Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 16 : ลิ้มรสไวน์ (4))

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 16 : ลิ้มรสไวน์ (4)

  • 14/08/2564

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 ที่กู้เหนียนจื่อมีอาการโคม่า 

 

“เธอหายไข้หรือยัง” ฮัวเฉาเหิงยืนอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง ซึ่งตามปกติเขาไม่ได้เข้าไปในห้อง เขาหยิบบุหรี่หนึ่งซองออกจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะดึงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วใส่เข้าไปในปากของเขา ตามด้วยจุดไฟอย่างช่ำชองแล้วหายใจเข้าหนึ่งครั้งและพ่นควันออกมาเป็นวง “พรุ่งนี้เธอจะตื่นไหม”

 

“เริ่มเป็นห่วงแล้วเหรอ? คุณรู้สึกกังวลขึ้นมาแล้วสินะ” เฉินหลายพูดยียวนใส่เจ้านายของเขาและโบกมือเพื่อพยายามปัดควันบุหรี่ที่ม้วนตัวในอากาศ เขาตรวจพบรังสี่ฆ่าฟันจากอีกฝ่ายโดยไม่คาดคิดหลังจากพูดยั่วอารมณ์เจ้านาย เขาจึงรีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ต้องกังวล ๆ คุณไปทานข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยสูบบุหรี่ดีไหม”

 

ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบแล้วซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง ขณะที่อีกมือหนึ่งถือบุหรี่ เขาเหลือบมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดครึ้มนอกหน้าต่างโดยไม่ขยับเขยื้อน

 

“ฉันไม่ได้กังวล” ฮัวเฉาเหิงสะบัดปลายบุหรี่แล้วพูดว่า “ถ้าไข้ของเหนียนจื่อไม่หาย เราควรพาเธอไปโรงพยาบาลดีไหม?”

 

"โรงพยาบาล? ทำไมคุณถึงอยากจะพาเธอไปที่นั่นในเมื่อคุณมีหมออยู่ที่นี่อยู่แล้ว” ผู้เป็นหมอใช้น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “ทุกที่ที่ผมอยู่ ที่นั่นจะมีการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด!”

 

“แล้วทำไมเธอถึงยังเป็นไข้อยู่ล่ะ ทำไมเธอยังไม่ตื่น”

 

คำถามของนายพลหนุ่มตรงประเด็นจนหมอหนุ่มโต้เถียงไม่ออก เพราะความเก่งกาจทางการแพทย์ของเขานำมาใช้กับเคสนี้ไม่ได้

 

 

ในเวลาเดียวกัน ณ บ้านตระกลูเฟิงในเขตเต๋อซิน เมือง C นั้นเต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวาย

 

เฟิงกั๋วตง พ่อของเฟิงอี้ซีได้เห็นการรายงานข่าวออนไลน์อย่างกว้างขวางและความโกรธของเขาเกือบทำให้เขาหัวใจวาย เขาตวาดภรรยาของเขา หูเฉียวเจิน ว่า “ดูสิ่งที่หลานชายของคุณทำสิ! ลูกสาวของเราที่เชื่อฟังและเป็นเด็กเรียนดีมาตลอด เธอทำอย่างนั้นได้ยังไง”

 

ดวงตาของหญิงวัยกลางคนบวมแดงจากการร้องไห้ ด้านหนึ่งเธอกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่ลูกสาวของเธอเผชิญและอีกด้านหนึ่งเกี่ยวกับหลานชายของเธอซึ่งตอนนี้เป็นผู้กระทำผิดหลัก เธอตะโกนกลับไปหาสามีของเธอว่า “หลานชายของฉันก็ถูกใส่ร้าย! ทั้งเขาและอี้ซีต่างก็ตกเป็นเหยื่อ!”

 

“เขาเป็นเหยื่อเหรอ?” ผู้เป็นสามีชี้ไปที่ประตู ใบหน้าของเขาซีดเผือด “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเสพยา! ผมได้เห็นกับตาเมื่อไม่นานนี้เอง! และตอนนี้คุณกำลังบอกผมว่าเขาถูกใส่ร้ายอีกเหรอ?! เขาเป็นคนมอมเมาลูกสาวของเรา! ทั้งครอบครัวของเขาหลอกอี้ซี!”

 

“เฟิงกั๋วตง คุณมีจิตสำนึกอยู่หรือเปล่า? ครอบครัวของพี่ชายฉันจะทำร้ายอี้ซีได้ยังไง? พี่ชายและภรรยาของเขาปฏิบัติต่ออี้ซีดีกว่าลูกสาวของพวกเขาเองเสียอีก คุณดูถูกครอบครัวฉันขนาดนั้นเลยเหรอ!” หูเฉียวเจินปกปิดความผิดพลาดของครอบครัวของเธอเพราะผิดหวัง เธอจึงรีบโต้กลับทันทีที่สามีกล่าวหาฝ่ายครอบครัวของเธอเอง

 

ตอนนี้เฟิงอี้เฉินยืนอยู่ด้านข้าง คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอทนฟังไม่ไหวแล้วขัดจังหวะการทะเลาะของพ่อแม่ของเธอ “ป๊าม้าคะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโทษกันนะคะ เราต้องรีบโทรหาทนายหยานเพื่อพาอี้ซีและชวนซินออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย”

 

คำพูดของหญิงสาวทำให้คนเป็นพ่อและแม่หยุดไป แต่พวกเขาจ้องมองกันอย่างไม่ลดละ ก่อนที่ทั้งสองจะหันไปมองลูกสาว “อี้เฉิน รีบไปหาทนายหยาน พาเขาไปที่สถานีตำรวจเพื่อพาน้องสาวและลูกพี่ลูกน้องของลูกออกมา”

 

เฟิงอี้เฉินส่ายหัว “ม้า...ม้าพาป้ากับทนายหยานไปที่สถานีตำรวจเถอะค่ะ หนูยังมีเรื่องต้องคุยกับป๊า”

 

“อะไรจะสำคัญไปกว่าน้องสาวและลูกพี่ลูกน้องของลูกอีก” หูเฉียวเจินไม่พอใจอย่างมาก เธอชี้นิ้วไปที่ลูกสาวของเธอและกรีดร้อง “เข้าใจไหมว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นอยู่!”

 

หญิงสาวหลับตาลงชั่วครู่ เธอส่งโทรศัพท์ที่เธอถืออยู่ขณะที่เธอพูดว่า “แน่นอนค่ะ แต่มีบางอย่างที่สำคัญกว่านั้น ดูนี่สิคะ”

 

เฟิงกั๋วตงและหูเฉียวเจินเอนตัวไปดูหน้าจอในมือของอีกฝ่าย 

 

พวกเขาเห็นโพสต์งานเอ็กซ์โปที่ได้รับความนิยมอย่างมากในฟอรัมออนไลน์แห่งหนึ่งของประเทศ โดยมีหัวข้อโพสต์ว่า ‘มาเม้าเรื่องเพื่อนร่วมชั้นของฉันกัน—คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย C สาวสวยชั้นปีที่ 4 เฟิงอี้ซี’ นอกจากโพสต์นี้จะเปิดเผยชื่อและตัวตนของเธออย่างชัดเจนแล้ว มันยังรวมถึงประวัติครอบครัวของเธออย่างละเอียดด้วย แม้กระทั่งข่าวที่ว่าธุรกิจของตระกูลเฟิงซึ่งก็คือบริษัทเฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์ กำลังจะเข้าสู่ตลาดหุ้น

 

การปล่อยข่าวนี้ให้แพร่ออกไป จะทำให้บริษัทที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดหุ้นมีปัญหา เพราะจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือและหุ้นที่กำลังจะขายออกไปมีราคาต่ำลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการจัดการกับปัญหาเรื่องนี้ก่อน

 

แต่มีคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับเบื้องหลังของบริษัทเฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์ ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดหุ้นในทันที

 

ใบหน้าของหูเฉียวเจินซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เธอคว้าโทรศัพท์ของลูกสาวมาแล้วสบถด่าด้วยความโมโห “ไร้สาระ! นี่มันไร้สาระมาก! คนพวกนี้สร้างข่าวลือมามั่วซั่ว ครอบครัวของเราต่างหากที่ถูกใส่ร้าย!”

 

เฟิงกั๋วตงมีสีหน้าตื่นตระหนก “เราควรทำยังไงดี? ถ้าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทเฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์ที่กำลังเปิดตัวในตลาดหุ้น เราจะได้รับผลกระทบหนักมาก!”

 

“ป๊าคะ” เฟิงอี้เฉินกล่าว “อยู่กับหนูที่นี่ หนูมีเพื่อนที่พอจะช่วยได้และพวกเขามีคอนเนคชั่นกับบริษัทหวังหลัวซุยจวิน[1] เราจะใช้เงินบางส่วนมาเพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงของเรา นอกจากนี้เราจะจ่ายเงินให้เฉียนโตวเพื่อบล็อกการค้นหาทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ เพราะฉะนั้นมันจะไม่เป็นไร ขอแค่ข่าวพวกนี้ไม่ขึ้นในช่องค้นหาก็พอ”

 

หญิงสาวค่อนข้างคุ้นเคยกับโลกออนไลน์ แม้ว่าเธอจะยังเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย C และกำลังจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ดังนั้นเธอจึงรู้จักคนบางคนที่ทำมาหากินทางออนไลน์อยู่บ้าง

 

ปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวมีความสำคัญเหนือชื่อเสียงส่วนตัวของเฟิงอี้ซี ตอนนี้ครอบครัวต้องเลิกทะเลาะกันก่อนและตกลงกันอย่างรวดเร็ว

 

หูเฉียวเจินจะพาทนายความหยานพร้อมกับพี่น้องของเธอไปที่สถานีตำรวจเพื่อพาตัวสองคนนั้นออกมา ส่วนเฟิงกั๋วตงและเฟิงอี้เฉินจะอยู่บ้านและติดต่อกับหวังหลัวซุยจวิน และจะติดต่อกับแผนกวางแผนของ เฉียนโตวเพื่อควบคุมคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง

 

แม้ว่าสองพ่อลูกจะโทรหาทั้งสองฝ่าย แต่พวกเขาพบว่าไม่ใช่บริษัทเดียวที่ต้องการรับงานนี้ แม้ว่าเฉียนโตวจะตกลงจัดการข้อความที่ค้นหา ให้ แต่พวกเขาก็เสนอราคาที่สูงเกินไป

 

“50 ล้าน!? ไปตายซะ ไป๊!” เฟิงกั๋วตงโยนโทรศัพท์ของเขาทิ้งอย่างเกรี้ยวกราด เขาทึ้งหัวของตัวเองและร้องไห้ออกมาดัง ๆ

 

...

 

คืนนั้นที่เมือง C มีหลายคนกำลังนอนไม่หลับ ซึ่งคืนนี้เป็นคืนที่ฮัวเฉาเหิงนอนไม่หลับอีกคืน เมื่อแสงแดดยามเช้าส่องผ่านเข้ามา เขาเปิดม่านในห้องอ่านหนังสือแล้วพบว่าข้างนอกมืดครึ้มและมีฝนตกปรอย ๆ ปกติแล้วฝนฤดูใบไม้ผลิมีค่าเท่ากับน้ำมัน ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อนเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในเมือง C แต่เขาไม่สนใจที่จะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์นี้

 

ตอนนี้ก็ผ่านไปวันที่ 3 แล้ว

 

“เฉินหลาย เหนียนจื่อตื่นหรือยัง” ผู้ปกครองหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำไปที่ห้องนอนแขกหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาถามในขณะที่กำลังเป่าผมให้แห้ง

 

ผู้เป็นหมอกำลังถือกล่องยาระหว่างที่เขาออกจากห้องนอนและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เธอยังมีไข้สูง ผมโทรหาหมออี้เพื่อมาเจาะเลือดเธอไปตรวจแล้ว”

 

ชายร่างสูงขมวดคิ้วแน่นแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเป็นแบบนี้มาโดยตลอด ยิ่งเผชิญกับความยากลำบากมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสงบสติอารมณ์ได้มากเท่านั้น หลายคนกล่าวว่าเขามีวิถีของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขาว่าเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นพลตรีตั้งแต่อายุยังน้อย นี่เป็นเพราะยศทหารของเขาแลกมาจากหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อของเขา

 

ในขณะที่นั่งรับประทานอาหารเช้า ฮัวเฉาเหิงได้เรียกเจี้ยวเลี่ยงจื่อมาหา “ย้ายแผนเดิมมาเร็วขึ้นอีก 1 วัน”

 

1 ชั่วโมงต่อมา นายพลหนุ่มนั่งอยู่ในรถเก๋งไครสเลอร์สีเงิน รถคันนี้มีราคากลาง ๆ และเป็นรถที่โดดเด่นน้อยที่สุดที่จอดอยู่ใกล้กับบริษัทเฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์ ซึ่งกลมกลืนกับรถยนต์ที่มีสีและรุ่นใกล้เคียงกัน เขานั่งที่เบาะหลังและมองดูตึกสูง 30 ชั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนอย่างเงียบ ๆ

 

บริษัทเฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์อยู่ในชั้นที่ 1 ถึงชั้น 5 ของอาคารสูงนี้ แน่นอนว่าบริษัทนี้ไม่ใช่บริษัทขนาดเล็ก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สุดโต่งมากที่จะตั้งบริษัทให้มีมาตรฐานพอที่จะเป็นบริษัทมหาชนได้

 

เจี้ยวเลี่ยงจื่อนั่งอยู่ที่เบาะหน้าและบรรยายสรุปให้เจ้านายทราบถึงการค้นพบของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์นี้กับบริษัทเฟิงถิง โฮม อิมพรูฟเมนท์ “บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นมานานกว่า 30 ปีแล้วครับ แต่ยังมีขนาดเล็กอย่างน่าประหลาดใจ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พวกเขาได้ระดมทุนเพื่อเข้าตลาดหุ้น และได้รับเงินกู้จากธนาคารรายใหญ่มาช่วยสนับสนุน”

 

ก่อนที่เขาจะรายงานเสร็จ ก็มีรถตู้ขับมาจอดอยู่หน้าอาคารฝั่งตรงข้ามถนน ก่อนที่ชายหลายคนในชุดเครื่องแบบตำรวจสีขาวและชุดรักษาความปลอดภัยจะออกจากรถและเข้าไปในอาคาร แต่ฮัวเฉาเหิงยังคงนิ่งเฉยขณะที่เขาเอนหลังพิงเบาะนั่ง ดวงตาของเขาหม่นลงเมื่อเขามองดูฉากที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน

 

[1] หวังหลัวซุยจวิน หรือ Internet Water Army เป็นกลุ่มของโกสต์ Internet แบบจ่ายเงินเพื่อโพสต์ความคิดเห็นออนไลน์พร้อมเนื้อหาเฉพาะ หวังหลัวซุยจวินถือกำเนิดขึ้นในต้นปี 2010 ผู้โพสต์แบบชำระเงินเหล่านี้สามารถโพสต์ข่าวสารความคิดเห็นซุบซิบข้อมูลบิดเบือนบนแพลตฟอร์มออนไลน์บางประเภทเช่น Weibo, WeChat และ Taobao ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่คล้ายกับ eBay ของจีน 

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://hmong.in.th/wiki/Internet_Water_Army

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป