Your Wishlist

ทะลุมิติมายุค 1980 ช่างหัวพวกมันสิ! (ตอนที่ 52 - 54: เก่งจริง, ซื้อเครื่องเล่นเทป, พี่สะใภ้สุดยอดเลย)

Author: Carefree Leaf-Talk/ BuaElla แปล

หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’

จำนวนตอน :

ตอนที่ 52 - 54: เก่งจริง, ซื้อเครื่องเล่นเทป, พี่สะใภ้สุดยอดเลย

  • 26/08/2567

 

**แปลชื่อผิด เซาหยู คือ เส้าหยูนะคะ น้องสาวของเส้าเฟิง ส่วนเส้าฟง เปลี่ยนชื่อเป็น เส้าเฟิง**

_________________________________________________________

ตอนที่ 52: เก่งจริง

 

เส้าหยูยิ้มแล้วหยิบช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งขึ้นมายื่นให้ซูฮั่นหยวน "พี่ซู กินด้วยกันนะคะ ต่อไปฉันต้องขอรบกวนให้พี่ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้ด้วยนะ"

 

ซูฮั่นหยวนเข้าใจเจตนาของเส้าหยูดี เธอจึงแกะกระดาษห่อช็อกโกแลตและใส่มันเข้าปาก กลิ่นหอมของช็อกโกแลตที่ผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ละลายในปากเธอทันที นานมากแล้วที่เธอไม่ได้กินช็อกโกแลต

 

กลิ่นนี้ช่างหอมเย้ายวนใจจริงๆ ช็อกโกแลตเป็นของโปรดของเธอเสมอมา และความชอบนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 

"อร่อยมาก ขอบคุณนะ" ซูฮั่นหยวนยิ้มกว้างจนตาแทบหรี่เป็นเส้นตรง "ช็อกโกแลตนี้แพงมากใช่ไหม แถมยังต้องใช้คูปองถึงจะได้มา ครั้งนี้ฉันรับไว้ก็ได้ แต่ครั้งหน้าฉันไม่เอานะ ตกลงไหม"

 

เส้าหยูถูมือของตัวเองด้วยความตื่นเต้นและกังวล "จะได้ยังไงกันคะ ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่พี่อุตส่าห์สอนภาษาอังกฤษให้ ฉันทำให้พี่เสียเวลาสอนฉันฟรีๆ ไม่ได้หรอก"

 

"ไม่ต้องหรอก ฉันกับจู้หลินเป็นเพื่อนกัน และเธอเองก็เป็นเพื่อนกับจู้หลิน งั้นต่อไปเราก็เป็นเพื่อนกันแล้วนะ ไม่ต้องมาทำตัวเกรงใจหรอก"

 

"เอ่อ...ก็ได้" เส้าหยูตอบตกลงอย่างลังเล

 

"ไม่ต้องกังวลนะ" ซูฮั่นหยวนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน "ฉันอายุพอๆ กับเธอ เรียกฉันว่าฮั่นหยวน หรือหยวนหยวนก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ไปเราจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจังแล้วนะ"

 

"ตกลง!"

 

เมื่อซูฮั่นหยวนบอกว่าเธอต้องการสอนภาษาอังกฤษ เธอก็หมายความตามนั้นจริง ๆ ตั้งแต่การจดจำคำศัพท์ไปจนถึงโครงสร้างประโยค รวมถึงความรู้ด้านไวยากรณ์ที่เกี่ยวข้อง เธอต้องอธิบายตั้งแต่ต้นจนจบ

 

ภาษาอังกฤษไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย ตอนที่เธอไปต่างประเทศ คะแนนรวมในการสอบ IELTS ของเธออยู่ที่ 8.5 เธอได้คะแนนเต็ม 9 ในสองวิชา และได้ 8 คะแนนในอีกสองวิชา แม้ว่าจะไม่ใช่คะแนนสูงสุด แต่ผลลัพธ์ของเธอก็ถือว่าดีมาก

 

หลังจากอธิบายเสร็จแล้ว เธอก็พาจู้หลินและเส้าหยูอ่านออกเสียงเป็นส่วน ๆ และทำแบบฝึกหัดไปด้วยกัน

 

นอกจากเวลารับประทานอาหารกลางวันและเข้าห้องน้ำแล้ว พวกเธอก็ใช้เวลาทั้งวันในการศึกษาภาษาอังกฤษในหอพัก ซูฮั่นหยวนสังเกตว่าคนในยุคนี้ก็ขยันขันแข็งเช่นกัน พวกเขาจดจ่ออยู่กับการเรียนอันน่าเบื่อหน่ายนี้ทั้งวัน ไม่มีใครบ่นว่าเบื่อเลย ทุกคนยังคงรักษาความกระตือรือร้นในการเรียนอย่างเต็มที่

 

ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเวลาผ่านไปแล้ว ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาวที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้ามืด

 

ซูฮั่นหยวนรู้สึกเหนื่อย เธอหยุดพักและมองออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านหน้าต่าง จากนั้นก็หันมามองนาฬิกาปลุกเล็ก ๆ บนโต๊ะ ตอนนี้เป็นเวลาหลังหนึ่งทุ่มไปแล้ว

 

"เส้าหยู มันดึกแล้วนะ เธอควรจะกลับบ้านได้แล้วหรือเปล่า" เธอถาม

 

เส้าหยูมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความลำบากใจ "เวลาไม่เคยพอเลยจริง ๆ วันนี้ฉันศึกษาเรียนรู้มาทั้งวัน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจเวลาที่เธอพูดภาษาอังกฤษได้อยู่ดี แม้ว่าจะเป็นประโยคที่ค่อนข้างง่าย ฉันก็ยังต้องคิดในหัวนาน และยิ่งยากที่จะพูดภาษาอังกฤษออกมา แถมสำเนียงก็ยังแย่มาก ทำยังไงดี"

 

เมื่อเห็นว่าหล่อนรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังเล็กน้อย ซูฮั่นหยวนก็ปลอบหล่อนว่า "กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว การเรียนรู้ภาษาใด ๆ ก็ต้องใช้การสะสมและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เธอแค่ต้องฟังให้มากขึ้น อ่านให้มากขึ้น และยืนหยัดไปเรื่อย ๆ ฉันสัญญาว่าอีกสองเดือนจากนี้ เธอจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจน"

 

ตอนที่ 53: ซื้อเครื่องเล่นเทป

 

"ฟังและอ่านให้มากขึ้น...แต่เราจะไปฟังที่ไหน แล้วเราจะเรียนจากที่ไหน" จู้หลินถอนหายใจ หล่อนก็มีปัญหาและความสับสนแบบเดียวกับที่เส้าหยูพบเจอในการเรียนเช่นกัน

 

"เธอสามารถฟังตามโทรทัศน์ วิทยุ หรือเครื่องเล่นเทปได้" ซูฮั่นหยวนแนะนำ

 

"พอเธอพูดขึ้นมาก็ทำให้ฉันนึกขึ้นได้ สมัยนั้นเฉียวซาซ่าเคยบอกฉันว่า ป้าคนหนึ่งของเธอเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัย ป้าของเธอบอกให้เธอฟังรายการภาษาอังกฤษจากต่างประเทศผ่านเครื่องบันทึกเสียง หรือไม่ก็ซื้อวิทยุหรือเทปมาเรียนรู้เอา" เส้าหยูเล่าว่าหล่อนเคยได้ยินเฉียวซาซ่าอวดความรู้ภาษาอังกฤษของเธออย่างไร

 

อย่างไรก็ตาม เฉียวซาซ่าไม่ได้บอกเธอว่าความถี่ของรายการวิทยุนั้นคืออะไร

 

"ถูกต้อง งั้นเราซื้อเครื่องเล่นเทปกันเถอะ" ซูฮั่นหยวนเห็นว่าตามห้างสรรพสินค้าเริ่มมีเครื่องเล่นเทปขนาดเล็กแล้ว สามารถพกพาด้วยมือเดียวได้ และมันก็เบาและสะดวกกว่ามาก "ไปที่ร้านหนังสือและซื้อหนังสือภาษาอังกฤษและเทปมาฝึกการฟังและการพูด"

 

"อะไรนะ แต่มันแพงมากเลยนะ" จู้หลินรู้สึกเสียดายเงิน ท้ายที่สุดแล้ว เครื่องเล่นเทปขนาดเล็กแบบนั้นนำเข้ามาจากต่างประเทศและราคาแพงมาก

 

เงินเดือนเฉลี่ยของหล่อนต่อเดือนน้อยกว่า 50 หยวน การจะซื้อของสิ่งนี้ต้องกัดฟันและเก็บเงินนานถึงครึ่งปี

 

"อีกอย่าง ใช่ว่าจะหาซื้อได้ง่ายๆ” หล่อนเสริม "สินค้านี้เป็นที่ต้องการสูง หาซื้อยาก ต้องใช้คูปองและยังต้องไปต่อคิวที่ห้างสรรพสินค้านาน ๆ หรือไม่ก็ต้องใช้เส้นสายในการซื้อ"

 

"ไม่เป็นไรหรอก" ซูฮั่นหยวนพึมพำกับตัวเอง "สิ่งที่พวกเธอทำอยู่ตอนนี้มันคุ้มค่ามาก เมื่อพวกเธอตัดสินใจที่จะสู้เพื่อปริญญาอย่างเต็มที่แล้ว ก็อย่าไปกังวลเรื่องเงิน อย่างไรก็ตาม...ปัญหาคือเราจะหาซื้อได้หรือเปล่า"

 

"เธอจะซื้อจริงเหรอ?" เส้าหยูลังเลและพูดว่า "ถ้าเธออยากซื้อจริง ๆ ฉันจะให้พี่ชายฉันช่วยคิดหาทางให้ก็ได้นะ"

 

“ฉันอยากซื้อ” ซูฮั่นหยวนพูด "แต่ถ้าซื้อคนเดียวก็แพงเอาเรื่อง ในเมื่อพวกเราสามคนเรียนภาษาอังกฤษด้วยกัน ทำไมไม่ซื้อด้วยกันล่ะ แบบนี้เป็นไง"

 

“ก็ดีนะ งั้นซื้อแล้วก็เอามาไว้ที่หอพัก ฉันจะมาที่นี่ทุกวันเพื่อศึกษา แล้วเราจะฟังด้วยกัน”

 

“ตกลงตามนี้” จู้หลินเห็นด้วย

 

หลังจากนั้นซูฮั่นหยวนและจู้หลินก็เดินไปส่งเส้าหยูที่ชั้นล่าง พวกเธอเห็นเส้าเฟิงห่อหุ้มตัวเองด้วยเสื้อโค้ททหารสีเขียว มือของเขาซุกอยู่ในแขนเสื้อโค้ทกันหนาว ขณะที่เขายืนสั่นอยู่ข้างจักรยาน ลมหนาวกลางฤดูหนาวนั้นแสนจะเย็นยะเยือก ทำให้ใบหน้าของเขาแดงก่ำและฟันของเขาก็สั่นกระทบกัน

 

“พี่! ทำไมถึงไม่ตะโกนเรียกจากข้างล่างล่ะ ดูสิหนาวจนสั่นไปหมดเลย” เส้าหยูรู้สึกสงสารจึงวิ่งเข้าไปหาและยื่นมืออุ่น ๆ ของเธอไปสัมผัสใบหน้าของพี่ชาย "ให้ฉันช่วยอุ่นให้นะ"

 

“ก็เพราะกลัวว่าจะรบกวนพวกเธอไง” เส้าเฟิงยิ้มกว้างก่อนจะดึงมือออกจากแขนเสื้อ จากนั้นเขาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าด้านในเสื้อโค้ทแล้วหยิบมันเทศเผานุ่มๆ สามหัวออกมา “ยังอุ่นอยู่เลย พวกเธอแบ่งกันกินนะ”

 

“ขอบคุณค่ะ พี่ชาย” เส้าหยูแจกจ่ายมันเทศเผาอย่างดีใจ

 

ซูฮั่นหยวนรู้สึกหิวพอดี เธอจึงกัดมันเทศเผาคำนึง รสชาติหวานและหอมอบอวลทำให้เธอรู้สึกอิ่มเอม

 

“อร่อยมาก ขอบคุณนะ เส้าเฟิง!” เธอยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไร ขอบคุณที่ช่วยสอนน้องสาวของฉัน ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้ บอกมาได้เลย” เส้าเฟิงเผยให้เห็นฟันขาวๆ ของเขาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างจริงใจ

 

“พูดถึงเรื่องนี้ ฉันมีเรื่องจะรบกวนพอดี พวกเราต้องการเครื่องเล่นเทปสำหรับภาษาอังกฤษ ฉันได้ยินมาว่าหาซื้อไม่ง่ายนักในตลาด พอจะมีวิธีหาซื้อได้ไหม?” เธอถาม

 

“ได้สิ” เส้าเฟิงตอบรับ “แค่รอหน่อย สามวันไม่เกินนี้ก็จะได้ของแล้ว”

 

ตอนที่ 54: พี่สะใภ้สุดยอดเลย

 

“งั้นก็รบกวนด้วยนะ”

 

เส้าเฟิงทำตามที่พูดไว้จริง ๆ สามวันต่อมาเขาก็ซื้อเครื่องเล่นเทปใหม่เอี่ยม พร้อมกับชุดเทปภาษาอังกฤษและสื่อการสอน เขาปฏิเสธที่จะรับเงินจากซูฮั่นหยวนและจู้หลิน แต่ทั้งสองคนก็ยืนกรานที่จะให้เงินเขาอยู่ดี

 

เครื่องเล่นเทปถูกวางไว้ในหอพัก ตอนกลางวันพวกเธอทั้งสามคนทำงานในแผนกของตัวเอง ส่วนตอนกลางคืนพวกเธอก็ตั้งใจฟังและอ่านภาษาอังกฤษ

 

ตั้งแต่หลินชิงอี้ประสบปัญหาเนื่องจากรายการแสดงวันปีใหม่และถูกหัวหน้าหนิ่วตำหนิ หล่อนจึงสูญเสียโอกาสที่จะได้รับเลือกเป็นพนักงานดีเด่น ในช่วงเวลานี้หล่อนไม่กล้าก่อปัญหาอีกและมุ่งเตรียมงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า โดยหวังว่าจะใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนมุมมองของหัวหน้าหนิ่วที่มีต่อหล่อน

 

เมื่อหลินชิงอี้กลายเป็นคนที่ตรงไปตรงมามากขึ้น ชีวิตของซูฮั่นหยวนก็สงบสุขมากขึ้นตามไปด้วย

 

หลายวันแล้วที่เธอไม่ได้ข่าวจากทางบ้านเลย เธอไม่รู้ว่าพ่อของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และปัญหาเรื่องบ้านได้รับการแก้ไขหรือยัง

 

เธอรู้สึกว่าต้องหาเวลาไปดูที่บ้านบ้าง เธอไม่สามารถปล่อยให้เว่ยกุ้ยฉินทำอะไรตามใจตนเองได้

 

หลังอาหารกลางวัน ขณะที่เธอกำลังงีบหลับอยู่บนโต๊ะ โทรศัพท์ในสำนักงานก็ดังขึ้น

 

หลังจากรับโทรศัพท์แล้ว เธอก็รีบวิ่งไปที่ทางเข้าโรงงาน

 

สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือ รปภ.บอกว่ามีคนในครอบครัวมาหาเธอ แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะเป็นพี่สะใภ้ของเธอเอง อู๋เจียวเจียว

 

“ฮั่นหยวน ในที่สุดเธอก็ออกมาสักที ฉันหนาวจะแย่อยู่แล้ว” อู๋เจียวเจียวซ่อนมือของเธอไว้ในแขนเสื้อ หดคอและไหล่เข้าหากันแล้วหมุนตัวไปรอบ ๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น

 

“พี่สะใภ้ ทำไมพี่ถึงมาที่นี่” เธอถามด้วยความงุนงง

 

“ฉันมาบอกข่าวดีให้เธอฟัง” อู๋เจียวเจียวคว้าแขนซูฮั่นหยวนและลากเธอไปที่มุมหนึ่งของทางเข้าโรงงานแล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “เรียบร้อยแล้ว!”

 

“อะไรเรียบร้อยแล้ว?”

 

"เรื่องบ้านเรียบร้อยแล้ว" อู๋เจียวเจียวพูดอย่างภูมิใจ "หลังจากที่เธอออกไป แม่กับจิ่งรุ่ยยังคงอยากให้แม่ของหลินจื่อชิวมาอยู่ในบ้าน ฉันไม่ยอมเด็ดขาด เลยจัดการทั้งร้องไห้ โวยวาย แล้วก็ขู่ว่าจะผูกคอตาย ทำเอาชาวบ้านในลานบ้านออกมาดูหมดเลย พวกเขาก็พูดกันหมดว่าแม่ไม่ควรให้ห้องกับแม่ของหลินจื่อชิว พ่อก็พูดด้วยว่าถ้าแม่ยังทำเรื่องวุ่นวายอยู่ เขาจะย้ายไปอยู่ที่โรงงานแทน"

 

"แสดงว่าบ้านปลอดภัยแล้วใช่ไหม" ซูฮั่นหยวนยิ้มและยกนิ้วโป้งให้ "พี่สะใภ้ พี่สุดยอดจริง ๆ!"

 

"แน่นอนสิ" อู๋เจียเจียวดีใจมาก "หลินจื่อชิวนี่ก็เกินไปจริง ๆ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องลูกสาวพาแม่มาอยู่กับครอบครัวสามีเลย แปลกใหม่จริง ๆ!"

 

"แล้วหลังจากที่เรื่องบ้านเรียบร้อยแล้ว หลินจื่อชิวว่าอะไรไหม?" ซูฮั่นหยวนถาม

 

 “นี่แหละคือเรื่องที่สองที่ฉันอยากจะบอกเธอ! เดิมทีถ้าแม่ของหลินจื่อชิวได้มาอยู่ในบ้าน เรื่องแต่งงานของทั้งสองครอบครัวก็คงจะพูดคุยกันต่อ แต่เมื่อแม่ของหลินจื่อชิวไม่ได้มาอยู่ที่นี่ การแต่งงานก็เลยไม่เกิดขึ้น ทั้งสองคนก็เลยหมั้นกันไปก่อน”

 

“อย่างนี้แม่กับจิ่งรุ่ยคงจะเกลียดฉันตายเลยสิ” ซูฮั่นหยวนพูดยิ้มๆ

 

“ใช่แล้ว! โดยเฉพาะจิ่งรุ่ยน่ะ! เขาดีใจมากที่คืนนี้จะได้กอดเมีย แต่กลายเป็นว่าตอนนี้กลับต้องรออย่างหมดหนทาง ส่วนเรื่องจะแต่งเมื่อไหร่ ก็ต้องแล้วแต่ครอบครัวหลิน เธอไม่รู้หรอกว่าแม่โกรธเธอแค่ไหน ปอดแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!”

 

อู๋เจียเจียวพูดด้วยอารมณ์เต็มเปี่ยม เล่าเรื่องราวอย่างมีชีวิตชีวา

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป