หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’
ตอนที่ 86: ให้ความช่วยเหลือ
“จริงหรือคะ? จะไม่ลำบากคุณหรือคะ” ถึงแม้ว่าซูฮั่นหยวนจะถามว่าจินเฉินจะลำบากไหม แต่การกระทำของเธอไม่ได้แสดงว่าเธอกลัวที่จะรบกวนเขาเลย "ตรงไปทางนี้แล้วเลี้ยวขวา แล้วก็...ฉันอาจจะต้องพูดคุยซักหน่อย คุณรอฉันหน่อยนะคะ"
"รอหรือ?"
"ใช่ค่ะ" ซูฮั่นหยวนยิ้มเขินๆ "ก็เราต้องกลับไปด้วยกันไม่ใช่หรือคะ ช่วยคนทุกข์ยากสักหน่อยเถอะค่ะคุณหมอจิน"
จินเฉินหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“นี่ คุณหัวเราะได้ด้วยหรือคะ” ซูฮั่นหยวนประหลาดใจมาก
“ผมไม่ได้เป็นอัมพาต ทำไมจะหัวเราะไม่ได้”
“ก็เพราะทุกครั้งที่ฉันเห็นคุณ คุณมักจะขมวดคิ้วหรือไม่ก็หน้าซีดตลอด...ไม่ก็เหนื่อยล้าหรือหงุดหงิดมากๆ ตลอดเวลา แล้วก็ดูเหมือนไม่อยากให้ใครเข้าใกล้” ซูฮั่นหยวนพูดอย่างตรงไปตรงมา
“แค่บางครั้ง” จินเฉินตอบสั้นๆ
เขาไม่ได้อยากเป็นแบบนั้นตลอดเวลา แต่เวลาที่อาการป่วยกำเริบ ความเจ็บปวดและความหงุดหงิดมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้
“นี่คุณหมอ...” หัวหน้าอันธพาลพูดขึ้น “แขนนี้...ช่วยต่อคืนให้หน่อยได้ไหม”
“ไปหาหมออื่นต่อให้สิ” จินเฉินสนใจแต่การถอดแขน แต่ไม่ได้สนใจจะต่อกลับให้
“ไม่ได้หรอก...ถ้าไม่ต่อให้ฉันต้องเจ็บทั้งคืนแน่!”
“ก็ถือว่าเป็นการลงโทษแล้วกัน” จินเฉินพูดเสร็จก็หันไปบอกซูฮั่นหยวน “ไปโรงพิมพ์กันเถอะ”
ซูฮั่นหยวนเดินตรงไปหาผู้รับผิดชอบโรงพิมพ์และอธิบายวัตถุประสงค์ที่เธอมาหา ผู้รับผิดชอบก็บอกว่าเขากำลังยุ่งมากจริงๆ และไม่สามารถจัดสรรเวลาพิมพ์งานให้เธอได้ จึงหวังว่าเธอจะเข้าใจและให้อภัย
อย่างไรก็ตาม เรื่องของซูฮั่นหยวนจำเป็นต้องทำ เธอพยายามพูดจาโน้มน้าวและอ้อนวอนอยู่นาน แต่ผู้รับผิดชอบก็ยืนยันว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้จริงๆ ช่วงปลายปีหลายบริษัทก็พิมพ์งานกันมาก บางโรงเรียนก็ต้องพิมพ์การบ้านสำหรับปิดเทอมฤดูหนาว เวลาเลยค่อนข้างกระชั้นชิดจริงๆ
จินเฉินยืนดูการเจรจาระหว่างทั้งสองคนจากประตูทางเข้าโรงพิมพ์ ดวงตาของเขาจ้องไปที่ด้านข้างของใบหน้าซูฮั่นหยวนและมองดูเธออย่างพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่เขากำลังเหม่อคิดอะไรอยู่ ซูฮั่นหยวนก็หันกลับมามองเขาด้วยแววตาที่ดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย
จินเฉินตั้งสติและเดินเข้ามาถามว่า "มีอะไรหรือเปล่า มีปัญหาอะไรไหม"
ซูฮั่นหยวนส่ายหน้าอย่างผิดหวัง "เขาบอกว่าเวลามันค่อนข้างกระชั้นชิด เขาไม่สามารถจัดเวลามาทำของฉันให้ได้ค่ะ"
"รีบมากหรือ"
"ใช่ค่ะ"
"ผมลองดูให้"
"คุณทำได้หรือคะ"
"อาจจะได้"
ซูฮั่นหยวนถอยไปยืนรอ เห็นจินเฉินพูดคุยกับผู้รับผิดชอบอยู่สองสามคำ แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในส่วนโรงพิมพ์ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถูกเรียกเข้าไป
"มาเถอะ ผมจะทำโอทีให้เพราะเห็นแก่คุณหมอจิน พรุ่งนี้ อย่างช้าก็ไม่เกินเที่ยง พอจะได้ไหมครับ"
"ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะที่เสียสละทำงานเพื่อฉัน"
หลังจากออกจากโรงพิมพ์ ซูฮั่นหยวนกล่าวขอบคุณจินเฉิน "วันนี้ต้องขอบคุณคุณมากเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่รู้เลยว่าวันนี้จะย่ำแย่แค่ไหน"
"ไม่เป็นไรครับ"
"ว่าแต่คุณไปโน้มน้าวคนที่โรงพิมพ์ให้ช่วยฉันพิมพ์งานได้ยังไงหรือคะ" ซูฮั่นหยวนรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
"ผมรู้จักเขาพอดีครับ ผมเพิ่งช่วยผ่าตัดภรรยาของเขาเมื่อสองสามวันก่อนนี้เอง"
"ไม่แปลกใจเลย ขอบคุณนะคะคุณหมอจิน"
"ไม่เป็นไรครับ" จินเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "แต่ถ้าคุณอยากจะขอบคุณผมจริงๆ ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้หรอกนะ"
"ได้ค่ะ คุณอยากให้ฉันทำอะไรเพื่อขอบคุณก็ว่ามาได้เลยค่ะ" ซูฮั่นหยวนยิ้ม
"นี่ครับ" จินเฉินยื่นมือที่ข้อนิ้วบวมแดงเล็กน้อยออกมาให้ดู "มันเจ็บนิดหน่อย พรุ่งนี้มีผ่าตัดทั้งวัน ผมกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับงาน"
"งั้นให้ฉันช่วยนวดให้ไหมคะ" นั่นเป็นสิ่งแรกที่ซูฮั่นหยวนคิดออก
ตอนที่ 87: สิ่งที่เขาต้องการพอดี
นี่เป็นสิ่งที่จินเฉินต้องการพอดี เขากำลังคิดว่าจะพูดยังไงดี แต่พอซูฮั่นหยวนพูดขึ้นมาเอง เขาจึงยินดีรับข้อเสนอนั้น "ก็ดีเหมือนกันครับ"
ซูฮั่นหยวนไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เพราะสำหรับคนที่มาจากโลกปัจจุบันแล้ว ความคิดแบบยุคแปดศูนย์ที่ผู้ชายผู้หญิงไม่ควรแตะต้องกันนั้นไม่ค่อยมีอิทธิพลมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นมือของศัลยแพทย์โดยเฉพาะ ความคล่องแคล่วของมือเขาเป็นสิ่งสำคัญในการผ่าตัดว่าจะละเอียดประณีตแค่ไหน
ซูฮั่นหยวนจับมือของจินเฉินอย่างเบามือ และนวดบริเวณข้อต่อที่บวมแดงเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นแสงสีฟ้าที่มีพลังในการรักษาปกคลุมบริเวณที่เขาเจ็บ
แสงนั้นไหลเวียนรอบๆ จุดบาดเจ็บของเขาอย่างช้าๆ และค่อยๆ ลดความเจ็บปวดลง
จินเฉินเคยเจอคนไข้ทุกรูปแบบในห้องผ่าตัด เขาเคยสัมผัสผิวหนังทุกรูปแบบมาก่อน แต่เมื่อมือของซูฮั่นหยวนลูบไล้บริเวณข้อต่อของเขาอย่างนุ่มนวล หัวใจของเขากลับรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
ฝ่ามือของเธอนุ่มนวลและนิ้วที่เรียบเนียนไม่เหมือนมือของคนงานหญิงในโรงงานของรัฐเลยสักนิด
เมื่อเทียบกับสัมผัสที่อ่อนโยนนี้แล้ว เขารู้สึกสบายและสงบใจมากกว่า
ทุกครั้งที่เขาได้สัมผัสกับเธอ ความเจ็บปวดและเสียงวิ้งที่เคยก้องอยู่ในหูของเขาก็จางหายไป ทำให้จิตใจสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าเขาจะยืนอยู่บนเตียงผ่าตัดมาทั้งวันจนเหนื่อยล้า เขากลับไม่รู้สึกแบบนั้นในตอนนี้
ตรงกันข้าม เขารู้สึกเหมือนมีพลังไหลเข้ามาเต็มร่างกาย ขับไล่ความเหนื่อยล้าออกไป
เขาทั้งรู้สึกสงสัยและทึ่งไปพร้อมๆ กัน
นี่เป็นความลับที่แสนจะน่ามหัศจรรย์ หญิงสาวตรงหน้าเขาเป็นผู้หญิงที่แสนวิเศษ และมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ถึงความมหัศจรรย์ของทั้งสองสิ่งนี้
แสงที่ฝ่ามือของเธอค่อยๆ จางลง ซูฮั่นหยวนรู้ดีว่าการรักษาเสร็จสมบูรณ์แล้ว ความเจ็บปวดและความไม่สบายควรหายไป ส่วนที่เหลือก็ต้องปล่อยให้เวลาเป็นตัวรักษาบาดแผล
“รู้สึกยังไงบ้างคะ?” เธอถาม
“ดีขึ้นมากแล้ว”
“ดีแล้วค่ะ” ซูฮั่นหยวนยิ้มให้เขา “ฉันติดคุณอยู่เรื่องหนึ่ง ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือก็มาหาฉันได้เลยนะคะ”
“ได้สิ” จินเฉินครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูดขึ้น “คราวหน้ามื้ออาหารละกัน”
ซูฮั่นหยวนพูดไม่ออก
“ไม่เต็มใจหรือ” จินเฉินเห็นท่าทีลังเลของเธอ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เต็มใจแน่นอน! คราวหน้า คราวหน้านะคะ” เพราะเดือนนี้เธอยังเป็นหนี้อยู่ ต้องรอให้ถึงสิ้นปีที่ได้รับเงินเดือนและเงินค่าติวหนังสือก่อนถึงจะมีเงินเลี้ยงเขาได้
“ก็ได้” จินเฉินมองนาฬิกาแล้วพูดว่า “ห้าทุ่มแล้ว คุณควรกลับได้แล้ว”
“เรียกแท็กซี่กันเถอะค่ะ” ซูฮั่นหยวนเสนอ “แถวนี้เรียกยาก ต้องเดินไปที่ถนนใหญ่ก่อน”
“ไม่ต้อง” จินเฉินพูดขึ้น “ผมมีรถ ตามผมมา”
ซูฮั่นหยวนไม่คิดเลยว่าคืนนี้เธอจะโชคดีขนาดนี้ เมื่อจินเฉินบอกว่ามีรถ เธอก็ไม่ปฏิเสธ เธอไม่ได้คิดมากนักและตัดสินใจเดินตามเขาไปทันที
ทั้งสองคนเดินลัดเลาะไปตามตรอกแคบๆ เมื่อมาถึงปลายถนนก็เห็นรถคันเล็กจอดอยู่ริมทาง
จินเฉินเปิดประตูรถเชิญซูฮั่นหยวนเข้าไปนั่งเหมือนสุภาพบุรุษ
ลมเย็นที่อยู่ข้างนอกพัดกระหน่ำจนแทบจะกัดเข้าไปถึงกระดูก แต่ภายในรถนั้นอบอุ่นกว่ามาก ซูฮั่นหยวนที่ยุ่งทั้งวันจนเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ก็เผลอหลับไปหลังจากนั่งในรถได้ไม่นาน
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าถึงหน้าโรงงานแล้ว
“ถึงแล้ว ลงรถเถอะ” จินเฉินเตือนเธอ
ซูฮั่นหยวนขยี้ตาที่ง่วงงุนและลงจากรถ เธอขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนจะเดินไปทางประตูโรงงาน
เมื่อมองไปที่ประตูที่ปิดแน่นหนา เธอก็ตัดสินใจที่จะปีนรั้วเข้าไป
ดังนั้น ภายใต้สายตาของจินเฉิน ซูฮั่นหยวนปีนรั้วเข้าไปอย่างไม่ลังเลแล้วโบกมือลาเขา จากนั้นก็แอบเลาะไปตามกำแพงและหายลับเข้าไปในยามค่ำคืน
ตอนที่ 88: ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ซูฮั่นหยวนกลับมาที่หอพักอย่างคนอารมณ์ดี เธอฮัมเพลงเบาๆ ระหว่างทางกลับ
จู้หลินถามเธอว่าไปไหนมาถึงได้กลับดึกดื่นเช่นนี้ ซูฮั่นหยวนจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้จู้หลินฟัง
จู้หลินพูดด้วยความรู้สึกโล่งใจที่จินเฉินปรากฏตัวขึ้นทันเวลา ไม่เช่นนั้นซูฮั่นหยวนคงต้องเจอปัญหาใหญ่ เพราะสังคมในตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวายและอันตราย ควรหลีกเลี่ยงการออกไปไหนมาไหนตอนกลางคืน
ซูฮั่นหยวนพยักหน้าเห็นด้วย
ขณะที่เธอกำลังจะไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ก็ฉุกคิดถึงปัญหาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทำไมจินเฉินถึงได้มาปรากฏตัวได้ตรงเวลาอย่างนั้นล่ะ?
ทั้งที่พวกเขาแยกกันไปแล้วบนรถเมล์ก่อนหน้านี้นี่นา
แปลกจริงๆ...
จินเฉินขับรถกลับบ้านและจอดรถไว้หน้าประตู เขาเห็นคุณย่าของเขายังไม่นอนและกำลังเดินเล่นอยู่หน้าบ้านทั้งที่สวมเสื้อคลุมอยู่
เขาเดินเข้าไปหาและโอบไหล่บางๆ ของคุณย่าอย่างเบามือ "คุณย่า ดึกมากแล้วนะครับ อากาศก็หนาว ทำไมไม่พักผ่อนให้เร็วๆ ล่ะครับ มาทำอะไรตรงนี้"
“ย่าแก่แล้ว เลยนอนไม่ค่อยหลับ แล้วหลานล่ะเฉินเฉิน ย่าเห็นว่าหลานขับรถออกไป..บอกย่ามาเถอะ อาการป่วยของหลานแย่ลงอีกแล้วใช่ไหม? มันรุนแรงถึงขั้นที่นอนไม่หลับเลยหรือ?” จินหยวนเป็นห่วงหลานรักคนนี้มาก
เธอคอยสังเกตการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา และมักจะรู้ได้ทันทีถ้าเขารู้สึกไม่สบาย
แน่นอนว่าการที่เขาขับรถออกไปในคืนนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
“ไม่ใช่หรอกครับ"
"อย่าปฏิเสธเลย" จินหยวนเงยหน้าขึ้นมองยอดต้นไม้ที่ยืนต้นโกร๋น ใบหน้าของเธอชื้นขึ้นด้วยน้ำตา “เฉินเฉิน หลานบอกเองนะว่าครอบครัวเราน่ะรักษาคนมาสามรุ่นแล้ว ปู่ของหลานเป็นหมอจีนโบราณ พ่อของหลานเป็นหมอทหาร และหลานก็เป็นหมอตะวันตก ทั้งสามคนรักษาโรคได้ตั้งมากมาย ช่วยคนได้ตั้งเยอะ ทำไมถึงรักษาโรคของหลานเองไม่ได้ล่ะ”
เมื่อเห็นว่าคุณย่าเสียใจ จินเฉินก็ปลอบเธอเบาๆ “คุณย่า เอาอย่างนี้นะครับ โรคของผมรุนแรงก็จริง แต่ผมเจอวิธีที่ดีแล้ว แค่ผมออกไปเดินเล่น สูดอากาศดีๆ แล้วกลับมา อาการก็จะดีขึ้นมาก”
“จริงหรือ”
“ผมไม่โกหกหรอกคุณย่าหรอกครับ ถ้าไม่เชื่อ ลองดูผมสิ ผมดูเหมือนคนที่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” จินเฉินหรี่ตาและพูดอย่างมั่นใจ
เรื่องนี้เกินความเข้าใจของเขาเอง ตอนนี้เขายังไม่รู้จะบอกครอบครัวยังไงดี จึงคิดว่าจะปกปิดเรื่องนี้กับย่าของเขาไปก่อน...
จินหยวนจับใบหน้าของหลานชายและจ้องมองอยู่พักหนึ่ง จะว่าไปแล้วเขาดูดีขึ้นกว่าตอนที่ออกจากบ้านมาก ความเหนื่อยล้าหนักหนาที่เคยมีอยู่ก็ดูเหมือนจะลดลงไปไม่น้อย
“ดี ดี! งั้นก็กลับไปนอนแต่เนิ่นๆ นะ นอนให้สบายนะหลานรัก พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานก็ได้ นอนจนฟ้าสว่างเลยก็ได้ เข้าใจไหม?”
“ครับ” จินเฉินพยักหน้าแล้วยิ้ม
จินหยวนมองหลานชายที่ดูดีและว่านอนสอนง่ายของเธอ ใจเธอก็อดที่จะรู้สึกปวดร้าวไม่ได้
พระเจ้าได้ประทานหลานชายที่ยอดเยี่ยมคนนี้ให้ แต่กลับต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคประหลาด หากไม่ใช่เพราะโรคนี้ หลานชายของเธอคงไม่ต้องอายุ 25-26 ปี แล้วแต่ยังไม่แต่งงานเสียที เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อไหร่หลานสุดที่รักของเธอจะได้พบกับผู้หญิงที่เขาชอบ และไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นจะสามารถนำความสุขมาให้จินเฉินได้หรือไม่...
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูฮั่นหยวนมาสาย ใช่แล้ว เธอจงใจทำ
เมื่อเธอมาถึงที่ทำงาน ใบหน้าของหัวหน้าหนิ่วดูมืดครึ้ม เจียงกัวกับหลินชิงอี้ก็ก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอย่างขะมักเขม้นโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง
สิ่งที่ซูฮั่นหยวนไม่คาดคิดคือรองประธานเฉียวกับเฉียวซาซ่าจากสหภาพแรงงานก็มาด้วย นอกจากนี้ยังมีคนที่ซูฮั่นหยวนไม่คุ้นเคย แต่เธอรู้ว่าคนเหล่านั้นก็เป็นนักเขียนของสหภาพแรงงานเช่นกัน
“หัวหน้าหนิ่ว รองประธานเฉียว” ซูฮั่นหยวนทักทาย
“ยังรู้จักมาด้วยเรอะ” ก่อนที่หัวหน้าหนิ่วจะทันได้พูดอะไร รองประธานเฉียวก็พูดขึ้นก่อน "คนทั้งห้องกำลังแก้ร่างฉบับกันให้วุ่น แล้วเธอหายไปไหนมา ฉันบอกหัวหน้าหนิ่วแล้วว่า ถ้าเธอยังไม่มาอีก ฉันจะให้คนไปเรียกเธอที่หอพักแล้ว"