Your Wishlist

แต่งงานผี (Chapter 62: คนพาลตัวเขื่อง เลื่อนขั้นในการต่อสู้ (Part 1-4))

Author: panthera

นางเป็นลูกสาวที่ตายไปของตระกูลซูที่ไม่สามารถปลูกฝังได้ ในวันก่อนแต่งงานของนาง องค์ชายสามเลิกล้มการแต่งงานกลางคัน นางถูกแทนที่ด้วยน้องสาวของนางเอง นางกลายเป็นศูนย์กลางของวงสนทนาไปทั่วเมือง ด้วยความคับแค้นใจของนาง นางจึงพุ่งเอาหัวโขกประตูตระกูลซู แต่นางกลายเป็นเป้าหมายให้คนอื่นจัดการแต่งงานกับผี เขา เป็นคนที่ถูกสาปมีสถานะที่ไม่อาจพรรณนาได้ คำสาปที่สืบทอดมาหลายศตวรรษในตระฏุลของเขา ทำให้เขานอนไม่หลับ การแต่งงานที่ผิดพลาด สงครามการค้าและความรักอันยาวนาน ทำให้โชคชะตาของพวกเขาเกี่ยวพันกันตั้งแต่นั้นมา # มาร่วมลุ้นชีวิตหลังการแต่งงานผีไปด้วยกัน

จำนวนตอน : 2900 Chapters (Completed)

Chapter 62: คนพาลตัวเขื่อง เลื่อนขั้นในการต่อสู้ (Part 1-4)

  • 26/07/2564

 

คำพูดของมู่หยุนซวนทำให้ซูจื่อโม่ตกตะลึงชั่วขณะหนึ่ง  นางไม่เข้าใจคำพูดของมู่หยุนซวนเกือบตลอดเวลา เขารู้สึกเสียใจกับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขานำมาหรือไม่? เมื่อซูจื่อโม่โบราณยังอยู่ที่นี่ ทำไมพวกเขาไม่ปฏิบัติต่อนางเหมือนนางเป็นคน? โดยปราศจากความยินยอมจากพี่ชายและน้องสาวของนาง ไม่ว่าพี่ชายและน้องสาวของนางจะเจ็บปวดแค่ไหน พวกเขาได้บังคับนาง… …

 

ซูจื่อโม่ไม่อยากคิดถึงเหตุผลของพวกเขา ไม่สิ นางไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้เลย นางก็เลยกลับไปนอนต่อ อย่างไรก็ตาม ลมหายใจของมู่หยุนซวนยังคงอยู่ในห้อง ซึ่งทำให้สมองของนางวุ่นวาย

 

มู่หยุนซวนออกจากคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่แต่ไม่ได้กลับบ้าน เขาไปที่ต้นไม้ใหญ่และพิงต้นไม้นั้นแทน

 

“ซูจื่อโม่ ข้าควรทำอย่างไรกับเจ้าดี? ข้าควรทำอย่างไรดี? กว่า 20 ปีไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาในใจข้า มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ข้ารู้สึกแบบนี้”

 

มู่หยุนซวนมองดูดวงจันทร์ในท้องฟ้ายามค่ำคืน ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นภาพสะท้อนของซูจื่อโม่ จากมัน

 

“ซูจื่อโม่ ต่อให้เจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยความเย็นชาเพียงใด เจ้าก็มิอาจหลุดพ้นจากมือข้าได้”

 

คำสาบานดังกล่าวเผยให้เห็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา นางเป็นคนทำลายคำสาปของตระกูล ชะตากรรมของพวกเขาได้พันกันตั้งแต่นั้นมาและจะดำเนินต่อมาเรื่อยๆ

 

เมื่อเงาดำกระโดดออกไป ไม่สามารถมองเห็นมู่หยุนซวนบนต้นไม้ได้อีกต่อไป ได้ยินแต่ใบไม้ที่ไหวเท่านั้น

 

***

 

เช้าตรู่วันถัดมา ที่ถนนเฟิงชิงเต็มไปด้วยผู้คน เด็กชายอายุ 13 ปีและเด็กอายุ 5 ปีจะมีการประลองกัน งานนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากพลาดช่วงเวลาอันแสนวิเศษนี้

 

อย่างไรก็ตาม ในคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่ ผู้คนในที่นั้นเกือบจะก้มกรามบนพื้น

 

“โมโม่ แน่ใจนะว่าจะไม่ไปกับหลี่เอ๋อร์?”

 

ทุกคนมองไปที่ซูจื่อโม่

 

“อืมมม!”

 

ซูจื่อโม่ตอบด้วยน้ำเสียงที่คลุมเครือ

 

แม้จะอยู่ภายใต้สายตาที่สงสัยของทุกคน  ซูจื่อโม่ก็ยังทานอาหารอย่างสบาย ๆ

 

“หลี่เอ๋อเป็นบุตรชายของเจ้า  เจ้าไม่อยากไปจริงๆ หรือ?”

 

เขาเคยเห็นคนมากมายที่ไม่มีมโนธรรม  แต่เขาไม่เคยเห็นคนที่ไม่มีมโนธรรมโดยสิ้นเชิง

 

"ข้าจะไม่ไป"

 

“เจ้าจะไม่ไปจริงๆ เจ้าไม่เป็นห่วงหรือ?”

 

“ข้ามีเรื่องต้องทำ ข้าเลยไปไม่ได้”

 

“อะไรสำคัญไปกว่าชีวิตและความตายของบุตรชายเจ้า?”

 

*ปัง!-* ซูจื่อโม่ทุบตะเกียบของนางลงบนโต๊ะ คอของทุกคนหดกลับ

 

“เหอหยุนถิง เจ้าถามคำถามนี้มากกว่า 100 ครั้งแล้ว หากเจ้าต้องการเป็นใบ้ ข้าไม่รังเกียจที่จะขอให้ฉินเอ๋อร์ทำยาให้เจ้า”

 

“ไม่จำเป็นหรอก  ข้าอยากจะพูดอะไรข้าก็พูดไม่ได้หรือไง?” เหอหยุนถิงพึมพำ แต่เขาก็รีบปิดปากของเขาไว้ ราวกับว่าอีกวินาที  ซูจื่อโม่จะโยนยาเข้าปากของเขา

 

ซูจื่อโม่จ้องไปที่เหอหยุนถิง แม้กระทั่งตอนทานอาหารเช้า นางก็ไม่สามารถมีช่วงเวลาที่สงบสุขได้

 

วันนี้นางไม่สามารถไปกับซูหลี่ได้ ดังนั้นนางจึงไม่เพียงแต่ปล่อยให้เหอหยุนถิงและหลิวจื่อหยูไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพี่ชายและพี่สาวของนางด้วย

 

เหอหยุนถิงยอมรับไม่ได้ เขาบ่นทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น ซูจื่อโม่เดิมต้องการไป แต่นางยังมีสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ วันนี้มีงานใหญ่เช่นนี้ จุนหลินเถียนจะไปที่ถนนเฟิงชิงเพื่อชมความสนุกอย่างแน่นอน นางต้องแอบเข้าไปในตำหนักของเขาและไปที่จวนของอัครมหาเสนาบดีด้วย เพื่อที่เขาจะได้ไม่หวนกลับมาที่โต๊ะ อย่างไรก็ตาม นางจะไปดูการแข่งขันของลูกชายทันทีที่เสร็จสิ้น

 

ถ้าจุนหลินเถียนกลับกระดานได้สำเร็จ คนที่จะตายก่อนจะเป็นนาง

 

“ลุงเหอ ท่านแม่ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความรอบคอบเสมอมา ดังนั้นท่านแม่จะไปแน่นอนถ้าทำได้ เราไปเองก่อนได้ขอรับ”

 

ซูหลี่กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้ว่าเขาจะผิดหวังที่แม่ของเขาไปไม่ได้ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะจะเห็นได้ว่าแม่ของเขาเชื่อใจเขาอย่างเต็มที่

 

“ลูกชายของข้าเข้าใจแล้ว ข้าโล่งใจ! เจ้าเชียร์เขาดีกว่า!”

 

“ท่านแม่ วางใจเถอะขอรับ ข้าจะไม่ปล่อยให้คฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่เสียหน้า”

 

ใบหน้าคล้ายหยกเล็กๆ ของซูหลี่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

“ไม่เป็นไร! ฉีเอ๋อร์ดูแลซินเอ๋อร์ให้ดี ถ้าเจ้ากล้าปล่อยนางไว้แล้ววไปกินอาหารตามลำพัง ข้าจะชำระความเจ้าเอง”

 

ซูจื่อโม่เตือนซูฉีที่เหมือนคนตะกละตัวน้อย เขามักจะลืมสิ่งต่าง ๆ เมื่อเขาเห็นของอร่อย

 

“ข้ารู้ขอรับ  ท่านแม่ ในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทำไมข้าถึงเลือกกินตีนเป็ด?” ซูฉีพูดติดตลก แม่ของพวกเขารู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

 

“ไป ไปเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นเจ้าจะสาย เจ้าไม่จำเป็นต้องดูแลแม่ที่ไร้หัวใจของเจ้า”

 

Chapter 62:  (Part 2)

 

เหอหยุนถิงจ้องไปที่ซูจื่อโม่ ขณะที่หลิวจื่อหยูส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม เหอหยุนถิงจริงจังกับเรื่องต่างๆ มาก ซูจื่อโม่ไม่ใช่คนประเภทที่ไม่สนใจชีวิตและความตายของลูกชายนาง นางเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างสูงสุด

 

“โมโม่ ไม่ต้องห่วง พี่สาวเจ้าจะดูแลซินเอ๋อร์ให้ดี”

 

“พี่สาวเจ้าและข้าจะอยู่ที่นั่น ดังนั้นเจ้าไม่มีเหตุผลที่จะต้องกังวล”

 

“โมโม่ งั้นเราไปแล้วนะ”

 

ซูฉิงเจวี้ยกล่าวและอุ้มซูซิน ขณะที่ซูซินโบกมือไปทางซูจื่อโม่

 

เมื่อพวกเขาจากไป ซูจื่อโม่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่ทันที

 

****

 

ในถนนเฟิงชิง  สองข้างถนนรายล้อมไปด้วยผู้คน

 

องค์จักรพรรดิแห่งแคว้นห่าวเยว่ทรงสง่าผ่าเผยนั่งบนที่นั่งหลัก พระองค์สวมเสื้อคลุมสีทองที่มีกรงเล็บมังกรห้าตัว บนหัวของพระองค์ทรงสวมมงกุฎแกะสลักรูปมังกร พระองค์อายุมากกว่า 50 ปี แต่ยังมีพลังมาก และตามปกติแล้ว ราชวงศ์ต่างก็เป็นผู้ชายที่หล่อเหลา

 

ผู้ที่นั่งทั้งสองข้างขององค์จักรพรรดิคือองค์จักรพรรดินีจี้หวู่ และพระมารดาของจุนหลินเถียน พระสนมเหยาเฉียนฮุย

 

ทั้งสองคนแต่งตัวสวย แต่ละคนเผยให้เห็นแรงอันทรงพลังของสิ่งที่ชนชั้นสูงในพระราชวังควรมี

 

องค์ชายรัชทายาทและจุนหลินเถียนก็นั่งคนละฝั่ง แต่คราวนี้เมื่อพวกเขาพบกันมีความหวาดระแวงระหว่างกันมากขึ้น

 

เมื่อมองลงมาด้านล่าง มู่หยุนซวนสวมเสื้อผ้าใหม่ วันนี้เขาสวมชุดคลุมสีขาวที่งดงาม เสื้อผ้าที่เขาสวมดูไม่ธรรมดา เสื้อคลุมของเขาปักด้วยไหมสีทอง เขานั่งบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แต่แรงกระตุ้นของเขานั้นเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ เขาจึงดึงดูดความสนใจของผู้ชม

 

หลิงชิวซุยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขาก็มีรอยยิ้มที่แพรวพราวบนใบหน้าของนางเช่นกัน เมื่อได้ยินการโต้เถียงของผู้คนที่อยู่รอบๆ นางจึงเข้าใจได้ชัดเจนว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร

 

การจัดที่นั่งในวันนี้จัดโดยจุนจื่อซี และความหมายของนางก็ชัดเจนในตัวเอง

 

ด้วยความอยากรู้ จุนจื่อซีและมู่หยุนเฟิงก็มาด้วย

 

มู่หยุนฮั่น  มู่หยุนฟานและมู่หรงชิงเฉินก็มาด้วย

 

เมื่อมองไปที่ที่นั่งของคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่ น่าเสียดายที่ยังไม่มีใครมา

 

มู่หรงเส้าเฟิงอยู่ในลักษณะสำคัญต่ำ เขานั่งท้ายสุดเขาไม่ดึงดูดความสนใจของใคร

 

ในโอกาสนี้ แม้ว่านายน้อยของพวกเขาจะติดคุก แต่ตระกูลซูก็ยังมา

 

นอกจากนี้ยังมีบางครอบครัวที่มีชื่ออันทรงเกียรติมาชมการประลองด้วย

 

เวลายังไม่เร็วเกินไป แต่ผู้คนในคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่ยังไม่ปรากฏตัว

 

จื่อหงส์ที่สวมชุดคลุมสีขาวกำลังรออยู่ในวงแหวน เมื่ออายุยังน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย รูปร่างผอมบางของเขาดูเป็นตัวของตัวเอง

 

ความวุ่นวายโดยรอบยังคงดำเนินต่อไป ทุกคนมีพลังเหมือนดวงอาทิตย์

 

ชายชราถือพัดสวมชุดพิธีการเต็มขั้นลุกขึ้นเดินไปหาองค์จักรพรรดิ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย แต่เมื่อเขายิ้ม ผู้ชมก็เงียบ

 

เขาคือเซินกั๋วกง  จื่อเหยาเทียน จื่อเหยาเทียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแม้ว่าเขาจะคุกเข่าต่อหน้าองค์จักรพรรดิ

 

“ฝ่าบาท เสนาบดีชราผู้นี้กล้าพูดว่าคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่นี้หยิ่งเกินไป ใกล้จะถึงกำหนดนัดหมายแล้ว แต่พวกเขายังมาไม่ถึง พวกเขาไม่ได้เห็นแก่ฝ่าบาทในสายตาของพวกเขา—”

 

อย่างไรก็ตาม เขาพูดไม่จบเมื่อมีเสียงอันทรงพลังดังขึ้น

 

“ท่านปู่ อย่างที่เจ้ากล่าว เวลาใกล้เข้ามาแล้ว แปลว่ายังไม่ถึงเวลา ท่านปู่ น้ำดำของท่านที่ราดบนหัวของคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่  ท่านมีเจตนาเยี่ยงไรขอรับ?”

 

ทุกคนประหลาดใจเมื่อเห็นเด็กสองคนยืนอยู่ข้างหลังจื่อเหยาเทียน

 

พี่น้องสองคนที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าองค์จักรพรรดิสวมชุดคลุมสีขาวและสีดำ

 

และก่อนหน้านี้ที่นั่งว่างของ คฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่ ก็ถูกครอบครองแล้ว

 

สายตาของมู่หยุนซวนตกลงไปบนที่นั่งของนายท่านคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่ แต่มันว่างเปล่า

 

เมื่อเขาเห็นเช่นนั้น ดวงตาของมู่หยุนซวนก็เริ่มดุ ผู้หญิงคนนั้น ลูกชายของนางจะต้องแข่งขันกับข้อตกลงเรื่องชีวิตและความตาย แต่นางไม่มา

 

ซูจื่อหยุนเห็นซูฉิงเจวี้ยแล ซูจื่อเหนียนนั่งอยู่ท่ามกลางผู้คน นางจึงเกิดความสงสัยขึ้นในใจอีกครั้ง นางคือซูจื่อโม่จริงๆ ใช่หรือไม่?

 

จุนจ้าวเฉินจ้องมองไปที่ซูจื่อเหนียนซึ่งกำลังอุ้มซูซินโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ซูฉียังคงจ้องไปที่จื่อเหยาเทียนอย่างเย็นชา ความหนาวเย็นในดวงตาของเขาทำให้ทุกคนตกใจ

 

เช่นเดียวกับซูหลี่

 

ริมฝีปากของมู่หยุนซวนโค้งด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ ลูกชายของเขาย่อมไม่ทำให้เขาผิดหวัง

 

Chapter 62:  (Part 3)

 

หลิงชิวซุยย่อมไม่พลาดที่จะเห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากของมู่หยุนซวน หัวใจของนางถูกกลืนกินด้วยความโกรธจากเหตุนี้

 

มือของนางภายใต้แขนเสื้อกว้างประสานกันโดยไม่สมัครใจ นางต้องการยืนยันการคาดเดาของตัวเองโดยเร็วที่สุด  ดวงตาของนางจึงจับจ้องไปที่จุนหลินเถียนโดยไม่รู้ตัว นางไม่รู้ว่าเขาตรวจสอบเสร็จหรือไม่

 

องค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮ่าวเยว่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นเด็กสองคนที่เหมือนกัน ซูหลี่และซูฉี แม้จะอายุยังน้อย แรงผลักดันของพวกเขานั้นรุนแรงมากพอที่จะทำให้ทุกคนตกใจ

 

“เจ้าสองคนคนไหนคือซูหลี่!”

 

องค์จักรพรรดิมีใบหน้าที่จริงจังเสมอ แต่เมื่อเห็นการดำรงอยู่ของทั้งสองเหมือนนางฟ้า ดวงตาของเขาก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว

 

“กราบทูลฝ่าบาท ผู้ต่ำต้อยผู้นี้คือซูหลี่พะยะค่ะ”

 

ซูหลี่ก้าวไปข้างหน้าแต่ไม่ได้คุกเข่าต่อหน้าจักรพรรดิ กลับกัน  ซูหลี่มองดูฝ่าบาทอย่างสงบ

 

คำพูด 'คนต่ำต้อย' ทำให้หูของมู่หยุนซวนเจ็บปวด ลูกชายของเขาไม่ควรดูถูกตัวเอง

 

“เจ้าเป็นคนกล้าหาญ เจ้าไม่สามารถเข้าใจมารยาทง่ายๆ ด้วยซ้ำ ถ้าเจ้าได้พบฝ่าบาท  เจ้าควรรีบคุกเข่าถวาบบังคมเถิด”

 

จื่อเหยาเทียนใช้โอกาสนี้เพื่อคำรามความโกรธของเขา เขาดีใจที่เขาสามารถหนีจากภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนหน้านี้ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าเด็ก 5 ขวบคนนี้จะมีลิ้นอาบพิษ

 

“ท่านเป็นผู้กล้า ฝ่าบาทไม่ได้ตำหนิพี่ชายของข้าที่ไม่รู้มารยาท เราเพิ่งเข้ามาในเมืองหลวงโดยไม่รู้ว่ามารยาทของราชวงศ์นี้เป็นเหตุผลอันสมควร แต่ท่านได้ก้าวข้ามอำนาจขององค์จักรพรรดิ ท่านปู่ ข้าอยากถามท่าน  ยังมีเห็นฝ่าบาทที่ประทับอยู่ที่นี่อยู่ในสายตาของท่านหรือไม่?

 

ลิ้นที่เป็นพิษของซูฉีค่อนข้างโด่งดังในคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่ แม้แต่แม่ของเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แล้วเขาจะเมตตาคนนอกไปทำไม?

 

หลังจากที่เขาพูดคำเหล่านั้นแล้ว เขาก็ถอดความรับผิดชอบที่จะคุกเข่าต่อหน้าองค์จักรพรรดิ เขายังโยนคำกล่าวโทษไปที่หัวขอจื่อเหยาเทียนได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เขาหายใจไม่ออก

 

“เจ้า...เจ้ามันไร้สาระสิ้นดี”  จื่อเหยาเทียนไม่ได้คาดคิดว่าจะมีการใส่ข้อกล่าวหาเดียวกันนี้บนหัวของเขา

 

มู่หยุนฮั่นเกือบจะลุกขึ้นและปรบมือ เจิ้งกั๋วกงคนนี้ไม่ใช่ทหารผ่านศึกธรรมดา เขาเป็นพ่อขององค์จักรพรรดินีซึ่งทำให้เขาเย่อหยิ่ง แม้แต่ตอนอายุ 80 ถ้ามีคนมาทำให้เขาโกรธ เขาก็จะไม่สามารถนอนหลับสนิทในตอนกลางคืนได้

 

ด้วยข้อกล่าวหาดังกล่าว  จื่อเหยาเทียนคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง  องค์จักรพรรดินีมองดูบิดาชราของนางอย่างไม่น่าดู แม้จะอายุขนาดนี้ เขาก็ยังติดเรื่องไร้สาระแบบนี้?

 

“ฝ่าบาท  พระองค์ต้องไม่ทรงฟังเรื่องไร้สาระของเด็กพวกนี้  เสนาบดีชราผู้นี้ไม่มีเจตนาที่จะข้ามอำนาจของราชวงศ์โดยเด็ดขาดพะยะค่ะ”

 

“เอาล่ะ เจิ้นกั๋วกง  มันเป็นแค่เด็กอายุ 5 ขวบสองคน เจ้าไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเกินไป”

 

องค์จักรพรรดิไม่ได้สนใจเลย เขามาที่นี่เพื่อพักผ่อน แต่ไม่คิดว่าจะเจอคนเก่ง!

 

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นแฝดสาม อีกคนอยู่ที่ไหน?” องค์จักรพรรดิสนใจพวกเขามาก เขาได้ยินแต่เรื่องฝาแฝด เขาไม่มีโอกาสได้เห็นแฝดสามเลย

 

“หม่อมข้าขอประทานอภัยพะยะค่ะ ฝ่าบาท น้องสาวของหม่อมข้ามีสุขภาพไม่ดีและไม่สามารถขึ้นมาถวายบังคมได้พะยะค่ะ”

 

ซูฉีก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งและกล่าว พี่ชายของเขาไม่เคยเป็นนักพูดที่ดี ดังนั้นเขาจึงตามเขาขึ้นไปในเวทีนี้

 

“โอ้! วันนี้น้องสาวเจ้ามาหรือไม่?”

 

"มาพะยะค่ะ ฝ่าบาท. น้องสาวของหม่อมข้าอยู่ในกลุ่มผู้ชม”

 

ซูฉีชี้นิ้วไปที่ที่ซูซินนั่ง

 

องค์จักรพรรดิมองไปที่ทิศทางของซูซิน แต่เขาอยู่ไกลไปหน่อย เขามองไม่เห็นร่างของนาง

 

“ท่านลุง ได้โปรดส่งข้าขึ้นไปด้วย ดูเหมือนว่าฝ่าบาทต้องการพบข้า” ซูซินผู้สวมชุดสีชมพูดูบอบบางมาก รอยยิ้มของนางก็ดูหวานมากเช่นกัน เด็กหลายคนในวัยเดียวกับนางอิจฉาชุดสวยของนางมาก

 

“ซินเอ๋อร์ เจ้าไม่กลัวหรือ?”

 

“ท่านลุงไม่ต้องห่วง ซินเอ๋อไม่กลัวเจ้าค่ะ”

 

ซูซินยิ้มหวาน พี่น้องของนางอยู่ที่นั่น มีอะไรให้ต้องกลัว?

 

“ก็ได้!” เหอหยุนถิงลุกขึ้นและพาซูซินไปต่อหน้าองค์จักรพรรดิ

 

มู่หยุนเฟิงกล่าวด้วยความชื่นชมยินดี: “นายท่านของคฤหาสน์ภูเขาหมิงเยว่โชคดีมาก เด็กเหล่านี้ไม่เพียงแต่ดูดีเท่านั้นแต่ยังมีระดับการฝึกฝนที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย”

 

ทุกคำที่เขาพูดเข้าหูคนใกล้ตัว

 

“แน่นอนอยู่แล้ว” มู่หยุนซวนผู้อารมณ์ดีกล่าว

 

ซึ่งทำให้มู่หยุนเฟิงรู้สึกแปลกๆ มู่หยุนซวนสนใจความเป็นอยู่ที่ดีของลูกของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

Chapter 62:  (Part 4)

 

“ฮึ่ม! ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่ใช่หลาน ดูสิพี่ชายชอบพวกเขาด้วย! แต่ถ้าเป็นหลานของเรา พี่ชายคงจะชอบเขามาก”

 

จุนจื่อซีรู้สึกอิจฉามาก แต่นางจะทำอย่างไร? ทั้งหมดที่นางทำได้คือรอที่จะมีหลาน แต่ทำไมเด็กสามคนถึงดูคุ้นเคยนัก? นางรู้สึกเหมือนเคยเห็นพวกเขาที่ไหนสักแห่งมาก่อน

 

“ฮึ!” มู่หยุนฮั่นมองออกไปและหัวเราะเยาะคู่สามีภรรยาสูงวัยทั้งสอง ถ้าสองคนนี้รู้ว่าเด็กบนเวทีเป็นหลานของพวกเขา พวกเขาคงจะตื่นเต้นมาก

 

“ซูซินถวายบังคมองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เพค่ะ” ซูซินทักทายจักรพรรดิ ไม่ใช่อย่างอ่อนน้อมถ่อมตนหรือดูถูกเหยียดหยาม ในเวลาเดียวกัน ซูซินถือบอนไซขนาดเล็กที่มีดอกสีส้มแดงอยู่ในมือของนาง

 

"ดี! ดี!"

 

องค์จักรพรรดิพูดคำว่า 'ดี' ซ้ำสองครั้ง

 

“เด็กคนนี้ยิ่งสวยขึ้นไปอีก แต่อะไรอยู่ในมือเจ้า?”

 

เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิยังพบว่าบอนไซในมือของซูซินนั้นน่าสนใจ

 

“นี่คือของขวัญสำหรับฝ่าบาทเพค่ะ มันถูกเรียกว่าดาวเรืองก้านดำ”

 

“ฮ่าฮ่า…!” องค์จักรพรรดิหัวเราะและพูดว่า  “ข้าเคยเห็นสมบัติแปลก ๆ มากมาย แต่ข้าไม่เคยเห็นดาวเรืองก้านดำเช่นนี้มาก่อน”

 

“ฝ่าบาท นี่เป็นดาวเรืองก้านดำที่ดอกของมันจะบานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและจะหุบเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน  มันนำความสุขมาสู่ผู้ที่เป็นเจ้าของมันเพค่ะ”

 

ซูซินกล่าว จากนั้นหลี่กงกง  ซึ่งยืนอยู่ข้างองค์จักรพรรดิก็ลงไปและหยิบดาวเรืองก้านดำในมือของซูซินอย่างระมัดระวังและนำถวายต่อองค์จักรพรรดิ

 

"ดี! ซินเอ๋อร์ ข้าจะยอมรับของขวัญของเจ้า ข้าหวังว่าสิ่งนี้จะทำให้ข้ามีความสุขเหมือนที่เจ้าพูด”

 

“มันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับหม่อมข้าเพค่ะ ที่ฝ่าบาทพอพระทัย”

 

ซูซินยิ้มหวานมาก นางจงใจนำดอกไม้นี้มาเพื่อขจัดความโกรธขององค์จักรพรรดิ ถ้าจู่ๆ เขาก็ถามว่าทำไมท่านแม่ของพวกเขาไม่มา

 

เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว ซูซินก็รู้สึกโล่งใจ ซูฉีและซูหลี่เข้าใจความคิดของน้องสาวอย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากที่จักรพรรดิตามหานาง เขาอาจจะถามถึงแม่ของพวกเขาต่อไป

 

“เสด็จพ่อ  เวลาของการแข่งขันมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ”

 

จุนหลินเถียนเตือนองค์จักรพรรดิ เขารู้สึกไม่สบายใจมากที่เด็กทั้งสามคนคว้าจุดสนใจทั้งหมด

 

เพื่อให้แม่นยำยิ่งขึ้น เขาเคยพ่ายแพ้ซูหลี่ หัวใจของเขาจึงรู้สึกไม่อึดอัดคับข้องใจอย่างยิ่ง

 

“ได้เวลาแล้ว เริ่มได้!”

 

องค์จักรพรรดิทรงกังวลที่จะดูการแข่งขัน ท้ายที่สุดเขาไม่เคยเห็นการดวลกันระหว่างเด็ก ไม่ต้องพูดถึง อีกฝ่ายมีอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น

 

ซูหลี่พยักหน้าให้ซูฉี ซูฉีเข้าใจความหมายของพี่ชายของเขาทันทีและพาน้องสาวของเขาลงจากเวที

 

“พี่ใหญ่ ซินเอ๋อร์ นั้นงดงามและช่างคิดจริงๆ พอขึ้นไปองค์จักรพรรดิก็ลืมถามว่าทำไมพี่สะใภ้ไม่มา”

 

มู่หยุนฮั่นกล่าวด้วยเสียงต่ำที่ไม่มีใครได้ยิน

 

“ไปเร็ว พาซินเอ๋อร์มาที่นี่ อากาศร้อนมากเกินไปนางจะไม่สบาย”

 

“พี่ใหญ่ ไม่กลัวท่านแม่สงสัยหรือขอรับ? แล้วจะยังคนพวกนี้อีก?”

 

“ไม่มีอะไรน่าสงสัย ซินเอ๋อร์น่ารักมาก ใครไม่อยากกอดนาง? แค่ไป!"

 

มู่หยุนซวนไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร เขาแค่อยากจะอุ้มลูกสาวของเขา

 

ในเวลานี้  ซูหลี่และจีหงก็พร้อมบนเวที พวกเขาแค่รอให้เสียงกลองดังขึ้น

 

บังเอิญ ซูฉีพาซูซินลงไปใกล้กับที่นั่งของมู่หยุนซวน

 

มู่หยุนฮั่นไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นและนำซูซินมานั่งที่ตรงนี้อีกต่อไป

 

“ซินเอ๋อร์ ฉีเอ๋อร์ อย่าลงไป มานั่งนี่สิ”

 

มู่หยุนซวนยิ้มและโบกมือให้พวกเขา ซึ่งดึงดูดความสนใจของจุนหลินเถียนและจุนจ้าวเฉิน ในทันที

 

มู่หยุนเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว  ซวนเอ๋อร์… …?

 

ซูฉีหันศีรษะของเขา เมื่อเขาเห็นเก้าอี้ทั้งหมดถูกครอบครองและมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งถัดจากพ่อของพวกเขา จู่ๆเขาก็รู้สึกไม่มีความสุข

 

“ท่านลุงไม่มีที่ว่างสำหรับให้เรานั่ง ข้าว่ากลับที่ของเราดีกว่า!”

 

หลังจากพูดคำเหล่านั้น เขาก็ดึงซูซินออกไป ซูซินมองมู่หยุนซวนอย่างเศร้าสร้อย อันที่จริงนางต้องการที่จะอยู่กับท่านพ่อของพวกเขา เขาเป็นอย่างที่นางจินตนาการไว้ มีน้ำใจ อ่อนโยน และที่สำคัญที่สุดคือเขารักนาง

 

2 วันอัพค่ะ
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป