“แคกๆ” เฉียวโม่หยูรู้สึกหายใจลำบากราวกับว่ามีผ้าห่มคลุมหน้าเธอไว้ขณะที่เธอกำลังนอนหลับ เธอฝืนลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก กระพริบตาไล่ความงุนงง ค่อยๆปรับสายตาที่เบลออยู่ให้โฟกัสกับภาพเบื้องหน้า แต่สิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอต้องตื่นตะลึง
ภาพเบื้องหน้าเธอคือบานกระจกใสใบใหญ่ พื้นที่เปิดโล่ง แสงแดดสาดส่องเข้ามายังห้องอันกว้างขวาง การตกแต่งภายในดูสะอาดตามีระเบียบ ไม่มีแม้แต่ฝุ่นละอองที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
ข้างๆเธอมีมือคู่หนึ่ง แขนยาวสีขาวถูกดึงขึ้นเผยให้เห็นกระดุมข้อมือที่สุดแสนจะดูดีมีรสนิยม ขณะที่กำลังชื่มชมแขนยาวคู่นั้น เฉียวโม่หยูได้เบนสายตาไปมองเจ้าของมือคู่นี้
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวกับประติมากรรมชั้นสูง สีหน้านั้นบึ้งตึง บ่งบอกถึงอารมณ์แปรปรวนของเจ้าตัว ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ทำให้คิ้วของเขาขมวดย่นเข้าหากันอย่างกับอ่างน้ำวน
เขาดูอารมณ์เสียสุดๆ แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและดูถูกเหยียดหยามเมื่อมองมายังหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาขณะนี้ รัศมีเปล่งประกายอันตรายนั้นทำให้เฉียวโม่หยูรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรเนี่ย? เธอสบถในใจ สมองของเธอประมวลผลอย่างรวดเร็ว รับรู้ได้ถึงแรงกดที่ลำคอ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอหายใจไม่ค่อยออก ทันใดนั้นเองเธอจึงตระหนักได้ว่าชายตรงหน้าเธอกำลังเอามือบีบคอเธออยู่!
เธอเหลือบมองดูแขนที่ข้างลำตัวของเธอ แขนของเธอช่างขาวซีด ที่ข้อมือสวมนาฬิกาไว้อยู่ เฉียวโม่หยูไม่รู้ว่านาฬิกานั้นยี่ห้ออะไร แต่มันต้องแพงมากแน่ๆ
นี่เธอกำลังฝันอยู่ใช่ไหม? ถึงแม้เธอจะเคยฝันว่าเธอหายใจไม่ออก แต่นั่นเป็นเพราะหน้าต่างถูกปิดอยู่ แต่ตอนนี้เธอกำลังฝันว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังบีบคอเธอ! นี่ความฝันของเธอมันพัฒนาขึ้นสินะ!
เฉียวโม่หยูเอามือตัวเองไปจับมือชายผู้นั้นให้ออกไปจากลำคอของเธอ แล้วตะโกนขึ้นว่า
“ปล่อยนะ นายกำลังบีบคอฉันอยู่!”
หลังจากที่เปล่งเสียงออกไป เธอก็ต้องตกใจอีกครั้ง
นี่ไม่ใช่เสียงของเธอแน่นอน! เสียงของเธอตอนนี้ฟังดูแปลกและมีเสน่ห์ ช่างน่ารังเกียจและช่างเย้ายวนในเวลาเดียวกัน
ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอปล่อยมือออกด้วยความรังเกียจ และตอบเธอด้วยเสียงที่เย็นชาราวกับพายุน้ำแข็ง
“เฉียวโม่หยู แม้แต่รองเท้าของโหรวฮวน เธอก็ยังไม่คู่ควรพอ ต่อให้เธอเปลือยกายต่อหน้าฉัน ก็ไม่ต่างจากหมูตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ!
เฉียวโม่หยูกระพริบตาด้วยความงุนงง
เธอรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงก้มลงมองดูร่างกายของเธอ
เพียงแวบเดียว ความรู้สึกนึกคิดเธอก็ระเบิด
เธอเปลือยกายล้อนจ้อนจากล่างขึ้นบน!
ทั้งๆที่เป็นเพียงความฝัน แต่ทำไมรายละเอียดมันถึงได้ชัดเจนแจ่มแจ้งไปถึงรูขุมขนแบบนี้เนี่ย สมองเธอกำลังจะระเบิด
เธอล้มตัวลงรีบปกปิดร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็ว เธอตกใจแทบสิ้นสติ พยายามทบทวนสถานะของเธอตอนนี้อย่างช้าๆ
เฉียวโม่หยู? โหรวฮวน? อย่างกับชื่อในเรื่องหยูโหรวฮวน?
เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ชื่อตัวละครในนิยายเรื่อง “ท่านประธานผู้ภักดีของราชินีจอแก้ว” ที่เธออ่านเมื่อคืนนี้หรอกเหรอ?
นางเอกคือ หยูโหรวฮวน ที่สุดท้ายกลายมาเป็นราชินีจอแก้ว และท่านประธานผู้แสนภักดีในเรื่องคือท่านประธานชิงอี้เฉิน
ดูเหมือนว่านางร้ายในเรื่องมีชื่อว่า เฉียวโม่หยู ผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับเธอเป๊ะ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ประเด็นคือตัวละครนี้เป็นคนไม่มีสมอง!!
เห็นได้ชัดว่าพื้นเพครอบครัวของเธอนั้นดีมาก และตัวละครนี้ก็เป็นหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่ง แต่เธอดันมาตกหลุมรัก ชิงอี้เฉิน พระเอกผู้ซึ่งไม่ได้พิศวาสเธอเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม
ชิงอี้เฉินและเฉียวโม่หยูต่างคนต่างรู้จักกันตั้งแต่เยาว์วัยจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กก็ว่าได้ เธอวิ่งไล่ตามเด็กหนุ่มผู้เปรียบเสมือนพระเจ้าตั้งแต่เธออายุ 13 จนอายุ 17 ปี
หลังจากที่เฉียวโม่หยูกลับมาบ้านหลังเข้ารับการรักษาบาดแผลไฟไหม้ที่ต่างประเทศ ชายหนุ่มเริ่มแสดงท่าทีเย็นชาและหมางเมิน จนกระทั่งห้าปีให้หลังเธอถึงได้รับรู้ว่าชายหนุ่มที่เธอหลงรักได้พบกับนางเอกและตกหลุมรักหล่อนตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ
นอกจากนี้นางเอกอย่างโหรวฮวนยังได้บอกชายหนุ่มว่า ตัวเธอนั้นถูกลักพาตัวตั้งแต่เธอเด็กและถูกบังคับให้ต้องพัดพรากจากพ่อแม่ตัวจริง เธอขอร้องให้เขาช่วยตามหาครอบครัวของเธอ ผลปรากฏว่า พระเอกค้นพบความจริงที่ถูกซ่อนอยู่เบื้องหลังครอบครัวของเฉียวโม่หยู ว่าแท้จริงแล้วนางเอกคือลูกสาวตัวจริงของตระกูลเฉียว
ไม่เพียงแค่นั้น นางเอกยังได้หวนกลับคืนสู่อ้อมกอดพ่อแม่ตัวจริงอย่างเป็นทางการและกลายเป็นเจ้าหญิงของตระกูลเฉียว ขณะที่เฉียวโม่หยูตกอันดับจากลูกสาวคนโปรด เธอจึงรู้สึกอิจฉาและต่อต้านนางเอกอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายถูกขับไล่ออกจากตระกูล
ชายหนุ่มที่เธอหลงรักตั้งแต่เด็กถูกแย่งไปโดยผู้หญิงที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ครอบครัวของเธอก็ถูกพรากออกไปโดยผู้หญิงคนเดียวกัน นี่คือสาเหตุที่ทำให้หัวใจของเฉียวโม่หยูดำมืด