Your Wishlist

หอยทากน้อยหมายปองอาณาจักร (ตอนที่ 6)

Author: Puk Pik

จอมพลงูหลาม VS วิญญาณหอยทากหน้ามึน

จำนวนตอน : 115

ตอนที่ 6

  • 12/09/2564

ตอนที่ 6

 

เมื่อได้ยินคำตอบของนิชิซาวะคอรีย์ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะในที่สุดท่านจอมพลของพวกเขาก็มีลูกเป็นตัวเป็นตนเหมือนคนอื่น ๆ กับเขาสักที

 

แต่ที่เขายังรู้สึกสับสนก็คือท่านจอมพลเพิ่งตกลงไปในป่าดงดิบในรูปสัตว์และได้พบกับเจ้าสายพันธุ์ที่อ่อนแอคนนี้ได้ไม่นาน… 

 

หรือว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อนแล้วเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะมีลูกด้วยกันหลังจากที่ท่านจอมพลได้สูญเสียพลังของเขาไป

 

ในครั้งแรกที่ผู้ที่ตั้งครรภ์ได้เดินทางไปยังสำนักงานศึกษากฎหมายระหว่างดวงดาว แพทย์ประจำ สำนักงานจะเก็บตัวอย่างยีนของลูกภายในท้องมาทำการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งในเวลานั้นเองพวกเขาก็จะสามารถยืนยันได้ว่าลูกภายในท้องของเจ้าสายพันธุ์ที่อ่อนแอคนนี้จะเป็นลูกของท่านจอมพลจริง ๆ หรือไม่

 

ถ้าเด็กในท้องเป็นลูกของท่านจอมพลจริง ๆ… 

 

คอรีย์ถึงกับคิดไม่ตกเมื่อพยายามคิดพิจารณาเรื่องนี้

 

“ผู้พันคอรีย์มันไม่ง่ายเลยที่สายพันธุ์ที่อ่อนแอจะตั้งท้อง ดังนั้นหลังตั้งครรภ์ก็ต้องดูแลร่างกายของเขาให้ดี ๆ ฉันขอแนะนำให้คุณพาเขาไปที่สำนักงานศึกษากฎหมายระหว่างดวงดาวในตอนนี้เลย” นิชิซาวะกล่าวขึ้นมาอย่างไม่รู้ถึงความโศกเศร้าของอีกฝ่ายเลย

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้พันคอรีย์ก็กัดฟันแน่นก่อนที่จะพยักหน้าหลังจากที่เขาได้ตัดสินใจ

 

เด็กในท้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านจอมพลที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ ดังนั้นเขาจะต้องเลี้ยงดูสิ่งที่ท่านจอมพลทิ้งเอาไว้ให้ดีที่สุด

 

หลังจากที่จินได้พบกับผู้พันคอรีย์อีกครั้ง เขาก็รู้สึกงุนงงกับสีหน้าอันเคร่งขรึมและท่าทีอันระมัดระวังของเขา

 

จากนั้นดร.นิชิซาวะก็เดินเข้ามายิ้มให้จินอย่างอ่อนโยนแล้วจับมือเขาเพื่อให้กำลังใจ   

 

ปัจจุบันจินกำลังรู้สึกแปลก ๆ ที่ผู้ชาย 2 คนจะมายืนจับมือถือแขนกันในที่สาธารณะ ดังนั้นเขาจึงพยายามดึงแขนของเขาออกมาอย่างสุภาพ 

 

เมื่อทุกคนได้ขึ้นรถแม็กเลฟเพื่อเดินทางไปยังสำนักงานศึกษากฎหมายระหว่างดวงดาว จินก็ได้เห็นสิ่งของที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างมากมายซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

 

แต่ในขณะนั้นเองใบหน้าของจินก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเพราะเขาไม่เคยเห็นเทคโนโลยีระดับสูงแบบนี้บนพื้นโลกมาก่อนเลย

 

เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงสำนักการศึกษากฎหมายระหว่างดวงดาว พวกเขาก็ได้เห็นผู้คนจำนวนมากที่กำลังเดินทางเข้าออกอาคารแห่งนี้ แต่ส่วนใหญ่แล้วทุกคนจะมากันเป็นคู่โดยที่ผู้ชายจะคอยกุมมือผู้หญิงเพื่อเดินทางเข้าออกอาคารอย่างระมัดระวัง 

 

นอกจากนี้มันยังมีบางคู่ที่เป็นคู่ผู้ชายกับผู้ชาย แต่ผู้ชายพวกนั้นค่อนข้างจะมีรูปร่างอันผอมบางและมีหน้าตาที่สวยกว่าผู้ชายโดยทั่ว ๆ ไป

 

ทันใดนั้นเองจินก็ได้เห็นเสือดาวสีขาวตัวน้อยที่นั่งอยู่บนไหล่ของชายร่างสูงคนหนึ่ง จากนั้นเสือดาวตัวน้อยตัวนี้ก็ได้กลายเป็นเด็กน้อยอายุ 1 ขวบที่ไหลลงมายังอ้อมแขนของชายคนนั้น แต่ที่สำคัญคือคนที่เดินผ่านไปผ่านมากลับไม่รู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเลย 
 

จินจำได้ว่าในตอนที่เขาอยู่ในป่า ทหารที่เขาคิดว่าเป็น ‘สายลับจากต่างประเทศ’ ก็เคยกลายร่างเป็นสัตว์ต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถยืนยันได้ในทันทีว่าดาวดวงนี้ย่อมไม่ใช่โลกมนุษย์อย่างแน่นอน

 

ขณะเดียวกันสัตว์ประหลาดที่เขาได้เห็นพวกมันแปลงร่างภายในป่าก็ไม่ใช่สายลับจากต่างประเทศแต่อย่างใด เพราะคนที่นี่สามารถแปลงเป็นสัตว์ได้เป็นปกติและพวกเขาก็น่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวมากกว่าปีศาจ

 

นี่คือโลกที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน 

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่จินได้แฝงตัวอยู่ในสังคมมนุษย์ เขาเคยได้อ่านนิยายแฟนตาซีที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางผ่านกาลเวลาและอวกาศมาอย่างมากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลกับสถานการณ์ในปัจจุบันของเขามากนัก 

 

ด้วยเหตุนี้แม้ว่าในอนาคตเขาจะกลับไปเป็นหอยทากแต่เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในสังคมคนในดาวดวงนี้แต่อย่างใด

 

หลังจากสงบจิตใจได้แล้วจินก็เริ่มสังเกตมนุษย์ต่างดาวที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขา

 

เมื่อเขาได้ทำการสำรวจไปสักพักเขาก็สังเกตเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงที่ได้รับการดูแลต่างก็จะมีตราสัญลักษณ์รูปสัตว์ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มืออยู่ตรงบริเวณกลางหน้าผาก โดยตราสัญลักษณ์บางส่วนจะมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกันอย่างเช่น รูปลายเสือ, สิงโต, ช้าง, แรด, งูและฮิปโป เป็นต้น

 

ส่วนผู้ชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะไม่มีตราสัญลักษณ์ตรงบริเวณกลางหน้าผากของพวกเขาเลย 

 

ในช่วงเวลานั้นมือของจินก็เผลอไปแตะตราสัญลักษณ์รูปเปลือกหอยทากตรงบริเวณกลางหน้าผากของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

 

แต่เดิมเขาวางแผนว่าถ้ามีคนถามถึงตราสัญลักษณ์นี้เขาจะตอบว่ามันเป็นรอยสักแบบพิเศษที่เขาได้ทำการสักเอาไว้ แต่มันกลับกลายเป็นว่าหากใครมีตราสัญลักษณ์บริเวณกลางหน้าผากบนดาวดวงนี้พวกเขาจะกลายเป็นคนที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษไปเสียอย่างนั้น 

 

ทันใดนั้นจินก็ตัดสินใจปัดผมตรงบริเวณแถว ๆ หน้าผากของเขาออกไป โดยจงใจที่จะเปิดเผยตราสัญลักษณ์รูปเปลือกหอยที่อยู่ตรงบริเวณกึ่งกลางคิ้วของเขาให้คนอื่นเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม

 

เมื่อพวกเขาเดินทางไปจนถึงห้องทดสอบคุ ณหมอผู้ซึ่งเป็นออร์คที่ได้รับหน้าที่ในการตรวจจินก็ชะงักค้างไปอย่างไม่ทันได้ตั้งใจ เพราะเขาได้กลิ่นอายของออร์คที่แข็งแกร่งลอยมาจากเจ้าสายพันธุ์ที่อ่อนแอตรงหน้าของเขาคนนี้

 

กลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้ปล่อยแรงกดดันอันรุนแรงออกมาอยู่ตลอดเวลา มันจึงทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรอวดดีต่อหน้าเจ้าสายพันธุ์ที่อ่อนแอคนนี้เลย

 

การที่เจ้าสายพันธุ์อ่อนแอสามารถมีกลิ่นอายของออร์คที่มีพลังอันรุนแรงมันก็หมายความว่าคู่ครองของมันย่อมต้องมีพลังที่สูงมาก ขณะเดียวกันนายแพทย์ออร์คคนนี้ก็ได้ทำงานภายในสำนักการศึกษากฎหมายระหว่างดวงดาวมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเจอกลิ่นอายใด ๆ ที่ทรงพลังในระดับนี้มาก่อนเลย

 

ในชั่วพริบตาคุณหมอออร์คก็รีบเปลี่ยนท่าทีของเขาแล้วเหลือบตาชำเลืองมองจินอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะได้เห็นตราสัญลักษณ์รูปก้นหอยที่อยู่ตรงบริเวณกึ่งกลางคิ้วของอีกฝ่าย

 

ในช่วงเวลานั้นเขาพยายามที่จะรักษารอยยิ้มของเขาเอาไว้และพูดชมอีกฝ่ายออกไปว่า 

 

"ลูกของคุณจะต้องเป็นออร์คที่แข็งแรงมากไม่ต่างไปจากจอมพลเรย์มอนด์อย่างแน่นอน"

 

ออร์ควัยรุ่นส่วนใหญ่ต่างก็นับถือจอมพลเรย์มอนด์เป็นไอดอลของพวกเขา ส่วนออร์คที่มีอายุขึ้นมาหน่อยก็จะใช้จอมพลเรย์มอนด์เป็นต้นแบบในการสั่งสอนบุตรหลานของตนเอง

 

ดังนั้นการกล่าวว่าลูกในท้องจะมีความแข็งแกร่งเหมือนกับจอมพลเรย์มอนด์จึงไม่ต่างไปจากคำอวยพรของออร์คบนดาวดวงนี้

 

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะได้กล่าวคำอวยพรออกไปแล้วนอกจากเขาจะไม่ได้รับการตอบกลับมาจากอีกฝ่ายแต่บรรยากาศภายในห้องทดสอบยังตึงเครียดมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

 

โดยเฉพาะเหล่าบรรดาออร์คที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าสายพันธ์ุที่อ่อนแอคนนี้ที่แสดงใบหน้าอันน่ากลัวออกมามากขึ้นกว่าเดิม มันจึงทำให้ขาของเขาสั่นขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งใจเนื่องมาจากแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมาอย่างฉับพลัน

 

ด้วยเหตุนี้เองคุณหมอออร์คจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีกแล้ว เขาจึงทำการหยิบเครื่องมือขึ้นมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพื่อทำการตรวจสอบเจ้าสายพันธ์ุที่อ่อนแอที่อยู่ตรงหน้าเขา

 

เมื่อได้เห็นท่าทางแปลก ๆ ของผู้พันคอรีย์นิชิซาวะก็สามารถระบุได้อย่างรวดเร็วว่าเด็กในท้องจะต้องเป็นลูกของท่านจอมพล

 

แต่หากเรื่องนี้ได้หลุดรอดออกไปชื่อเสียงของท่านจอมพลจะต้องย่อยยับลงอย่างแน่นอน!

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ผู้พันคอรีย์ก็กัดฟันตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับนิชิซาวะได้ฟังเพื่อที่จะได้ช่วยกันคิดหาทางออกให้กับสถานการณ์นี้

 

ด้วยนิสัยของนิชิซาวะคุณหมอคนนี้ย่อมไม่ทำอะไรให้ชื่อเสียงของท่านจอมพลต้องแปดเปื้อนแน่ ๆ

 

จากนั้นเขาก็ดึงอีกฝ่ายไปที่มุมห้องและอธิบายเรื่องราวทั้งหมดว่ามันมีที่มาที่ไปเป็นมายังไง

 

เมื่อนิชิซาวะได้รับทราบข่าวการเสียสละชีวิตของจอมพลเรย์มอนด์แล้วเขาก็ทั้งรู้สึกตกใจและเสียใจไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งเขาก็ต้องใช้เวลาในการสงบสติอารมณ์ของตนเองนานพอสมควร

 

“นี่คือทายาทของจอมพลเรย์มอนด์ที่เสียชีวิตไปแล้ว ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะต้องรักษาเขาเอาไว้! ส่วนสิ่งที่คุณกำลังกังวลก็ไม่จำเป็นที่จะคิดมากจนเกินไปเพราะถ้าหากพวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้ มันก็ไม่มีทางที่ชื่อเสียงของท่านจอมพลจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน”

 

เมื่อได้เห็นว่านิชิซาวะให้คำมั่นสัญญาอย่างจริงจัง ผู้พันคอรีย์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

ในเวลาเดียวกันเว็บไซต์อย่างเป็นทางการทหารของกองทหารระหว่างดวงดาวก็ได้ประกาศข่าวการเสียชีวิตของจอมพลเรย์มอนด์ พร้อมกับทำการเปิดเผยวิดีโอที่ท่านจอมพลได้ระเบิดพลังงานของตนเองออกมา

 

การระเบิดในครั้งนี้ได้มีรัศมีพลังทำลายกระจายออกไปในอากาศหลายกิโลเมตรและถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับชมเหตุการณ์ผ่านทางหน้าจอ แต่พวกเขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังทำลายอันน่าอัศจรรย์

 

ภายใต้การระเบิดอันทรงพลังนี้ราชินีเซิร์กก็ได้ถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านในเวลาเดียวกัน

 

เซิร์กกับออร์คเป็นศัตรูกันมานานนับพัน ๆ ปี โดยเซิร์กได้คุกคามชายแดนออร์คอย่างต่อเนื่องและใช้ร่างกายของพวกเขาเป็นภาชนะสำหรับการเพาะพันธุ์ไข่ของตนเอง

 

ด้วยเหตุนี้คนของจักรวรรดิออร์คจึงเกลียดชังพวกเซิร์กมากและในตอนนี้ราชินีเซิร์กก็ได้ตายไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่จอมพลเรย์มอนด์ผู้ยิ่งใหญ่ก็เสียชีวิตลงไปด้วยเช่นกัน มันจึงทำให้ทั้ง จักรวรรดิได้เต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ!

 

ในขณะเดียวกันคุณหมอออร์คในสำนักการศึกษากฎหมายระหว่างดวงดาวของดาวไลม์สโตนที่กำลังนำยีนเข้าไปตรวจในธนาคารยีนก็ได้เห็นข่าวการเสียสละของจอมพลเรย์มอนด์เด้งขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

เมื่อทุกคนเห็นข่าวนี้พวกเขาต่างก็พากันตกใจ จากนั้นความโศกเศร้าก็กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ

 

พวกเขารักและชื่นชมจอมพลเรย์มอนด์มาก 

 

เขาเป็นผู้เสียสละ!
 

คุณหมอออร์คเช็ดน้ำตาของเขาและทำงานในส่วนที่เหลืออย่างต่อเนื่องด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
 

เขาทำการส่งยีนเข้าไปตรวจในธนาคารยีน จากนั้นเขาก็จ้องไปที่หน้าจอตรงหน้าด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง

 

"นี่มัน...ลูกของจอมพลเรย์มอนด์!" คุณหมอออร์คพึมพำขึ้นมาเหมือนกับคนเสียสติ

 

"DNA ของเด็กคนนี้เป็นแบบเดียวกับ DNA ของจอมพลเรย์มอนด์ !!"

 

เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิออร์ค
 

นี่มันปาฏิหาริย์!

 

แต่เรื่องนี้มันเป็นไปได้ยังไง? !

 

ยีนของท่านจอมพลเรย์มอนด์จะต้องทรงพลังมาก ยีนพวกนี้มันถึงถูกส่งต่อไปยังลูกของเขาจนหมดแบบนี้!

 

ในอนาคตเด็กคนนี้จะต้องแข็งแกร่งเหมือนกับพ่อของเขาอย่างแน่นอน คุณหมอออร์คร้องไห้ออกมาอย่างมีความสุข

 

ขณะเดียวกันผู้พันคอรีย์และนิชิซาวะก็กำลังรู้สึกมีความสุขเหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าจอมพลเรย์มอนด์จะจากไปแล้วแต่โชคดีที่เขายังทิ้งลูกของเขาเอาไว้และยีนของลูกเขายังทรงพลังมากอีกด้วย

 

ผู้พันคอรีย์ยืนน้ำตาคลอ เขาต้องติดตามและสนับสนุนเด็กคนนี้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เขาต้องการที่จะดูแลลูกของท่านจอมพลให้เติบโตเป็นออร์คที่ยิ่งใหญ่เหมือนท่านจอมพล

 

ในขณะเดียวกันนิชิซาวะก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกเพราะยีนของท่านจอมพลกับเด็กในท้องเหมือนกันแทบจะ 100% ซึ่งถ้าหากเขาไม่ได้เห็นกับตาของตัวเองว่าคุณหมอออร์คคนนี้ได้นำยีนจากเด็กในท้องไปใส่ในเครื่องตรวจ DNA เขาก็คงจะคิดว่าตัวอย่างยีนที่คุณหมอได้นำไปตรวจสอบเป็นตัวอย่างที่คุณหมอได้เก็บมาจากจอมพลเรย์มอนด์

 

แม้ว่านิชิซาวะจะไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็น แต่เขาก็ต้องเชื่อเพราะนี่คือความจริง!

 

ในฐานะแพทย์เขาเพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นการสืบทอดของยีนที่เกือบจะเต็มทั้ง 100% แล้วเขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นกับสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง

 

หลังจากนั้นแพทย์ทุกคนภายในห้องตรวจก็จับมือกันด้วยความยินดีก่อนที่จะทำการจัดเก็บข้อมูลทุกอย่างเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์ที่ลูกได้รับยีนจากพ่อเกือบจะ 100% ดังนั้นถ้าหากเรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปชื่อสำนักการศึกษากฎหมายระหว่างดวงดาวที่พวกเขาได้ทำงานอยู่ก็จะถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ด้วยเช่นเดียวกัน 
 

ขณะเดียวกันสาเหตุที่จินสามารถพูดได้ถึง 18 ภาษาก็ไม่ใช่เพราะเขามีอายุที่ยืนยาว แต่เป็นเพราะว่าเขามีความสามารถในการเรียนรู้ทางด้านภาษาที่ดีเยี่ยม ดังนั้นหลังจากที่เขาได้ฟังภาษาของที่นี่มาเป็นเวลากว่าครึ่งวันเขาก็พอที่จะทำความเข้าใจสิ่งที่คนอื่นได้พูดมาบางส่วนได้แล้ว

 

และคำที่เขาได้ยินบ่อยที่สุดก็คือ "จอมพลเรย์มอนด์" และ "ยีน"

 

ในระหว่างการตรวจแพทย์ที่นี่ได้ให้ความสนใจกับกระเพาะอาหารของเขาเป็นอย่างมาก แต่จินก็เดาเรื่องที่พวกเขาพูดถึงได้บางอย่าง
 

หลังจากนั้นเขาลูบท้องของเขาไปมา... ที่จริงแล้วตรงนี้มันคือเปลือกของเขาซึ่งมีน้องชายที่ชื่อ ‘ต้าไห่’ อยู่ในนั้น
 

แต่อุปกรณ์ที่นี่ตรวจพบว่าเขาท้อง

 

เมื่อจินตระหนักว่าเขาอาจจะต้องอยู่ที่นี่อย่างถาวรเขาจึงได้กรอกตาพร้อมกับลูบท้องก่อนที่จะกล่าวออกไปเบา ๆ ว่า
 

“ใช่แล้วนี่คือลูกของจอมพลเรย์มอนด์กับฉัน”


 

 

21/8/64
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป