมโม่  เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับองค์รัชทายาท?  ทำไมเขามาหาข้า?”

 

ซูจื่อเหนียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

 

ท้ายที่สุด อีกฝ่ายหนึ่งคือองค์รัชทายาท

 

“เจี่ยเจีย  อย่ากังวลไปเลย  องค์รัชทายาททรงเป็นผู้มีเหตุมีผล  พระองค์จะไม่เสด็จมาที่จวนหมิงเยว่เพียงเพื่อก่อเรื่องยุ่ง  ถ้าข้าเดาถูก  องค์รัชทายาทมาที่นี่เพื่อขอบคุณเจี่ยเจียที่ดูแลพระองค์”

 

ซูจื่อโม่มองไปที่ซูจื่อเหนียนและพูดด้วยน้ำเสียงที่คลุมเครือ ทำไมนางถึงรู้สึกว่าแรงจูงใจขององค์รัชทายาทนั้นไม่บริสุทธิ์เล็กน้อย?

 

“โมโม่?”

 

ซูจื่อเหนียนมองที่ซูจื่อโม่ด้วยสายตาต่อว่าเล็กๆ

 

รอยยิ้มบนริมฝีปากของซูจื่อโม่กว้างขึ้นเรื่อยๆ

 

ในความเป็นจริงหญิงในยุคโบราณไม่สามารถยืนหยอกล้อกันได้  ดูพี่สาวนางสิ หน้านางแดงเหมือนแอปเปิ้ล

 

“ตกลง เจี่ยเจีย ชิงเหลียนจะไปกับท่าน  หากมีใครสักคนอยู่กับท่าน  ท่านจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด ชิงเหลียน… …”

 

ซูจื่อโม่หยุดล้อเลียนซูจื่อเหนียน

 

ความขี้เล่นในดวงตาของนางหายไป

 

"เจ้าค่ะ  นายท่าน"

 

ชิงเหลียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม  นายท่านของพวกเขามีความสุขมาก โดยปกติแล้ว นางมักจะดูจริงจังอยู่เสมอ  มีความเย็นชาในดวงตาของนาง แต่ในเวลานี้นางดูซนไปหน่อย

 

“งั้นท่านไปเถอะ! ข้าจะออกไปทำธุระข้างนอกแล้ว”

 

ซูจื่อโม่ยิ้มให้พวกเขาแล้วหันหลังเดินจากไป

 

*

 

ที่ประตูของจวนภูเขาหมิงเยว่ เหอหยุนถิงอยู่ที่นั่นพร้อมกับรถม้าแล้ว  ม้าสีแดงเพลิงกำลังลากรถม้า

 

รถม้าไม่ได้ตกแต่งด้วยสิ่งของล้ำค่าใดๆ มันดูธรรมดาและเรียบง่าย ดูเหมือนรถม้าธรรมดาทั่วไป

 

มีเพียงผู้รอบรู้เท่านั้นที่รู้ว่ามีของล้ำค่ามากมายที่มีมูลค่าหลายพันตำลึงเงินวางอยู่บนนั้น

 

“โมโม่ คราวนี้ คาดว่าเราจะกลับก่อนมืด”

 

เมื่อมองไปที่ซูจื่อโม่ที่กำลังขึ้นรถ  เหอหยุนถิงปล่อยให้เพลิงแดงเริ่มเดินไปตามถนน

 

“กลับก่อนมืดก็ดี ทุกสิ่งที่เราต้องการอยู่ในหมู่บ้านหยูฮัว  เราจะผลิตกระดาษสีจำนวนมากได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสีย้อมธรรมชาติของหมู่บ้านหยูฮัว”

 

ซูจื่อโม่ไม่กล้าที่จะเลอะเทอะ  เมื่อนางตัดสินใจที่จะแก้แค้น  นางได้คิดถึงผลที่จะตามมา แต่ถึงกระนั้น หัวใจของนางก็แผดเผาเหมือนไฟ นางไม่รู้ว่าเป็นความโกรธของซูจื่อโม่ในสมัยโบราณหรือตัวนางเอง นางไม่สามารถกลืนความโกรธนี้ลงไปได้

 

เหอหยุนถิงเม้มริมฝีปาก  เขารู้จักนิสัยของนางเป็นอย่างดี นางจะไม่ฟังเขาโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของเขาหรือความเจ็บปวดของนาง ทั้งหมดที่ทำได้คือช่วยนางให้มากที่สุด

 

ขณะที่เพลิงแดงค่อยๆ เดินออกไปนอกเมืองหลวง  ซูจื่อโม่อยู่ในห้วงความคิด แต่ใบหน้าของนางก็ยังดูสง่างาม

 

*

 

ในวังขององค์ชายสาม เงาดำปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วในห้องหนังสือ

 

จุนหลินเถียนกำลังฝังหัวของเขาไว้บนโต๊ะ

 

ชายชุดดำคุกเข่าข้างหนึ่งและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาท นายท่านแห่งจวนหมิงเยว่ออกจากเมืองหลวงแล้วขอรับ”

 

จุนหลินเถียนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง  เขาเพียงพูดอย่างเย็นชาว่า: “จับตาดูพวกมันให้ดี จากนั้นดักซุ่มโจมตีกลางทาง”

 

"พะยะค่ะ ฝ่าบาท"

 

ชายชุดดำไม่ลังเล เขารีบเดินออกจากห้องหนังสือ

 

จุนหลินเถียนวางแปรงลง เมื่อร่องรอยของความพยายามทำสิ่งชั่วร้ายแวบเข้ามาในดวงตาของเขา ดวงตาของเขาที่เหล่เผยให้เห็นร่องรอยของเจตนาฆ่า

 

“ซูจื่อโม่ ถ้าเจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ และกลับมายังเมืองห่าวเยว่  สิ่งแรกที่เจ้าต้องการทำคือการแก้แค้นใช่ไหม? ข้าจะเปิดเผยคำตอบสำหรับคำถามนี้ในคืนนี้”

 

จุนหลินเถียน  ลุกขึ้นและออกไป… …

 

*

 

ในเมืองหยุน ในห้องหนังสือ

 

มู่หยุนซวนอารมณ์ดีทั้งวันหลังจากกลับมา

 

นอกจากจะมีความสุขแล้ว เขายังทำทุกอย่างที่ต้องทำได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ในเวลาเพียงครึ่งวัน เขาอ่านหนังสือบัญชีทั้งหมด

 

มู่หยุนฮั่นที่สวมเสื้อคลุมสีแดง มีลำแสงอัญมณีผูกรอบเอวของเขา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความแวววาวที่มีเสน่ห์

 

มู่หยุนฮั่นค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง เขารู้ว่าต้าเกอของเขาไม่ได้กลับมาทั้งคืน ดังนั้นเมื่อเห็นต้าเกออารมณ์ดี เขาไม่ถามอีกเลยว่าต้าเกอของเขาไปไหนมา

 

2 วันอัพค่ะ
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป