Your Wishlist

Covid-19 มะรุมมะตุ้มรุมรัก (nc18+) (บทที่ 87 : หากันจนเจอ)

Author: L.sunanta

ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน

จำนวนตอน :

บทที่ 87 : หากันจนเจอ

  • 04/01/2565

ในเช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งแคลนร่วม 50 กว่าชีวิตก็ได้เนรมิตรเซฟเฮาส์หรูให้กลายเป็นดั่งศูนย์อำนวยการผู้ประสบภัยน้ำท่วม! กล่าวคือมิวท์ได้สั่งให้พ่อบ้านแม่บ้านเอาเสบียงทั้งหมดออกมากองรวมกัน แล้วให้เด็กๆ ช่วยกันแพ็คใส่กระเป๋าตัวเองแบบของใครของมัน ถ้าเหลือก็ให้ยัดใส่กระสอบรวม จะไม่มีใครทิ้งอะไรไว้ที่นี่ทั้งนั้นของกินของใช้ทั้งหมดจะต้องถูกขนไปที่สุพรรณบุรี

.

“เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า ฉะนั้นเราจะต้องเตรียมพร้อมเอาไว้เข้าใจไหมเด็กๆ”

.

“คร๊าบบบ! , ค่ะ!!!!”

.

เด็กก็ยังเป็นเด็กสั่งให้ทำอะไรก็ทำ โดยหารู้ไม่ว่าปลายทางข้างหน้าแม่งยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ

.

มิวท์ไม่มีเครื่องการันตีอะไรเลยนอกจากข้อเท็จจริงที่ว่า เซฟเฮาส์หลังนี้เลี้ยงทุกคนได้ไม่ไหว! ต่อให้ไม่ย้ายกันวันนี้อีก 3 เดือนข้างหน้าก็ต้องปัดตูดหนีกันอยู่ดี สู้ออกไปหาพันธมิตรไว้แต่เนิ่นๆ น่าจะดีกว่า มีคุณหมอกับแม่บ้านช่วยกันแพ็คของ ส่วนทหารรับจ้างทั้งสองก็กำลังรับคำสั่งจากมิวท์อยู่ที่บริเวณลานหน้าบ้าน

.

.

“ก็น่าจะได้อยู่นะครับ! ขอเวลาผมสื่อสารสักครู่ ระยะเวลาแค่วันเดียวพวกเพื่อนผมคงยังไม่เป็นอะไรกันมาก น่าจะกลับมารับงานได้ทันครับคุณมิวท์”

.

“ดีค่ะ…เดี๋ยวฉันจะสั่งคุณพ่อบ้านให้เปิดดาดฟ้าบนตึกให้นะคะ พี่เรียกพวกเขามาได้เลยเรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงเสร็จงานเมื่อไหร่ฉันโอนให้เลย.. เรามีไม่อั้น!”

.

“รับทราบครับ!”

.

ชิดส้นเท้ากระทืบพื้นตามสไตล์กองร้อยพิเศษ ไม่รอนานให้เสียเวลาทหารอารักขา 2 นายก็ได้ควักเอาวิทยุสื่อสารประจำตัวออกมากดถ่ายทอดคำสั่ง มีการปรับจูนคลื่นให้เข้มกว่าปกติเพื่อเลี่ยงการถูกดักฟัง และผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นนั้น ก็ยังทำให้ได้คลื่นวิทยุที่แรงพอ จนสามารถส่องทะลุดงแมกไม้หนาเตอะที่ปิดบังอาคารหลังนี้เอาไว้ได้

.

ราว 45 นาทีผ่านไปทุกอย่างก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว ลืมไปเลยสำหรับรถบรรทุก 3 คันที่เคยใช้ไปเมื่อตอนก่อนหน้า คราวนี้มันเป็นอะไรที่แอดวานซ์กว่านั้นมาก! เมื่อจู่ๆ หลังคาตึกทรงลูกเต๋าก็ได้สยายตัวออกด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าตัด! ต้นไม้หนาที่เคยขึ้นรกปกคลุมอยู่ด้านบนต่างล้มครือลงที่ละต้นสองต้น! เผยให้เห็นว่าแท้จริงแล้วพวกมันก็แค่ของปลอมที่ทำไว้หลอกตา ไม่ใช่ของที่ปลูกเอาไว้

.

ในเวลาเดียวกันเหล่าเด็กๆ เองก็ต่างพากันติดเป้แบกกระเป๋าเสบียงขึ้นบนหลัง พลันวิ่งกรูออกมาด้านนอกหลังจากสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวของพื้น และกระจกอาคารที่กระเพื่อมราวกับจะปริแตก แต่แทนที่จะได้แหงนหน้าขึ้นดูก็ดันมาโดนคุณพ่อบ้านเอ็ดเอาซะก่อน

.

“เฮ้!!!”

“ถอยให้ห่างกว่านี้หน่อยหนูๆ หลังคาตึกไม่เคยถูกใช้เลยมาตลอด 10 ปี ฉันไม่อาจรับประกันความปลอดภัยของพวกเธอได้หรอกนะ… ระวังตัวด้วย!! , ถอยออกไป! , ถอยออกไปเยอะๆ เลย!”

แกตะโกนออกมาจากห้องคอนโทรล จุดที่มีแผงควบคุมหลักติดตั้งอยู่

.

สอดคล้องกันกับมิวท์และพวกแม่บ้านที่ต่างก็ช่วยกันฉุดแขนเด็กๆ เอาไว้ไม่ให้ห่างจากสายตา

.

ให้ตายเถอะซาร่า! ด้วยความสัตย์จริงว่านี่ช่างเป็นภาพที่อลังการลูกตาซะเหลือเกิน! จากพื้นหญ้าด้านล่างพอแหงนมองขึ้นไปจะเห็น 2 ทหารหน่วยอารักขาโบกไม้โบกมือด้วยแท่งไฟส่องสว่างอยู่ ตอนนี้เป็นเวลาเช้าและแสงตะวันยังไม่เข้มมาก ประสบการณ์ของพวกเขาจึงบอกทันทีว่าต้องทำสัญญาณเพื่อแจ้งตำแหน่งแก่นักบิน

.

นี่ถือเป็นจุดจอด ฮ. ที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ต้นไม่ปลอมพับตัวหักครึ่งห้อยระโยงระยางราบไปกับกระจกข้างตึก ด้านบนจึงเกิดเป็นพื้นที่โล่งๆ ว่างๆ ให้เฮลิคอปเตอร์ซีเอส-47 ชีนุกของบริษัท AP สามารถลงจอดได้

.

“ฟึบ! , ฟึบ!, ฟึบ! , ฟับ! , ฟับ! , ฟับ!”

.

ใบพัดคู่หมุนปั่นอากาศรุนแรง เสียงคำรามจากเครื่องยนต์ดังกึกก้องกัมปนาทซะจนเป็นเรื่องยากที่จะปกปิดสถานที่นี้ไว้เป็นความลับ แต่มิวท์ก็จำเป็น! การจะออกไปจากเมืองหลวงเห็นทีจะมีแต่หนทางนี้เท่านั้นถึงจะปลอดภัยที่สุด เป็นทางลัดที่ต้องทุ่มเงินหนักหน่อยแต่มิวท์ก็ไม่สน หากมันจะตอบแทนเธอด้วยความปลอดภัยของพวกเด็กๆ ที่เธออุตส่าห์ไปช่วยมาแล้วล่ะก็อะไรก็ยอม..

.

กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่อากาศยานลำเขื่องก็ลงจอดบนดาดฟ้าของตึกเซฟเฮาส์ได้สำเร็จ

.

มีทหารรับจ้างมากกว่า 20 นายติดสอยห้อยตามมาด้วย เรียกได้ว่ามิวท์นั้นจัดเต็ม เธอสั่งให้พวกเขาขนสรรพาวุธมาทุกภาคส่วน และลงทุนลงแรงไปกับภารกิจร่วมแคลนกับแพรวในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งบางทีอาจจะเป็นเพราะลึกๆ แล้วเจ้าหล่อนอาจจะอยากจะไถ่โทษที่ทำกับเพื่อนก็เป็นได้ แต่ก็ไม่แน่ใจ! ฟันธงไม่ได้! เพราะมีแต่มิวท์เองเท่านั้นที่รู้ว่าในใจตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่

.

“ไปกันเด็กๆ … ขึ้นไปบนดาดฟ้านะ วันนี้เราจะออกเดินทางกันทางอากาศ”

เธอป้องปากตะโกนสั่ง

.

“เย้!!!!”

“ไชโย!!! , ได้ขึ้นเครื่องบินของจริงด้วย!”

“เฮ้!!!!”

“พี่มิวท์สุดยอดไปเลย!!!”

.

เสียงตะโกนใสแจ๋วตามประสาเด็กอนุบาลวัยใส ต่างคนต่างแบกเป้วิ่งย้อนกลับเข้าไปในอาคารเพื่อขึ้นบันไดวน แล้ววิ่งตื๋อขึ้นไปบนดาดฟ้า สำหรับพวกเขาแล้วมันโคตรจะตื่นเต้นเลย เพราะนี่จะเป็นการนั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ แม้จะไม่รู้ว่าที่ๆ จะไปเป็นที่ไหน? แล้วก็ต้องพบกับอะไรบ้างหลังจากไปถึงก็ตามที?

.

มิวท์กลายเป็นสมาชิกแคลนคนสุดท้ายที่ได้ขึ้นเครื่อง เธอยืนมองทหารรับจ้างดึงตัวทุกคนขึ้นสู่อากาศยานไปทีละคนสองคนตบท้ายด้วยคุณพ่อบ้าน แล้วถึงเป็นตัวเธอเองที่ขึ้นเครื่องไปเป็นคนหลังสุด

.

เธอพบว่าที่ด้านในเฮลิคอปเตอร์ค่อนข้างกว้างทีเดียว มันใหญ่พอที่จะบรรจุรถถังได้ 3 - 4 คัน ภายในนั้นกว้างโปร่งสบาย มีที่นั่งแบบง่ายๆ เรียงรายอยู่ด้านข้าง เด็กๆ ต่างกระจายตัวกันนั่งแบบไม่แออัดแถมยังมีที่ว่างสำหรับให้เว้นระยะห่างอีกต่างหาก คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่เลือกวิธีนี้ ถึงจะต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่เสียให้แก่พวกพี่ๆ ทหารเป็นเม็ดเงินมหาศาล แต่ก็ถือว่าคุ้มเมื่อเทียบกับการเดินทางทางเรือแบบที่แพรวกับแคลนของเธอทำ วิธีการของมิวท์จึงเป็นอะไรที่ดู cool และมีสง่าราศีกว่ามาก!

.

เธอหันมาขอบคุณชายชุดดำที่ฉุดมือเธอขึ้นเครื่อง พลางบอกกับเขาว่าให้เอา ฮ. ขึ้นได้เลย ที่ด้านล่างไม่เหลือใครแล้ว

.

“เอ้า! คุณพ่อบ้านแล้วมานั่งยองๆ อะไรอยู่ตรงนี้คะเนี่ยะ?!”

คุณหนูสุดสวยสะดุ้งโหยง พลันสะบัดหน้าลงถามหลังเห็นคุณลุงพ่อบ้านเกาะขอบประตู main บานใหญ่ตรงท้ายเฮลิคอปเตอร์เอาไว้แน่น

.

“อ๋อ…ไม่มีอะไรหรอกครับผมก็แค่่จะรอกดรีโมทเพื่อจัดการกับเซฟเฮาส์ ตอนที่เครื่องบินออกไปน่ะครับคุณมิวท์ ถ้าพ้นระยะไปแล้วบางทีสัญญาณมันอาจจะไม่ถึง”

.

“ฟึบ! , ฟึบ!, ฟึบ! , ฟับ! , ฟับ! , ฟับ!”

“ฟึบ! , ฟึบ!, ฟึบ! , ฟับ! , ฟับ! , ฟับ!”

“ฟึบ! , ฟึบ!, ฟึบ! , ฟับ! , ฟับ! , ฟับ!”

.

และทันทีที่เครื่องเริ่มโผทะยานขึ้นจากลานจอด ประตู main ด้านหลังก็ค่อยๆ แง้มปิดลง คุณพ่อบ้านจึงอาศัยจังหวะที่บานประตูกำลังค่อยๆ แง้มนั้นเอง ยื่นรีโมทที่่มีลักษณะคล้ายกับรีโมทรถยนต์ชี้ลงไปที่ตัวเซฟเฮาส์ แล้วกดปุ่มสีแดงตรงกลางเพียงแค่เบาๆ

.

“กริ๊ก!!!!”

.

ชั่วเสี้ยวพริบตา! หน้าต่างใสกระจกโปร่ง! รวมไปถึงขั้นบันไดเตี้ยๆ หน้าตึกก็ทำการพับเก็บตัวเองฟึบฟับ!!! พวกมันเคลื่อนที่เข้ามาประกบกันด้วยระบบไฮโดรลิค เสียงกระทบระหว่างบานสวิงกับวงกบดังกริ๊กๆๆๆ! ไล่ระดับกันต่อเนื่องไพเราะ ตามติดมาด้วยเสียงการลั่นลงกลอนเข้าล็อคที่ก็เป็นระบบดิจิตอลอีกเช่นกัน

.

มากไปกว่านั้นก็เห็นจะเป็นบรรดาต้นไม้ปลอมทั้งหลาย ที่หักงอหัวทิ่มลงมากับขอบอาคารทั้งสี่ด้าน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว จะทำให้พวกมันดีดเด้งตัวเองขึ้นมาตั้งตรงได้อย่างน่าอัศจรรย์ มิหนำซ้ำพื้นที่ที่ยื่นขยายออกมาจากบนดาดฟ้าตอนใช้เป็นลานจอดก็ได้พับกลับเข้าที่ด้วย กลายเป็นดาดฟ้าตึกที่ชุกชุมไปด้วยดงแมกไม้ดังเดิมอย่างที่เคยเป็น แทบมองด้วยตาเปล่าไม่ออก

.

“ฟึบ! , ฟึบ!, ฟึบ! , ฟับ! , ฟับ! , ฟับ!”

.

เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นท้องฟ้าสูงขึ้นเรื่อยๆ ประตูฮ.ปิดสนิทแน่นไม่มีปัญหา พ่อบ้านเองก็เก็บรีโมทคืนใส่ไว้ในกระเป๋าพลางผละตัวเองเข้าไปนั่งรวมกับพวกเด็กๆ หมดหน้าที่แกแล้วไม่มีคิวให้แกต้องทำอะไรอีกต่อไป นอกเสียจากการภาวนาให้ภารกิจนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

.

มิวท์เองก็เช่นกัน! ประตูฮ.ปิดใส่หน้าเธอแท้ๆ แต่เธอก็ยังคงมองลงไปด้านล่างผ่านทางช่องหน้าต่างเล็กๆ ได้อยู่ เธอเห็นเมืองหลวงที่เคยศิวิไลซ์ปกคลุมไปด้วยควันสีเทาเงาทะมึน เธอไม่เหลืออะไรที่นี่อีกแล้วและตัดสินใจที่จะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปแบบไม่หวนกลับ ปัจจุบันเมืองหลวงเหลือแค่แคลนผู้มีชีวิตรอดบางกลุ่ม , หน่วยแพทย์ของ AP ที่ก็แพรแตกกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง , แล้วก็ฝูงผู้ติดเชื้อที่กลายพันธุ์จนกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด

.

มิวท์ไม่เอาแล้ว! เธอไม่สนอะไรแล้ว! แม้แต่เปรมที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักและมีเพศสัมพันธุ์ด้วย เธอก็ทิ้งเขาได้อย่างไม่ใยดี แถมยังปฏิญาณกับตัวเองเป็นหมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่มีวันเสียตัวให้กับเขาอีกเป็นอันขาด!

.

“ลาขาดตลอดกาลค่ะพี่เปรม…”

“ส่วนเธอแพรว…"

"เราคงได้เจอกันในไม่อีกไม่ช้า ถึงตอนนั้นหวังว่าเธอจะยอมฟังฉันบ้างนะ”

“ฉันไม่ได้ดีไปกว่าเธอหรอก… ไม่เคยเลย… สักครั้งก็ไม่เคย…”

.

“คลิ๊ก!”

“ฟู่!!!!!!!!!!”

.

เสียงเปิดกระป๋องก๊าซดังกลบไปกับเสียงใบพัด ทุกคนในเครื่องล้วนเห็นเหมือนกันหมดว่ามิวท์เองก็เป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้อ! กระป๋องก๊าซในมือเธอยังคงฟดฟู่ ควันสีแดงยังคงลอยฟุ้งกระจายออกมาราวกับจะบอกเป็นนัยว่าเรื่องนี้มันยังไม่จบ… แล้วก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของปัจฉิมบทถัดไปเท่านั้น

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า