โลงศพอันน่ากลัวตั้งอยู่กลางห้องโถงที่เรือนพำนักของซู คฤหาสน์ของเจ้าเมืองซุนหยาง
ลมหนาวพัดผ้าไหมสีขาวที่ประตูปลิวเอื่อยๆ จนน่าขนลุกและน่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
หญิงสาวชุดขาว นอนอยู่ในโลงศพ ดวงตาของเธอปิดสนิท ; ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือด เธอหมดลมหายใจไปแล้ว
“คุณหนู คุณหนูใหญ่ตายแล้ว ปล่อยนางไปเถอะ อนุญาตเถอะ เจ้าค่ะ?”
“ปล่อยมันไปเหรอ? ข้าจะไม่มีวันปล่อยมันไปแม้มันจะตายไปแล้วก็ตาม ลากศพมันออกมา!”
หน้าโลงศพ หญิงสาวสวมชุดสีชมพูพีชจ้องมองร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่ในโลงด้วยแววตาเกลียดชัง และสั่งให้คนรับใช้ลากศพนางออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม!
เปลวเทียนสลัวริบหรี่ท่ามกลางลมหนาว กระพริบบนใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวในโลงศพ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก
คนรับใช้ที่ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งเอื้อมมือไปจับศพหญิงสาวด้วยความสั่นเทาและหวาดกลัว
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้หญิงสาว นิ้วของนางก็ขยับ
“ฮ๊ะ! โอ้วพระเจ้า! ผี! ผี!” คนรับใช้ตกใจร้องลั่น ขาทรุดลงกับพื้น
คุณหนูคนที่สอง ซูจิงเหวินก็ตกใจเช่นกัน แต่นางไม่กลัว แม้ว่าหญิงสาวในโลงศพจะยังมีชีวิตอยู่ นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่นางตายไปแล้ว
“สิ่งไร้ค่า!”
ซูจิงเหวินกล่าวและเตะพวกคนรับใช้ที่ขวางทางออกไป ก้าวไปข้างหน้าเพื่อมองหญิงสาวในโลงศพ
หญิงสาวในโลงยังคงนอนอยู่ข้างในโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ซูจิงเหวินเชื่อมั่นมากว่าคนรับใช้กลัวกันไปเอง
“พวกแกคิดมากไปเอง ดูข้าสิ.....”
ซูจิงเหวินจ้องคนรับใช้อย่างดูถูก เมื่อนางมองกลับไปที่โลงศพ หญิงสาวในโลงลืมตาตื่นขึ้นฉับพลัน!
การสบตากันทำให้ซูจิงเหวินกลัวจนไม่ตอบสนองใด
หญิงสาวในโลงมองไปที่ซูจิงเหวินด้วยดวงตาที่ลึกล้ำและมืดมน
“อ๊ะ อ๊ะ! มันตายแล้วฟื้น นางลุกขึ้นมาแล้ว!” ซูจิงเหวินกรีดร้องและหันหน้าวิ่งออกจากห้องโถงไว้ทุกข์ไป
หญิงสาวในโลงศพลุกขึ้นตัวแข็งทื่อ หน้าไร้สีเลือดของนางดูน่ากลัวมากภายใต้เปลวเทียน
“ผี มีผี พี่ใหญ่กลายเป็นผีดุ!”
ทุกคนในห้องโถงไว้ทุกข์ตัวสั่นด้วยความกลัว พวกเขากลิ้งและคลานตะเกียกตะกายออกจากห้องโถง เสียงกรีดร้องอย่างตกใจทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนของคฤหาสน์ซูแตกสลาย
หญิงสาวในโลงศพชื่อซูมู่เก๋อมองดูผู้คนที่พ่ายแพ้และหนีไป เสียงเยาะเย้ยจาง ๆ ติดอยู่บนริมฝีปากที่ปราศจากเลือดของนาง
การเยาะเย้ยนั้นน่าขนลุกบนใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดขาวของนาง
“ฉันไม่ได้คาดคิดว่าพระเจ้าจะเล่นตลกกับฉันขนาดนี้” ซูมู่เกอหัวเราะกับตัวเอง
เธอเป็นผู้นำทางการแพทย์ในศตวรรษที่ 21 เธอเพิ่งพัฒนายาตัวใหม่ที่สามารถฟื้นฟูจากการติดยาได้เร็วขึ้น โดยไม่คาดคิดเธอตกเป็นเป้าหมายของพ่อค้ายาและพวกมันจับเธอได้ เมื่อเพื่อนของเธอไปช่วยเธอ ทั้งคู่ก็ตกหน้าผาและเสียชีวิต
แทนที่จะตาย เธอได้เดินทางมายังอีกเมืองทางอากาศ แคว้นฉู่ เพราะการเปลี่ยนแปลงของห้วงเวลา และได้กลายเป็นซูมู่เก๋อ หญิงสาวที่ตายอย่างอนาถ ลูกสาวคนโตของเจ้าเมืองซุนหยางชื่อ ซูหลุน
ซูมู่เก๋อเป็นลูกสาวคนแรกของนางจ้าว ภรรยาเดิมของซูหลุน ซูหลุนผู้ยากจนแต่กำเนิดได้แต่งงานกับนางจ้าวก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จในการสอบจองหงวนและมีซูมู่เก๋อ หลังจากประสบความสำเร็จ เขาได้รับความชื่นชอบจากเสนาบดีกรมพระคลังและได้แต่งงานกับลูกสาวของเขา อันหยูหรง และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่ออันหยูหรงให้กำเนิดบุตรสาว นางจ้าวมาหาเขาพร้อมกับซูมู่เก๋อวัยหนึ่งขวบ นางอันโกรธมากทั้งที่นางเพิ่งให้กำหนิดบุตรสาวชื่อซูจิง
เหวินในเช้าวันนั้น
ในเวลานั้น ขุนนางหลายคนดูหมิ่นซูหลุนและรวมกลุ่มรุมต่อต้านเขา เสนาบดีกรมพระคลังจึงต้องจัดให้เขาไปอยู่ในที่ห่างไกล เมืองหนึ่งของเขตปกครอง
หนานทงในฐานะผู้พิพากษาประจำเขต ซูหลุนไม่มีข้อเรียกร้องใด เขาค่อยๆก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าเมืองซุนหยางและในที่สุดความโกรธของเสนาบดีก็คลายลง เมื่อถึงเวลาซูหลุนสามารถกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อรายงานงานของเขาได้
นางอันกลัวเป็นข่าวลือดังนั้นนางจึงแนะนำให้ซูหลุนพานางจ้าวและลูกสาวของนางไปมาอยู่ด้วย เมื่ออยู่ต่อหน้า นางจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ ในขณะที่อยู่คนเดียว นางทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อขัดขวางพวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขามีชีวิตเลวร้าย ด้อยกว่าคนรับใช้เก่าแก่บางคนซะอีก
สาเหตุที่ทำให้ซูมู่เก๋อเสียชีวิตคือลูกชายของนายท่านแห่งสำนักการศึกษาหัวหลิน เมิ่งซิ่วเหวินมาเยี่ยมคฤหาสน์ซูเมื่อหลายวันก่อน และซูจิงเหวินผู้คลั่งใคล้ในตัวคุณชายเมิ่งเห็นว่าซูมู่เก๋อแอบมองเขา นางคิดว่ามู่เก๋อกล้าที่จะรักชายในดวงใจของนาง ดังนั้นนางจึงหลอกล่อให้มู่เก๋อไปที่สระบัวและทำให้นางจมน้ำตาย
ซูจิงเหวินยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอและนางยังต้องการที่จะทารุณศพหลังจากมู่เก๋อเสียชีวิตไปแล้ว!
เมื่อซูมู่เก๋อกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าที่หยุ่งเหยิงมุ่งหน้ามา เมื่อได้ยินเช่นนี้ความตั้งใจที่เย็นชาในดวงตาของนางก็ยิ่งใหญขึ้น
เพิ่งมาถึงที่นี่ ขอจัดเซอร์ไพรครั้งใหญ่หน่อยเถอะ!
31/3/2564