Your Wishlist

ไม่มีคำตอบ...จากหัวใจ (ตอนที่ 1 .. “ บันทึกใจ ”)

Author: วีณา

เมื่อความรักที่ได้มันไม่ได้มาจากหัวใจ นับประสาอะไรกับความมั่นคงที่จะตามมา ถ้าความรักและความปรารถนามันมาจากเงินตรา สิ่งที่ตามมามันก็คงคือเกมส์ เกมส์ของชีวิต รักแท้อยู่ที่ใด คำตอบอยู่ที่ไหน หามันให้เจอ

จำนวนตอน :

ตอนที่ 1 .. “ บันทึกใจ ”

  • 08/07/2564

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย ไม่มีคำตอบ...จากหัวใจ

    เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น .. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. วีณา

Apache - The Shadows (2004 Digital Remaster)

https://www.youtube.com/watch?v=5PtsRNcw26k

ขอขอบคุณ วง The Shadows จาก ค่าย UMG (ในนามของ Mercury Studios) ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

ตอนที่ 1 .. “ บันทึกใจ ”

   สายลมพัดพลิ้วไหวพัดอ่อนๆเย็นสบาย ต้นหญ้าเอนลู่ลมไปพร้อมดอกหญ้าที่ปลิวกระจาย ดอกไม้และสายธารช่างสวยงามเสียจริง แต่ในธรรมชาติอันสวยงามนั้น ก็ยังมีสิ่งที่เศร้าหมองแอบแฝงอยู่ บุรุษผู้หนึ่งนั่งนิ่งเงียบ เปรียบเสมือนเขานั้น มีไฟสุมอยู่ในใจท่ามกลางป่าใหญ่ที่อาศัยอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีเสียงเพลงขับกล่อมบรรเลงกลางแค้มป์ไฟ ที่ก่อเอาไว้กับอากาศและลมหนาวตามฤดูของมัน

< ชาวดง – The Impossibles ดิอิมพอสซิเบิล > https://www.youtube.com/watch?v=AENm_E3XjH4

%%%%%% ----- %%%%%%

     รุ่งเช้าวันใหม่ อรุณรุ่ง แสงยามเช้าส่องลงมากระทบกับพื้นฟาร์มและไร่ ธรรมชาติที่สวยงาม หาดูได้ยากจริงๆ <อ๊อดๆๆๆ>

“เดี๋ยวๆมาแล้วครับ มาแล้ว” นรากรหรือกุ้ง งัวเงียขึ้นมา หลังจากที่เมื่อคืน นั่งสังสรรค์กับบรรดาลูกจ้างในฟาร์มจนดึก          

“จดหมายกับพัสดุ เซ็นต์รับด้วยครับ” บุรุษไปรษณีย์ ยื่นจดหมายและพัสดุให้

“ครับ นี่ครับ ขอบคุณครับ..ของใครนะ จากไหนเนี่ย” หลังจากบุรุษไปรษณีย์ไป กุ้งปิดประตู เดินเกาหัวตามประสาหนุ่มเซอและหาว

     กุ้งพลิกจดหมายและดูที่ไปที่มาจากกล่องพัสดุ เขายังไม่สนใจ เพราะพึ่งตื่น จึงวางทุกอย่างไว้ที่โต๊ะรับแขก แล้วก็เดินกลับเข้าห้องเพื่อไปอาบน้ำ และจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน หันไปดูเวลาที่ข้างฝา “ 8 โมงครึ่ง” จากนั้นกุ้งก็เปลี่ยนชุดและเดินเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้นก็ออกมาหาอะไรทาน ยังไม่ได้สนใจอะไรกับสิ่งของที่บุรุษไปรษณีย์เอามาส่งให้เมื่อเช้านี้

     หลังจากที่ทานอะไรจนอิ่ม เขาเกือบลืมไปเลยว่ามีพัสดุส่งมา พอเดินผ่านจะออกไปลุยงานที่ด้านนอกจึงเหลือบมาเห็นเข้า จึงหยุดมองกล่องพัสดุนั้น แล้วก็หยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่านทันที กุ้งยืนอ่านอยู่พักใหญ่ จึงเดินหาที่นั่งแถวๆนั้น

“พี่กุ้ง ขณะนี้ดาวอยู่ที่ ออสเตรเลีย เรื่องของเราทั้งสองนั้น ดาวเสียใจด้วย ดาวไม่สามารถจะติดสินใจได้ ในเมื่อครอบครัวของดาวกำลังจะพินาศ ดาวก็ต้องยอมทำ ทั้งที่ใจไม่อยากทำ ดาวหวังว่าพี่คงจะเข้าใจนะ พี่คงไม่โกรธดาวนะคะพี่ ดาวยังรักพี่อยู่เสมอจากใจจริงค่ะ ของที่ส่งมาด้วยนั้น ดาวขอมอบให้พี่ด้วยใจจริง เป็นสิ่งที่พี่และดาวเคยฝันเอาไว้ แต่มันก็ไม่สามารถเป็นจริงได้ แต่ถึงอย่างไร ถึงจากกันแสนไกล ก็ขอให้เหลือสิ่งของหรือความสัมพันธ์ของเราไว้ดูต่างหน้าบ้างก็ยังดี จริงไหมคะพี่ สิ่งนี้คงเป็นสิ่งเดียวที่ดาวคิดว่ามันคงจะไถ่บาปของดาวได้ค่ะพี่ ดาวขอฝากหัวใจของดาวไว้กับพี่ด้วยของสิ่งนี้นะคะพี่ ดาวสบายดี พี่หละคงสบายดีนะ ขอให้พี่กุ้งจงมีความสุขตลอดไปนะ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะพี่ ..รักพี่กุ้งเสมอ ..จากใจจริง ..ดาว”

     กุ้งวางจดหมายลงอย่างช้าๆและหันไปแกะกล่องพัสดุขนาดกลางที่ส่งมา เมื่อเปิดออก สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าและสายตาของเขาก็คือ บ้านจำลอง 2 ชั้น สวยงามมาก มันเป็นบ้านในฝันของเขาและดาวที่เคยคุยกันเอาไว้เล่นๆตอนที่คบกัน และที่หน้าบ้านของแบบบ้านจำลองนั้นเขียนเอาไว้ว่า “กุ้ง+ดาว” จากนั้นกุ้งก็นั่งซึมเศร้าไปเหมือนเดิม

     กุ้งเก็บของทุกอย่างลงกล่อง พร้อมจดหมายและถือกล่องใบนั้น ไปโยนเก็บมันเอาไว้ในห้องเก็บของหลังบ้านที่แสนจะรกรุงรัง ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะ มันคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วสำหรับเขากับสิ่งที่ดาวส่งมา หลายปีที่ดาวจากเขาไป จู่ๆก็มีพัสดุนี้ส่งกลับมาให้ แทนที่จะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น กลับทำให้เลวร้ายลงมากกว่า แทนที่จะลืมได้กลับต้องมาตอกย้ำและทำให้เสียใจมากขึ้นอีกหลายเท่า

***** >>><<< *****

     โชติรสหรือโรส สาวน้อยวัยรุ่น สาวงามลูกสาวคนเดียวของอภิมหาเศรษฐีคนหนึ่งของประเทศไทย กำลังหอบหิ้วถุงเสื้อผ้าและอย่างอื่นอีกมากมายหลายอย่าง เต็มไม้เต็มมือไปหมด จนพี่เลี้ยงเดินตามมาหิ้วของให้ไม่ทัน เพราะนางเดินไวมากกำลังเพลินกับการ Shopping หลังจากที่ไม่ได้ออกมาสู่โลกภายนอกนาน..มาก เนื่องจากคุณพ่อบังคับให้ไปเรียนทำอาหารทุกชนิด กว่าจะจบคอร์ส ก็เล่นเอานางบ่นอุ๊บไปหลายวัน หลังจากปิดคอร์สเมื่อวาน วันนี้นางก็เลยออกฤทธิ์ออกเดชทันที เพราะชีวิตนี้เป็นอิสระแล้ว

“เร็วๆซิพี่ช้าจัง ของหนักนะคะ” โรสตะโกนบอกพี่เลี้ยงที่ช่างอึดอาดเชื่องช้าเสียแท้ พี่เลี้ยงเข็นรถเข็นมาอย่างช้าๆ ขนมนมเนยทั้งนั้น

     จะไม่ให้ช้าได้ไง ก็นางเล่น Shop จนพี่เลี้ยงไม่มีมือจะถือแล้ว ถ้าใช้ปากคาบได้ พี่เลี้ยงคงจะทำ “มาแล้วค่า มาแล้ว” โรสหยุดกระทันหันแล้วหันไปถาม พี่เลี้ยงที่อึด บึก ถึก “พี่พิณ แล้วนมพลอยหละ นมพลอยไปไหน ทำไมหนูถึงไม่เห็นเดินตามมา”

     พิณเดินชนโรสอย่างจังไม่แรงมาก เพราะไม่ทันได้ดู โรสเซไปนิดนึง “อะไรของพี่เนี่ย เดินไม่ดูทางเลยรึไง ถึงได้มาชนหนูหนะ”

“ขอโทษค่ะคุณหนู” พิณนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้นแบบไม่ห่วงสวยแล้ว เพราะข้าวของที่ถือมา กระจุยกระจาย ตกอยู่กับพื้นเต็มไปหมด

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปดูที่ห้องน้ำให้นะคะ เผื่อนมแกจะปวดเบา เมื่อกี้เห็นแกบ่นๆอยู่”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวแกก็คงมา ขืนตามกันไปตามกันมาแบบนี้ วันนี้ไม่ต้องได้กลับบ้านกันพอดี เดี๋ยวหนูโทรบอกแกเองว่าให้ไปเจอกันที่รถเลยก็แล้วกัน รีบเก็บของเถอะพี่ ดูซิหนะ เกลื่อนกราดไปหมดแล้ว คนจะเหยียบของหนูพังหมด ไปไป เร็ว” พิณพยักหน้า

     ดีนะที่ไม่มีของที่แตกง่าย มีแต่ถุงเสื้อผ้า รองเท้า ครีมกันแดดและพวกเครื่องประทินผิวที่เป็นหลอดพลาสติกทั่วไป พิณรีบหันเก็บของที่ตกเกลื่อนกราดใส่รถเข็นบางส่วน โรสวางที่เธอถืออยู่ทั้งหมดให้พิณด้วย พิณจึงเก็บขึ้นมาแล้วยัดใส่รถเข็นและรีบเข็นออกจากตรงนั้นตามเจ้านายไปยังที่จอดรถทันที แต่เนื่องจากโรสเดินเร็วมาก ประกอบกับกำลังโทรศัพท์บอกนมพลอยและก้มหยิบหากุญแจรถในกระเป๋า เลยไม่ทันได้ดูว่าข้างหน้าเธอนั้นมีอะไรหรือใครอยู่บ้าง

     ทำให้โรสเดินชนเข้ากับนรากรอย่างจัง ซึ่งขณะนั้นนรากรเองกำลังยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่หลังจากที่จอดรถเสร็จ และเปิดประตูออกมาจากรถแล้วไม่ได้เดินไปไหนเลย โรสล้มเอนไปทางด้านหลัง มือซ้ายเจอกุญแจรถพอดี ส่วนมือขวาที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่นั้น จำเป็นต้องปล่อยอย่างกะทันหันเพราะกระแทกแรงมาก โทรศัพท์กระเด็นตกลงพื้นทันทีอย่างแรง จนหน้าจอแตกใช้การอะไรไม่ได้เลย จึงทำให้กระเป๋าสตางค์ของโรสกระเด็นออกมาด้วย ตกลงกับพื้นกลิ้งไปอยู่ใต้ท้องรถของนรากรโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน พิณเดินเข็นรถตามมาทันพอดี จึงรีบวิ่งเข้าไปดึงและประคองโรสขึ้นมาทันที พร้อมกับเก็บโทรศัพท์ที่แตกพังยับขนาดนั้นขึ้นมาให้ด้วย

“คุณหนู เป็นยังไงบ้างค่ะ” โรสสะบัดแขน สะบัดตัวอย่างแรง แล้วเอามือชี้หน้านรากร ด่าเป็นชุด ทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ

“คุณเดินยังไงของคุณ ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยรึไง เห็นไหมชนฉันอย่างแรงจน โทรศัพท์ฉันแตกพังยับเยินขนาดนั้น ใช้การอะไรไม่ได้เลย ว่าไงจะชดใช้ยังไงบอกมา เร็วฉันรีบ” นรากรงงมาก อะไรวะ ตัวเองยืนอยู่เฉยๆ แล้วจู่ๆก็มีใครไม่รู้มาโยนขี้ใส่เข้าให้

     นรากรรีบออกตัว ยื่นมือทั้งสองข้างของเขาออกไปห้ามทัพเพื่อขอหย่าศึก ก่อนที่อะไรๆมันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้

“เดี๋ยวครับคุณ หยุด หยุด หยุดโวยวายก่อน” โรสมองหน้านรากร

“ทำไม จะแก้ตัวอะไร อย่าบอกนะว่า จะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นหนะ อะไรหน้าตาก็ดี แต่นิสัยแย่มาก”

     พิณพยายามสะกิดโรสเพื่อจะบอกว่า เราหนะผิด แต่โรสไม่ยอมฟังใครเลย จนโรสต้องตวาดพิณ

“อะไรพี่ สะกิดอยู่ได้ เห็นไหมหนะ ว่าหนูเกิดเรื่องอยู่ แทนที่จะมาช่วยกัน อะไรสะกิดอยู่ได้ น่ารำคาญ”

     พิณเงียบเลยไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อและเดินจากไปเลยทันที โรสหันไปต่อว่านรากรอีกเป็นรอบที่ 3

“ว่าไง” โรสยืนกอดอก นรากรไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไงดี จึงพูดขึ้นมาแบบนิ่มๆเรียบๆ

“คุณต่างหากที่เดินมาชนผมเอง ไม่รู้ว่าจะรีบไปตามควายที่ไหน จึงไม่ได้มองทางหรือใครที่ไหนเลย ผมยืนของผมเฉยๆอยู่ตรงนี้ อยู่ดีๆ คุณเองนั่นแหละที่โผล่มาจากทางไหนไม่รู้ มาชนผมต่างหาก” โรสชี้หน้านรากรอีกครั้งแบบฉุนๆ เพราะนรากรไม่ยอมรับผิด

“ยังอีก ดู ดูความหน้าด้านของมัน พ่อแม่พี่น้อง ดูกันเอาเองนะ ผู้ชายคนนี้ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด”

     คนมามุงดูกันเพียบ นมพลอยรอนานมากแล้วที่รถทำไมโรสถึงไม่ยอมเดินมาสักที จนรอไม่ไหวจึงเดินแหวกผู้คนเข้าไปเพื่อบอกความจริงกับโรส เพราะจะได้กลับบ้านเสียที แต่ก็เข้าไม่ถึง เพราะไทยมุงเยอะมาก นรากรยืนกอดอกฟังโรสสาธยายให้สาแก่ใจก่อน

“ดูมัน จำหน้ามันเอาไว้เลยนะคะ พ่อแม่พี่น้อง เดินมาชนเค้า ทำของเค้าพังแตกเสียหาย ไม่ยอมรับ แถมยังจะมาใส่ร้ายคนอื่นเค้าอีก ปัดความรับผิดชอบ แบบหน้าด้านๆ หน้าไม่อาย ดูสารรูปซิ สงสัยคงไม่มีปัญญาจ่ายหละมั้ง แค่โทรศัพท์ ไม่รู้ว่าจะมีจ่ายหรือเปล่า ไอโฟนหนะรู้จักไหม ไอโฟน สองหมื่นสี่ รุ่นใหม่ล่าสุด กลายเป็นเศษไปแล้ว ดูทำหน้าเข้า ท่าทางจะมาจากบ้านนอก เสื้อยืด กางเกงวอมล์ รองเท้าแตะ ผมเพ้ารุงรังขนาดนี้ ยังอยากจะแฮ่นมาเดินห้างอีก ช่างไม่ดูน้ำหน้าตัวเองเลย โธ่..ไอ้ชนบท ”

     โรสเล่นด่าไปชุดใหญ่ นมพลอยเดินเข้ามาถึงตัวพอดี “ทำอะไรหนะคุณหนู” โรสหันมาหน้าบูดๆ

“นมพลอย มาก็ดีแล้ว หนูต้องขอโทษที ที่เมื่อกี้เงียบหายไป เพราะไอ้เนี่ย ไอ้ผู้ชายหน้าด้านนิสัยไม่ดีคนนี้ มันเดินมาชนหนูทำให้หนูล้มลง จนโทรศัพท์หนูตกแตกพังหมดเลยเนี่ยเห็นไหม ให้มันรับผิดชอบมันก็เงียบไม่พูดอะไรเลย นมรอแป๊บ ขอถามให้รู้เรื่องก่อน”

    โรสหันหน้ามาทางนรากร “ว่าไง ถ้าพูดตกลงกันไม่ได้ ไม่รู้เรื่อง ก็คงต้องถึงตำรวจกันหละ ว่าไง จะชดใช้หรือจะเข้าคุก” นมพลอยสะกิดเหมือนกับที่พิณสะกิด โรสหันมาแต่ไม่ได้ตวาด เพราะเกรงใจ แค่ไม่พอใจนิดหน่อย

“อะไรนม สะกิดอีกแล้ว หนูบอกว่าแป๊บนึง ขอ Clear กับไอ้นี่ก่อน เดี๋ยวมันก็หนีกันก่อนพอดี” นรากรยืนฟังนานแล้ว จึงพูดบ้าง

“ผมไม่หนีหรอก ว่าแต่คุณอย่าหนีก็แล้วกัน ตกลงว่าจะถึงตำรวจใช่ไหม ได้ งั้นเรามาดูกันว่าใครผิดใครถูก”

     นรากรกวักมือเรียก รปภ.ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ซึ่งเห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด โรสยืนยิ้มกอดอกอยู่ ย่ามใจว่ายังไงตัวเองก็ถูก จะเรียกใครมาก็เชิญ รปภ.วิ่งเข้ามา ยืนตะเบ๊นรากร “สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”

“คือคุณคนนี้เขาบอกว่า ผมหนะเป็นฝ่ายผิดที่เดินชนเขาจนโทรศัพท์เขาหล่นแตกเสียหาย พี่ รปภ.ยืนทำหน้าที่อยู่ตรงบริเวณนี้ ช่วยบอก ช่วยบอกความจริงกับเหตุการณ์ที่พี่เห็นให้เขาฟังหน่อยจะได้ไหมครับ” รปภ.ตะเบ๊นรากรอีกครั้ง “ได้ครับ”

     แล้วรปภ.วัยกลางคนก็หันไปอธิบายให้กับโรสฟังอย่างละเอียด “คุณคนนี้เขายืนอยู่ตรงนี้เฉยๆนานแล้วครับ เพราะผมเป็นคนนำรถของคุณคนนี้เข้าซองด้วยตัวของผมเอง พอจอดเสร็จ คุณคนนี้ก็ลงมา แล้วให้ติ๊บผมอีกด้วย นี่ไงครับตั้ง 100 บาท และก็ไม่ได้เดินไปไหนเลย ผมยืนดูอยู่นานแล้ว ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคุณผู้หญิงถึงไปยืนด่าคุณผู้ชายคนนี้อยู่ฝ่ายเดียว ทั้งๆที่คุณเองหนะเป็นคนผิด คุณนั่นหละครับ ที่เป็นฝ่ายเดินมาชนเขาเอง เดินก้มหน้าก้มตาหาอะไรก็ไม่รู้ ถ้าไม่เชื่อ จะดูวงจรปิดก็ได้นะครับ พอดีตรงนั้นมีกล้องพอดี นั่นไงครับ” รปภ.ชี้ที่กล้อง โรสหันไปดู

“ไม่จริงหนะ แกเข้าข้างกัน รู้จักกันหละซิ สงสัยพวกเดียวกัน” โรสยังคงดื้อ จนนมพลอยต้องเอ่ยปากออกมาเอง

“จริงค่ะ คุณหนูผิด” โรสหันไปมองหน้านมพลอย

“นม อะไรนะ นมพูดอะไร” นมพลอยมองหน้าคุณหนูขี้วีนที่ชอบเอาแต่ใจตัวเอง นานๆจะมีคนที่ไม่ยอมนางซะที โดนซะบ้าง

“ก็นมเห็นทุกอย่าง เหมือนอย่างที่พ่อหนุ่ม รปภ.เล่ามานั่นแหละ ถูกต้องหมดทุกประการ นมยืนอยู่ตรงโน้น เห็นชัด ตอนที่กำลังยืนโทรศัพท์คุยกับคุณหนูอยู่ นมก็นึกว่าพอเกิดเรื่องคุณหนูจะรีบมา เพราะเราเป็นคนผิด แค่ขอโทษกัน มันก็จบแล้ว นี่อะไร เล่นเอารอนานจนนมปวดขาไปหมดแล้ว คุณหนูเราเป็นฝ่ายผิด คุณเขายืนอยู่เฉยๆ แล้วคุณหนูไปด่าไปว่าเขาได้ยังไง เอาสมองส่วนไหนมาคิด”

     โรสโดนนมพลอยสวดยับและสั่งสอนกัณฑ์ใหญ่ จนโรสเองทำตัวไม่ถูกแล้ว เพราะเล่นด่าเขาไปชุดใหญ่เลย ขายหน้าเขาด้วย ไทยมุงเริ่มเบนเข็มมาที่โรสแทนจนทำให้โรสทำตัวไม่ถูกแล้ว พูดง่ายๆ หน้าแตกอย่างแรง

    นรากรขอบใจพี่ รปภ.จึงให้รางวัลไปอีก 100 บาท รปภ.ยกมือไหว้นรากรและก็ขอตัวเดินกลับไปทำงาน

“เอ้าๆไม่มีอะไรแล้วครับ แยกย้ายกันได้แล้ว รถติดหมดแล้ว” รปภ.รีบกระจายข่าว ไทยมุงจึงแยกย้ายสลายตัวกันไปได้ในที่สุด

     นรากรยกมือไหว้นมพลอย “ขอบคุณมากนะครับป้าที่มาช่วยผม” นมพลอยรับไหว้แล้วก็ยิ้มให้

“ขอบใจมากนะพ่อหนุ่มที่ใจเย็นและไม่เอาเรื่องคุณหนูของป้า ป้าขอบใจจริงๆ ป้าเสียอีกที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณและขอโทษ”

“ไม่เป็นไรหรอกป้า น้องเค้ายังเด็กอยู่ ดูก็รู้ว่าลูกแหง่ พ่อแม่ตามใจ ผมไม่ถือสาหรอกครับ แต่คราวหน้าคราวหลัง ก็ควรระวังไว้บ้าง ถ้าไปเจอคนอื่นที่ไม่ใจเย็นเหมือนผม อาจจะต้องไปจบลงที่โรงพักก็ได้นะครับ ผมว่าว่างๆ คุณป้าก็สั่งสอนและอบรมหลานคนนี้ของป้าบ้างนะ ผมไปหละ มีธุระ” นรากรไหว้นมพลอยอีกครั้งแล้วก็เดินเข้าห้าง นมพลอยมองตาละห้อยตามหลัง

“โถ..พ่อคุณ ช่างแสนดีอะไรอย่างนี้ ช่างใจเย็นดีแท้ โดนว่าเอาว่าเอาขนาดนั้น ก็ยังเฉย” หันมาทางโรส คนผิดต้นเรื่อง นมจ้องตาเขม็ง

     สักพักนรากรนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เพราะตั้งแต่จบเรื่องไม่เห็นโรสคิดจะทำอะไรเลย ยืนหน้าบูดหน้าเบี้ยวอยู่อย่างเดียวเท่านั้น จึงเดินถอยหลังกลับมาบอกประโยคสั้นๆให้นมพลอยฟังเล่นๆ นมพลอยกำลังจะอ้าปากอบรมโรส จึงไม่ทันได้พูด

“แต่ดูคนผิดซิป้า กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย จะขอโทษสักคำก็ไม่มี แต่อีตอนเมื่อกี้พูดเอาพูดเอา แปลก ตอนนี้กลับเป็นใบ้ไปแล้ว”

     พูดจบนรากรก็เดินเข้าห้างไป ไม่ได้สนใจอะไรโรสอีกเลย แต่โรสซิ พอเค้าไปแล้วดันกลับมาเก่ง หันหน้าไปทางประตูห้าง

“ขอโทษโว๊ย ก็คนมันตกใจ มันเลยพูดอะไรไม่ออกนี่หว่า ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย” นมพลอยส่ายหัวกับคุณหนูเทวดาซะเหลือเกิน

“คุณหนู” โรสหันกลับมาหานมพลอย “ขา” โรสยิ้มแหยๆ โดนแน่เราคราวนี้ เธอคิดในใจอย่างนั้น

“เค้าไปแล้ว อีตอนเขาอยู่ ทำไมถึงไม่พูดหละ ไอ้ประโยคเมื่อกี้ คุณหนูนะ ก็เป็นแบบนี้ซะทุกที นมสอนกี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยจำสักที”

“โธ่ นมขา ก็คนมันโกรธและไม่ทันตั้งหลักตั้งตัวอะไรเลย อายก็อาย” โรสเอามือมาเกาะไหล่นมพลอย เอาแก้มอิงอีก พยายามแก้ตัว

“ไปไป กลับได้แล้ว คราวหลังนมไม่ให้ขับเองอีกแล้ว ขับเองทีไรมีปัญหาอย่างนี้ทุกที มีคนขับให้ก็ไม่เอา ไป ปาดนี้เจ้าพิณหลับคารถไปแล้วมั้ง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องไม่เห็นหัวมันเลย จำเอาไว้นะคราวหน้าถ้าเป็นแบบนี้อีก นมจะไม่ช่วยเลยให้กินข้างแดงซะให้เข็ด”

“จร้าๆๆ นมพลอยคนสวยของโรส ไม่เอาน่า ทำหน้าแบบนี้ แก่เร็วนะ ซิบอกหั้ย โรสก็ขอโทษแล้วไง คราวหน้าไม่ทำอีกแล้ว”            

     พอถึงรถก็จริงๆครับ พิณพี่เลี้ยงคนเก่งหลับรอเลย โรสเปิดประตูให้นมพลอยนั่งหน้าแทนพิณที่กำลังหลับ โรสขึ้นนั่งฝั่งคนขับคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างดี แล้วก็ขับรถออกไปทันที ไม่นาน นรากรเสร็จธุระก็เดินกลับออกมาพร้อมกับเดินดูดชาเขียวของโปรด กำลังจะขึ้นรถ ขณะที่เอื้อมมือจะเปิดประตูเขาก็สังเกตุเห็นว่ามีกระเป๋าสตางค์ของใครตกอยู่ที่ใกล้ๆล้อรถของเขา จึงก้มลงไปเก็บ

     นรากรเปิดดูว่าเจ้าของกระเป๋าเป็นใคร ค้นไปค้นมาก็ต้องตกใจ เพราะบัตรประชาชนที่เขาเห็นนั้นก็คือคู่อริของเขาเมื่อครู่ใหญ่นี้นี่เอง เมื่อรู้ว่าเป็นของใคร “โชติรส สมบัติไพศาล” นรากรจึงเปิดดูอย่างอื่นอีก เช่น มีเงินอยู่จำนวนเท่าใด

“แม่คุณ ตัวแค่นี้ พกเงินทีเป็นหมื่นๆ เท่าไหร่เนี่ย ไหนขอดูซิว่าน้องหนูพกเงินมาเท่าไหร่” เมื่อนับเสร็จก็ต้องตาโตทันที

“เจ็ดหมื่น แม่จ้าว เศษอีก แปดพันเก้าร้อยห้าสิบ อะไรจะพกเว่อวังอลังการแบบนี้วะ ท่าทางจะรวยมาก คุณหนูคนนี้” 

     จากนั้นก็ดูอย่างอื่นต่ออีก ก็มีบัตรเครดิต บัตร Atm และมีอะไรอย่างอื่นอีกนิดหน่อย นรากรก้มดูใต้ท้องรถอีกว่า มีอะไรตกหล่นอยู่อีกไหม เมื่อไม่มี เขาก็เปิดประตูรถแล้วก็ขับออกไป <วันนี้นรากรเอารถกระบะเก่าๆของที่ไร่จากโคราชมา เพราะออกมาซื้อของเข้าไร่แต่เช้า พอของที่ต้องการไม่มีจึงต้องดิ่งตรงเข้า กทม.จนมาเจอโรส นรากรเอากระเป๋าสตางค์ยัดใส่เก๊ะหน้ารถไว้กันหาย>

///// +++++ /////

     โรสแวะปั๊มน้ำมันในช่วงบ่าย 3 เพื่อที่จะเติมน้ำมัน รถเบ็นซ์สปอตหรูคันงาม A180 รุ่น Facelift สีเขียวใบตอง Elbaite Green ปี 2020 กับราคาเบาๆเพียง 1.39 ล้านบาท มาจอดเทียบที่หัวจ่าย โรสดับเครื่องและลดกระจกลง แล้วบอกเด็กปั๊ม “95 เต็มถัง”

     ไม่นานพอเติมเสร็จเด็กปั๊มก็เดินอ้อมมาเพื่อจะเก็บตัง “1,890 บาทค่ะ” โรสเอื้อมมือหยิบกระเป๋าสะพาย หาเท่าไหร่ก็หากระเป๋าสตางค์ตัวเองไม่เจอ นานจนเด็กปั๊มต้องเคาะกระจกถาม “ว่าไงคะพี่ รถมารออีกหลายคันแล้วนะ”

     โรสหันมาหาเด็กปั๊มจนหน้าตัวเองเสีย “สักครู่นะน้อง” โรสหน้าเหว่อแล้ว นมพลอยจึงหันไปถาม

“มีอะไรเหรอคะคุณหนู” โรสตอบนมพลอยแบบเสียงเครือๆ

“กระตังค์หนูหายหนะนม หนูจำได้ว่าหนูใส่มันเอาไว้ในนี้ แล้วตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว”

“ทำหล่นหรือตกหายที่ไหนหรือเปล่า” โรสส่ายหัวอย่างเดียว “เท่าไหร่ เอาของนมจ่ายไปก่อน”

“1,890 บาทค่ะนม” นมพลอยเปิดประเป๋าสตางค์ตัวเองแล้วส่งให้โรส 2,000 บาท

“เอาของนมไปก่อน รถติดมากแล้ว” โรสไหว้ขอบคุณนมพลอย รับเงินจากนมแล้ว ก็ส่งต่อไปให้เด็กปั๊ม

     หลังจากที่ได้สตางค์ทอน โรสรีบขับรถออกไปทันที เพราะอายอีกแล้วเป็นครั้งที่สองภายในวันเดียวกัน เจอเด็กปั๊มจ้องหน้าเข้าตอนที่รู้ว่าไม่มีตังค์จ่าย สายตาแบบนั้น โรสไม่เคยเจอมาก่อน ดูเหมือนเหยียดหยามเอามากๆ วันนี้มีแต่เรื่อง โรสอารมณ์ไม่ดีจนถึงบ้าน พอถึงบ้าน ก็วีนแตกทันที จนคนใช้ในบ้านเข้าหน้ากันไม่ติดไปตามๆกัน เดินเหวี่ยงงวงเหวี่ยงงาตานิสัยเดิมๆขึ้นห้องนอนไปเลยทันที

“แล้วของพวกนี้หละนม” พิณถามนมพลอย แม่บ้านคนสำคัญ เพราะอยู่หลังรถเพียบ ทั้งรองเท้า เสื้อ กระโปรง

“ไม่น่าถาม ก็เอาขึ้นไปไปในที่ ที่มันควรจะอยู่ซิ ทำเป็นไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้ไปได้ อยู่บ้านนี้มากี่ปีแล้วเราหนะ”

     เจอไปอีก 1 ดอกพิณเอ้ย อยู่ดีไม่ว่าดี ไม่น่าถาม โรสเมื่อขึ้นไปถึงห้อง ก็เอาลูกดอกปาใส่ข้างฝา เป็นว่าเล่นระบายอารมณ์ ซึ่งห้อยอยู่หน้าประตูทางเข้า พิณเคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา ก็ต้องแหกปากร้องตกใจ เพราะลูกดอกเกือบโดนหน้าเธอ

“คุณหนูเล่นอะไรคะ พี่บอกแล้วว่าให้เอาไปห้อยไว้ที่อื่น อย่าเอามาห้อยที่นี่” โรสหมดอารมณ์อีกครั้งโยนลูกดอกทิ้ง

     แล้วเดินไปทิ้งตัวเอาหลังลงบนที่นอนนุ่มๆ จากนั้นก็พลิกตัวนอนคว่ำหน้า นึกถึงภาพของนรากรที่เธอวีนใส่ แต่เขากลับนิ่ง ยิ่งทำโรสวุ่นวายใจเป็นยิ่งนัก เพราะภาพของเขามารบกวนจิตใจเธอเอามากๆ สลัดยังไงก็ไม่ยอมหลุดออกไปจากความทรงจำสักที

“อย่าให้เจออีกนะ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้ชนบท ยี้..ซกม๊ก” พอตั้งสติได้ก็ลุกเปลี่ยนชุดไปอาบน้ำทันที             

***** ///// *****

     ณ.บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไทยวิวัฒน์ กุ้งขับเจ้ากระป๋อง กระบะเก่าๆเข้ามาจอดในที่ Vip ซึ่งเป็นของเขานั่นแหละ แต่ รปภ.คนนี้พึ่งมาใหม่จึงไม่รู้จัก ประกอบกับวันนี้กุ้งแต่งตัวโทรมมาเลย จึงไปกันใหญ่ ราศีไม่จับเลยพ่อเจ้าประคุณ รปภ.รีบเดินมาแล้วเป่านกหวีดไล่ให้ กุ้งเอารถออกไปทันที เพราะรถลูกค้าทั่วไปต้องไปจอดด้านหลังอีกทีหนึ่ง ตรงนี้ไว้สำหรับผู้บริหารและแขกคนสำคัญเท่านั้น กุ้งมองซ้ายมองขวา ก็ไม่มีใครนี่หว่า งั้นก็ต้องเป็นเขา รปภ.มองหน้า เมื่อเป่าไล่ถี่ขนาดนี้ ยังไม่ยอมขยับอีก จึงเดินเข้ามาและเคาะกระจกด้านคนขับ รปภ.ตะเบ๊กุ้งหนึ่งครั้งแล้วรีบเล่าแจ้งแถลงไขทันที

“ตรงนี้จอดไม่ได้นะครับ ตรงนี้ไว้สำหรับผู้บริหารและแขกคนสำคัญเท่านั้น ลูกค้าทั่วไปต้องไปจอดด้านหลังอีกทีหนึ่ง กรุณาช่วยนำรถออกจากตรงนี้ด้วยครับ” กุ้งมองหน้า รปภ. รู้เลยว่ามาใหม่จึงไม่รู้จักเขา กุ้งเลยขอแกล้ง รปภ.ใหม่คนนี้สักหน่อย

     เพราะเซ็งกับโรสมาเมื่อกี้ จึงขอระบายอะไรนิดๆหน่อยๆ กุ้งเปิดประตูรถออกมาแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไขกุญแจล๊อกรถอีกต่างหาก แล้วเดินเกาตูดเข้าไปข้างใน ราชาวดี (เอียด) น้องสาวแท้ๆของนรากร ลงมาจากชั้นบนพอดี กำลังยืนตรวจงานอยู่ข้างล่างสงสัยว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เสียงเป่านกหวีดดังลั่นติดๆกันจากข้างนอกจนมาถึงข้างใน สักพักก็มองเห็นร่างของพี่ชายตัวดีของตนเองกำลังเดินควงกุญแจรถและผิวปากเข้ามา ตามหลังมาด้วย รปภ.ที่แสนจะซื่อสัตย์วิ่งตามเข้ามา

“เข้าไม่ได้นะคุณ ต้องแลกบัตรก่อน คุณๆ รถก็จอดไม่ได้นะ” เอียดเดินหน้ามุ่ยเข้ามาหาพี่ชายตัวเอง ยืนกอดอกดักพี่ชายตัวเองเอาไว้

 “พี่กุ้ง พี่ทำอะไร เล่นอะไรอีกแล้ว ไปแกล้งเขาทำไม เขาพึ่งมาใหม่วันนี้นะ เขาไม่รู้จักพี่หรอก ว่าพี่เป็นใคร”

     รปภ.วิ่งมาต้องหยุดกึก เมื่อเจอเข้ากับเอียด กรรมการผู้จัดการของบริษัท อย่างจังตรงหน้า เขาหยุดแล้วยืนตะเบ๊

“ขอโทษครับท่าน ชายผู้นี้ทำผิดกฎหลายอย่าง กระผมห้ามแล้วแต่เขาไม่ฟัง แถมยังเข้ามาโดยไม่ได้แลกบัตรอีก รถก็ไม่ขยับ”

     เอียดสะบัดมือ “ไม่เป็นไร นี่พี่ชายฉันเอง” รปภ.งงมาก ไม่อยากจะเชื่อ เขามองกุ้งตั้งแต่หัวจรดเท้า เอียดชี้นิ้วไปที่บอร์ดซึ่งติดอยู่ที่ข้างฝาอยู่ทางด้านขวามือเขา รปภ.เดินเข้าไปดูแล้วอ่านชื่อ

“นรากร ธิติพันธ์พงษ์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท - ที่ปรึกษา” ถัดลงมาก็เป็นชื่อของ เอียด

“ราชาวดี มหาทรัพย์ทวีกุล กรรมการผู้จัดการของบริษัท – ฝ่ายบริหาร” รปภ.ดูรูปที่บอร์ดและหันมาดูกุ้ง สักพักก็ต้องยกมือไหว้

“เธอไปได้แล้ว คราวนี้รู้แล้วนะว่า นี่เป็นใคร คราวหน้าคราวหลัง ระวังไว้บ้างจะตกงานโดยไม่รู้ตัว เคยบอกแล้วใช่ไหมว่า ถ้าไม่แน่ใจให้โทรเข้ามาสอบถามก่อน ไปได้แล้ว อ้อ..ขอบใจมากนะที่ทำหน้าที่ได้ดีมาก สำหรับวันแรก” รปภ.ตะเบ๊ แล้วเดินออกไป

     กุ้งเรียกตัวไว้ก่อน “เดี๋ยว” รปภ.หยุดและหันมา ยืนตัวสั่น กุ้งเดินเข้าไปหา แล้วส่งเงินให้ 200 บาท

“เอาไปฉันให้ เพราะนายทำหน้าที่ได้ดีมาก จงเป็นแบบนี้ให้ตลอดนะพ่อหนุ่ม ไปได้แล้ว” รปภ.รับเงินแล้วก็เดินออกไปทันที

“มานี่เลย พ่อตัวดี” เอียด ลากพี่ชายมาที่หน้าเคาน์เตอร์ พวกพนักงานไหว้นรากรกันแทบไม่ทัน เพราะเล่นโผล่มาแบบนี้ หัวใจจะวาย

“ถ้าน้องไม่โทรตาม ก็ไม่ยอมโผล่หน้ามาให้น้องเห็นเลยใช่ไหม ชอบจริงไอ้ไร่ที่ปากช่องหนะ หมกตัวเข้าไป แล้วตกลงมันหายไหมไอ้อกหักเนี่ย หลบหน้าหลบตาไปเป็นชาวสวนชาวไร่น้องก็ไม่เคยจะว่า แต่ไม่ใช่หายไปเลย ถ้าไม่ติดต่อ ก็ไม่โผล่มา งานการที่นี่ก็มี พ่อต้องการพบพี่อยู่ด้วย มีเรื่องที่จะให้ช่วย ไปพ่อรออยู่ข้างบน” กุ้งไม่อยากที่จะขึ้นไปเลย เพราะขึ้นไปทีไรก็มีแต่เรื่อง

“พี่ไม่ขึ้นไปไม่ได้เหรอ เดี๋ยวพี่โทรคุยกับคุณอาเองก็ได้ ที่มาเนี่ยก็แค่จะมาหาน้องเท่านั้น อยากเจอ พี่ก็โผล่มาให้เจอแล้วไง”

“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาเฉไฉ เธอ..” เอียดเรียกพนักงานคนหนึ่ง “ขา คุณเอียด”

“คุณพ่อประชุมเสร็จรึยัง นี่ก็ 4 โมงเย็นแล้ว ได้เวลากลับบ้านแล้วด้วย”

“สักครู่นะคะ ขอดิฉันโทรเช็คกับพี่นี เลขาท่านก่อนนะคะ” ไม่นาน

“ออกมาแล้วค่ะ ตอนนี้ท่านประธานอยู่ในห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว อ้อ พี่นีฝากบอกด้วยว่า รีบขึ้นไปเลย เพราะท่านประธาน กำลังรอคุณนรากรอยู่ คงหนีไปไหนไม่ได้แล้วค่ะ ดิฉันขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ”

“ไปพี่ พ่อมารอแล้ว ยังอีก ดูทำหน้าเข้า ยังกะใครเค้าจะพาไปเชือดซะอย่างนั้นแหละ ไปไป” เอียดดันตัวพี่ชายตัวดีขึ้นลิฟท์ทันที

     ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงห้องทำงานของท่านประธานที่ชั้น 8 เอียดเปิดประตูแล้วลากพี่ชายให้มานั่งที่เก้าต่อหน้าพ่อของเธอ

“มาแล้วค่ะพ่อ กว่าจะเอาตัว ตามตัวมาได้ยากแท้ ถ้าหนูไม่โทรตามก็ไม่ยอมเข้าเมือง ฝังรากลึกเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์อยู่ที่ปากช่องนั่นแหละ ดูซิ ดูทำเข้า พี่หนะ แต่งตัวไม่ไว้หน้าน้องบ้างเลย จนใครๆ เค้าก็นึกว่ายาจก ไม่ใช่ผู้บริหาร” กุ้งยกมือไหว้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

     วิวัฒน์ (วัฒน์) เจ้าของ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไทยวิวัฒน์ พ่อบุญธรรมของ เอียด วัฒน์ดีใจมากที่กุ้งยอมมาพบเขาเสียทีหลังจากที่ผลัดผ่อนมาหลายครั้งแล้ว “ไงเรา ถ้าอาไม่เดือดร้อนเนี่ย คงจะไม่ยอมออกจากป่าจากดงมาช่วยกันใช่ไหม”

“แหมคุณอา ดูพูดเข้า เดือดล้งเดือดร้อนอะไร ก็แค่งานตกแต่งภายในบริษัทเพื่อนคุณอา ผมก็รับปากออกแบบให้แล้วไง”

“ก็เขาอยากจะให้แกเข้าไปดูหน้างานจริงๆ เพื่อนๆกันทั้งนั้น ก็แกดันไปรับปากช่วยเขาแล้ว แกเล่นไม่โผล่หน้าไปให้เขาเห็นหน้าเลยนี่ก็เดือนนึงแล้วนะ เขากลัวว่างานจะเสร็จไม่ทันก่อนปีใหม่ไง งานไม่ใช่น้อยๆนะโรงแรมเชียวนะโว๊ย ตั้ง 130 ห้อง แกเล่นหายเงียบไป เอาแต่ภาพไปดู ไม่โผล่ไปดูหน้างานจริงๆบ้างเลย เขาก็กลัวนะซิว่างานจะเสร็จไม่ทัน นี่ก็ธันวาแล้วนะ แกรับปากเขาว่าจะเสร็จวันที่ 25 ก่อนปีใหม่ไม่ใช่เหรอ นี่ก็อีกไม่กี่วันแล้วนะ วันนี้วันที่ 4 แกเข้าไปหาเขาหน่อยซินะนะ ถือว่าอาขอร้อง ถ้างานไม่เสร็จอาเดือดร้อนนะ เสียหมาเลยหละ ยิ่งสนิทๆหนะ จะมองหน้ากันไม่ติด”

“ผมก็ให้ ลูกน้องและทีมงานเข้าไปเร่งติดตั้ง ข่าวแจ้งมาก็เกือบเสร็จหมดแล้วนี่ เหลืออีกไม่กี่ห้องเอง สงสัยคงจะรอพวกสินค้าที่หมดหละมั้ง ใจเย็นน่า เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ วันเสาร์ ก่อนที่ผมจะกลับปากช่อง ผมจะเลยเข้าไปดูให้ งานตกแต่งภายในมันก็แบบนี้แหละ”

“ดีเลย งั้นคืนนี้ พี่นอนค้างที่บ้านกับหนูด้วย ไม่รู้แหละ หนูสั่งให้คนที่บ้านจัดห้องนอนเดิมพี่ไว้เรียบร้อยแล้ว ไปกลับไปคุยกันต่อที่บ้านดีกว่า พ่อกลับนะ นี่ก็จะห้าโมงแล้ว หนูมีธุระต่ออีก สัญญากับหนูนะว่าถ้ากลับไปหนูต้องเจอพี่ที่บ้าน ถ้าไม่เจอ หนูโกรธพี่จริงๆด้วย ไม่เชื่อก็คอยดู” กุ้งเอามือเขย่าหัวน้องสาวเล่น

“หนูไปก่อนนะพ่อ แล้วจอกันที่บ้านนะพี่กุ้ง” พูดจบเอียดก็เดินออกจากห้องพ่อทันที ปล่อยให้พี่ชายนั่งอยู่กับพ่อเพียงสองคน

“เป็นไงบ้างกุ้ง ดีขึ้นหรือยัง อาถามจริงๆเถอะจนปาดนี้แล้ว แกยังลืมเธอคนนั้นไม่ได้อีกเหรอ นี่ก็เกือบ 5 ปีแล้วนะ”

“มันพูดยากครับอาสำหรับความทรงจำ แต่ผมก็ไม่ได้รักเธอเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ คงเหลือแต่คำว่าเพื่อนเสียมากกว่า”

“นี่ใช่ไหม แกถึงไม่ยอมเปิดใจรักใครอีกเลย 5 ปีมานี้ อาเข้าใจนะ อาต้องขอโทษด้วยที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะอากลัวไง กลัวว่าแกจะไม่มีสมาธิในการทำงาน” วัฒน์รักและหวังดีต่อกุ้งเสมอจากใจจริง เขารักกุ้งเสมือนลูกชายคนหนึ่งเลยทีเดียว

“ไป ไปหาอะไรทานกันที่บ้านอาดีกว่า” วัฒน์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินจะถึงประตูอยู่แล้ว กุ้งพูดขึ้นมา

“อากลับไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมตามไป พอดีผมเอาเจ้ากระป๋องมา ขอเอาของไปให้กับลูกน้องที่ไซด์งานก่อน ก็งานของเพื่อนอานั่นแหละ รับรองครับว่าผมไม่หนีกลับปากช่องแน่นอน ไม่งั้นยัยเอียดเอาผมตายแน่”

“ก็ได้ แล้วเจอกันที่บ้านนะคืนนี้ อาจะรอ นานแล้วที่ไม่ได้ชนแก้วกัน เบียร์วุ้นเย็นๆรออยู่นะ อาไปหละ”

     พูดจบวัฒน์ก็เปิดประตูออกไปเลยทันที คงเหลือแต่กุ้งที่นั่งอยู่คนเดียว กุ้งเอนตัวพิงเก้าอี้ นั่งหลับตาอยู่แป๊บนึง อยู่ดีๆภาพของโรสก็วิ่งผ่านแว๊บเข้ามา จนทำให้เขาสะดุ้งลืมตาขึ้นมาทันที “อึ๊ย..ยัยตัวแสบ โผล่เข้ามาในหัวสมองฉันได้ยังไงวะ ไปดีกว่า”

     พอคิดได้ จากนั้นกุ้งก็ลุกขึ้น ปิดแอร์ปิดไฟ และออกไปจากห้องนั้นทันที ตรงไปที่รถกระป๋องของเขา ขึ้นรถแล้วรีบตรงไปยังไซด์งานทันที 3 ทุ่มเศษๆ กุ้งถึงขับรถเข้าบ้านของวัฒน์ได้ เมื่อมาถึงก็เห็นว่าเอียดมายืนท้าวสะเอว รออยู่แล้ว

“นึกว่าจะหนีกลับปากช่องซะแล้วพี่ชายฉัน ไปเลย พ่อรออยู่ข้างบน ไปพี่ เลิกงานแล้ว เลิกคิดไปเลย หนูให้มาพักผ่อนสมองนะ”

     เอียดกอดแขนพี่ชายสุดที่รักขึ้นไปชั้นบน วัฒน์รอทานเบียร์วุ้นเย็นๆอยู่ กุ้งนั่งลงไม่รอรี ยกแก้วขึ้นชนทันที เอาไงเอากันคืนนี้

%%%%%% ----- %%%%%%

     รุ่งเช้าวันใหม่ กุ้งไม่ลืมที่จะเอากระเป๋าสตางค์ไปคืนโชติรส ก่อนที่เขาจะกลับปากช่อง

“แล้วมันหลังไหนวะเนี่ย เยอะแยะไปหมดเลย วันนี้ฉันจะหาเจอไหมเนี่ย” กุ้งขับไปบ่นไป ตามประสาพลเมืองดี

     ขณะที่กุ้งกำลังขับ สุ่มตามหาบ้านของโรสตามบัตรประชาชน แม่นางน้อยของเราก็เปิดฉากระเบิดความมันส์ในบ้านแต่เช้าตรู่เลย

“พี่พิณเห็นกระเป๋าตังหนูบ้างไหม หนูหาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มันหล่นอยู่ในกระเป๋าพี่บ้างเปล่า ตอนที่ชนกันเมื่อวานหนะ”

“ไม่มีนะคะคุณหนู พี่เทกระเป๋าพี่ออกมาดูหมดแล้ว ไม่มีของคุณหนูเลย”

“แล้วมันหายไปไหนได้ยังไง นี่หนูว่าจะออกไปซื้อโทรศัพท์ใหม่วันนี้ซะด้วย เสร็จกัน โอ๊ย ทำไมมันซวยอะไรแบบนี้วะเนี่ย เพราะอีตานั่นคนเดียวแท้ๆจริงๆเลยๆ คอยดูนะ อย่าให้หนูเจออีกนะ จะ..” พิณรีบชี้นิ้วไปที่คุณหนูขาวีน

“จะทำอะไรเค้าคะ อย่าลืมซิว่าคุณหนูเป็นฝ่ายผิดนะ คิดผิด คิดใหม่นะ เจ้าคะ” โรสไม่รู้จะตอบอะไร เพราะเสียหน้า จึงเดินเหวี่ยงงวงเหวี่ยงงาแต่เช้า จนนมพลอย แม่นม ที่เปรียบเสมือนแม่คนที่สองของโรสเดินออกมาจากในครัว เดินเช็ดมือออกมา

“บ่นอะไรอีกคะคุณหนูของนม เสียงดังเอ็ดตะโลไปถึงในครัว จนบ่าวไพร่มันกลัว ไม่กล้าออกมาแล้ว ไม่น่ารักเลย”

“ก็..”โรสกำลังจะพูด พิณชิงพูดขึ้นมาก่อนทันที

“ก็คุณหนูซิคะนม เหวี่ยงหนูแต่เช้าเลย เรื่องกระเป๋าสตางค์ที่หาไม่เจอตั้งแต่เมื่อวาน”

“นั่นแหละนม เงินทองหนูไม่เสียดายหรอก แต่เอกสารเช่น บัตรประชาชน บัตรเครดิต Atm ใบขับขี่อะไรพวกนี้ หนูเสียดาย ต้องเสียเวลาไปทำใหม่ โดยเฉพาะ ใบขับขี่นะ ยากมาก กว่าจะสอบผ่าน คนสอบเขี้ยวลากดินจริงๆ”

“แล้วจะไปโทษใครหละคะ คุณหนูทำตัวเองนะ เพราะฉะนั้น ก้ต้องยอมรับความจริงค่ะ ถ้าจะต้องสอบใหม่ก็ต้องไป”

“นมหงะ ไม่ให้กำลังใจหนูบ้างเลย” คุณหนูขาวีน ทำหน้างอแต่เช้า ก่อนที่จะรับประทานมื้อเช้า

“แล้วนี่คุณพ่อจะกลับจากยุโรปเมื่อไหร่คะเนี่ยนม หนูเหงาจัง เมื่อคืนก็นอนก็ไม่ค่อยจะหลับเลย” โรสหันมาอ้อนแม่นม หลังจากที่เหวี่ยงไปแล้ว 1 รอบจนแม่นมไม่อยากคุยด้วย โรสจึงกระแซะๆจนแม่นมรำคาญ ขณะที่นมพลอยกำลังจัดสำรับอาหารเช้าอยู่

“ไม่รู้ค่ะ ไม่ได้บอกไว้ กลับมาเมื่อไหร่ก็เห็นเอง จะไปไหนก็ไปเลย นมไม่ชอบพูดกับคนดื้อ” นมพลอยแกล้งงอน สาวน้อยของเรา

“หนูขอโทษนะนะ ต่อไปหนูจะไม่เหวี่ยงไม่วีนแบบนี้อีกแล้ว หนูจะเชื่อฟังและเป็นเด็กดีของนมเล้ย” โรสกอดนมพลอยข้างหลัง

“แน่นะ” นมพลอยชี้หน้าเด็กดื้อ แล้วก็หันมากอดและหอมแก้ม ยังไงแม่พลอยก็โกรธโรสไม่ลง เพราะเลี้ยงมากับมือ ตั้งแต่แบเบาะ

     เนื่องจาก แม่แท้ๆของโรส หลังจากคลอดโรสออกมาได้ไม่ถึง 10 วันก็เสียชีวิตลง เพราะร่างกายไม่แข็งแรงมีโรคประจำตัวคือหอบและหัวใจตีบ แม่พลอยคนรับใช้คนสนิทของชัช จึงต้องรับภาระเลี้ยงดูมาเองโดยตลอด จึงทำให้โรสรักและเกรงใจแม่นมพลอยเอามากๆเลยทีเดียว “มา มาทานมื้อเช้ากัน ใครจะโกรธเด็กดื้อของนมคนนี้ลง ดูซิ ปากนิดจมูกหน่อย ใครน้อจะมาปราบพยศได้เนี่ย”

“ทำไมนมพูดแบบนี้หละ ไม่รักหนูแล้วเหรอ ถึงชอบผลักไสไล่ส่งหนูจัง แต่ก็ช่างเถอะ ช่างประไร หนูจะอยู่กวนประสาทนมพลอยของหนูอยู่แบบนี้แหละ จนกว่านมพลอยของหนูจะเบื่อกันไปเลยข้างนึง 

+++++ ****** +++++

     เมฆิน (เมฆ) เพื่อนรักของนรากรสมัยเรียนอยู่ที่ประเทศไทย เมื่อเรียนจบก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก ขณะที่นรากรเรียนต่อโทและทำงานต่อที่เมืองไทย เมฆเป็นคนยากจนแต่เรียนเก่ง จนสอบได้ทุนไปเรียนต่อที่ยุโรป หลังจากเรียนจบก็ทำงานชดใช้หนี้สินจนหมด จึงได้เดินทางกลับมาทำงานต่อที่ประเทศไทย มีงานทำ มีเงินเดือนดีๆกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

     เช้าวันนี้เมฆมีนัดเจอกันกับกุ้งที่ทำงานของตัวเองก่อนที่กุ้งจะกลับปากช่อง แต่เพราะกุ้งมัวแต่ทำความดี หาบ้านสาวน้อยขี้วีน เพื่อจะคืนกระเป๋าสตางค์ จึงทำให้เขาผิดนัดเพื่อนรักไปอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะคิดผิดนึกว่าจะหาง่าย อุตส่าห์เผื่อเวลาตั้ง 1 ชั่วโมงแล้วเชียวนะ นัดเมฆไว้ 8 โมงเช้า นี่ก็ 8.30 น.แล้ว เมฆก็รีบไปที่ไซด์งานของบริษัท ผิดเวลามาครึ่งชั่วโมงแล้ว จึงรีบกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อน กุ้งกำลังจอดรถที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งแถวนั้น เพราะซอกซอยแยะมาก บ้านเลขที่มันไม่เรียงกัน จึงทำให้หาลำบากมาก

“มึงอยู่ไหนเนี่ยไอ้กุ้ง ลืมนัดกูรึเปล่าวะ มึงก็รู้ว่ากูต้องรีบไปไซด์งานที่พัฒนาการให้ทัน 10 โมง แม่งไกลชิบ..ไหนบอกจะมาหากูตอน 8 โมงไงกูอยู่ตลิ่งชันนะมึง แล้วตอนนี้มึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเนี่ยไอ้เวรตะไล”

     เมฆด่าเพื่อนแบบ NonStop เลย จนไม่มีเวลาหรือช่องให้กุ้งอธิบายอะไรเลย “โอ๊ย กูรู้แล้ว กูไม่ได้ลืม กูแค่กะเวลาผิด”

“กะเวลาผิด แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน อย่าบอกนะว่า เมาเบียร์ที่แดกกะอามึงเมื่อคืนหนะ แล้วยังนอนหลับคาเตียงอยู่”

“ส้นตีนนี่ มึงฟังกูก่อนซิวะไอ้หอกหัก แล้วเสือกรู้อีกว่ากูแดกเบียร์เมื่อคืนกะอา ใครบอกมึง ไอ้เอียดอีกซิ นี่แสดงว่ามึงโทรไปที่บ้านอากูมาแล้วใช่ไหม” กุ้งกำลังซดกาแฟแก้อารมณ์เสีย “แล้วมึงโทรไปทำไม ในเมื่อเบอร์กูมึงก็มี”

“กูโทรแล้ว แต่มึงไม่รับสาย กูก็เลยเข้าบ้านอามึง แล้วเอียดมันมารับสาย มีปัญหาอะไรไหมไอ้กุ้ง อ้อ ลืมไป ไอ้โรคหวงน้องสาวเนี่ย กูขอทีเหอะ มึงนี่กลัวจัง กลัวคนโทรมาจีบน้องว่างั้น นี่ใคร เพื่อนมึง กูรักไอ้เอียดเหมือนน้อง ไอ้บ้าคิดได้ไง มึงอกหักจากคนนึงแล้วมึงจะพาลมาหาเรื่องกับคนทั้งโลกไม่ได้นะโว๊ย คิดได้ไง อีกอย่างไอ้เอียดมันก็โตแล้ว ถ้ามีคนจะมาจีบมัน มึงก็ต้องปล่อยให้น้องเค้าคิดเอง มึงไม่ใช่เจ้าชีวิตเค้า จำไว้ ตัวมึงเองเอาให้รอดก่อนเถอะ ไอ้ฟาย” เมฆเล่นชุดที่สอง จนกุ้งไม่อยากที่จะพูดด้วยแล้ว

“เรื่องของกู น้องกู มึงไม่เกี่ยว ถ้ามึงรีบ มึงก็ไปก่อนเลย งานกูไม่รีบ เดี๋ยวเอาไว้ให้มึงเสร็จงานมึงก่อนแล้วกูจะติดต่อมึงกลับไปอีกที เท่านี้นะ กูกำลังมึนตึ๊บอยู่” กุ้งกำลังสับสนกับการหาบ้านโรสอยู่ แต่เมฆยังคงเข้าใจว่า กุ้งมึนเบียร์

“เบียร์หนะแดกให้มันน้อยๆหน่อย มันจะได้ไม่มึน กูไปหละ เสร็จงานแล้วกูจะโทรบอก” พูดจบเมฆก็ออกไปไซด์งานทันที

     กุ้งหลังจากทานอะไรรองท้องไปบ้างแล้วก็ตั้งสติใหม่ หันไปถามคนที่อยู่แถวนั้น บางคนก็ไม่รู้ บางคนก็ไม่แน่ใจให้ลองไปอีก 2 ซอย เพราะบ้านเลขที่มันคุ้นๆ คือต้องขอบอกกันไว้ก่อนเลยว่า หมู่บ้านแถบชานเมืองที่ปลูกสร้างกันเองเนี่ย บ้านเลขที่มันไม่เรียง ถึงจะมีชื่อซอยก็เถอะ “แล้ววันนี้ฉันจะเจอไหมเนี่ย รู้งี้ส่งทางพัสดุไปรษณีย์ก็จบแล้วไอ้กุ้งเอ๊ย ดันเสือกหวังดีกลัวเขาไม่มีเอกสารใช้”

..... +++++ .....

“ค่อยๆหานะคะคุณหนู นมไปหละงานยังไม่เสร็จเลย” นมพลอยขอตัวหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ 

“แหมนม ไม่ช่วยหนูบ้างเลย ใจร้ายจัง” นมพลอยไม่สนลุกจากเก้าอี้ได้ก็เดินหายเข้าไปที่สวนหลังบ้านทันที             

“พี่พิณ พี่พิณ” เมื่อแม่นมไม่ช่วย ก็เหลือพี่เลี้ยง

“ขาคุณหนู” พิณวิ่งเข้ามากำลังทานข้าวคาปากอยู่ในครัว

“ช่วยหนูหากระเป๋าตังหน่อยซิ” โรสอ้อนพี่เลี้ยง

“งานยังไม่เสร็จเจ้าค่ะ” พิณเลี่ยง เพราะรู้ว่ายังไงก็หาไม่เจอ เพราะหามาทั้งคืนแล้ว จะให้ไปหาที่ไหนเจอ

“แหม ใครๆก็มีงาน ไม่หาให้ ก็ไม่ง้อเลย” ว่าแล้วคุณหนูขี้วีนจอมโมโห ก็งอนตุ๊บป่องเดินขึ้นห้องนอนตัวเองทันที

***** ฿฿฿฿฿ *****

     ทางกุ้งก็เดินหาบ้านต่อ โดยจอดรถไว้ที่ปากซอย แล้วใช้วิธีเดินเอาบ้าน เพราะถ้าขืนขับรถคงไม่เจอแน่ เพราะต้องดูบ้านเลขที่ ขับเข้าๆออกๆตั้งแต่ 7 โมงเช้า นี่จน 9 โมงแล้ว กะว่ารอบนี้ถ้าไม่เจอก็คงต้องพึ่งพวก Kerry หรือไม่ก็ไปรษณีย์กันหละ ร้อนก็ร้อน ขนาดใส่แว่นดำกันแสงแยงตาแล้ว เดินไปเดินมา ก็ฟลุ๊คเจอจนได้เสียที

“เอ..หลังไหนวะ บ้านแม่งรวยๆสวยๆใหญ่ๆทั้งนั้นเลย ดงคนรวยชัดๆ เสียอย่างเดียว เลขที่บ้านไม่เรียง..ใช่ป่าววะ 421/8 ใช่แล้ว”

     เหมือนฟ้ามาโปรด คนทำดีต้องได้ดี แต่อาจจะช้าไปหน่อย ก็ไม่เป็นไร กุ้งดีใจมาก เช็ดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมา

“โอ้โฮ หลังใหญ่จังวุ๊ย ยังกะวังเลย ลูกหลานคนรวยนี่หว่า Sure” ว่าแล้วกุ้งก้บรรจงกดออดที่หน้าบ้านทันที <ออดๆๆๆๆ>

     สักครูพิณก็วิ่งออกมาเปิดประตู เพราะกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ตรงนั้นพอดี

“มาหาใครค่ะคุณ” พิณจำกุ้งไม่ได้ เพราะตอนนั้นมันมืดและแวบเดียว อีกอย่างวันนี้กุ้งแต่งตัวดีกว่าเมื่อวานมากเลยไม่ได้สนใจ

“คุณโชติรส” กุ้งจำพิณได้จึงเอ่ยปากออกไป “นี่คุณจำผมได้ไหม เมื่อวานหนะ เมื่อวาน”

“เมื่อวานทำไมคะคุณ” พิณยังคงงงและสงสัย

“ก็เมื่อวานไง ที่เพื่อนคุณมาเดินชนผมหนะ ตรงที่จอดรถในห้างไง จำได้ยัง”

     พิณจ้องมองดูใกล้ๆอีกครั้งอย่างชัดๆ ก็ร้องอ๋อขึ้นมา “จำได้แล้ว และมาเนี่ย มีธุระอะไรเหรอ แล้วรู้ได้ไงว่าคุณโชติรสอยู่ที่นี่”

“อ้าว มันต้องมีธุระซิ ว่าแต่คุณจะให้ผมเข้าไปหรือเปล่าหละ ที่ผมมานี่ถูก ก็แสดงว่าผมมีที่อยู่ของที่นี่ เอาเป้นว่าคุณโชติรสอยู่หรือเปล่า ผมต้องการเจอเค้า” พิณมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง ถึงวันนี้จะแต่งตัวดี แต่ถึงยังไงก็ไม่อยากไว้ใจ แต่งตัวดีๆเป็นโจรก็เยอะ

“อยู่ แต่เข้าไม่ได้ เราไม่เคยรู้จักกัน อยู่ดีๆจะให้เข้าไปได้ยังไง” กุ้งดึงกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาตีที่มือเบาๆจงใจให้พิณเห็น

“ผมคิดว่า คุณโชติรส น่าจะให้ผมเข้าไปนะ ถ้ารู้ว่าผมมีไอ้นี่” พิณจำกระเป๋าสตางค์ของเจ้านายได้

“กระเป๋าตังคุณหนู” พิณบ่นรำพึงในใจ “ไปอยู่กับนายได้ยังไง ขโมย แกต้องขโมยไปแน่เลย แล้วทำทีเอามาคืน ไอ้หัวขโมย”

     พิณจินตนาการไกลเลย จะเดินหนีกุ้งเพื่อเข้าไปบอกคนในบ้านว่าเจอกระเป๋าสตางค์แล้วและจะโทรแจ้งตำรวจด้วย กุ้งเรียกเอาไว้

“อ้าว แล้วนั่นจะไปไหนหละหนะ ว่าไง ตกลงจะให้ผมเข้าไปไหม ถ้าไม่ผมจะได้หลับ เสียเวลาจริงๆ”

     กุ้งยืนบ่น ร้อนก็ร้อน ร่มบังแดดก็ไม่มีเลย “บ้านคนรวยอะไรวะ หลังคากันแดดก็ไม่มี” พิณเปลี่ยนใจเดินกลับมาเปิดประตูให้

“ยังไงก็บ้านเรา ให้มันอยู่ในบ้านก่อน ยังไงก็หนีไม่รอด หลอกให้มันเข้าไปข้างในแล้วค่อยโทรเรียกตำรวจก็ยังทัน หิหิ”

     นั่นเอาเข้าไปพิณเอ๊ย คิดตามประสาคนอิสานที่จบแค่ ป.6 “เอ้า เชิญ เข้ามา ตามมา ทางนี้ เดินดีๆหละ ระวังชนกระถางเค้าแตก แพงนะ มีเงินซื้อใช้เค้าไหมหนะ” พิณเดินนำหน้า พากุ้งเข้ามาที่ห้องรับแขก โรสปรับอารมณ์ได้ เดินลงมาพอดี

“ใครมาหนะพี่ อ้าว คุณ..”  โรสตกใจที่เห็นกุ้งที่นี่ ยืนอยู่ต่อหน้าเธอตัวเป็นๆ

“สวัสดีครับ คุณโชติรส” กุ้งยิ้มให้ แต่โรสกลับตรงกันข้าม ใบหน้าไม่ยิ้ม แต่เฉยๆ

“เชิญนั่งค่ะ คุณรู้ได้ยังไงว่ารสอยู่นี่ แล้วยังรู้ชื่ออีก”

“นี่ครับ ผมรู้เพราะสิ่งนี้” กุ้งหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขาแล้วยื่นให้กับโรส

“เมื่อวานตอนคุณเดินชนผม กระเป๋าคงหล่นและตกลงมา อาจโดนใครเดินเตะจนกระเด็นไปอยู่ที่ใต้ท้องรถผม ผมเลยรีบเอามาคืนให้ เพราะคิดว่าคุณคงต้องรีบใช้ เพราะมีเอกสารอยู่ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเงินสด ใบขับขี่และบัตรประชาชน”

     โรสรีบเปิดกระเป๋าดูว่ามีอะไรหายไปบางและยังอยู่ครบทุกอย่างไหม กุ้งรีบออกตัวก่อนที่จะโดนโรสด่าเข้าให้อีกเหมือนเมื่อวาน

“เอ้อ ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะครับที่ต้องเปิดกระเป๋าคุณ ถ้าไม่เสียมารยาท ก็คงไม่รู้ว่ากระเป๋าใบนี้เป็นของใคร ทุกอย่างคงอยู่ครบนะครับ ไม่มีอะไรหายแม้แต่สตางค์แดงเดียว เจ็ดหมื่นแปดพันเก้าร้อยห้าสิบ บัตรเครดิต บัตร Atm ใบขับขี่ และบัตรประชาชน”

     กุ้งเจรนัยออกมาจนโรสต้องตกใจเพราะมันถูกต้องและอยู่ครบทุกอย่างตามที่กุ้งบอกออกมา จึงรีบตอบกลับออกไป

“ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณ..” โรสไม่รู้จักชื่อ เลยถามออกไป

“ผมนรากรครับ” โรสนึกถึงคำสอนของแม่นม จึงยกมือไหว้ขอบคุณกุ้งที่มีบุญคุณกับเธอ

     จนกุ้งงง ว่าใช่เธอคนเดิมเมื่อวานที่วีนแตกเหรอ แต่ก็รับไหว้แบบ งงๆ

“ไม่เป็นไรครับ เอาหละเสร็จธุระผมแล้ว เห็นทีผมต้องกลับหละครับ”

“เออ เดี๋ยวซิค่ะจะรีบกลับไปไหนหละ มีธุระเหรอคะ” อยู่ดีๆโรสก็รั้งกุ้งเอาไว้แบบไม่รู้ตัว

“ไม่หรอกครับ ก็เห็นว่าเสร็จธุระแล้ว ไม่มีอะไร ผมก็แค่จะกลับ” กุ้งตอบแบบซื่อๆ

“แล้วจะรีบกลับไปไหนหละอยู่คุยกับรสก่อนซิคะ” อยู่ดีๆโรสก็อยากให้กุ้งอยู่ไม่รู้ว่าทำไมหรือเพราะอะไรเหมือนกัน ไม่มีเหตุผล

“เออผม” กุ้งก็ทำตัวไม่ถูก เพราะกำลังมึนตึ๊บกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เมื่อวานยังกะนางร้าย วันนี้ยังกะนางฟ้า

“เถอะค่ะ นะคะ คือว่า โรส อ้อ..ต่อไปนี้เรียกดิฉันว่าโรสก็แล้วกันนะคะ”

“ครับ เรียกผมว่า กุ้ง ก็ได้ครับ” กุ้งตอบแบบเนิบๆสั่นๆ กลัวโรสจะมีแผนร้ายซ่อนอยู่ เพราะเมื่อวานหน้าแตกเพราะเขามาแล้ว

“ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ คือโรสแค่อยากจะตอบแทนคุณ ที่เก็บกระเป๋าสตางค์โรสแล้วเอามาคืน แถมเงินยังอยู่ครบด้วย แบบนี้โรสทำไม่ถูกหรือค่ะ” พูดจบก็ตะโกนเรียกพิณทันที พิณกำลังนั่งตัวสั่นหลบอยู่หลังเคาน์เตอร์ กลัวกุ้งเอาเรื่องกับที่ว่าเขาไว้เยอะเมื่อกี้

“พี่พิณๆ ช่วยเอาน้ำหวาน ขนมหวานและขนมปังคุกกี้ ที่หนูทำเมื่อวันก่อนมาให้แขกหนูหน่อย” พิณสะดุ้งโหยง “ค่ะๆ”

     พิณรับคำสั่งและรีบเดินเข้าครัวไปเอาของทุกอย่างที่โรสบอกมาให้ แม่นมเดินกลับเข้ามาหลังจากคุมงานให้เด็กๆทำงานในสวน

“อ้าว ถือของมากมายจะเอาไปไหนหนะพิณ” พิณเดินก้มหน้าหลังงอมือสั่นๆ ถือของมาพอดี จึงหยุดตอบ

“มีคนเอากระเป๋าสตางค์มาคืนคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ สรุปว่าคุณหนูทำหล่นเอาไว้เมื่อวาน” พูดจบก็รีบเดินเอาของเข้าไปให้

“เหรอ ดีจัง ไหนขอดูหน้าหน่อยซิ ว่าใคร ทำไมน้อ ช่างนิสัยดีแท้ ที่อุตส่าห์เสียเวลาเอามาให้ พึ่งหายเมื่อวานตอนบ่าย นี่ตอนเช้าก็ได้เลย” พูดจบนมพลอยก็รีบเดินยิ้มแฉ่งเข้าไปข้างในทันที พอนมพลอยเห็นหน้าว่าเป็นกุ้ง ก็ยิ้มออกมาทันที

“คุณนั่นเอง” กุ้งยกมือไหว้นมพลอย นมพลอยรับไหว้ แล้วเดินเข้ามาตบไหล่ ขอบอกขอบใจกุ้งเป็นการใหญ่ที่อุตส่าห์เสียสละเวลาเอากระเป๋ามาคืนให้กับมือ ทั้งๆที่ไม่ใช่ธุระอะไรของเขาเลย โรสกำลังคุยกับกุ้งในเรื่องสัพเพเหระ กุ้งชิมขนมฝีมือโรส รู้สึกอร่อยดี

“ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม ที่เอากระเป๋าสตางค์มาคืนคุณหนู”

“คุณหนู” กุ้งไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้างในบ้านนี้ โรสเลยแนะนำให้รู้จักกับทุกคนที่เกี่ยวข้องเมื่อวาน

“นี่แม่นมของโรสคะ นมพลอย ส่วนนั่นพี่พิณ พี่เลี้ยงหนูค่ะ นมคะนี่คุณกุ้ง คนที่มีบุญคุณของหนู หนูทำแบบนี้ถูกไหมคะ ทำตามที่นมสอนหนูทุกอย่าง” นมพลอยเอามือลูบหัวโรส

“ดีและถูกต้องแล้ว คนดีๆแบบนี้ ต้องตอบแทนแบบนี้แหละ เอ้าๆทานตามสบายนะ ว่าแต่ทานได้ไหมหละหนะ ป้ายังไม่กล้าเลย”

“นม” โรสผละตัวออกมาจากอ้อมกอดนมพลอยทันที “ดูพูดเข้า พูดแบบนี้หนูเสียหมดกันพอดี”

“อร่อยครับ กลมกล่อมดี คุกกี้กรอบกำลังดี กลิ่นก็หอมด้วย ทานกับกาแฟคงกำลังดี บอกตามตรงนะครับ ไม่เคยทานคุ๊กกี้ที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย แบบนี้ทำขายได้สบายเลยนะครับ” โรสเริ่มชอบกุ้งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

     ยิ่งพูด ยิ่งรู้จัก ยิ่งได้สบตา และอยู่ใกล้ๆ ยิ่งทำให้โรสใจเต้นและใจสั่นไปหมด อาจเป็นเพราะความสุภาพและใจเย็นของเขาก็ได้ ที่ตรงข้ามกับเธอทุกอย่าง จึงทำให้เธอรู้สึกว่าปลอดภัย สบายใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้กับเขา ความทรงจำที่ไม่ดี ภาพของเหตุการณ์เมื่อวานมันได้ลบและเลือนหายไปจากหัวสมองของเธอโดยปริยายเมื่อได้พบและรู้จักกุ้งในวันนี้ หัวใจของโรสเริ่มไม่ปกติ เมื่อได้อยู่ใกล้เขา

“ตอนนี้คุณกุ้ง ทำอะไรอยู่คะ” โรสไม่รู้จะชวนกุ้งคุยอะไรดี เพราะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว แม่นมก็ลุกออกไปห้องน้ำแล้วด้วย

“ก็นั่งคุยกับคุณอยู่ไงครับ” โรสทำหน้าเหวอไปเลย ไม่นึกว่าคนที่นั่งอยู่หน้าเธอจะตอบแบบนั้นออกมา

“ไม่ใช่ค่ะ ตายแล้ว ประสาทหรือเปล่าเนี่ย” โรสเริ่มหลุดนิสัยเดิมออกมานิดหน่อย

“อ้าว ก็ตอนนี้คุณถามผมว่า ทำอะไรอยู่ ผมตอบว่าคุยกับคุณ มันผิดตรงไหน คุณต่างหากแหละที่ประสาท” กุ้งสวนกลับหน้าตาย

     จนโรสต้องเปลี่ยนประโยคใหม่ “ขอโทษคะ โรสผิดเอง ขอถามใหม่แล้วกัน คุณทำ..”

ไม่ทันที่โรสจะได้ถามแม่นมเดินกลับมาพอดี “ไงจ๊ะหนุ่มสาว กำลังคุยอะไรกันอยู่หละท่าทางกำลังจะสนุกนะ” แม่นมนั่งลง

“ก็คุยกันทั่วไปหนะนม แล้วตกลงคุณกุ้งทำงานอะไรอยู่คะตอนนี้ถึงมีเวลาว่างเอาของมาคืนโรสได้” โรสถามแบบยิ้มๆ

“สถาปนิก นักออกแบบภายในครับ ผมรับงานอิสระไม่ได้ผูกมัดกับใคร มีบริษัทเล็กๆร่วมหุ้นกับเพื่อนๆแต่ไม่ได้บริหารเองหรอกครับ เวลามีงานที เพื่อนก็จะโยนงานมาให้” กุ้งตอบแบบธรรมดา แต่สายตาของโรสซิ มองกุ้งตาไม่กระพริบเลย จนแม่นมสังเกตุได้

“เก่งนะพ่อหนุ่ม อายุแค่นี้ ก็มีบริษัทเป็นของตัวเองแล้ว” แม่นมชม แล้วแกล้งเปรยสายตาไปที่ลูกสาวจอมแก่นของตัวเอง    

“ไม่เก่งหรอกครับป้า หุ้นกันหลายคน” กุ้งออกตัวไปอย่างนั้นแหละ เพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายความจริงบางอย่างไปทำไม

“ใช่ค่ะ เก่งและมีความสามารถแบบนี้ ครอบครัวคงจะมีความสุขน่าดูเลยนะคะ” โรสชมกุ้ง แต่ไม่ได้ทันสังเกตุสีหน้าคนที่อยู่ตรงข้าม

     ทำให้กุ้งต้องชะงักและพูดอะไรไม่ออกเลย นิ่งเงียบไปพักนึงจึงอ้าปากตอบออกมาได้

“ไม่ เออ ยัง ยังครับ ผมยังไม่มีครอบครัว” กุ้งหน้าเสีย จนทำให้แม่นมและโรสสังเกตุเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

“คุณเป็นอะไรคะ” โรสรู้สึกผิดอีกแล้วที่คิดว่า ยิงคำถามที่ไม่ควรออกไป

“ไม่ ไม่ครับ” กุ้งปฏิเสธเสียงแข็ง

“โรสต้องขอโทษด้วยนะคะ โรสไม่ได้ตั้งใจ คุณกุ้งยกโทษให้กับโรสด้วยนะคะ”

“ผมเห็นทีจะต้องกลับจริงๆแล้วหละครับ รบกวนคุณมานานแล้ว” พูดจบ กุ้งก็ยกมือไหว้นมพลอยแล้วก็ลุกออกจากโซฟาไปเลย

“ค่ะๆ” แม่นมรับไหว้ โรสลุกขึ้นจะออกไปส่ง

“ไม่ต้องออกไปส่งหรอกนะครับ ผมเกรงใจ”

“ทำไมหละคะ” โรสไม่เข้าใจ เพราะอยู่ดีๆ อารมณ์ของกุ้งก้เปลี่ยนไป จากเงียบขรึม กลายเป้นดุดันและเย็นชาขึ้นมาทันที

“ผมบอกไม่ต้องก็ไม่ต้องซิครับ ผมไปหละ ลาหละครับ” กุ้งลืมตัว ตวาดกลับไปนิดนึง โรสจึงนิ่งได้ เพราะตกใจนิดหน่อย

“คุณกุ้ง” กุ้งหยุดและหันกลับมา

“ขอบคุณนะคะที่ช่วยโรสในวันนี้ หวังว่าโอกาสหน้าเราคงจะได้พบกันอีกนะคะ”

     กุ้งไม่ตอบอะไร หันหน้ากลับ แล้วเดินออกจากบ้านไปเลยทันที โรสตะโกนตามออกไป

“บ้านนี้ยินดีต้อนรับคุณเสมอตลอดเวลา ถ้ามีโอกาสผ่านมา อย่าลืมแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนกันบ้างนะคะ”

     พิณเปิดประตูใหญ่ให้กุ้ง กุ้งหยิบแว่นดำขึ้นมาสวม เพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยของน้ำตาที่เริ่มจะรินไหลออกมา โดยไม่รู้ตัวเดินกลับขึ้นรถแล้วขับออกไปเลยทันที แม่นมเดินเข้ามาจ้องหน้าลูกสาวจอมแก่น แกเป็นคนตรงๆเลยถามออกมาทันที เพราะไม่อยากอึดอัด

“ชอบเค้าเข้าให้แล้วหละซิ ใช่ไหม” แม่นมยิงคำถามแบบไม่ให้โรสตั้งตัวเลย

“เออ..คือ” โรสก้มหน้าพูดไม่ออก พอเงยหน้าขึ้นมา ก็หันไปมา มือไม้สั่น บีบกันแน่น

“นมดูออก รู้นะว่าคุณหนูคิดอะไรอยู่ เลี้ยงมากับมือ ทำไมนมจะไม่รู้”

     พูดจบแม่นมก็เดินผ่านออกไปเลยปล่อยให้โรสยืนนิ่งเงียบอยู่คนเดียว แม่นมเดินยิ้มออกไป รู้ว่าลูกสาวขาวีนคิดกับกุ้งยังไง เธอเริ่มมีความหวังว่า คนที่จะมาปราบพยศลูกสาวของเธอได้ คงไม่ใช่ใคร กุ้งนี่แหละ เพราะเท่าที่สังเกตุ โรสไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเวลาที่มีชายหนุ่มเข้ามาคุยมาจีบ แต่กลับกุ้ง โรสกลับมาอาการและท่าทีเปลี่ยนไปทันทีอย่างเห็นได้ชัด นมพลอยจึงหวังไว้ในใจลึกๆว่าสักวัน ถ้าบุญวาสนาและบุพเพสันนิวาสมีจริง กุ้งต้องกลับมาได้เจอกับโรสอีกแน่นอน เธอหวังและคิดไว้อย่างนั้นจริงๆ

..... +++++ .....

     ภมร (มอญ) เพื่อนรักอีกคนของนรากรที่เรียนจบมาในรุ่นเดียวกัน สอบได้ทุนไปเรียนต่อรุ่นเดียวกันกับเมฆ แต่แยกไปเรียนคนละประเทศ เมฆเอาดีทางวิศวกรรมฐานรากการก่อสร้าง ส่วนมอญเอาดีทางการเขียนแบบภายในและออกแบบโครงสร้าง ขณะเรียนต่อที่นี่ก็ได้พบรักกับ รุ่งทิวา (ดาว) โดยบังเอิญในผับแห่งหนึ่ง หลังจากที่ดาวสลัดรักหนุ่มๆชาวต่างชาติมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว

     มอญจำได้ว่าดาวเคยคบและเป็นแฟนกับกุ้งอยู่ 1 ปีเต็มๆและจู่ๆก็หายหน้าไปเพราะเหตุใดไม่รู้ได้ รู้ว่ากุ้งเสียใจฟูมฟามอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเรียนจบ จู่ๆดาวก็มาโผล่ที่นี่ได้เช่นไรไม่อาจรู้ได้ มอญถือคติ อดีตก็คืออดีต อยู่กับปัจจุบันดีกว่า หลังจากที่ได้เข้าไปสานสัมพันธ์จนจีบติดและรู้ว่าดาวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จึงทำให้เข้าทางของมอญทันที ท้ายที่สุดไม่รู้ว่ามาตกร่องป่องชิ้นใช้ชีวิต อยู่กินกับมอญได้เช่นไรตั้ง 2 ปี ก่อนที่จะหมดสัญญา อาจเป็นเพราะเงินเดือนตอนอยู่ที่ต่างประเทศดีก็ได้จึงทำให้ดาวยอมอยู่กับมอญ

     มอญพาดาวกลับมาจากเมืองนอก หลังจากที่เขาได้หมดสัญญาว่าจ้างกับบริษัทฝรั่งเอกชนที่นั่น 4 ปี 2 ปีที่ได้อยู่ด้วยกันมา ดาวไม่เคยเลยที่จะทำให้เขาสบายใจ แต่ทำไงได้ เมื่อไฟราคะเข้าสิง อะไรๆมันก็ห้ามไม่อยู่ ถึงรู้ว่าเป็นนรก เขาก็ยอมเดินเข้าไป

%%%%%% ----- %%%%%%

     <ตื๊ดๆๆๆๆ> มือถือของกุ้งดังขึ้น หลังจากออกมาจากบ้านของโรสได้ไม่นาน กุ้งดูเวลา 11.00 น. หยิบบูลทูสใส่หูแล้วกดรับ

“สวัสดีครับ ผมนรากรมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” กุ้งไม่รู้ว่าใคร เพราะขับรถอยู่เสียงจึงอู้อี้ในครั้งแรก เสียงจากปลายสายแว่วเข้ามา

“ทำอะไรอยู่วะ ไอ้หอกหัก” ประโยคนี้ไม่มีใคร นอกจาก มอญคนเดียวเท่านั้นที่ชอบพูดและทักทายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

“ไอ้มอญ ไอ้เหี้ย ไอ้หน้าหม้อ” นี่ก็เช่นกัน ทักทายกันแบบไม่มีใครยอมใครเลย แม้แต่น้อย นี่ถ้าไม่สนิทจริง พูดไม่ได้นะเนี่ย

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 2 .. “ เวลาไม่เคยเดินถอยหลัง ”

 ตอนที่ 1 .. “ บันทึกใจ ”

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป