ในรูปถ่าย หญิงสาวที่อยู่ในชุดธรรมดาเรียบง่ายดูราวกับจะดูดกลืนแสงสว่างส่องมาที่เธอ ผมยาวปลิวไสวไปในสายลมยามที่เธอออกท่วงท่าเตะต่อย รูปลักษณ์ที่น่ารักของเธอช่างงดงามเหมือนดอกบัวที่สูงศัดิ์ ในสถานการณ์ที่น่าประทับใจนี้ เธอเหมือนตำนานที่นำพาชีวิตมาสู่โลกที่ยุ่งเหยิงใบนี้
เฉียวโม่หยูไม่ทันสังเกตเห็นอาการตกตะลึงของผู้คนรอบข้าง เธอแสดงท่าเตะอีกสองท่า ก่อนที่จะจบการแสดง เธอหันไปยิ้มให้ผู้กำกับแล้วเอ่ยถามว่า
“ผู้กำกับชาง ไม่ทราบว่าท่าไหนที่คุณคิดว่าเหมาะสมคะ?”
ผู้กำกับชางไล่ความงุนงงของตัวเองออกไป หญิงสาวได้เล่นบทนี้เพราะอิทธิพลของตระกูลเฉียว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แย่อย่างที่เขาคิด เขาหันมาถามช่างภาพว่า
“นายถ่ายได้ทุกท่าหรือเปล่า?”
ช่างภาพพยักหน้ารับ “ครับ ผมถ่ายไว้ได้หมดเลยครับ”
“เฉียวโม่หยู คุณไม่ต้องแสดงแล้วล่ะ ผมจะเลือกจากรูปที่ถ่ายคุณไว้เมื่อครู่เอง”
แล้วผู้กำกับก็หันไปอธิบายเรื่องการถ่ายทำแก่ทีมงาน
“เอาล่ะๆ ไปเตรียมตัวถ่ายฉากแรก!”
ขณะที่ทุกคนต่างเป็นพยานการแสดงของเฉียวโม่หยู มีเพียงบุคคลเดียวที่ได้ยินเสียงผู้กำกับชาง นั่นก็คือ เย่เป่ยเฉิง เขายืนสูบบุหรี่อยู่ที่มุมๆหนึ่งอย่างเงียบๆ เขาดับบุหรี่และเดินเข้าไป
ขณะที่เดินผ่าน สายตาของนักแสดงหนุ่มไม่ได้เหลือบมองไปที่เฉียวโม่หยูแม้เสี้ยววินาที ถึงอย่างนั้นเฉียวโม่หยูก็รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่า เย่เป่ยเฉิงกำลังอารมณ์ไม่ดี
เฉียวโม่หยูเดินไปหลังกล้อง พูดคุยอย่างออกรสชาติกับผู้ช่วยเสี่ยวซูและทีมงาน ดูเหมือนว่าผู้ช่วยจะกลายมาเป็นแฟนคลับเธอ เธอเริ่มคุยโวเรื่องการแสดงของเฉียวโม่หยูว่าน่าประทับใจอย่างไร
เฉียวโม่หยูหัวเราะเบาๆ ท่าพวกนั้นมันก็แค่การเคลื่อนไหวพื้นฐานธรรมดาๆ เธอเรียนรู้มาจากชีวิตของเธอก่อนหน้า ในโลกนั้น ผู้คนมักจะพาปัญหามากวนใจเธอิยู่เสมอๆ เธอจึงต้องหัดเรียนศิลปะป้องกันตัวกับพี่ชายเพื่อป้องปกตัวเอง จะว่าไปแล้ว เธอก็พอจะล้มผู้ชายได้สักคนสองคนโดยที่เหงื่อไม่ออก
ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ชิงหว่านชวงและเย่เป่ยเฉิงกำลังแสดงคู่กันในฉาก เนื่องจากทั้งสองต่างมีประสบการณ์การแสดงมาก่อน การถ่ายทำจึงเป็นไปด้วยดี ใช้เวลาเพียงสั้นๆ ทั้งคู่ก็แสดงเสร็จแล้ว
ระหว่างพักเบรก ผู้ช่วยของชิงหว่านชวง ‘เชี่ยวฮ่วน’ วิ่งมาหาเฉียวโม่หยูแล้วยื่นกล่องหนึ่งกล่องให้เธอ
“คุณโม่หยูคะ พอดีว่าคุณชิงหว่านชวงกำลังยุ่งกับการแต่งหน้าใหม่ แต่คุณเย่เป่ยเฉิงต้องการให้คุณหว่านชวงนำสิ่งนี้ไปให้เขา รบกวนคุณช่วยนำไปมอบให้เขาแทนได้ไหมคะ? มันค่อนข้างสำคัญมาก คุณเย่บอกแต่เพียงว่าให้รีบนำไปให้เขาโดยเร็วที่สุด ขอบคุณมากๆนะคะที่ช่วยเหลือ”
เฉียวโม่หยูมองกล่องพลางสงสัย
หากเย่เป่ยเฉิงต้องการของสิ่งนี้โดยด่วน ทำไมผู้ช่วยเชี่ยวฮ่วนไม่ไปส่งด้วยตัวเองแทนที่จะไหว้วานเธอเป็นธุระ ลางสังหรณ์เธอรู้เพียงว่าต้องมีปัญหาสักอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
เชี่ยวฮ่วนจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับวางกล่องข้างเธอๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธ ถ้าหากว่าเย่เป่ยเฉิงต้องการกล่องนี้ด่วนจริงๆ ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเธอไปส่งช้า เมื่อคนรอบข้างเริ่มขยับตัวก็พอดีกับที่เธอตกลงที่จัดการปัญหานี้ เฉียวโม่หยูลุกขึ้นและเดินไปยังห้องรับรองอีกด้านหนึ่ง
มุมปากชิงหว่านชวงยกสูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อสักครู่ เธอเพิ่งได้ยินเย่เป่ยเฉิงคุยโทรศัพท์กับที่บ้าน เนื่องจากชิงหว่านชวงอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยมั่งคั่ง เธอจึงพอรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ของครอบครัวเย่ในปัจจุบัน
ความสัมพันธ์ของเย่เป่ยเฉิงและครอบครัวค่อนข้างตึงเครียดตั้งแต่เขาเลือกที่จะเข้าสู่วงการบันเทิง ถ้าเฉียวโม่หยูเข้าไปรบกวนขณะที่เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ล่ะก็ เธอจะพบว่าเขานั้นกำลังอารมณ์เสียสุดๆ ไม่ว่าเธอจะเอาอะไรไปมอบให้เขา โชคร้าย เธอก็อาจจะ–
ฮ่าๆ เธออยากจะเห็นความย่อยยับของเฉียวโม่หยู เมื่อเย่เป่ยเฉิงแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา อนาคตการเป็นนักแสดงของเฉียวโม่หยูก็ไม่จะเหลืออะไร
เฉียวโม่หยูเดินมาถึงหน้าประตูห้องรับรอง เธอเคาะอยู่สองสามครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ดังนั้นเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้อง ชายหนุ่มยืนบังแสงไฟ ถึงแม้เธอกำลังยืนอยู่ด้านหลัง เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว
เธอเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือกล่องไว้ในมือ พยายามเดินให้เงียบที่สุดพร้อมวางกล่องลง ฉับพลันสายตาของชายหนุ่มกลับหันมาที่เธออย่างนึกแปลกใจ
ในชั่วพริบตาเธอมองเห็นวิญญาณที่ดุร้ายและดุดันในสายตาของเขา เฉียวโม่หยูรู้สึกประหลาดใจกับความเป็นศัตรูเช่นนี้ แต่จากนั้นเธอสังเกตเห็นว่าการแสดงออกของเย่เป่ยเฉิง เผยความสับสนชั่วขณะขณะที่เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่
เธอเห็นว่ากล้ามเนื้อตึงบนใบหน้าของเขาเริ่มผ่อนคลาย ในตอนท้ายมุมปากของเขาถูกยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันอบอุ่นและบุคลิกแข่งกร้าวคล้ายคมมีดค่อยๆอ่อนลง
ช่วงขณะที่เธอว่างกล่องลง เย่เป่ยเฉิงก็เกือบจบบทสนทนาในโทรศัพท์ เขากรอกเสียงตอบไปว่า
“โอเค ผมจะกลับไปคืนนี้” แล้ววางสาย
ถึงแม้หญิงสาวจะเข้ามาในห้องโดยที่ไม่ได้ถูกรับเชิญ เย่เป่ยเฉิงก็ไม่ได้รู้สึกถูกรบกวนจากการปรากฏตัวของเธอ เขายังอารมณ์ค้างจากการคุยโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้
ที่ผ่านมาบทสนทนาระหว่างเขาและพ่อของเขามักจบด้วยคำพูดเผ็ดร้อนเสมอ เขาจึงคาดว่าวันนี้คงจบด้วยการทะเลาะเช่นเคย แต่น่าแปลกใจ ทัศนคติของพ่อของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไป นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อะไรทำให้พ่อเขาเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ?