เฉียวโม่หยูสวมชุดสีน้ำเงินธรรมดาที่ทำจากผ้าหยาบ เข้ากันกับเชือกมัดผมสีน้ำเงินที่มัดผมเธอเอาไว้ ทันทีที่เธอหันกลับมา โลกพลันสว่างไสวรอบตัวเธอ ความมืดมิดแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างภายใต้ความงามอันน่าตื่นตะลึงของเธอ
ยามเธอหัวเราะดวงตาของเธอโค้งขึ้นเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และแววตาของเธอก็ดูเปล่งประกายสดใสให้กับโลกใบนี้ ชิงอี้เฉินรู้สึกว่าลมหายใจของเขาถูกพรากไปเพียงไม่กี่วินาที ถึงแม้ฉากของเฉียวโม่หยูจะออกมาเพียงเวลาสั้นๆ และสลับเป็นฉากอื่นอย่างรวดเร็ว
ซิงอี้เฉิงปิดโทรศัพท์มือถือของเขาอย่างหงุดหงิด
ละครทีวีเชิงชีออกฉายตอนแรกก็ทำเรตติ้งในอันดับต้นๆและได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมอย่างล้นหลาม แม้แต่ดาราเล็กๆอย่างเฉียวโม่หยูก็ยังได้รับความสนใจจากผู้ชมภายในเวลาไม่กี่วินาทีที่เธอปรากฏตัวบนหน้าจอทีวี ผู้ติดตามในเว่ยป๋อเธอเพิ่มสูงขึ้นจากหนึ่งแสนเป็นแปดแสนคน แต่นักแสดงสาวเพียงแค่มองดูเฉยๆแล้วหันไปมองอย่างอื่นแทน
เมื่อเธอไม่มีฉากที่ต้องถ่ายทำแล้ว เธอจึงไม่มีแผนจะทำอะไรในวันนี้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจพาพี่เลี้ยงและลั่วลั่วไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า
เฉียวโม่หยูรู้ทันความคิดของลูกชายแม้ว่าเขาจะห่อปากและทำท่าทางไม่เต็มใจ แต่ดวงตากลมโตของเขาเต็มไปด้วยความสุข
บางทีเจ้าของร่างเดิมนี้ไม่ได้ให้เวลากับลั่วลั่วมากนัก เพราะหัวใจของเธอทุ่มเทให้ฉิงอี้เฉิน ตอนนี้เฉียวโม่หยูรู้ว่าเด็กน้อยต้องการความรักจากแม่ แต่จิตใต้สำนึกของเขาทำให้เขาต้องทำตัวเหินห่างซึ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
ยามมองดูที่ลั่วลั่วเธอนึกถึงหลานสาวตัวน้อยของเธอที่อ่อนหวานปานน้ำผึ้ง ไม่เหมือนกับเด็กชายคนนี้ เธอหัวเราะเมื่อเธอมีความสุขและร้องไห้เมื่ออารมณ์เสีย หลานสาวตัวน้อยนั้นไม่เคยปิดบังอารมณ์ของเธอ
ดังนั้นตอนที่พบลั่วลั่วครั้งแรก เธอจึงรู้สึกลำบากใจ
เธอมองไปที่เด็กชาย ในเมื่อตอนนี้เธอต้องรับผิดชอบเด็กชายคนนี้ เธอควรจะดูแลเขาให้เหมือนกับเป็นลูกของเธอเองและเลี้ยงดูเขาด้วยความรัก เพื่อที่เขาจะได้หัวเราะเมื่อเขามีความสุขและกล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะพูด!
ทั้งสามออกไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าด้วยกัน พวกเขาไปร้านของหวานก่อนเป็นอันดับแรกและซื้อเค้กนมสดและไอศกรีม เด็กชายตัวน้อยดูตื่นเต้นเพราะเขายังไม่เคยกินมาก่อน
ทันทีที่ช้อนเข้าปากเขา เด็กชายรู้สึกทึ่งกับความเย็นที่ได้รับ ดวงตากลมโตสีเข้มของเขาดูเเปล่งประกาย
“ลั่วลั่วชอบไหมจ้ะ?”
เฉียวโม่หยูอยากจะสอนให้เขาบอกความรู้สึกตัวเองออกมา เธอพูดต่อว่า “ถ้าลั่วลั่วชอบ แม่จะซื้อให้กินทุกอาทิตย์เลย ดีไหม?”
“เด็กน้อยกัดริมฝีปากตัวเองมองไปยังถ้วยของหวาน เขามองกลับไปที่เฉียวโม่หยูและริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อย ขนตากระพือขณะที่ก้มหัวลงต่ำและตอบเบาๆ
“ลั่วลั่วไม่ชอบ”
ในขณะนั้นเฉียวโมหยูรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกแทงด้วยเข็ม
อย่างไรก็ตามเธอยกมุมปากยิ้มแล้วส่งไอศกรีมอีกหนึ่งคำเข้าไปในปากของเขา
“ลั่วลั่ว ลูกควรจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจของลูกออกมา อย่างเช่น แม่ผมชอบไอศกรีมนี้มาก ผมอยากกินทุกอาทิตย์เลย"
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองแม่ เขาลังเลสักครู่แล้วถามออกไปอย่างไว้เชิง
“ถ้าลั่วลั่วชอบ แม่จะพาลั่วลั่วมากินทุกอาทิตย์หรอฮะ?”
เฉียวโม่หยูยิ้มกว้างและตอบไปว่า
“เกี่ยวก้อยสัญญาเลย! แม่จะพาลั่วลั่วมากินร้านนี้ทุกอาทิตย์ ไม่เพียงเท่านี้ ถ้าลูกอยากจะกินของอร่อยๆ แม่จะซื้อมาให้ลูกหมดเลย ดีไหมจ้ะ?”
ความหม่นหมองในดวงตาของลั่วลั่วหายไปและใบหน้าของเขาก็สดใสขึ้นด้วยความดีใจ เขาเอานิ้วมือปรบไปที่แก้มของเขาและหัวเราะอย่างมีความสุขเป็นครั้งแรก
“ขอบคุณฮะคุณแม่!”