Your Wishlist

ทะลุมิติมายุค 1980 ช่างหัวพวกมันสิ! (ตอนที่ 89 - 91: ความทรงจำของโลงศพ, ใจเต้น, ดังในชั่วข้ามคืน)

Author: Carefree Leaf-Talk/ BuaElla แปล

หลังจากสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซูฮั่นหยวนก็ฉีกบทออกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีทางที่เธอจะกลายมาเป็นแค่ตัวละครเสริม! เธอไม่เคยเป็นคนขี้ขลาด! เพื่อจัดการกับคนใจร้ายเหล่านี้ เธอจะปล่อยให้พวกเขาทำตามใจไม่ได้! มีสามคำสำหรับขยะพวกนี้คือ ‘ไปตายซะ!’

จำนวนตอน :

ตอนที่ 89 - 91: ความทรงจำของโลงศพ, ใจเต้น, ดังในชั่วข้ามคืน

  • 29/09/2567

ตอนที่ 89: ความทรงจำของโลงศพ

 

“เอาเถอะ อย่างน้อยเธอก็มาถึงแล้ว ถ้าเธอมาสายวันนี้จะถูกลงโทษและปรับเงิน รีบมาช่วยแก้ร่างเถอะ” หัวหน้าหนิ่วไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าอะไรซูฮั่นหยวนมาก เพราะช่วงนี้การเร่งเขียนบทความนั้นสำคัญกว่า

 

ซูฮั่นหยวนเม้มปากแล้วยิ้ม “รองประธานเฉียว ถ้าเฉียวซาซ่าไม่ก่อเรื่องเมื่อวาน พวกเราคงไม่ต้องรีบมาช่วยกันแก้บทความตั้งแต่เช้าแบบนี้หรอกค่ะ”

 

“เธอจะพูดอะไร” เฉียวชุนฮว่ามองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หล่อนเคยคิดว่าซูฮั่นหยวนเป็นเหมือนหนามในหัวใจมานานแล้ว “ซูฮั่นหยวน อย่ามาทำเป็นไม่ยอมยกโทษเลยนะ เฉียวซาซ่าไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น ตอนนี้เกิดปัญหาขึ้นแล้วก็ต้องแก้ไข แล้วเธอยังจะมาจับผมไปปักต่ออีกรึ”

 

เฉียวชุนฮว่าไม่สนใจว่าใครจะพูดอะไร ชัดเจนว่าท่าทีของหล่อนกำลังปกป้องเฉียวซาซ่า เพราะอย่างไรเสียเฉียวซาซ่าก็เป็นหลานสาวของหล่อน ในโรงงานก็ยังมีคนอีกมากที่เป็นเครือญาติกัน และไม่ใช่หล่อนคนเดียวที่เป็นเช่นนี้ ใคร ๆ ก็ต้องปกป้องคนของตัวเอง

 

“รองประธานเฉียว” หนิ่วหงเซี่ยรู้ดีว่ารองประธานเฉียวคนนี้เป็นคนที่รับมือยาก แต่ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ชอบใจท่าทีที่เฉียวชุนฮว่าจัดการกับเรื่องนี้ “ปัญหาเกิดจากสหภาพแรงงานของคุณ แต่กลับไม่ให้คนอื่นพูดถึงเลยหรือคะ เอาเถอะ เราไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว หากปัญหานี้มันจบไปได้ก็ดี แต่ถ้าปัญหานี้กระทบต่อการตรวจสอบล่ะก็ ไม่มีใครในนี้จะได้ใช้ชีวิตสบายไปได้หรอกค่ะ”

 

เฉียวชุนฮ่าไม่พอใจอย่างมากและกลอกตาใส่หนิ่วหงเซี่ย

 

"หัวหน้าหนิ่วคะ" ซูฮั่นหยวนยิ้มขำ ๆ แล้วพูดว่า "วันนี้ไม่ต้องมาแก้บทความแล้วค่ะ เมื่อคืนฉันทำงานล่วงเวลาตลอดทั้งคืน จนสุดท้ายเขียนร่างจนเสร็จ แล้วก็ไปส่งร่างที่โรงพิมพ์ตอนเช้ามืด หลังจากพูดโน้มน้าวอยู่พักใหญ่ พวกเขาก็ยอมพิมพ์ให้ เราจะได้รับรายงานโรงงานตอนเที่ยงวันนี้ค่ะ"

 

"จริงหรือ?" หนิ่วหงเซี่ยมองเธอด้วยความไม่เชื่อ

 

"ใช่ค่ะ"

 

ทุกคนหยุดเขียนงานทันที ดวงตาที่หม่นหมองพลันเปล่งประกายความสุขออกมา ในที่สุดก็ไม่ต้องมาแก้บทความอันน่าเบื่อนี้แล้ว

 

"เธอบอกว่าเขียนเสร็จคนเดียวเมื่อคืนนี้หรือ" หนิ่วหงเซี่ยถามย้ำอีกครั้ง

 

"ค่ะ" ซูฮั่นหยวนยิ้มเขิน ๆ "ความจำฉันค่อนข้างดี จำได้ว่าตัวเองเขียนอะไรไปบ้าง ตอนเด็ก ๆ คนชอบพูดกันว่าแบบนี้เรียกว่า 'ความทรงจำแบบโลงศพ' เป็นการท่องจำแบบรวดเร็ว! แต่บางครั้งก็ได้ผล บางครั้งก็ไม่ได้ผล..."

 

เธอจำต้องหนาหน้าพูดโกหกเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงจะอธิบายไม่ได้แน่ ๆ

 

เธอจะปล่อยให้คนอื่นรู้เรื่องกลโกงของตัวเองไม่ได้แน่นอน ไม่อย่างนั้นเธออาจถูกหมายหัว ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด หรือไม่ก็ถูกส่งไปที่ห้องทดลองแห่งชาติให้เป็นตัวอย่างทดลองเพื่อการวิจัย ซึ่งเธอไม่ต้องการแบบนั้นเลย

 

"ยอดเยี่ยมไปเลย!" หนิ่วหงเซี่ยรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ท่าทางผ่อนคลายขึ้นมาก มองซูฮั่นหยวนด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากขึ้น "อ๊า ฉันไม่รู้เลยว่าแผนกประชาสัมพันธ์ของเรามีคนมีความสามารถขนาดนี้อยู่ด้วย! เธอลำบากมากเลยสินะ โทษของเช้านี้ถูกยกเลิกแล้วกัน ให้เจียงกัวไปเอารายงานตอนเที่ยงนี้แทนเธอ แล้ววันนี้เธอก็พักผ่อนไปเลยหนึ่งวัน กลับไปพักผ่อนที่หอพักให้สบายใจ"

 

"จริงหรือคะ หัวหน้า!" ซูฮั่นหยวนถามย้ำด้วยความดีใจ

 

"จริงสิ!"

 

"งั้น...ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะคะ"

 

"ไม่ต้องเกรงใจ ฉันสิยังต้องชื่นชมการทำงานล่วงเวลาของเธออีกด้วย"

 

ซูฮั่นหยวนยินดีรับข้อเสนอนั้น แล้วเดินออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาแห่งความยินดีและความอิจฉาของทุกคน การที่เธอทำงานล่วงเวลาถือเป็นการปลดปล่อยผู้อื่นได้อย่างมาก แม้คนอื่นจะอิจฉา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจหรือมีเรื่องบ่นตามหลังให้ได้ยิน

 

ตอนที่ 90 ใจเต้น

 

แม้แต่เฉียวชุนฮว่าและเฉียวซาซ่าก็ยังถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายมากกว่านี้หลายเท่า

 

เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ทุกคนจึงแยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง ซูฮั่นหยวนกลับไปที่หอพักและนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ท้องเธอเริ่มร้องด้วยความหิว จึงตัดสินใจเดินไปโรงอาหารเพื่อหาอะไรกิน

 

เธอถือถ้วยข้าวมายืนต่อแถวเพื่อรับอาหาร มีทั้งกะหล่ำปลีตุ๋นวุ้นเส้นกับหมู และหมั่นโถวร้อน ๆ ก้อนใหญ่ แล้วเธอก็หาที่นั่งที่ไม่ค่อยมีคนมากนักเพื่อรับประทานอาหาร

 

“เจ้าหน้าที่ซู รายงานโรงงานของเธอสัปดาห์นี้ไม่เลวเลย”

 

“ขอบคุณมาก เจ้าหน้าที่ซู เธอเขียนเรื่องดี ๆ ของฉันลงไปด้วย ฮ่าฮ่า”

 

ซูฮั่นหยวนยิ้มและกล่าวทักทาย “ขอบคุณที่ชมค่ะ เพราะเรื่องราวที่ซาบซึ้งของคุณถูกเลือกลงไป ถึงทำให้รายงานนี้ออกมาดี”

 

ดูเหมือนว่ารายงานโรงงานได้ถูกนำกลับมาแล้ว และก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากพนักงานในโรงงาน ครั้งนี้หัวหน้าหนิ่วคงจะพอใจไม่น้อย

 

ซูฮั่นหยวนทรุดตัวนั่งลงแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างรวดเร็ว แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มมืดลง มีเงาของใครบางคนมาขวางแสงไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าโจวหนิงไค่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอพร้อมกับถ้วยข้าวในมือ

 

ซูฮั่นหยวนขมวดคิ้ว ทำไมต้องเป็นเขาอีกแล้วนะ

 

“ซูฮั่นหยวน...” จางหนิงไค่มาพร้อมกับรอยยิ้ม ตาของเขาส่องประกายสดใสขณะมองเธอ “รายงานโรงงานของเธอได้ถูกส่งออกไปแล้วนะ ผลตอบรับดีมากเลย”

 

ซูฮั่นหยวนคิดในใจว่า ฉันต้องการให้นายมาบอกเหรอ? มีคนบอกฉันแล้วเมื่อกี้นี้เอง

 

แต่เธอยังคงรักษาหน้าตาที่สุภาพไว้และยิ้มบาง ๆ "ขอบคุณนะ"

 

“ผมเห็นแล้วล่ะ ผมอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นมากเลย” โจวหนิงไค่พูดด้วยความตื่นเต้น “ไม่คาดคิดว่าเจ้าหน้าที่ซูจะมีฝีมือการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม ทุกคนชมคุณว่าถ่ายภาพให้ผมดูดีกว่าตัวจริงอีก”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ” ซูฮั่นหยวนตอบแบบส่ง ๆ และก้มหน้าก้มตายัดอาหารเข้าปากโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองเขา

 

เธอไม่อยากคุยกับโจวหนิงไค่มากนัก แค่อยากจะรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไป

 

ในขณะนั้นเองกลุ่มสาว ๆ สวมชุดทำงานพร้อมปลอกแขนเดินเข้ามาที่ทางเข้าของโรงอาหาร ทุกคนถือถ้วยข้าวอยู่ในมือ และคุยกันเสียงแจ้วเกี่ยวกับรายงานโรงงานในวันนี้

 

"นี่ พวกเธอเห็นกันหรือยัง หนุ่มนักศึกษาจากแผนกเทคนิคที่ชื่อว่าโจวหนิงไค่ ฉันบอกแล้วว่ามีคนเก่ง ๆ เข้ามาทำงานที่โรงงานเรา ฉันเคยเห็นเขาอยู่สองสามครั้งแล้วนะ เขาทั้งสูงทั้งหล่อเหมือนเจ้าชายในนิทานเลย"

 

"ฉันเห็นแล้ว ฉันเห็นแล้ว ไม่เคยเห็นผู้ชายที่โดดเด่นขนาดนี้มาก่อนจริง ๆ"

 

"เขาเป็นบัณฑิตจบมหาวิทยาลัยเชียวนะ!"

 

"ต้องเก่งมากแน่ ๆ ใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นคงไม่ได้เข้าทำงานที่แผนกเทคนิคตั้งแต่เพิ่งจบมาใหม่ ๆ หรอก" เสียงหวานนุ่มดังขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่ภาพจากรายงานโรงงานยังคงปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ

 

ผู้ชายในหนังสือพิมพ์นั้นนับว่าเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตไกล ทั้งรูปร่างหน้าตาก็โดดเด่น มีคิ้วหนา ดวงตากลมโต และหน้าผากโค้งสวย แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่ธรรมดา

 

 “แน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นคนเก่งที่โรงงานเราพึ่งดึงตัวมาเลยนะ ฉันเองที่เป็นคนเดียวที่เคยเห็นเขามาก่อน แต่ตอนนี้ทุกคนในโรงงานก็ได้เห็นเขากันหมดแล้ว ดูสิว่ามีหัวใจสาว ๆ กี่คนที่ถูกขโมยไปเพราะเขา เฮ้อ หนักใจจัง!”

 

"ฉู่ซาน! เธอหนักใจเรื่องอะไร? เธอชอบเขาหรือยะ"

 

ฉู่ซานพยักหน้าอย่างภูมิใจ "น่าเสียดายที่เขาไม่สนใจฉัน แต่ว่า..."

 

ขณะที่เธอพูดก็จ้องมองไปที่เพื่อนสาวข้าง ๆ "จื่อชิว เธอสวยขนาดนี้ บางทีเขาอาจจะชอบเธอก็ได้นะ"

 

"ใช่ ๆ! จื่อชิวน่ารักและอ่อนโยนมากเลย"

 

"ใช่แล้ว แถมยังขยันมาก ๆ ด้วย น่ารักเหมือนกับนางเงือกเลย ฉันว่าเราน่าจะให้หลินจื่อชิวไปจีบโจวหนิงไค่นะ"

 

ใบหน้าของหลินจื่อชิวก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที

 

ตอนที่ 91: ดังในชั่วข้ามคืน

 

"อ๊ะๆ ดูหน้าจื่อชิวของเราซิ แดงแล้วนะ" ฉู่ซานหัวเราะ "ฉันแค่แซวเธอเล่นเอง ไปตักอาหารกันเถอะ ตอนบ่ายยังมีงานให้ทำอีกเยอะ"

 

"อื้ม"

 

หลินจื่อชิวพึ่งจะเข้ามาทำงานในโรงงานนี้ได้ไม่นาน แค่เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น ตำแหน่งที่เธอทำอยู่ก็ไม่เลวนัก เธอทำงานในแผนกขนส่ง หลักคือดูแลคลังสินค้าและการลงทะเบียนสิ่งของต่าง ๆ ในโรงงาน

 

ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอปรับตัวเข้ากับคนรอบข้างได้ดีมาก ทุกคนก็ชอบเธอมากด้วย

 

สาว ๆ กลุ่มนั้นหัวเราะและเบียดเสียดเข้าไปในโรงอาหารเพื่อไปตักอาหาร เมื่อคนงานจากแผนกต่าง ๆ เห็นหลินจื่อชิว พวกเขาก็เปิดทางให้เธอ

 

โดยปกติแล้ว เวลาที่พวกเขาไปเอาของจากคลังสินค้าจะได้เจอเธออยู่บ่อย ๆ เธอมักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า พูดจาไพเราะและมีความสุภาพ นี่เองที่ทำให้ทุกคนต่างชอบเธอ

 

"โอ้โห จื่อชิว พวกเราได้อานิสงส์จากเธอจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเราต้องรอคิวนานแค่ไหนเนี่ย!"

 

"ใช่ ต่อไปถ้ามาตักอาหาร เราจะดันจื่อชิวไปอยู่ข้างหน้า"

 

หลินจื่อชิวถูกแซวอีกครั้ง เธอก้มหน้าลงแล้วใช้มือปิดปากพร้อมกับหัวเราะ "ทำไมพวกเธอถึงเริ่มอีกแล้วเนี่ย รีบไปตักอาหารเถอะ กินเสร็จจะได้ไปทำงานต่อ"

 

เมื่อตักอาหารแล้ว ที่โรงอาหารขนาดใหญ่ก็มีคนอยู่ทุกที่จนหาที่นั่งไม่ได้เลย

 

สายตาของหลินจื่อชิวคมมาก เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ และเห็นซูฮั่นหยวนกำลังกินข้าวเงียบ ๆ อยู่ที่มุมหนึ่งไกล ๆ และใช่... ชายตัวสูงผอมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซูฮั่นหยวนนั่นคือโจวหนิงไค่ไม่ใช่หรือ?

 

"จื่อชิว เร็วเข้า ตรงนั้นมีที่ว่างอยู่!" ฉู่ซานเห็นว่ามีคนเพิ่งทานเสร็จและลุกไป จึงรีบเรียกหลินจื่อชิวให้ไปด้วยกัน

 

"ไม่ต้องหรอก" หลินจื้อชิวถือกล่องข้าวและมองไปยังมุมนั้น "ฉันเห็นเพื่อนในโรงงานน่ะ วันนี้เป็นครั้งแรกที่เจอกัน ฉันจะไปทักทายนิดหน่อย"

 

"ใครเหรอ" ฉู่ซานยืดคอมองตามสายตาของหลินจื่อชิว

 

"ซูฮั่นหยวน" หลินจื่อชิวไม่ได้ปิดบังอะไร

 

"คนจากแผนกประชาสัมพันธ์"

 

"เธอรู้จักด้วยเหรอ?"

 

"ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สินะว่าเพื่อนของเธอโด่งดังแค่ไหน" ฉู่ซานยังคงจำฉากที่งานเลี้ยงปีใหม่ได้ "หล่อนเป็นพิธีกรในงานเลี้ยงปีใหม่ แต่งตัวเหมือนนางฟ้าและร้องเพลงภาษาอังกฤษ นั่นทำให้หล่อนโด่งดังในชั่วข้ามคืนเลยนะ มีใครบ้างในโรงงานที่ไม่รู้จักหล่อน และหล่อนเองนั่นแหละที่เป็นคนส่งรายงานโรงงานครั้งนี้!"

 

"เพื่อนของเธอไม่ใช่คนธรรมดาเลยนะจื่อชิว"

 

"ร้องเพลงภาษาอังกฤษได้? เป็นพิธีกรงานด้วย?" หลินจื่อชิวหันไปมองฉู่ซานด้วยความสับสน "เธอกำลังพูดถึงซูฮั่นหยวนอยู่ใช่ไหม"

 

เธอเคยอาศัยอยู่ในตรอกเดียวกันกับครอบครัวซูมาหลายปีแล้ว จะไม่รู้ได้ยังไงว่าซูฮั่นหยวนมีพรสวรรค์ขนาดนี้? ปกติซูฮั่นหยวนเป็นคนเงียบ ๆ เดินไปไหนก็ก้มหน้าตลอด ไม่รู้ว่าถูกกระตุ้นหรือได้รับแรงบันดาลใจอะไรมาล่าสุด ทำให้ดูเหมือนกลายเป็นคนใหม่ และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่มาก!

 

"แน่นอน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้จักเพื่อนของเธอดีพอเลยนะ" ฉู่ซานยิ้มแล้วพูดต่อ "ก็นะ ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่าซูฮั่นหยวนจากแผนกประชาสัมพันธ์มีความสามารถขนาดนี้ เอาล่ะ เราไปกินข้าวกันเถอะ เธอก็รีบไปทักทายเพื่อนเธอเถอะ"

 

หลินจื่อชิวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินไปทางซูฮั่นหยวนพร้อมกับถ้วยข้าวในมือ

 

ซูฮั่นหยวนทานข้าวอย่างรวดเร็วเพราะเธอไม่อยากนั่งทานข้าวที่โต๊ะเดียวกับโจวหนิงไค่ เธอไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนในโรงอาหาร เธอจึงไม่สามารถหาที่นั่งอื่นได้

 

จะให้ออกไปครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วกลับไปกินที่ห้องพักก็ไม่ดีนัก ถ้าอาหารเย็นแล้วละก็ อาจจะทำให้ปวดท้องเพราะกินอาหารที่เย็นชืดได้

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป